1 / 35

ความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย

ความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย. เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา เลขานุการศูนย์ข้อมูลความหลากหลายทางเพศแห่งประเทศไทย Thai Queer Resources Centre: TQRC. Definition?. Sex? Gender? Sex- - เพศทางชีววิทยา ( Biological sexes. ) - - เพศสรีระ ( Physical Determination.)

elisa
Download Presentation

ความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา เลขานุการศูนย์ข้อมูลความหลากหลายทางเพศแห่งประเทศไทย Thai Queer Resources Centre: TQRC

  2. Definition? • Sex? • Gender? • Sex- -เพศทางชีววิทยา (Biological sexes.) - - เพศสรีระ (Physical Determination.) Gender- - เพศทางวัฒนธรรม (Cultural Determination.)

  3. Sex, Gender, not clear? • ผู้หญิงเป็นเพศที่สุภาพเรียบร้อย • ผู้หญิงมีประจำเดือน, เมนส์ • ผู้ชายเป็นเพศที่ก้าวร้าว • ผู้ชายมีหนวด • ผู้ชายไม่สามารถควบคุมความต้องการทางเพศได้ • ผู้หญิงกินน้อย และกินข้าวหลังจากผู้ชายอิ่มแล้ว • ผู้ชายยืนถ่ายปัสสาวะ • ผู้หญิงจะวางเฉยเมื่อถูกกระทำรุนแรง • ผู้ชายไม่สามารถดูแลเด็กได้ • ผู้หญิงจะเปลี่ยนคำนำหน้านามหลังแต่งงาน • ผู้หญิงไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร • ผู้หญิงมีมดลูก • แล้วกะเทยล่ะ?

  4. Sex is something between your legs, while gender is something between your ears

  5. เพศเป็นเรื่องของการใส่รหัส รหัสทางเพศ มักจะไม่ถูกตั้งคำถาม • วัฒนธรรมอเมริกัน พ่อแม่จะแต่งตัวทารกชายด้วยเสื้อผ้าสีฟ้า, ส่วนทารกหญิงจะถูกแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีชมพู- - ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แต่ก็ทำตาม • มีบ้างที่ทารกหญิงจะสวมใส่เสื้อผ้าสีฟ้า, ถ้าทารกชายสวมเสื้อผ้าสีชมพูจะถูกมองว่า “ประหลาด” • การตั้งชื่อ- - ชื่อของเด็กหญิงจะใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวล เป็นสัญญะแห่งความดี ความงาม, ชื่อของเด็กชายจะใช้ถ้อยคำที่สั้น กระชับ มีน้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นสัญญะแห่งความแข็งแรง กล้าหาญ • ความหวาดกลัวต่อการสลับบทบาททางเพศ ทำให้ผู้ปกครองพยายามตั้งชื่อลูกให้เหมาะกับ(อวัยวะ)เพศ เผยให้เห็นความกลัวต่อการรักเพศเดียวกัน (Homophobia) • ทั้งนี้ มีให้เห็นบ้างว่าชื่อของเด็กหญิงแผลงมาจากชื่อของเด็กชาย, แต่ชื่อของเด็กชายที่แผลงมาจากชื่อของเด็กหญิงน้อยครั้งที่จะปรากฎ

  6. การกลายมาเป็นชายหรือหญิงคือกระบวนการทางวัฒนธรรม กระบวนการเดียวกับการได้มาซึ่งเชื้อชาติ และชนชั้น • เพศ ถือเป็น การเมืองเรื่องการแบ่งแยก

