1 / 38

กายวิภาคและสรีรวิทยา 1 Anatomy and Physiology 1

กายวิภาคและสรีรวิทยา 1 Anatomy and Physiology 1. รหัสรายวิชา 8011101 Lecture#1 บทนำ ความรู้เบื้องต้น อ.ภัทรภร เจริญบุตร คณะสาธารณสุขศาสตร์ มรภ. อุบลราชธานี. คำอธิบายรายวิชา.

damisi
Download Presentation

กายวิภาคและสรีรวิทยา 1 Anatomy and Physiology 1

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. กายวิภาคและสรีรวิทยา 1 Anatomy and Physiology 1 รหัสรายวิชา 8011101 Lecture#1 บทนำ ความรู้เบื้องต้น อ.ภัทรภร เจริญบุตร คณะสาธารณสุขศาสตร์ มรภ.อุบลราชธานี

  2. คำอธิบายรายวิชา • ความหมาย ความสำคัญ คำศัพท์ทางกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา การจัดระบบของร่างกายมนุษย์ ความรู้เบื้องต้นของเซลล์และเนื้อเยื่อ โครงสร้างและหน้าที่การทำงานของอวัยวะในร่างกายมนุษย์ รูปร่าง ลักษณะ ตำแหน่งและหน้าที่การทำงานของอวัยวะในระบบโครงร่าง ระบบห่อหุ้มร่างกาย ระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาท

  3. ความสำคัญ ประโยชน์ • ความสำคัญของวิชากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์จะเป็นความรู้พื้นฐานในการศึกษาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการป้องกันดูแลสุขภาพของมนุษย์เอง ให้มีชีวิตอันยืนยาวต่อไป

  4. ข้อตกลงด้านคุณธรรม จริยธรรม • นักศึกษาทุกคนควรมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทุจริตในการสอบ การลอกการบ้านหรือรายงานของผู้อื่น • นักศึกษาควรเข้าเรียนตรงเวลา และการแต่งกายตามระเบียบของมหาวิทยาลัย

  5. คำแนะนำในการเรียนให้ประสบโชค AStudy Suggestions: • ควรมีเอกสารประกอบการสอน กายวิภาคและสรีรวิทยา 1 โดย ผศ.นภาภรณ์ สันพนวัฒน์ (พ.ศ.2547) ซึ่งอาจารย์จะสอนตามเนื้อหาในนั้น • ศึกษาเอกสารประกอบการสอน อ่านเพิ่มในเว็บไซต์ที่แนะนำมาก่อน และหากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาอาจารย์ อาจทางอีเมล หรือในชั่วโมงเรียน • อ่านศึกษาทำความเข้าใจเนื้อหาแต่ละบทอย่างละเอียด • ทำแบบฝึกหัดด้วยตนเอง ประเมินคะแนน จากเฉลยของอาจารย์ หมั่นทบทวนตอบคำถาม จนสามารถตอบคำถามได้เองถูกต้อง • เก็บรวบรวมแบบฝึกหัดใส่ แฟ้มสะสมงาน ให้ครบทุกบท ส่งก่อนสอบ final • การปรึกษาอาจารย์ได้ทางอีเมล หากต้องการพบให้นัดล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน วันเวลาที่อาจารย์สามารถนัดให้คำปรึกษาได้คือ • พุธ และ พฤหัสบดี เวลา 8.00-10.00 น.

  6. บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้น

  7. LESSON OBJECTIVES • LESSON 1 ความรู้เบื้องต้น คำศัพท์สำคัญ • หลังเรียนหัวข้อนี้จบ นักศึกษาสามารถ : 1-1. บอกนิยามของ กายวิภาคศาสตร์ และ สรีรวิทยา 1-2. ยกตัวอย่างแขนงวิชาของการศึกษาทางกายวิภาคศาสตร์ได้สัก 2-3 แขนง 1-4. อธิบาย การจัดระบบของร่างกายมนุษย์ได้ 1-5. บอกความหมายคำศัพท์สำคัญทางกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาได้ 1-6. อธิบาย บอกความหมาย ท่ายืนทางกายวิภาคศาสตร์ได้ (anatomical position) 1-7. บอกส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ได้ (4 ส่วน) 1-8. บอกความคาดหวังถึงการนำไปใช้ประโยชน์ของรายวิชานี้ในวิชาชีพสาธารณสุข

  8. Vitruvian Manby Leonardo da Vinci • “Proportion of the Human Figure” ศึกษาสัดส่วนกายวิภาคมนุษย์อย่างละเอียด จนพิสูจน์ทฤษฎีบทของ "วิทรูเวียน" ผู้เป็นสถาปนิกยุคจักรวรรดิโรมันได้สำเร็จว่า "ร่างคนยืนกางแขนขาจะตกเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่สมบูรณ์เสมอ" และนับเป็นการเปิดประตูสู่ศาสตร์กายวิภาคครั้งสำคัญ

