1 / 44

การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน. ผศ.ดร.วิจิตรา เจริญพงษ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี wijitra2493@gmail.com 081-839-0889. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน. ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่. 1 . ความเป็นมาและความหมาย 2 . หลักการพื้นฐาน 3 . รูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเรียนเป็นฐาน

aquila
Download Presentation

การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ผศ.ดร.วิจิตรา เจริญพงษ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี wijitra2493@gmail.com 081-839-0889

  2. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

  3. ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ • 1. ความเป็นมาและความหมาย • 2. หลักการพื้นฐาน • 3. รูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเรียนเป็นฐาน • 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 6. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 7. แนวคิดผู้บริหารโรงเรียนที่บริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานประสบผลสำเร็จ

  4. 1. ความเป็นมาและความหมาย • คำว่า School-Based Management หรือ SBMนั้น เป็นรูปแบบการบริหารและการจัดการศึกษารูปแบบหนึ่ง มีการเริ่มใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1980 (Cheng, 1996) ในภาษาไทยนิยมใช้ทับศัพท์ว่า School-Based Management หรือเรียกย่อๆว่า SBM มีผู้เรียกชื่อแตกต่างกันไปเช่น ยุวดี ศันสนีย์รัตน์(ม.ป.ป.)เรียกว่าการบริหารจัดการที่สถานศึกษา แต่ • เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์(2541) ใช้คำว่าการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

  5. 1. ความเป็นมาและความหมาย • Sackney and Dibski (1995) ให้ความหมายว่าเป็นแบบการกระจายอำนาจและปรับรื้อระบบราชการ บางครั้งจะหมายถึงการเปิดให้มีการร่วมกันในการบริหารงานและเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย

  6. 1. ความเป็นมาและความหมาย • ส่วน Levacic (1995)นิยามว่าเป็นรูปแบบในการบริหารสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีการกระจายอำนาจไปสู่สถานศึกษาโดยตรง เพื่อให้สามารถตัดสินใจในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี อำนาจ วัสดุอุปกรณ์ คน เวลา และเงิน แต่โรงเรียนยังอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยเหนือในแง่ของการจัดสรรทรัพยากรและการควบคุมคุณภาพมาตรฐาน

  7. สรุป • การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน หมายถึง การพัฒนาโรงเรียนแบบรวมพลังจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมกันคิด วางแผน ดำเนินการ และประเมินผล ในการบริหารโรงเรียน เพื่อพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ

  8. 2. หลักการพื้นฐาน • อุทัย บุญประเสริฐ (2545) ได้สรุปหลักการสำคัญของการบริหารโรงเรียนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานไว้ 5 ประการคือ • 1. หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) • 2. หลักการมีส่วนร่วม (Participation or Collaborationor Involvement) • 3. หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้ประชาชน (Return Power to People) • 4. หลักการบริหารตนเอง (Self-Management) • 5. หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล (Check and Balance)

  9. 2. หลักการพื้นฐาน • แต่ ถวิล มาตรเลี่ยม(2545) กลับสรุปว่าการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานยืดหลัก 4 ประการคือ • 1. หลักดุลยภาพ (Principle of Equifinality) • 2. หลักการกระจายอำนาจ (Principle of Decentralization) • 3. หลักการบริหารจัดการตนเอง (Principle of Self-ManagementSystem) • 4. หลักการริเริ่ม (Principle of Human Initiative)

  10. 2. หลักการพื้นฐาน • หลักการพื้นฐานที่สำคัญของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานคือ หลักการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาและหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม โดยผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนมีความคิดริเริ่ม และรวมพลังในการบริหารและพัฒนาการศึกษาในโรงเรียน จะทำให้การบริหารโรงเรียนเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล

