200 likes | 525 Views
การจัดการเรียนรู้โดยการใช้เพลง. นางสาว พรพิมล ต้น ไฮ เลขที่ 10 นางสาว สุดารัตน์ พรมดี เลขที่ 28 สาขาการศึกษาปฐมวัย ห้อง 2 ชั้นปีที่ 3 เสนอ อาจารย์ สุวิ สาข์ เหล่าเกิด คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม. จัดทำโดย.
E N D
การจัดการเรียนรู้โดยการใช้เพลงการจัดการเรียนรู้โดยการใช้เพลง
นางสาว พรพิมล ต้นไฮ เลขที่ 10 นางสาว สุดารัตน์ พรมดี เลขที่ 28 สาขาการศึกษาปฐมวัย ห้อง 2 ชั้นปีที่ 3 เสนอ อาจารย์ สุวิสาข์ เหล่าเกิด คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม จัดทำโดย
เพลง หมายถึง บทประพันธ์ที่มีทำนองใช้ขับร้อง หรืออาจจะมีดนตรีประกอบด้วยซึ่งเพลงเป็นศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของคนทุกชาติ เป็นสิ่งจรรโลงใจทำให้บุคคลเกิดอารมณ์คล้อยตามได้ง่ายที่สุด (วิจิตรา เจือจันทร์, 2533:28) ซึ่งผู้สอนนำมาเป็นสื่อหลักหรือสื่อเสริมในการจัดการเรียนการสอนได้ ความหมาย
เพลงมีความสำคัญกับมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิด เช่น เพลงกล่อมเด็ก นอกจากนี้ยังมีเพลงที่แต่งไว้สำหรับเด็กๆ ร้องเกี่ยวกับสัตว์บ้าง เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยบ้าง เกี่ยวกับโอกาสและเทศกาลต่างๆ เช่น วันสงกรานต์ วันเกิด วันคริสต์มาส เป็นต้น เพลงแต่ละเพลงจะมีลีลาและท่วงทำนองที่ได้นำเพลงมาใช้ในการเรียนการสอนเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากงานวิจัยเทปเพลงการศึกษาเกี่ยวกับเด็ก ทฤษฏี/แนวทาง
เพลงมีความสำคัญต่อจิตใจของผู้ฟัง ให้ความบันเทิงและลดความเครียด ผ่อนคลายอารมณ์ทำให้มนุษย์เกิดสุนทรียภาพทางอารมณ์ ซึ่งเพลงมีบทบาทต่อชีวิตของเรา เพลงกับชีวิตมีความสำพันธ์ใกล้ชิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมนุษย์มาตั้งแต่เกิด เสียงเพลงเกิดจากการสร้างสรรค์ของคน นักการศึกษาที่ชาญฉลาดจึงนำเพลงมาเป็นสื่อในการศึกษา ทั้งที่เป็นสื่อหลังและสื่อเสริมพลังที่ครูนำมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งประโยชน์ของเพลงในด้านกิจกรรมการเรียนการสอนมีดังนี้ • เพลงช่วยสร้างบรรยากาศในการเรียนให้สนุกสนาน ลดความตึงเครียดระหว่างครูกับนักเรียน หล่อหลอมลักษณะนิสัย จิตใจ ของนักเรียนให้อ่อนโยน • เพลงช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ บุคลิกภาพและด้านสังคมของนักเรียน • การเข้าสู่บทเรียน สรุปบทเรียน เพลงช่วยย้ำสิ่งที่เรียนไปแล้ว เช่น คำศัพท์ รูปประโยค กฎไวยากรณ์บางเรื่อง เช่น เกี่ยวกับกาล (tense) ต่างๆ เป็นต้น ต่อ
นอกจากนี้เพลงจะมีคำที่เป็นแสลง (slang) เป็นสำนวน (idioms) ซึ่งเป็นภาษาพูดในชีวิตประจำวัน • เพลงช่วยพัฒนาทางภาษา ซึ่งเป็นการฝึกการฟังให้เข้าใจข้อความในเนื้อเพลงพร้อมทั้งเป็นการฝึกการอ่านออกเสียง เชื่อมคำ และจังหวะไปในตัว ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจที่สามารถร้องเพลงได้ จึงเป็นการปลูกฝังให้เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนและช่วยส่งเสริมให้การเรียนดีขึ้น • เพลงให้ความหลากหลายต่อนักเรียน เช่น วัฒนธรรม สถานที่สำคัญ วันสำคัญ เป็นต้น โดยอาจใช้เพลงเป็นจุดเริ่มต้นในการสนทนา หรืออภิปรายเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในเพลง
สรุปได้ว่า เพลงมีประโยชน์ทางด้านอารมณ์ บุคลิกภาพ สังคมและการเรียนการสอน ทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอน นักเรียนได้รับความรู้จากเพลงและเรียนจากเพลงด้วยความสนุกสนาน ดังนั้นครูจึงนำเพลงไปสอดแทรกได้เกือบทุกวิชา
