400 likes | 821 Views
ความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย. เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา เลขานุการศูนย์ข้อมูลความหลากหลายทางเพศแห่งประเทศไทย Thai Queer Resources Centre: TQRC. Definition?. Sex? Gender? Sex- - เพศทางชีววิทยา ( Biological sexes. ) - - เพศสรีระ ( Physical Determination.)
E N D
ความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา เลขานุการศูนย์ข้อมูลความหลากหลายทางเพศแห่งประเทศไทย Thai Queer Resources Centre: TQRC
Definition? • Sex? • Gender? • Sex- -เพศทางชีววิทยา (Biological sexes.) - - เพศสรีระ (Physical Determination.) Gender- - เพศทางวัฒนธรรม (Cultural Determination.)
Sex, Gender, not clear? • ผู้หญิงเป็นเพศที่สุภาพเรียบร้อย • ผู้หญิงมีประจำเดือน, เมนส์ • ผู้ชายเป็นเพศที่ก้าวร้าว • ผู้ชายมีหนวด • ผู้ชายไม่สามารถควบคุมความต้องการทางเพศได้ • ผู้หญิงกินน้อย และกินข้าวหลังจากผู้ชายอิ่มแล้ว • ผู้ชายยืนถ่ายปัสสาวะ • ผู้หญิงจะวางเฉยเมื่อถูกกระทำรุนแรง • ผู้ชายไม่สามารถดูแลเด็กได้ • ผู้หญิงจะเปลี่ยนคำนำหน้านามหลังแต่งงาน • ผู้หญิงไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร • ผู้หญิงมีมดลูก • แล้วกะเทยล่ะ?
Sex is something between your legs, while gender is something between your ears
เพศเป็นเรื่องของการใส่รหัส รหัสทางเพศ มักจะไม่ถูกตั้งคำถาม • วัฒนธรรมอเมริกัน พ่อแม่จะแต่งตัวทารกชายด้วยเสื้อผ้าสีฟ้า, ส่วนทารกหญิงจะถูกแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีชมพู- - ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แต่ก็ทำตาม • มีบ้างที่ทารกหญิงจะสวมใส่เสื้อผ้าสีฟ้า, ถ้าทารกชายสวมเสื้อผ้าสีชมพูจะถูกมองว่า “ประหลาด” • การตั้งชื่อ- - ชื่อของเด็กหญิงจะใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวล เป็นสัญญะแห่งความดี ความงาม, ชื่อของเด็กชายจะใช้ถ้อยคำที่สั้น กระชับ มีน้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นสัญญะแห่งความแข็งแรง กล้าหาญ • ความหวาดกลัวต่อการสลับบทบาททางเพศ ทำให้ผู้ปกครองพยายามตั้งชื่อลูกให้เหมาะกับ(อวัยวะ)เพศ เผยให้เห็นความกลัวต่อการรักเพศเดียวกัน (Homophobia) • ทั้งนี้ มีให้เห็นบ้างว่าชื่อของเด็กหญิงแผลงมาจากชื่อของเด็กชาย, แต่ชื่อของเด็กชายที่แผลงมาจากชื่อของเด็กหญิงน้อยครั้งที่จะปรากฎ
การกลายมาเป็นชายหรือหญิงคือกระบวนการทางวัฒนธรรม กระบวนการเดียวกับการได้มาซึ่งเชื้อชาติ และชนชั้น • เพศ ถือเป็น การเมืองเรื่องการแบ่งแยก