  7. รัฐไทย, อารยะ และสัณฐานอาการทางเพศ • สมัยรัชกาลที่ ๖ใน พ.ศ. ๒๔๖๐ทรงโปรดเกล้าให้ออกพระราชกฤษฎีกาคำนำหน้านามสตรี โดยพิจารณาตามฐานะชาติกำเนิด ฐานะทางสังคม และสถานภาพสมรสของสตรี ดังเช่นให้ใช้คำว่า • นางสาว สำหรับสตรีที่ยังโสด = Miss, • นาง สำหรับสตรีที่แต่งงานแล้ว = Missis, • คุณหญิง = Ladyในภาษาอังกฤษ • ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๖๓โปรดเกล้าให้ตราพระราชกฤษฎีกาคำนำหน้านามเด็ก • นายน้อย สำหรับเด็กชาย • นางน้อย สำหรับเด็กหญิง, ต้องเป็นบุตรข้าราชการชั้นสัญญาบัตร - - ต่อมายกเลิก • เด็กชาย-เด็กหญิง • พระราชบัญญัติขนานนามสกุล พ.ศ. ๒๔๕๖ - -หลักการสืบเชื้อสายข้างบิดา

  8. พ.ศ. ๒๔๘๑จอมพล ป. พิบูลสงครามเรืองอำนาจ นโยบายสำคัญของรัฐบาลคือการนำประเทศเข้าสู่ความเป็นอารยะ • รัฐนิยม เป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญ ทำให้หญิง-ชายมีหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน • บุรุษ- -ประกอบอาชีพอย่างขันแข็ง, ป้องกันชาติให้พ้นจากการรุกรานของศัตรู- - เปรียบบุรุษเป็นรั้วของชาติ • สตรี- -ต้องทำหน้าที่ในบ้านเรือนให้ดีที่สุด ทั้งการเป็นเมีย, แม่ และแม่บ้าน ต้องตกแต่งร่างกายให้งดงามสดชื่น เปรียบเป็นดอกไม้ของชาติ • รัฐบาลชักชวนให้ราษฎรเปลี่ยนชื่อ, ชื่อบุรุษต้องกล้าหาญ องอาจ สมเป็นรั้วของชาติ- - เกรียงศักดิ์, สุรยุทธ; ชื่อสตรีต้องอ่อนหวานสมเป็นดอกไม้ของชาติ- - ชวนชม, สงวนศรี • ผู้ที่มีชื่อไม่บ่งเพศให้ชัดเจน จะถูกแนะนำให้เปลี่ยนชื่อใหม่ให้เหมาะสม

  9. การเลือกใช้ความเป็นหญิง-ความเป็นชายในสังคมไทยการเลือกใช้ความเป็นหญิง-ความเป็นชายในสังคมไทย

  10. ทำไมเราจึงมองคนที่ต่างไปจากผู้หญิง-ผู้ชายในทางลบ?ทำไมเราจึงมองคนที่ต่างไปจากผู้หญิง-ผู้ชายในทางลบ?

  11. แหวกม่านลีลาชีวิตทางเพศThe histories of sexualities • แนวคิดเรื่องการสังวาสที่ผิดธรรมชาติ(Sodomy Law)นับเป็นหนึ่งแนวคิดเชิงศีลธรรมที่ผลิตโดยศาสนจักร • คัมภีร์ไบเบิล หน้า ๑๒หัวข้อที่๑๙เล่าถึงอวสานของเมืองโสโดม • เทพสององค์มาเยือนบ้านโลท แล้วชายหนุ่มน้อยใหญ่มาห้อมล้อมบ้านขอมีความสัมพันธ์กับเทพทั้งสอง แม้โลทจะเสนอลูกสาวสองคนให้กับชายทั้งหลายแทน แต่เขาเหล่านั้นก็ยังพยายามพังประตูบ้านเพื่อเข้าหาเทพทั้งสอง กระทั่งเทพทั้งสองโกรธและ เผาเมืองโสโดมเสีย • เรื่องนี้ยังกำกวมว่า การขอมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้มาเยือน, การขอมีสัมพันธ์ทางเพศแบบหมู่, หรือแม้การขอมีสัมพันธ์ทางเพศกับอำนาจเหนือธรรมชาติ ประเด็นใดคือความผิดกันแน่ • แต่ท้ายที่สุดเรื่องราวนี้ถูกพัฒนาให้เป็นกฎหมายบังคับใช้ในอเมริกาเรียกว่าSodomy Lawที่อ้างถึงความผิดอันเกิดจากเพศสัมพันธ์ทางเวจมรรค(Anal Intercourse)ถือว่าเป็น“Deviant sexual intercourse"การสังวาสที่ผิดธรรมชาติเพราะไม่อาจผลิตซ้ำสมาชิกใหม่ให้กับสังคม ในแง่นี้นับเนื่องให้การขายบริการทางเพศ และ การรักเพศเดียวกัน ถูกมองว่าผิด