  11. 3. รูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • Leithwood,Kennethand Meuzies,Teresa (1998) มีรูปแบบที่สำคัญ 4 รูปแบบคือ • 1.รูปแบบที่มีผู้บริหารโรงเรียนเป็นหลัก (Administrative Control) • 2.รูปแบบที่มีครูเป็นหลัก (Professional Control) • 3.รูปแบบที่ชุมชนมีบทบาทหลัก (Community Control) • 4.รูปแบบที่ครูและชุมชนมีบทบาทหลัก(Professional Community Control)

  12. 3. รูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • มีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการจัดการศึกษา และเมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่า รูปแบบที่ 3 คือรูปแบบที่ชุมชนมีบทบาทหลัก เป็นรูปแบบที่นิยมใช้ในประเทศไทย เพราะมีสัดส่วนคณะกรรมการที่มาจากชุมชนมากที่สุด

  13. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • ในอดีตประเทศไทยเคยมีโรงเรียนที่ประชาชนจัดตั้งเรียกว่าโรงเรียนประชาบาล ในปี พ.ศ.2543-2544 ได้ศึกษารูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 4 รูปแบบ คือ

  14. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • รูปแบบที่ 1 รูปแบบผู้นำสามประสาน (The Triarchic Leading Model) • รูปแบบที่ 2 รูปแบบผู้บริหาร-ครูเป็นผู้นำ (Principal-Teachers Leading Model) • รูปแบบที่ 3 รูปแบบผู้บริหารเป็นผู้นำ (The Principal Leading Model) • รูปแบบที่ 4 รูปแบบครู-ชุมชนเป็นผู้นำ (The Teachers-community Leading Model)

  15. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • ผลการวิจัยพบว่า ขนาดที่ตั้งและสังกัดของโรงเรียนมิได้เป็นตัวแปร ในการจำแนกรูปแบบการดำเนินงานของโรงเรียน แต่เกิดจากความศรัทธาในตัวผู้บริหารสำคัญอันดับแรก • นอกนั้นคือการประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายเข้าใจตลอดจนต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นด้วย โรงเรียนขนาดเล็กมีความคล่องตัวกว่าในการดำเนินงาน และใช้วิธีการอย่างไม่เป็นทางการมากกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่

  16. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • ในปี พ.ศ. 2544 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2549) ได้สนับสนุนให้มีการวิจัย และพัฒนารูปแบบการบริหารฐานโรงเรียน (School-Based Management) 15 รูปแบบ

  17. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • การออกแบบรูปแบบการบริหารสถานศึกษายึดแนวคิดพื้นฐานในการบริหาร 7 ประการ คือ • 1.การกระจายอำนาจและการบริหารฐานโรงเรียน • 2. การมีส่วนร่วมในการบริหารของบุคลากรภายใน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้นำชุมชน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ • 3. การพึ่งตนเอง

  18. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • 4. ผู้บริหารมีภาวะผู้นำแบบเกื้อหนุน • 5. การบริหารงานแบบประชาธิปไตย • 6. การบริหารจัดการที่ดี • 7. การใช้แนวคิดเชิงระบบในการบริหาร

  19. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • ยึดแนวคิดพื้นฐานเชิงกลยุทธ์และวิธีการ 6 ประการ คือ • 1. การใช้แผนกลยุทธ์เป็นกระบวนการหลักในการบริหาร • 2. การใช้การระดมสรรพกำลัง • 3. การใช้ยุทธศาสตร์เป็นกลไกหลักในการบริหาร • 4. การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร

  20. 4. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในประเทศไทย • 5. การใช้การวิจัยและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการบริหาร • 6. การใช้แนวคิดเชิงกระบวนการเป็นเครื่องมือในการบริหาร ทั้งกระบวนการบริหารทั้งระบบ เช่นวงจรคุณภาพ หรือกระบวนการดำเนินงานเฉพาะเรื่อง เช่นการบริหารหลักสูตร

  21. องค์ประกอบ • องค์ประกอบของรูปแบบของการศึกษาแบบแผนการออกแบบระบบและกำหนดองค์ประกอบของรูปแบบมี 3 องค์ประกอบ คือ