กิจกรรมการใช้เพลงในการเรียนการสอนกิจกรรมการใช้เพลงในการเรียนการสอน เจียรนัย พงษ์ศิวาภัย (2539:25) ได้เสนอแนะให้ผู้สอนว่าควรใช้เพลงเป็นเครื่องเพิ่มพูนประสบการณ์ โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ • เล่าเรื่อง หรือเล่าเรื่องที่สร้างขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับเพลง • เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเพลง • ดัดแปลงเนื้อหาเป็นบทสนทนาสั้นๆ • นำแบบประโยคในเพลง หรือนำประโยคดีๆ มาเป็นการฝึกโครงสร้างไวยากรณ์ • หาคำใหม่มาแทนในเพลง หรือนำประโยคดีๆมาเป็นการฝึกโครงสร้างไวยากรณ์ • แสดงท่าทางประกอบจังหวะ • สนทนาซักถามเกี่ยวกับเนื้อเพลงเหมือนกับ ถาม-ตอบ ในการอ่านเพื่อความเข้าใจ • เขียนเนื้อเพลงลงสมุด แนวทางการจัดการเรียนรู้
ขั้นตอนการสอนเพลงประกอบการเรียนการสอน มีดังนี้ (วราภรณ์วราธิพร. 2543 : 21) • ทบทวนหรือแนะนำโครงสร้างไวยากรณ์ที่ปรากฏในเนื้อเพลง หรืออธิบายเนื้อหาของเพลงโดยใช้ทัศนอุปกรณ์ (visual Aids) หรือแสดงท่าทาง(action) และคำที่พ้องรูปหรือพ้องเสียงตลอดจนคำที่สัมผัสกัน • เปิดเพลง 1 รอบ ครั้งแรก • ก่อนจะเปิดโอกาสให้นักเรียนเห็นเนื้อเพลงทั้งหมด ควรนำเสนอทีละบรรทัด ร้องแต่ละบรรทัดและให้นักเรียนร้องตาม ควรบันทึกเพลงทิ้งช่วงแต่ละบรรทัด • แจกเนื้อเพลงให้กับนักเรียน เปิดเพลงอีกครั้งตั้งแต่ต้น ในช่วงแรกให้นักเรียนอ่านเนื้อเพลงตาม เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับจังหวะ ทำนอง จากนั้นเปิดเพลงหลายๆครั้ง และชักชวนให้นักเรียนร้องเพลงด้วย ขั้นตอนการสอนเพลงประกอบการเรียนการสอน
หลังจากที่นักเรียนสามารถจับทำนองเนื้อร้องได้แล้ว นักเรียนก็สามารถร้องไปกับดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้องหรือคาราโอเกะได้ ในช่วงแรกนักเรียนควรร้องเป็นกลุ่ม เมื่อมีความมั่นใจมากขึ้น จึงให้ร้องเป็นคู่ หรือร้องเดี่ยว การใช้ดนตรีไม่มีเนื้อร้องหรือคาราโอเกะนั้นสามารถนำมาใช้ได้อย่างหลากหลาย เช่น ให้นักเรียนแต่งเนื้อร้องเพิ่มเติม หรือ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม • นำเนื้อร้องมาสร้างกิจกรรม เปิดโอกาสให้นักเรียนมาทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับเพลง
การเลือกเพลง การเลือกเพลงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าเพลงที่ใช้ในการเรียนไม่เหมาะสม ผู้เรียนจะขาดความสนใจ ทำให้การเรียนการสอนไม่ประสบผลสำเร็จ ในการเลือกเพลงจะต้องคำนึงถึง • ระดับชั้น วัย ละความสามารถของผู้เรียน • ความไพเราะ จังหวะของเพลง ไม่เร็ว หรือช้าเกินไป • ภาษาไม่ยาก คำที่อยู่ในเพลงชัดเจน และมีความหมาย • เป็นเพลงที่ผู้ฟังฟังแล้วเกิดความรู้สึก และจินตนาการใกล้เคียงกัน ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เข้ากับบรรยากาศของชั้นเรียนได้ ดังนี้ เจียรนัย พงษ์ศิวาภัย (2539 : 105-106) ได้กล่าวถึงขั้นตอนการสอนเพลง มีองค์ประกอบ 3 ประการ ดังนี้
การดำเนินการสอน การดำเนินการสอนมีหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เข้ากับบรรยากาศของชั้นเรียนได้ ดังนี้ • แจงเนื้อเพลงและอธิบายศัพท์ สำนวนหรือโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่จำเป็น • เปิดเพลงให้ฟังเป็นครั้งที่ 2 ถ้าผู้เรียนต้องการทำท่าประกอบหรือร้องตาม • ถามคำถามทั่วๆไป เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสฝึกทักษะ ฟัง พูด เช่น • รู้สึกอย่างไรกับเพลงนี้ ? (มีความสุข โกรธ ว้าเหว่ เสียใจ ) • เพลงนำเสนอเกี่ยวกับอะไร ? (ความรัก สงคราม ความเข้าใจผิด)