  12. ใน ค.ศ. ๑๘๑๗เคยปรากฎว่าชายถูกตัดสินประหารชีวิตตามกฎการสังวาสที่ผิดธรรมชาติ เพราะมีการทำรักด้วยปากกับเด็กชาย ตามกฎมองว่า เป็นอาชญากรรมต่อธรรมชาติ • ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐและแวดวงการแพทย์ พยายามจัดประเภทเพื่อควบคุมคน กลับปรากฎกรณี ชายที่ครองชีวิตกับภรรยา แอบไปมีสัมพันธ์รักกับเด็กหนุ่ม ทำให้สังคมต้องเรียนรู้คำว่ารักสองเพศเพิ่มขึ้นอีก นักกฎหมาย, นักจิตวิทยา รวมทั้งแพทย์ จึงร่วมกันจัดประเภทสร้างคำนิยามกระทั่งละเลยความพยายามสร้างสรรค์ตัวตนของบุคคล • ในปี ค.ศ. ๑๙๗๐มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกย์เพื่อแก้ไขกฎหมายและทัศนคติทางการแพทย์ เพราะปฏิบัติการทางกฎหมายและการแพทย์ สร้างคำอธิบายให้คนกลายเป็นอาชญากร หรือคนไข้ หรือผู้ป่วยทางจิต วาทกรรมการแพทย์ชี้นำคนรักเพศเดียวกันให้เข้ารับการบำบัดรักษา ผลร้ายคือ บุคคลนั้นๆ เชื่อ และรู้สึกว่าตนเองมีอาการป่วย บางคนมองว่าตนเองไร้อนาคต • ในอังกฤษ มี “Social purity campaigns” หรือการรณรงค์ให้เกิดความบริสุทธิ์ในสังคม ซึ่งระบุว่า อาชีพบริการทางเพศและชายรักเพศเดียวกันเป็นผลที่ตามมาจากความปรารถนาของผู้ชายทั้งสิ้น ทว่า ยิ่งพยายามควบคุมยิ่งเกิดการแสดงตัวตนเพื่อบอกว่า รักเพศเดียวกันเป็นวิถีชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย

  13. กะเทยในพุทธศาสนา • กลไกควบคุมทางสังคมนั้นมีอิทธิพลต่อสังคมไทยอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ พุทธศาสนาและข้อบันทึกในพระไตรปิฎกถือเป็นผลึกของคติความเชื่อที่ตกค้างในสังคมไทยถึงปัจจุบัน • คนไทยจำนวนไม่มากที่จะรู้ว่าพระไตรปิฎกถูกสังคายนา ชำระ และจดบันทึก อย่างไม่ต่อเนื่อง มีการเทียบเคียงเปลี่ยนผ่านหลายภาษา จนบางครั้ง พบความไม่ลงรอยของข้อมูลที่บันทึกในพระไตรปิฎกแต่ละฉบับ ทำให้ความหมายเกี่ยวกับเพศเปลี่ยนไปด้วย • ในวินัยปิฎกกล่าวถึงความบริสุทธิ์ของเพศบรรพชิต ซึ่งลีลาชีวิตทางเพศถูกกล่าวถึงเพื่ออ้างเป็นวินัยควบคุมเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะกับความเลื่อมใสศรัทธาเพราะสมัยนั้นพุทธศาสนาเป็นเรื่องใหม่ในสังคมอินเดียครั้งพุทธกาล ภาพลักษณ์อันดีของสงฆ์จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความศรัทธาให้ผู้คนหันมาเลื่อมใสพุทธศาสนา • เมื่อพระไตรปิฎกถูกแปลเป็นภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีการเทียบเคียงคำว่า นปุงสกบัณเฑาะก์ที่เป็นบัณเฑาะก์โดยกำเนิด ด้วยคำว่า เป็นกะเทยโดยกำเนิด ตามความเข้าใจของพระยุคหลังที่แฝงความหมายตามสังคมยุคนั้นลงไปด้วย ยืนยันการแทรกทัศนคติของผู้ชำระพระไตรปิฎกลงไป • และเมื่อเชื่อมโยงกับเรื่องเล่าปรัมปราว่า บัณเฑาะก์ที่ได้บรรพชาในหมู่ภิกษุ เคยพูดยั่วยวนทางเพศ เป็นเหตุให้เกิดกฎห้ามบัณเฑาะก์บวช ผู้คนกลับเข้าใจว่าพุทธศาสนาห้ามกะเทยบวชเพราะคิดว่าบัณเฑาะก์กับกะเทยนั้นเหมือนกัน มีส่วนให้กะเทยดูไม่ดีในทางพุทธศาสนา

