330 likes | 620 Views
การพัฒนาบทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี Creating of e-Learning on Computer Mathematics, Higher Diploma Level Department of Business Computer, Ratchaburi Technical College. นฤมล นวลผกา
E N D
การพัฒนาบทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี Creating of e-Learning on Computer Mathematics, Higher Diploma LevelDepartment of Business Computer, Ratchaburi Technical College นฤมล นวลผกา รศ.สุวรรณา สมบุญสุโข สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
บทนำ การจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคราชบุรีในปัจจุบันนั้น มีการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรค์ในการเรียนการสอน คือขาดแคลนสื่อการเรียนรู้ และบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสายวิชาต่าง ๆ ซึ่งในการสอนจะเป็นการสอนที่ถ่ายทอดจากครูไปสู่นักเรียน โดยการบรรยายหรือสาธิตให้ดูด้วยการปฏิบัติ ซึ่งนักเรียนจะฟังครูอธิบายแล้วปฏิบัติตามเท่านั้น แต่เมื่อนักเรียนเกิดข้อสงสัยครูก็ต้องอธิบายเนื้อหาใหม่หรือสาธิตให้ดูอีกรอบ ในขณะที่ครูผู้สอนเองก็มีจำนวนชั่วโมงในการสอนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพในการสอนมีศักยภาพลดน้อยลง
บทนำ(ต่อ) จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการเรียนการสอนของรายวิชาบางเนื้อหาก็ยากเกินกว่าที่จะอธิบายให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย เพราะการเรียนการสอนที่ถ่ายทอดจากครูไปสู่นักเรียน ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายหรือสาธิตด้วยการปฏิบัติให้ดูก็ตาม การจัดการเรียนการสอนที่จะให้ได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงนั้น จะต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายด้าน ด้วยเหตุนี้การมีสื่อการสอนที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการที่จะทำให้ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจและจดจำได้ง่าย
บทนำ(ต่อ) ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีความต้องการที่จะพัฒนาบทเรียน e-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นลำดับขั้นตอน และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เรียน อันจะนำไปสู่การศึกษา และการนำความรู้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อประโยชน์ด้านการเรียนการสอนในวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี
วัตถุประสงค์ของการวิจัยวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อวิเคราะห์ออกแบบและพัฒนาบทเรียนe-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 2) เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 3) เพื่อหาประสิทธิผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ได้จากการเรียน บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 4) วิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียนที่เรียนบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 5) ทดสอบความคงทนต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1) ได้บทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่มีคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด80/80 และสามารถนำไปใช้ เป็นสื่อการเรียนการสอน 2) บทเรียน e-Learningที่พัฒนาขึ้นช่วยให้ผู้เรียนมีประสิทธิผลการเรียนรู้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 60 3) ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง 4) เป็นแนวทางในการสร้างบทเรียนe-Learningในรายวิชาอื่น ๆ ที่เหมาะสมเป็นผลในเกิดการส่งเสริมการวิจัยด้านบทเรียน e-Learning ในระบบการศึกษามากขึ้น
สมมติฐานการวิจัย 1) บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์กำหนด 80/80 2) ประสิทธิผลทางการเรียนรู้ของนักเรียนที่ได้จากการเรียนด้วย บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนไม่น้อยกว่า 60% 3) ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ มีความพึงพอใจต่อบทเรียน e-Learningที่อยู่ในเกณฑ์ดี 4) ความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เรียนจากบทเรียน และผู้เรียนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 จากการใช้บทเรียนe-Learningในครั้งแรก
ขอบเขตของการวิจัย บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 3204-2002 สำหรับนักเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)ปีที่ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2546 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการประกอบด้วยเนื้อหา 7 หน่วยเรียน ได้แก่
ขอบเขตของการวิจัย(ต่อ)ขอบเขตของการวิจัย(ต่อ) หน่วยการเรียนที่ 1 ระบบจำนวน หน่วยการเรียนที่ 2 ระบบเลขฐาน หน่วยการเรียนที่ 3 การคำนวณเกี่ยวกับระบบเลขฐาน หน่วยการเรียนที่ 4 โมดูลัสและวิธีการเลขคณิตในคอมพิวเตอร์ หน่วยการเรียนที่ 5 ตรรกศาสตร์ หน่วยการเรียนที่ 6 พีชคณิตแบบบูลีน หน่วยการเรียนที่ 7 เมตริกซ์
วิธีดำเนินการวิจัย 1) ประชากร ประชากร คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงชั้น ปีที่1สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี 2)กลุ่มตัวอย่าง สามารถแยกได้เป็น 2 ส่วนดังนี้ ก. กลุ่มตัวอย่างสำหรับหาคุณภาพเครื่องมือ ข. กลุ่มตัวอย่างสำหรับทดสอบหาประสิทธิภาพของบทเรียน ประสิทธิผลทางการเรียนรู้และความพึงพอใจของผู้เรียน
วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ)วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ) 3) แบบแผนการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ ใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดี่ยว วัดผลก่อนทดลองและหลังการทดลอง (One Group Pretest–Posttest Design) O1 X O2 O1 : การวัดผลก่อนการทดลองใช้บทเรียนe-Learning X : บทเรียนe-Learning O2 : การวัดผลหลังการทดลองใช้บทเรียน e-Learning
วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ)วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ) 4) เครื่องมือใช้ในการวิจัย 4.1)บทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 4.2) แบบประเมินเพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ • แบบประเมินความเหมาะสม และความสอดคล้องการสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning • แบบประเมินผลการเรียนรู้ท้ายหน่วยเรียน เป็นแบบเลือกตอบ 4ตัวเลือก จำนวน 7แบบประเมิน รวม 105ข้อ
วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ)วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ) • แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเป็นแบบเลือกตอบ 4ตัวเลือก จำนวน 70ข้อ โดยใช้วิธีการคัดเลือกจากแบบประเมินผลการเรียนรู้ทั้ง 7แบบประเมิน ที่ครอบคลุมเนื้อหาหลักสูตร • แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยบทเรียน e-Learning 4.3) เครื่องมือในการวัดผลสัมฤทธิ์ ความก้าวหน้าทางการเรียน และความคงทนในการเรียนรู้
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1) ผลการหาคุณภาพแบบประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านบทเรียน e-Learning แสดงได้ดังตารางที่ 1 จากตารางที่ 1สรุปได้ดังนี้ ดัชนีความสอดคล้องของแบบประเมินความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน มีค่าเท่ากับ 0.78แปลผลได้ว่า แบบประเมินแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อบทเรียน e-Learningของผู้เชี่ยวชาญโดยรวมสามารถนำไปใช้ได้
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 2) ผลการหา ความยากง่าย และอำนาจจำแนก ของแบบประเมินผลการเรียนรู้ แสดงได้ดังตารางที่ 2 จากตารางที่ 2พบว่าค่าความยากง่าย และค่าอำนาจจำแนก ของประเด็นคำถามในแบบประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้ง 7หน่วยเรียน ทุกหน่วยการเรียนและประเด็นคำถามทุกข้ออยู่ในเกณฑ์ที่จะนำไปใช้ในการประเมินได้ โดยมีค่าความยากง่ายเฉลี่ย 0.64และค่าอำนาจจำแนก 0.43 สามารถนำไปใช้ทดสอบกับนักเรียนได้
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 3) ผลการหาคุณภาพบทเรียนแบบ e-Learning จากผลการวิจัยพบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านบทเรียน e-Learningมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพความเหมาะสมของบทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 โดยรวมทั้ง 6ด้าน มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 4)ผลการหาประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning จากผลการวิจัย พบว่า คะแนนรวมระหว่างเรียน มีประสิทธิภาพกระบวนการ (E1) มีค่าเท่ากับ 2,909 คะแนน จากคะแนนรวม(A) 3,570 คะแนน คิดเป็นร้อยละ81.48 และคะแนนรวมหลังเรียนมีประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 1,958 คะแนน จากคะแนนรวม(B)2,380 คะแนน คิดเป็นร้อยละ82.27 ประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning E1 / E2 = 81.48 / 82.27
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 5) ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียน จากผลการวิจัย พบว่าผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่มีต่อบทเรียน e-Learningโดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.24 6) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน จากผลการวิจัยพบว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจเท่ากับ 14.24 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 57.59คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 43.35แสดงว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียน e-Learningเป็นสื่อประกอบการเรียนตามแผนการเรียนรู้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นตามเกณฑ์ ที่ตั้งไว้
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 7) ความคงทนต่อการเรียนรู้ของนักเรียนด้วยบทเรียน จากการวิจัย พบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยที่ได้ จากการทำแบบทดสอบหลังเรียนครั้งแรกเท่ากับ 57.59 และค่าคะแนนเฉลี่ยที่ได้ จากการทำแบบทดสอบหลังเรียนครั้งที่ 2 หลังผ่านไป1เดือน เท่ากับ 60.21 พบว่า ผลการเปรียบเทียบคะแนนทดสอบหลังเรียนของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้บทเรียน e-Learning มีค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนผ่านไป 1เดือน ไม่แตกต่างกันโดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยใกล้เคียงกัน จึงสรุปได้ว่า นักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ข้อ 4.4กล่าวว่า ความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learningและผู้เรียนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 จากการใช้บทเรียนในครั้งแรก