  9. วิชานี้ศึกษาเกี่ยวกับ??????วิชานี้ศึกษาเกี่ยวกับ?????? • Anatomy is the science of the structure of the body. • วิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy)เป็นการศึกษาถึงโครงสร้าง (structure) และส่วนต่าง ๆของร่างกายมนุษย์ ซึ่งประกอบเป็นรูปร่าง รวมทั้งลักษณะ ตำแหน่ง ของส่วนนั้นๆ และชิ้นส่วนของอวัยวะนั้นๆ ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างได้อย่างไร

  10. คำว่า Anatomy คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร? • มาจากภาษากรีกคือ anatome (ana = up, apart, tome = cutting) มีความหมายว่า to cut up โดยความหมายนี้ anatomy จึงเป็นคำที่มีความหมายเหมือนกับ (synonym) dissection ในภาษาลาตินซึ่งมีความหมายว่า to cut up เช่นเดียวกัน (dis = asunder, secare = to cut) • แต่ในปัจจุบันคำทั้งสองนี้ไม่เป็น synonym กันอีกต่อไป เพราะ • dissection เป็นคำที่ใช้เรียกเทคนิคในการเรียน gross anatomy หมายถึง เทคนิคของการตัดที่แท้จริง (actual cutting up) เพื่อที่จะศึกษาส่วนต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต • แต่ anatomy เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อวิชาดังกล่าวแล้วข้างต้น

  11. สรีรวิทยา (Physiology) • เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งซึ่งศึกษาเกี่ยวกับหน้าที่(Function) ของอวัยวะต่างๆไม่เพียงแต่หน้าที่ใหญ่ๆของอวัยวะเท่านั้น แต่ยังศึกษาถึงหน้าที่ของส่วนย่อยของอวัยวะเหล่านั้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังศึกษาถึงกระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่งอาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและทางกายภาพในอวัยวะ • Physiology • The scientific discipline that studies the function of body structures. ****Structure and function cannot be completely separated.

  12. แขนงวิชา KINDS OF ANATOMICAL STUDIES 1. Macroscopic anatomy หรือ Gross anatomy เป็นการศึกษาโครงสร้างต่างๆ ของร่างกายด้วยตาเปล่า, Gross anatomy สามารถนำไปสัมพันธ์กับสาขาวิชาอื่น ได้แก่ • Applied anatomy เป็นการเชื่อมโยง anatomy กับทางเวชกรรม (medicine) • Surgical anatomy ศึกษาเพื่อใช้ทางศัลยกรรม (surgery) • Comparative anatomy ศึกษาความสัมพันธ์โครงสร้าง (structural relation) ของสัตว์ชนิดหนึ่งกับอีกชนิดหนึ่ง • Pathological anatomy ศึกษาผลของโรคที่มีต่อโครงสร้างร่างกาย

  13. 2.จุลกายวิภาคศาสตร์ (Microanatomy) • เป็นวิชาเกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องขยายดูด้วยกล้องจุลทรรศน์แบ่งเป็น 2 สาขาย่อย คือ • เนื้อเยื่อวิทยา (Histology) เป็นการศึกษารายละเอียดของเนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมทั้งเนื้อเยื่อที่ประกอบกันเป็นอวัยวะ • เซลล์วิทยา (Cytology) เป็นวิชาเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์ ส่วนมากต้องศึกษาจากกล้องจุลทรรศน์อีเล็กตรอน • ประสาทกายวิภาคศาสตร์ (Neuroanatomy) เป็นการศึกษาโครงสร้างและหน้าที่เกี่ยวกับส่วนประกอบ รูปร่าง ลักษณะการทำงานของระบบประสาทของสมองและไขสันหลัง รวมถึงอวัยวะรับสัมผัส

  14. Anatomical position • หมายถึง ท่ายืนกายวิภาค แสดงถึงการยืนตรง ศีรษะและลำตัวตรง ใบหน้ามองตรงไปข้างหน้า แขนสองข้างแนบลำตัว ฝ่ามือทั้งสองหันหรือแบออกไปด้านหน้า • เป็นท่าที่ anatomists ทั่วโลกได้ตกลงกันไว้ไม่ว่าคนที่ยังมีชีวิตหรือศพ จะยืน นั่ง นอนในท่าใดก็ตาม เวลาพูดว่า structure ใดอยู่บน ล่าง ขวา ซ้าย หน้า และหลัง ให้เสมือนว่าคนหรือศพนั้นอยู่ในท่า anatomical position

  15. Planes of the body • แนวหรือระนาบของร่างกาย ได้แก่ แนวสมมติที่ผ่านร่างกายใน ท่ามาตรฐาน (anatomical position)ได้แก่ median, sagittal, coronal, horizontal และ transverse planes