  14. กะเทยในกฎหมาย • ในทางกฎหมาย สมัยอยุธยาตอนต้นมีกฎหมายตราสามดวง ระบุกะเทยอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถนำมาเป็นพยานได้ • ในสมัยรัตนโกสินทร์ กฎมนเทียรบาลข้อที่ ๑๒๔ กล่าวถึงบทลงโทษสนมกำนัลคบผู้หญิง ทำดุจชายเป็นชู้เมียกัน • ในประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ ในส่วนที่ ๖ ว่าด้วยความผิดที่กระทำอนาจาร หมวดที่ ๑ ความผิดฐานกระทำอนาจารอันเกี่ยวแก่สาธารณะ มาตราที่ ๒๔๒ กล่าวว่า “ผู้ใดกระทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์ ด้วยชายก็ดี หญิงก็ดี หรือทำชำเราด้วยสัตว์เดียรฉานก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด” • ในหมู่ชนชั้นนำสยามสมัยนั้น มองครอบครัวเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญ เพื่อดำรงและสืบทอดอำนาจ ดังนั้น รักเพศเดียวกันถูกมองว่าขัดต่อระเบียบทางการเมืองเพราะไม่ทำให้เกิดลูก

  15. คติ ความคิดเหล่านี้ส่งผลอย่างไรต่อกะเทยไทยในปัจจุบัน

  16. กะเทยไทย: โอกาสในชีวิต และ HIV ดร. แครอล เจนกิ้นส์, เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา, แอนดรู ฮันเตอร์

  17. ชีวิตครอบครัว • กะเทยได้รับกำลังใจจากผู้เป็นแม่- - มากกว่าพ่อ • “พ่อฉันเอาอกเอาใจฉันตอนที่ฉันยังเล็ก แต่พอฉันโตขึ้น และเริ่มแสดงความเป็นตัวฉัน- - พ่อของฉันรับไม่ได้” • ญาติผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงก็ให้กำลังใจได้ดี • “ฉันขอบอกว่ากำลังใจที่ดีนั้นได้จากย่า ฉันบอกท่านว่า ถ้ายังรักฉัน ให้ฉันเป็นฉัน ตามทางของฉัน, ท่านตอบฉันว่า ยังรักฉัน- - ถึงฉันจะไม่มีแขน ไม่มีขา ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ใช่หลานท่าน, ฉันถึงกับร้องไห้”

  18. ชีวิตในโรงเรียน • กะเทยเด็กหลายคนรู้สึกว่าตนเองเป็นหญิงตั้งแต่อายุ ๕ขวบ • ชีวิตในโรงเรียนไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับกะเทยที่เป็นนักเรียนดีประจำห้อง กะเทยจึงตั้งใจเรียนอย่างหนักให้พ่อแม่ครูอาจารย์พอใจ • ในช่วงมัธยมต้น กะเทยเด็กอาจจะเริ่มใช้ฮอร์โมน สวมเสื้อชั้นใน แต่งหน้า และแต่งหญิงบางโอกาส • เรียนรำไทย กลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับกะเทย • “ตอนฉันอยู่ ม.ต้น ฉันเรียน รร.ชาย, ที่นั่นมีกะเทยราวๆ ๒๕นาง แล้วก็มีคลับกะเทย เปิดรับสมาชิกใหม่เรื่อยๆ กะเทยบางคนพอโตขึ้นแล้วย้อนกลับไปเป็นผู้ชาย, ใครก็ตามที่กลั่นแกล้งฉัน ไม่ใช่เพื่อนของฉัน”