สรุปผล 1) ดัชนีความสอดคล้องของแบบประเมินความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน มีค่าเท่ากับ 0.78 2) ผลการประเมินคุณภาพความเหมาะสมของบทเรียน e-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1โดยรวมทั้ง 6ด้าน มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08 3)ประสิทธิภาพของบทเรียนกระบวนการ (E1)มีค่าเท่ากับ 2,909คะแนน จากคะแนนรวม(A) 3,750 คะแนน คิดเป็นร้อยละ81.48 และคะแนนรวมหลังเรียนมีประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2)เท่ากับ1,958คะแนน จากคะแนนรวม(B)2,380 คะแนน คิดเป็นร้อยละ82.27สรุปประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning E1 / E2 = 81.48 / 82.27
สรุปผล(ต่อ) 5)ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียน e-Learningโดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.26 6) การศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนด้วยบทเรียน e-Learningพบว่า ผลการเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบหลังเรียน หลังการเรียนผ่านไป 1เดือน มีค่าคะแนนเฉลี่ยใกล้เคียงกัน มีคะแนนหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 60.21จึงสรุปได้ว่า นักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องตามสมมติฐาน ข้อ 4.4 กล่าวว่า บทเรียน e-Learning ที่พัฒนาขึ้นมีความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียน และผู้เรียนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30จากการใช้บทเรียน e-Learning
อภิปรายผล 1) จากการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียนe-Learning สูงขึ้น ซึ่งผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับ กิดานันท์ มะลิทอง (2548: 220)ได้กล่าวเกี่ยวกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ดังนี้ “คอมพิวเตอร์ช่วยสอน”เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นสื่อในการสอนเพื่อให้มีการโต้ตอบกันได้ในระหว่างผู้เรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงการตอบสนองต่อข้อมูลที่ผู้เรียนป้อนเข้าไปได้ในทันที ซึ่งเป็นการช่วยเสริมแรงให้แก่ผู้เรียน เช่นเดียวกับการเรียนการสอนระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนในห้องเรียนปกติ บทเรียนจะมีรูปแบบต่างๆ ในแต่ละบทเรียนจะมีตัวอักษร ภาพกราฟิก ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงประกอบด้วย ในลักษณะของสื่อประสม ทำให้ผู้เรียนสนุกไปกับการเรียนไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
อภิปรายผล(ต่อ) การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง โดยการออกแบบบทเรียนจะเริ่มจากการให้สิ่งเร้าแก่ผู้เรียน ประเมินการตอบสนองของผู้เรียน ให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการเสริมแรง และให้ผู้เรียนเลือกสิ่งเร้าตามลำดับต่อไป สอดคล้องกับการเรียนรายบุคคล บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นสื่อการเรียนการสอนที่มีหลายประเภท ในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ใช้บทเรียน e-Learning ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง และมีความคงทนในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
อภิปรายผล(ต่อ) 2) จากการศึกษาเปรียบเทียบความก้าวหน้าของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เทียบค่าร้อยละของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning พบว่าผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning มีคะแนนพัฒนาการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 43.35มีความก้าวหน้าของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น 3) จากการศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนในการเรียนด้วยบทเรียน e-Learning มีความพึงพอใจอยู่ในระดับพึงพอใจมาก เนื่องจากการเรียนด้วยบทเรียน e-Learning โดยผู้เรียนสามารถเข้าสู่บทเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถเรียนซ้ำได้ทุกครั้งตามความต้องการ อีกทั้งผู้เรียนยังสามารถประเมินผลความก้าวหน้าทางการเรียนของตนเองได้ ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนการสอนมากขึ้น
อภิปรายผล(ต่อ) 4) จากการศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของผู้เรียนในการเรียนด้วยบทเรียน e-Learning พบว่า ผู้เรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ไม่แตกต่างจากหลังเรียน เมื่อระยะเวลาผ่านไปแล้ว 1เดือน ซึ่งผลการวิจัยนี้สอดคล้องทฤษฎีเรื่อง ความคงทนในการเรียนรู้ (BoonchomSrisaard, 1998) กล่าวคือ การเรียนรู้ที่ดีย่อมต้องก่อให้ผู้เรียนเกิดความจำที่มากขึ้น และส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความคงทนในการเรียนรู้ คือ การที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมการเรียนรู้โดยการลงมือกระทำปฏิบัติและแก้ปัญหาหรือศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองโดยยึดตามความสนใจทำให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียน ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการสะสม (Retention) สามารถระลึกถึงเนื้อหาหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ตนได้รับการเรียนรู้หรือได้รับประสบการณ์มาก่อน ในระยะเวลาที่ทิ้งช่วงห่างกันออกไประยะหนึ่ง