การประเมินผล • เก็บเนื้อเพลงที่แจกไปครั้งแรกคืนมา แล้วแจกเนื้อเพลงที่ผู้สอนเตรียมเว้นคำที่เหมาะสมว่างไว้ เพื่อให้นักเรียนเติมขณะที่เปิดเพลงให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง • ถามคำถามจากเนื้อหาของเพลง คำถามนี้อาจเป็นคำตอบปากเปล่า หรือแบบให้เลือกตอบ (multiple choices) หรือแบบเติมคำหรือข้อความให้สมบูรณ์(completion) • อาจเป็นคำถามปรายเปิด (open-ended questions) เพื่อให้ผู้เรียนได้อภิปรายความคิดเห็น นักเรียนทุกคนต้องพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็นของตน โดยไม่มีการตัดสิน ว่าความคิดเห็นของนักเรียนคนใดผิดหรือของคนใดถูก และผู้สอนเป็นเพียงผู้ค่อยควบคุมชั้นเรียนเท่านั้น
จากการเรียนรู้โดยใช้เพลง มีข้อค้นพบจากการวิจัยดังนี้ • การฟังและการออกเสียง sumie(2001) ได้นำเพลงไปใช้กับนักเรียนอาชีวที่ต้องการสอบภาษาอังกฤษเพื่อรับใบประกาศทางภาษา เช่น TOEIC พบว่า การฟังเพลงเป็นวิธีการที่ดีในการฝึกฟัง เพื่อการออกเสียงให้ถูต้อง นอกจากนี้เพลงยังเป็นสื่อที่กระตุ้นให้นักเรียนต้องการเรียนภาษาอังกฤษจากการฟังเพลงและเรียนด้วยความสนุกสนาน ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าที่ไม่ได้ใช้เพลง ข้อค้นพบจกการวิจัย
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการสอน พันธ์ศรี สิทธิชัย (2529 :46) ได้วิจัยกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้เพลงประกอบการสอนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าการสอนตามคู่มือครู อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนกลุ่มทดลอง มีเจตคติเชิงวิมานต่อการสอนด้วยวิธีการใช้เพลงประกอบการสอน สุปราณี กัลปนารถ (2533:40) ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 พบว่า นักเรียนที่เรียนวิชาภาษาไทยโดยใช้บทเพลงประกอบการสอน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนวิชาภาษาไทยโดยไม่ใช้เพลงประกอบการสอน และรองเนือง ศุขสมิติ(2537:47) ได้ศึกษาผลของการใช้เพลงเสริมบทเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่า นักเรียนที่สอนโดยใช้เพลงเสริม มีผลสัมฤทธิ์สูงกว่านักเรียนที่สอนตามคู่มือครูอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
แรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษและความสามารถในการฟังและการพูดแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษและความสามารถในการฟังและการพูด • วราภรณ์วราธิพร (2543 : 47 ) ได้ศึกษาการใช้เพลงประกอบการสอนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โปรแกรม สอง ภาษา พบว่า นักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษโดยการใช้เพลงประกอบการสอนเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.6 ความสามารถด้านการฟังและพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 24
เพลง หมายความว่าอย่างไร เพลงมีความสำคัญอย่างไรกับการเรียนการสอน เพลงมีประโยชน์อย่างไร เพลงสามารถนำมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างไรบ้าง ผลของการวิจัยพบว่าเพลงให้ผลดีอย่างไร คำถาม