  19. ความรุนแรงทางเพศต่อกะเทยเด็กความรุนแรงทางเพศต่อกะเทยเด็ก • หลายกรณีที่กะเทยเด็กถูกบังคับจากลุงหรืออาให้ทำออรัลเซ็กซ์ ตั้งแต่อายุยังน้อยกว่า ๕ปี • บางคนถูกแก๊งเด็กชาย ข่มขืนที่โรงเรียน • เสียงของกะเทยสะท้อนอารมณ์ที่ปนเปกันไป บ้างโกรธ บ้างรู้สึกสับสน • กะเทยไม่มีความเข้าใจเรื่องสิทธิที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์ และไม่เห็นความสำคัญที่จะร้องหาความช่วยเหลือที่โรงเรียน • ไม่มีกระบวนการให้คำปรึกษาในเรื่องแบบนี้ • “เขาให้ฉันทำ...ทุกๆ ๒ วัน แล้วเขาก็เอา...ของเขาใส่...ฉัน มันเจ็บ แต่เขาบอกว่าเดี๋ยวมันก็ดีเอง เขาไม่ได้ใส่ถุงยาง, ใช้ครีมจอห์นสัน มันเจ็บ, เขาบอก เดี๋ยวก็โอเค ฉันคิดว่าฉันเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่รู้อะไรร้ายๆ จะเกิดตามมา”

  20. การทำร่างกายให้เป็นหญิงการทำร่างกายให้เป็นหญิง • ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นการปรับเปลี่ยนร่างกาย เป็นเรื่องสลักสำคัญ • กะเทยบางคนใช้ฮอร์โมนตั้งแต่ก่อน ป.๓ • ศัลกรรมเสริมทรวงอกคือขั้นต่อไป และทำกันเป็นเรื่องธรรมดา • เสริมจมูก ทำหน้า เสริมสะโพก- - ฉีดคอลลาเจน ซิลิโคน เป็นออพชั่น • บางคนผ่าตัดเต้านมออก ภายหลัง • ผ่าตัดแปลงลักษณะทางเพศ รวมทั้งเครื่องเพศนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำกันโดยทั่วไป • สำหรับกะเทยมุสลิมนั้น- - • “ฉันเคยคิดเรื่องทำนม และเสริมจมูก แต่คิดว่าจะไม่แต่งตัวเป็นหญิง ก็เพราะครอบครัวของฉัน ไม่ใช่เพราะว่าฉันกลัว แม่ของฉันห้ามไม่ให้แต่งหญิง เพราะกลัวว่าจะทำให้พ่อฉันหัวใจวาย”

  21. การจ้างงาน • สำหรับกะเทยนั้น ความสามารถและวุฒิการศึกษาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของงาน • กะเทยถูกปฏิเสธโอกาสในการทำงาน แม้แต่งานระดับล่างๆ • กะเทยเข้าไม่ถึงโอกาสในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือครูบาอาจารย์ • การแต่งกาย และระดับของการใช้ความเป็นผู้หญิง นั้นเป็นประเด็นวิพากษ์บนตัวตนของกะเทย • การทำภาพลักษณ์ให้เป็นชาย (แอ๊บแมน) หมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น, สื่อให้เข้าใจว่ามีความสามารถมากขึ้น • กะเทยหลายคนมองว่างานบริการทางเพศเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เหลืออยู่ • “ตอนที่ฉันสมัครงานในร้านอาหารที่เชียงใหม่ เขาบอกว่ารับคนเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้แล้ว วันรุ่งขึ้น เขาเปลี่ยนป้ายประกาศ บอกว่า เขาต้องการผู้ช่วยเพศหญิง มีข้อความในวงเล็บเขียนว่า ผู้หญิงแท้ๆ มันตลกมากเลยอ่ะ”