  22. องค์ประกอบ • 1. องค์ประกอบด้านผลลัพธ์ของรูปแบบ หมายถึง ผลผลิตสุดท้ายที่รูปแบบการบริหารนั้นๆต้องการให้บรรลุ เป็นองค์ประกอบสำคัญของทุกรูปแบบ • 2. องค์ประกอบที่เป็นกลไกในการดำเนินงาน • 3. องค์ประกอบที่เป็นกลไกในการติดตามและประเมินผลตลอดจนนำผลไปใช้

  23. องค์ประกอบ • ในปี พ.ศ.2550 กระทรวงศึกษาธิการได้ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการกระจายอำนาจการบริหาร และการจัดการศึกษา พ.ศ. 2550 โดยกำหนดให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพิจารณาดำเนินการกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาในด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ ด้านบุคลากร และด้านการบริหารทั่วไป ไปยังคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือสถานศึกษา

  24. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • Odden and Wohlstetter (1995) ได้ทำการศึกษาผลการนำรูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานไปปฏิบัติพบว่าเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานประสบความสำเร็จมี 2 ประการ คือ • 1. ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียนต้องมีอำนาจอย่างแท้จริงในการบริหารงบประมาณ บุคลากร และหลักสูตร • 2. อำนาจหน้าที่ต้องถูกใช้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและมีผลโดยตรงต่อการจัดการเรียนการสอน

  25. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานประสบผลสำเร็จ Wohlstetter and Morhman (1993),Wohlstetter(1995),Odden and Wohlstetter (1995) มี 6 ประการได้แก่

  26. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 1.การกระจายอำนาจ (Disperse Power) • 2. การเน้นที่การพัฒนาวิชาชีพครู (Stress Professional Development) • 3. การเผยแพร่สารสนเทศ (Disseminate Information) • 4. การเลือกผู้บริหารโรงเรียนที่เหมาะสม (Select the Right Principal) • 5.การมีวิสัยทัศน์ (Have a Vision) • 6.การให้รางวัล (Reward Accomplishment)

  27. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • อุทัย บุญประเสริฐ (2545) กลยุทธ์สำคัญสำหรับนำรูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จไว้ 8 ประการ คือ • 1. การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กับผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง • 2. การกำหนดบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาให้ชัดเจน

  28. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 3. การสรรหาและคัดเลือกคณะกรรมการสถานศึกษา ควรได้คนที่มีความรู้ความสามารถ เสียสละ และเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆอย่างแท้จริง • 4. จัดการฝึกอบรม สัมมนาให้คณะกรรมการสถานศึกษามีความรู้ความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการศึกษา และการดำเนินงานการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

  29. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 5. สนับสนุนให้ครูได้ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด • 6. จัดให้มีเครือข่ายคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์และความร่วมมือ

  30. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 7. จัดให้มีการกำหนดมาตรฐานงานของคณะกรรมการสถานศึกษา • 8. การพิจารณาให้สวัสดิการและการบริการพิเศษแก่คณะกรรมการสถานศึกษาตามที่สมควร เหมาะสมและชอบธรรม

  31. 5. ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2549) ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมการปฏิรูปการเรียนรู้ว่า • “คุณลักษณะสำคัญของผู้บริหารโรงเรียนต้นแบบที่ส่งผลต่อการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานคือ ความเป็นตัวของตัวเอง กล้าตัดสินใจ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่ต้องรอต้นสังกัดสั่งการ เป็นผู้นำในการทำเป็นแบบอย่าง ทำเพื่อคนอื่นมากกว่าตนเอง”

  32. 6. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • David (1992) Spilman (1996) Latham (1998) มีปัญหา และอุปสรรค 6 ประการ คือ • 1. เวลา • 2. ความคาดหวัง • 3. คณะกรรมการโรงเรียนมีความรับผิดชอบมากมายแต่ขาดคุณสมบัติที่เหมาะสม

  33. 6. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 4. ความไม่สอดคล้องระหว่างความต้องการและการปฏิบัติ • 5. ขาดอิสระในการตัดสินใจ • 6.ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่เป็นหัวใจของโรงเรียนคือเรื่องการจัดการเรียนการสอนและผลการเรียนของนักเรียนอย่างแท้จริง