  16. Planes of the body

  17. Planes of the body

  18. Median plane (midsagittal or median sagittal plane) • ระนาบการผ่า เป็นแนวสมมติในแนวตั้ง (vertical imaginary plane) ที่ตัดผ่านตามความยาวของร่างกาย ทำให้แบ่งร่างกายออกเป็นครึ่งซ้าย และครึ่งขวา ที่มา student.brighton.ac.uk

  19. Sagittal planes • เป็นแนวสมมติในแนวตั้งที่ตัดผ่านร่างกายโดยขนานกับ median plane • sagittal plane ที่ผ่าน median plane ของร่างกายเรียก median sagittal plane หรือ midsagittal plane, • Sagittal plane ที่แบ่งร่างกายออกเป็น right และ left portions แต่ไม่ผ่าน median plane บางครั้งเรียก paramedianหรือ parasagittal plane นั่นคือ ผ่าในแนวถัดจากแนวกลางลำตัวออกมาให้ได้ซีกซ้ายขวาไม่เท่ากัน ที่มารูป student.brighton.ac.uk

  20. Transverse or Horizontal plane • ระนาบการผ่า ผ่าตามขวางเป็นการผ่าตามขวาง หรือผ่าตามแนวระดับขนานกับพื้น ที่มาภาพ student.brighton.ac.uk

  21. Coronal plane (frontal plane) • เป็นแนวสมมติในแนวตั้งที่ตัด median plane เป็นมุมฉาก และแบ่งร่างกายออกเป็นส่วนหน้า (anterior / front), และส่วนหลัง (posterior / back) อยู่ในแนวเดียวกับ coronal suture ของกะโหลกศีรษะ ที่มาภาพจาก student.brighton.ac.uk

  22. Body sectioning • ในการศึกษาจุลกายวิภาคศาสตร์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะถูกนำมาตัดให้เป็นชิ้นบางหรือหน้าตัด (Section) ซึ่งมี 3 แบบ คือ หน้าตัดตามขวาง (Transverse or Cross section) หน้าตัดเฉียง (Oblique section) และหน้าตัดตามยาว (Longitudinal section)

  23. คำศัพท์ต่างๆ (terms) 1)Terms of Relationship คือ คำศัพท์ต่างๆ ที่บอกตำแหน่งของโครงสร้างหนึ่งสัมพันธ์กับโครงสร้างอื่น ๆ หรือกับร่างกายทั้งหมดเมื่ออยู่ใน anatomical position คำศัพท์ที่เป็นส่วนของคำประกอบซึ่งอยู่ในคำอื่น ๆ ในวิชากายวิภาคศาสตร์ เช่น • Anterior or Ventral or front หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านหน้า หรือใกล้ไปทางด้านหน้าของร่างกาย • Ventral มีความหมายเหมือน anterior และมักใช้ในการอธิบาย embryos เพราะไม่สามารถวางอยู่ใน anatomical position ได้

  24. คำศัพท์ (ต่อ) • Posterior (dorsal / behind) Posterior or Dorsal หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านหลัง หรือ ใกล้ไปทางด้านหลังของร่างกาย Dorsal ใช้แทน posterior ใน embryos และระบบประสาท • Superior (cephalic / cephalad / cranial / above) หมายถึง ใกล้ไปทางศีรษะหรือส่วนบนของร่างกาย - Cranial / Cephalic ใช้แทน superior ในการศึกษา embryos และระบบประสาท

  25. คำศัพท์ (ต่อ) • Inferior (caudal / caudad / below) หมายถึง ใกล้ไปทางเท้าหรือปลายล่างของร่างกาย • - Caudal มาจากภาษาลาตินมีความหมายว่า tail ใช้ในการอธิบาย embryos และระบบประสาท ใช้กล่าวถึง structure ที่ใกล้ไปทางหางหรือ inferior end

  26. คำศัพท์ (ต่อ) • Medial หมายถึง ใกล้ไปทาง median plane ตัวอย่างเช่น หัวแม่เท้าอยู่ medial ต่อนิ้วก้อยของเท้า • Lateral หมายถึง ไกลออกไปจาก median plane ตัวอย่างเช่น หัวแม่มืออยู่ lateral ต่อนิ้วก้อยของมือ • Intermediate หมายถึง อยู่ระหว่าง medial กับ lateral

  27. 2) Terms of Comparison คือ คำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้เปรียบเทียบตำแหน่งที่สัมพันธ์ซึ่งกันและกันของ structures 2 อย่าง ได้แก่ • Proximal หมายถึง ใกล้ไปทางส่วนที่ติดกับลำตัว (attach end) หรือ point of origin ของ vessel, nerve, limb หรือ organ • Distal หมายถึง ไกลออกไปจากส่วนที่ติดกับลำตัว หรือ point of origin ของ vessel, nerve, limb หรือ organ