  22. ความเป็นพลเมือง • อาจจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หากกะเทยจะขอมีบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารทางราชการ • “เจ้าหน้าที่ ที่อำเภอของฉันพูดจาสุภาพกับฉัน ตอนที่ฉันไปทำบัตรประชาชน เขาช่วยฉันหามุมกล้องที่จะทำให้ฉันได้รูปติดบัตรที่สวยที่สุด” • แต่เมื่อใดก็ตามที่กะเทยต้องการเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ ข้อขัดแย้งระหว่างคำนำหน้านาม กับภาพลักษณ์ที่ปรากฎ มันจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่

  23. การเกณฑ์ทหาร • คำจำกัดความ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับกะเทย • “วิกลจริต จิตเภท, มีความผิดปกติทางจิต จิตเป็นหญิง…” คำเหล่านี้ถูกใช้จริงในเอกสารทางการทหาร สด. ๔๓ • แม้ทุกวันนี้จะมีความระมัดระวังเกี่ยวกับคำจำกัดความสำหรับกะเทยในการเกณฑ์ทหารกันมากขึ้น • แต่ไม่แน่ใจว่าแนวคิดเรื่องความหลากหลายทางเพศจะเข้าถึงกรมทหารแล้วหรือไม่ • “ตอนที่เรียน รด. วันนึงฉันไปค่าย ครูฝึกบอกให้ฉันนวดให้เขาในเต๊นท์ ครูฝึกบอกว่าฉันสวย เขาให้ฉันทำออรัลเซ็กซ์ให้เขา เขาชอบมาก แล้วเราก็มีเซ็กซ์ทางประตูหลัง เท่าที่ฉันจำได้ เขาแข็งแรงมากแล้วก็หล่อมากด้วย ฉันรอตั้งนานกว่าจะได้มีเซ็กซ์กับเขา กะเทยหลายคนชอบเขาแล้วก็แซวเขา”

  24. ความรุนแรง • กะเทยต้องเผชิญความรุนแรงแม้กระทั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ • กะเทยที่ถูกข่มขืน ไม่สามารถแจ้งความต่อตำรวจได้ เพราะกฎหมายไม่รองรับ • กะเทยถูกมองว่าเป็นตัวก่อปัญหา • กะเทยช่างทำผมและกะเทยผู้ใช้แรงงาน ถูกตำรวจใช้วาจาหยาบคายใส่ ขณะที่รอรถประจำทาง • “พวกมันบอกกับฉันว่า จะต่อยฉัน ถ้าไม่ให้เงินพวกมัน...ไอ้พวกสารเลว ฉันเกลียดพวกมัน เพื่อนฉันถูกตีด้วยด้ามปืนเข้าที่หัว เพราะไม่ให้เงินพวกมัน บางทีพวกมันด่าฉันอย่างกับหมูกับหมา”

  25. การบริการทางเพศ • กะเทยจำนวนไม่น้อยที่ขายบริการทางเพศพร้อมกับทำงานอื่นไปด้วย • กะเทยบางคนก็ซื้อบริการทางเพศด้วย • กะเทยขายบริการ บางคนต้องเป็นฝ่ายรุก (สาวเสียบ) • มีการใช้ถุงยางน้อยมากสำหรับออรัลเซ็กซ์ • ตำรวจเมืองพัทยา มีการใช้ “กฎ ๒ ถุงยาง” ถ้าพบใครพกถุงยางเกิน ๒ ชิ้น ต้องจ่ายค่าปรับชิ้นละ ๕๐๐บาท • การดำเนินงานเพื่อพนักงานบริการ ถือว่ายังมีไม่มากนัก กะเทยขายบริการหลายคนเรียนรู้วิธีป้องกันตัวจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเพื่อน และนิตยสารเกย์ • “ฉันเริ่มออกไปกับแขกตั้งแต่อายุ ๑๖ฉันได้เงินประมาณ ๕๐๐บาทต่อคืน พอฉันมีแฟนเป็นฝรั่ง เขาให้เงินฉัน ๑๕,๐๐๐บาทต่อเดือน ฉันส่งเงินบางส่วนกลับไปให้ครอบครัว ประมาณ ๒,๐๐๐บาทต่อเดือน ตอนนี้ ฉันมีแขก ๒-๓คนต่อสัปดาห์ แล้วก็ใช้ถุงยางกับประตูหลัง แต่ออรัลเซ็กซ์ไม่ได้ใช้ถ้าแขกไม่อยากให้ใช้”