  34. 6. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2549) พบปัญหา คือ • 1. ความเป็นอิสระและมีอำนาจเต็มในการบริหารสถานศึกษา • 2. ความไม่ชัดเจนในขอบเขต และบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษา

  35. 6. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 3. การจำกัดจำนวนคณะกรรมการสถานศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็ก ทำให้ขาดโอกาสของชุมชนที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วม • 4. ข้อจำกัดเรื่องการบริหารงบประมาณ การเงินและทรัพย์สินของโรงเรียน • 5. การแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ทำให้การบริหารงาน ไม่ต่อเนื่อง

  36. 6. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (2546) พบปัญหา และอุปสรรค 6 ประการ คือ • นโยบายของโรงเรียนต้องเป็นข้อตกลงร่วมกันของบุคลากรทุกฝ่าย • 2. ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความรู้ความสามารถ • 3. ครูต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

  37. 6. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน • 4. วิธีการกระจายอำนาจในลักษณะกระจายให้กับทีมงานมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่ากระจายให้กับบุคคลอื่นๆ • 5. การโยกย้ายผู้บริหาร • 6. หน่วยงานต้นสังกัดต้องสนับสนุนอย่างจริงจัง

  38. 7. แนวคิดผู้บริหารโรงเรียนที่บริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานประสบผลสำเร็จ • สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2549) ได้คัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาต้นแบบประสบการณ์บริหารฐานโรงเรียน (SBM) เพื่อยกย่องและเผยแพร่เกียรติยศชื่อเสียง เกี่ยวกับการบริหารโดยใช้ฐานโรงเรียนจำนวน 33 คน แต่จะนำเสนอเพื่อเป็นตัวอย่างเพียง 2 คน

  39. 1. นายนคร ตังคะพิภพ • นายนคร ตังคะพิภพ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี บริหารโรงเรียนโดยใช้รูปแบบการบริหารยุทธศาสตร์แบบหลอมรวม (Integrated Administration Strategy:IAS) โดยมีกรอบแนวคิดและแนวปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ 3 ส่วน คือ

  40. 1. นายนคร ตังคะพิภพ • 3.1 สร้างปัจจัยเอื้อหรือเงื่อนไขในการพัฒนา ) • 3.2 กระบวนการหลอมรวมยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาองค์รวม • 3.3 บังคับทิศทางการบริหารให้โรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

  41. 2. นายสุเมธ ปานะถึก • นายสุเมธ ปานะถึก ผู้อำนวยการโรงเรียนกุดสะเทียนวิทยาคาร จังหวัดหนองบัวลำภู บริหารโรงเรียนแบบการวางแผนกลยุทธ์ ในการบริหารโรงเรียนเพื่อส่งเสริมการปฏิรูปการเรียนรู้โดยใช้ยุทธศาสตร์ 3 ประการ คือ 1. การวางแผนกลยุทธ์ 2. การบริหารฐานโรงเรียน 3. การบริหารความเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาครูสู่มืออาชีพ

  42. 2. นายสุเมธ ปานะถึก • ซึ่งครูทุกคนจะต้องเปลี่ยนแนวคิดและการกระทำ 4 ประการ คือ • 1. เปลี่ยนแนวคิดและความเชื่อจากเดิมมายึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุดจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ • 2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอน จากเน้นการสอน การถ่ายทอด มาเป็นการจัดกิจกรรมและสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและความสามารถของผู้เรียน

  43. 2. นายสุเมธ ปานะถึก • 3. ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานให้มีกระบวบการในการทำงาน (PDCA) ใช้ศาสตร์ด้านกระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหาและพัฒนาตนเองตลอดเวลา เรียนรู้จากเพื่อน เกื้อกูลซึ่งกันและกันด้วยท่วงทำนองแห่งกัลยาณมิตร • 4. การส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เช่น การบูรณาการ การประเมินตามสภาพจริง

  44. สวัสดี

More Related