  28. 2) Terms of Comparison (ต่อ) - ที่แขนและขา, proximal มีความหมายเหมือน superior และ distal มีความหมายเหมือน inferior - เมื่อกล่าวถึง muscles ของ แขนและขา, proximal attachment หมายถึง origin ส่วน distal attachment หมายถึง insertion

  29. 2) Terms of Comparison (ต่อ) • Superficial หมายถึง ใกล้พื้นผิวหนัง (skin surface) ของร่างกาย • Deep หมายถึง ลึกเข้าไปจากพื้นผิวหนัง (skin surface) ของร่างกาย • Internal (interior / inside / inner) หมายถึง ใกล้ศูนย์กลางของ organ หรือ cavity • External (exterior / outside / outer) หมายถึง ไกลออกไปจากศูนย์กลางของ organ หรือ cavity • Middle หมายถึง อยู่ระหว่าง anterior กับ posterior, superior กับ inferior, external กับ internal • Ipsilateralหมายถึง อยู่ข้างเดียวกันของร่างกาย • Contralateralหมายถึง อยู่คนละข้างของร่างกาย

  30. ทบทวนคำศัพท์จากภาพ

  31. ทวนคำศัพท์ (ต่อ) • Superior or Cranial หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านบน • Inferior or Caudal หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านล่าง • Ventral หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านท้อง • Dorsal หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านหลัง • Proximal หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านใกล้ตัว • Distal หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ด้านไกลออกจากลำตัว • Median หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ กึ่งกลางลำตัว • Lateral หมายถึง คำประกอบที่เกี่ยวข้องกับ ไกลจากกึ่งกลางลำตัว

  32. ทวนคำศัพท์ (ต่อ)

  33. ช่องว่างในร่างกาย (Body cavity) ช่องว่าง หรือโพรงในร่างกาย (Body of cavity) ประกอบด้วย ช่องว่างด้านหน้าและ ช่องว่างด้านหลัง • ช่องว่างด้านหน้า (Ventral cavity) หมายถึง ช่องว่างที่ไม่มีกระดูกล้อมรอบ ประกอบด้วย ช่องอก ช่องท้อง และช่องอุ้งเชิงกราน

  34. ช่องว่างในร่างกาย (Body cavity) • ช่องอก (Thoracic cavity) มีปอด (Lung) หัวใจ (Heart) หลอดอาหาร (Esophagus) หลอดลม (Trachea) เส้นเลือดแดงใหญ่ (Aorta) บรรจุอยู่ • ช่องท้อง (Abdomen cavity) มีกระเพาะอาหาร (Stomach) ลำไส้เล็ก (Small intestine) ลำไส้ใหญ่ (Large intestine) ตับ (Liver) ถุงน้ำดี (Gall bladder) เป็นต้น • ช่องเชิงกราน (Pelvic cavity) ประกอบด้วย กระเพาะปัสสาวะ (Bladder) มดลูก (Uterus) ปีกมดลูก (Follopian tube) ต่อมลูกหมาก (Prostate gland) อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศ ชายและเพศหญิง (Male and female reproductive organs)

  35. ช่องว่างในร่างกาย (Body cavity) • ช่องว่างด้านหลัง (Dorsal cavity) หมายถึง ช่องว่างที่มีกระดูกล้อมรอบ ประกอบด้วยช่องกะโหลก (Cranial cavity) ภายในมีสมอง (Brain) บรรจุอยู่ • ช่องไขสันหลัง (Spinal cavity) มีไขสันหลัง (Spinal cord) และน้ำไขสันหลัง (Cerebro-Spino-Fluid) หรือเรียกย่อๆ ว่า C.S.F • ช่องเบ้าตา (Orbital cavity) มีลูกตา ม่านตา เลนส์แก้วตา ประสาทตา บรรจุอยู่ • ช่องจมูก (Nasal cavity) ภายในมีขนจมูก เซลล์รับกลิ่นอยู่ภายใน • ช่องปาก (Oral cavity) ประกอบด้วย ลิ้น ฟัน เหงือก กระพุ้งแก้ม ต่อมน้ำลาย

  36. แหล่งข้อมูลอ้างอิง • เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคศาสตร์1 คณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล • เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา 1 โดย ผศ.นภาภรณ์ สันพนวัฒน์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี • เอกสารประกอบการสอนวิชา กายวิภาคและสรีรวิทยา. หน่วยที่ 1. จากเว็บไซต์ science.srru.ac.th • ภาพต่างๆจากอินเตอร์เน็ต แหล่งข้อมูลอ้างอิงตามภาพ

  37. END?

More Related