  26. ยาเสพติด • ยาที่ใช้กันโดยทั่วไป- - แอลกอฮอล์ ยาบ้า ยานอนหลับ ยาอี ยาเค เฮโรอีน โคเคน • กะเทยที่ใช้ยาไม่ได้คุยถึงเรื่องการแสวงหาการรักษา- - พยายามคุมตัวเอง และสัญญากับครอบครัวว่าจะเลิก • “เราเริ่มมีเซ็กซ์น้อยลงทุกที เขาไม่ชอบฉันอีกต่อไปแล้ว เขาคิดว่าเขาต้องการผู้หญิง ผู้หญิงแท้ๆ ฉันถึงกับร้องไห้ และยอมรับว่าเราคงต้องจบกัน หลังจากนั้น ฉันกลับเข้าสู่ชีวิตกลางคืน ดื่มหนักมาก สูบบุหรี่ แล้วก็อัพยา แล้วมีเซ็กซ์ด้วย ฉันเป็นอีเหวอยาบ้าอยู่ประมาณ ๗ เดือน”

  27. สามี คู่รัก เพื่อนชาย • กะเทยฝันก็ที่จะหาสามี แต่ตัวเลือกที่มีนั้นน่าเศร้า • กะเทยบางคนไม่มีสุขภาวะในเรื่องชีวิตทางเพศ • โดยมากจะมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวที่ซับซ้อน • กะเทยที่มีบทบาททางสังคมแบบเดียวกับผู้หญิง อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจ • บางคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่รักมากกว่า ๕๐คนต่อปี • “ตอนแรก ฉันใช้ถุงยางเสมอ ตอนนี้ ไม่ได้ใช้แล้วแต่ยังไปตรวจเลือดทุก ๓ - ๖เดือน เขาทำงานหนักและโดยปกติชีวิตของเขาไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง เขามีเซ็กซ์กับฉันเท่านั้น”

  28. ความรักและความไว้ใจ • การใช้หรือไม่ใช้ถุงยางอนามัย บางครั้งขึ้นอยู่กับการต่อรองระหว่างบุคคล • ความปลอดจากโรคอย่างแท้จริงนั้นยังไม่ใช่เรื่องที่กะเทยจะเข้าใจได้อย่างทั่วถึง • “ฉันคิดว่าแฟนฉันกำลังมองหาใครสักคนอยู่ มักจะมีคนโทรเข้ามือถือเขา ตอนที่เขาอยู่กับฉัน แต่ฉันไม่แคร์ เพราะว่าฉันรักเขามาก และมันก็ธรรมชาติของผู้ชายอ่ะนะ เดือนนึงเราจะมีเซ็กซ์กัน ๑๕ครั้ง เปล่า เราไม่ได้ใช้ถุงยางทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเรามีถุงยางรึเปล่า ฉันไว้ใจเขา”

