1 / 18

บทที่ 5

บทที่ 5. การคลังและนโยบาย การ คลัง. หน้าที่ของรัฐบาล. การจัดสรรทรัพยากร (Resources allocation) การกระจายรายได้ที่เป็นธรรม (Equity of income distribution) สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ (Economic Growth) รักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ (External and internal stability).

brice
Download Presentation

บทที่ 5

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 5 การคลังและนโยบาย การคลัง

  2. หน้าที่ของรัฐบาล • การจัดสรรทรัพยากร (Resources allocation) • การกระจายรายได้ที่เป็นธรรม (Equity of income distribution) • สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ (Economic Growth) • รักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ (External and internal stability)

  3. ความหมายของนโยบายการคลังความหมายของนโยบายการคลัง นโยบายการคลัง (fiscal policy) คือ นโยบายเกี่ยวกับการใช้รายได้และรายจ่ายของรัฐ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดแนวทาง เป้าหมาย และการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ

  4. งบประมาณแผ่นดิน • งบประมาณ (Budget) มาจากคำภาษาฝรั่งเศสว่า Bougette • ตามรากศัพท์ของคำว่า Budget หมายถึง กระเป๋าหรือถุงใบใหญ่ที่เสนาบดีคลังของกษัตริย์ใช้บรรจุเอกสารต่างๆ ที่แสดงความต้องการของประเทศ และทรัพย์ที่มีอยู่ในการแถลงต่อรัฐสภา • ตามพจนานุกรม หมายถึง บัญชี หรือจำนวนเงินรายรับ รายจ่ายเงินของรัฐบาล

  5. งบประมาณแผ่นดิน • แผนการใช้จ่ายและการหารายได้ของรัฐบาลในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจบรรลุเป้าหมายที่กำหนดขึ้น โดยปกติมักจะกำหนดให้เป็น 1 ปี • งบประมาณของไทยเริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.-30 ก.ย.เช่น ถ้าปีงบประมาณ 2550 คือ เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 2549 - 30 ก.ย. 2550 • ดุลแห่งงบประมาณ (The Budget Balance) คือ ความสัมพันธ์ระหว่างรายจ่ายและรายได้ของรัฐบาล

  6. ลักษณะของดุลงบประมาณ วิธีการพิจารณาดุลงบประมาณให้เปรียบเทียบรายจ่ายของรัฐบาลทั้งหมด และรายได้ของรัฐบาลทั้งหมด

  7. เครื่องมือของนโยบายการคลังเครื่องมือของนโยบายการคลัง • การใช้จ่ายของรัฐบาล ทั้งรายจ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ (Goods and service Expenditures: G) และรายจ่ายเงินโอน (Transfer payment: R) • การเก็บภาษี (Taxation) • การก่อหนี้สาธารณะ (Public debt)

  8. รายจ่ายของรัฐบาล (Government Expenditure) รายจ่ายของรัฐบาลเป็นองค์ประกอบหนึ่งของรายได้ (ผลิตภัณฑ์) ประชาชาติ สัดส่วนของรายจ่ายของรัฐบาลในรายได้ประชาชาติเป็นเครื่องชี้ถึงบทบาทของรัฐบาลในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รายจ่ายของรัฐจำแนกได้หลายประเภทตามจุดมุ่งหมายและประโยชน์ ในทางเศรษฐศาสตร์จะจำแนกรายจ่ายของรัฐออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. รายจ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ 2. รายจ่ายเงินโอน

  9. รายรับของรัฐบาล (Government Reception)

  10. ภาษีและฐานภาษี ภาษี คือ สิ่งที่รัฐบาลบังคับจัดเก็บจากประชาชน และนำมาใช้ประโยชน์ของสังคมส่วนรวม โดยไม่มีสิ่งตอบแทนโดยเฉพาะเจาะจงแก่ผู้เสียภาษี ฐานภาษี (Tax base) คือ สิ่งที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษี เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะมีฐานภาษีคือเงินได้ ภาษีที่ดินจะมีราคาที่ดินเป็นฐานภาษี เป็นต้น

  11. ประเภทของภาษี

  12. โครงสร้างอัตราภาษี 1.อัตราภาษีแบบก้าวหน้า(progressive tax) หมายถึง ภาษีที่จะต้องเสียในอัตราที่สูงขึ้นเมื่อฐานของภาษีเพิ่มขึ้น หรือเป็นลักษณะภาษีที่ลดความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายรายได้ 2. อัตราภาษีแบบคงที่หรือตามสัดส่วน(proportional tax) หมายถึง ภาษีที่มีอัตราคงที่ไม่ว่าฐานของภาษีจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง 3. อัตราภาษีแบบถดถอย(regressive tax) หมายถึง ภาษีที่เสียในอัตราที่ลดลงเมื่อฐานของภาษีเพิ่มขึ้น ลักษณะของภาษีแบบนี้จะเป็นภาษีที่เพิ่มความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายรายได้

  13. นโยบายการคลังจำแนกตามนโยบายการคลังจำแนกตาม ลักษณะปัญหาเศรษฐกิจ 1. นโยบายการคลังแบบขยายตัวหรือใช้งบประมาณขาดดุล โดยมีรายจ่ายรัฐบาลมากกว่ารายรับใช้ในกรณีเศรษฐกิจตกต่ำ(เพิ่ม G,R ลด T) • 2. นโยบายการคลังแบบหดตัวหรือใช้งบประมาณเกินดุล โดยมีรายรับมากกว่ารายจ่าย ใช้ในกรณีเศรษฐกิจฟองสบู่ เกิดภาวะเงินเฟ้อ(ลด G,R เพิ่ม T)

  14. DAE Y = DAE DAE E F DAEF Inflationary Gap A GNP Gap Y YE YF : การใช้นโยบายการคลังที่ใช้ขจัด ช่วงห่างเงินเฟ้อ

  15. DAE Y = DAE DAE E DAEF F Inflationary Gap A GNP Gap Y YE YF : การใช้นโยบายการคลังที่ใช้ขจัด ช่วงห่างเงินเฟ้อ

  16. DAE Y = DAE DAEF F Deflationary Gap DAE A E GNP Gap เกิดการว่างงาน Y YE YF : การใช้นโยบายการคลังที่ใช้ ขจัดช่วงห่างเงินฝืด

  17. DAE Y = DAE DAEF F Deflationary Gap DAE A E GNP Gap เกิดการว่างงาน Y YE YF : การใช้นโยบายการคลังที่ใช้ ขจัดช่วงห่างเงินฝืด

More Related