  29. ถุงยาง การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ HIV • กะเทยส่วนใหญ่มีคู่รักหลายคนในเวลาเดียวกัน • การตรวจโรคเป็นเรื่องที่ทำกันโดยทั่วไปแต่เป็นไปในทิศทางที่ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ • กะเทยคิดว่าเข้ารับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคลินิคเอกชนดีกว่า • ๓๐บาทรักษาทุกโรคมีปัญหาถ้าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ลงทะเบียน • “ใช่ ฉันใช้ถุงยางกับชาวต่างชาติแต่ไม่ค่อยใช้กับลูกค้าคนไทย สองอาทิตย์ที่แล้ว ฉันมีเซ็กซ์กับผู้ชายไทย แล้วเขาไม่อยากใช้ถุงยางกับฉัน ฉันไว้ใจเขา ก็เลยตามใจ เรามีเซ็กซ์ทางประตูหลังกัน ฉันกลัวเล็กน้อย หลังจากนั้น ฉันรีบไปตรวจเลือดทันที”

  30. บริการสุขภาพทางเพศ และแรงสนับสนุนส่งเสริม • “บางครั้งฉันกินข้าวกับเพื่อนๆ แต่พวกเขาบอกให้ฉันใช้ช้อนคันอื่นตักอาหาร ฉันใช้ช้อนกลางตักอาหาร แล้วก็แยกออกไปกินคนเดียว กินคนเดียวยังจะดีซะกว่า” • “บางครั้ง ถุงยางแตกไปแล้วแต่เราไม่รู้ตัว ฉันเลยไปตรวจเลือด ฉันถึงกับช๊อค ผลออกมาว่าฉันเลือดบวก ตอนนี้ฉันใช้ยา...อะไรจำชื่อไม่ได้ หมอไม่ให้ดื่มเหล้า ฉันดื่ม หมอไม่ให้สูบบุหรี่ ฉันสูบ ฉันใช้ชีวิตตามปกติ ถ้าฉันซีเรียสกับมัน ฉันคงจะทรมานมาก”

  31. ความต้องการจำเป็น และการวางนโยบายด้วยตนเอง • “ฉันต้องการที่จะมีองค์กรกะเทยในประเทศไทย มันน่าจะดีมาก ถ้าเรามีองค์กรของเราเพื่อช่วยเหลือกะเทยจนๆ หรือกะเทยติดเชื้อที่ไม่มีเงิน เราไม่ได้เลือกที่จะเป็นรึไม่เป็นกะเทย แต่ เราคือกะเทย” • “ฉันฝันที่จะมีชีวิตธรรมดาเหมือนคนอื่นเขา ถึงแม้ฉันจะเป็นกะเทย ฉันก็อยากจะทำให้พ่อแม่ฉันภูมิใจ ไม่สำคัญว่าใครจะมองยังไง ฉันหวังที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น”

  32. ข้อเสนอแนะ • ทุนสนับสนุนให้มีกลุ่มกะเทยทำงานเพื่อให้เสียงของเขาเป็นที่รับรู้ • ทบทวนมุมมองเรื่องกฎหมายเพื่อคุ้มครองการปรับเปลี่ยนความเป็นเพศ ให้สิทธิของกะเทยเท่าเทียมกับเพศอื่น • รณรงค์กับสื่อให้เกิดการปรับแก้กฎหมายเรื่องการข่มขืน • ทำงานร่วมกับรัฐ และเอกชนในเรื่องนโยบายการจ้างงาน • ให้ความรู้กับตำรวจ และจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานร่วม • พัฒนาการทำงานเรื่อง HIV โดยเฉพาะเจาะจงเพื่อกะเทย และเชื่อมโยงกับการทำงานเรื่องบริการทางเพศ • เพิ่มการฝึกอบรมและเครื่องไม้เครื่องมือเกี่ยวกับบริการสุขภาพทางเพศ • ให้ความรู้เรื่องความรุนแรงทางเพศต่อเด็ก

  33. Thank you- for the future kathoei of Thailand .

  34. Thanks to Carol Jenkins

  35. References • เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา (๒๕๔๙).กะเทยเย้ยเวที. กรุงเทพฯ: สนพ. มติชน. ๒๔๘น. (ISBN: ๙๗๔-๓๒๓-๗๓๕-๖) • Carol Jenkins, Prempreeda Pramoj Na Ayutthaya, Andrew Hunter (๒๐๐๖)Katoey in Thailand: HIV/AIDS and Life Opportunities. Washington DC: USA, USAID

More Related