รัฐไทย, อารยะ และสัณฐานอาการทางเพศ • สมัยรัชกาลที่ ๖ใน พ.ศ. ๒๔๖๐ทรงโปรดเกล้าให้ออกพระราชกฤษฎีกาคำนำหน้านามสตรี โดยพิจารณาตามฐานะชาติกำเนิด ฐานะทางสังคม และสถานภาพสมรสของสตรี ดังเช่นให้ใช้คำว่า • นางสาว สำหรับสตรีที่ยังโสด = Miss, • นาง สำหรับสตรีที่แต่งงานแล้ว = Missis, • คุณหญิง = Ladyในภาษาอังกฤษ • ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๖๓โปรดเกล้าให้ตราพระราชกฤษฎีกาคำนำหน้านามเด็ก • นายน้อย สำหรับเด็กชาย • นางน้อย สำหรับเด็กหญิง, ต้องเป็นบุตรข้าราชการชั้นสัญญาบัตร - - ต่อมายกเลิก • เด็กชาย-เด็กหญิง • พระราชบัญญัติขนานนามสกุล พ.ศ. ๒๔๕๖ - -หลักการสืบเชื้อสายข้างบิดา
พ.ศ. ๒๔๘๑จอมพล ป. พิบูลสงครามเรืองอำนาจ นโยบายสำคัญของรัฐบาลคือการนำประเทศเข้าสู่ความเป็นอารยะ • รัฐนิยม เป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญ ทำให้หญิง-ชายมีหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน • บุรุษ- -ประกอบอาชีพอย่างขันแข็ง, ป้องกันชาติให้พ้นจากการรุกรานของศัตรู- - เปรียบบุรุษเป็นรั้วของชาติ • สตรี- -ต้องทำหน้าที่ในบ้านเรือนให้ดีที่สุด ทั้งการเป็นเมีย, แม่ และแม่บ้าน ต้องตกแต่งร่างกายให้งดงามสดชื่น เปรียบเป็นดอกไม้ของชาติ • รัฐบาลชักชวนให้ราษฎรเปลี่ยนชื่อ, ชื่อบุรุษต้องกล้าหาญ องอาจ สมเป็นรั้วของชาติ- - เกรียงศักดิ์, สุรยุทธ; ชื่อสตรีต้องอ่อนหวานสมเป็นดอกไม้ของชาติ- - ชวนชม, สงวนศรี • ผู้ที่มีชื่อไม่บ่งเพศให้ชัดเจน จะถูกแนะนำให้เปลี่ยนชื่อใหม่ให้เหมาะสม
การเลือกใช้ความเป็นหญิง-ความเป็นชายในสังคมไทยการเลือกใช้ความเป็นหญิง-ความเป็นชายในสังคมไทย
ทำไมเราจึงมองคนที่ต่างไปจากผู้หญิง-ผู้ชายในทางลบ?ทำไมเราจึงมองคนที่ต่างไปจากผู้หญิง-ผู้ชายในทางลบ?
แหวกม่านลีลาชีวิตทางเพศThe histories of sexualities • แนวคิดเรื่องการสังวาสที่ผิดธรรมชาติ(Sodomy Law)นับเป็นหนึ่งแนวคิดเชิงศีลธรรมที่ผลิตโดยศาสนจักร • คัมภีร์ไบเบิล หน้า ๑๒หัวข้อที่๑๙เล่าถึงอวสานของเมืองโสโดม • เทพสององค์มาเยือนบ้านโลท แล้วชายหนุ่มน้อยใหญ่มาห้อมล้อมบ้านขอมีความสัมพันธ์กับเทพทั้งสอง แม้โลทจะเสนอลูกสาวสองคนให้กับชายทั้งหลายแทน แต่เขาเหล่านั้นก็ยังพยายามพังประตูบ้านเพื่อเข้าหาเทพทั้งสอง กระทั่งเทพทั้งสองโกรธและ เผาเมืองโสโดมเสีย • เรื่องนี้ยังกำกวมว่า การขอมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้มาเยือน, การขอมีสัมพันธ์ทางเพศแบบหมู่, หรือแม้การขอมีสัมพันธ์ทางเพศกับอำนาจเหนือธรรมชาติ ประเด็นใดคือความผิดกันแน่ • แต่ท้ายที่สุดเรื่องราวนี้ถูกพัฒนาให้เป็นกฎหมายบังคับใช้ในอเมริกาเรียกว่าSodomy Lawที่อ้างถึงความผิดอันเกิดจากเพศสัมพันธ์ทางเวจมรรค(Anal Intercourse)ถือว่าเป็น“Deviant sexual intercourse"การสังวาสที่ผิดธรรมชาติเพราะไม่อาจผลิตซ้ำสมาชิกใหม่ให้กับสังคม ในแง่นี้นับเนื่องให้การขายบริการทางเพศ และ การรักเพศเดียวกัน ถูกมองว่าผิด
ใน ค.ศ. ๑๘๑๗เคยปรากฎว่าชายถูกตัดสินประหารชีวิตตามกฎการสังวาสที่ผิดธรรมชาติ เพราะมีการทำรักด้วยปากกับเด็กชาย ตามกฎมองว่า เป็นอาชญากรรมต่อธรรมชาติ • ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐและแวดวงการแพทย์ พยายามจัดประเภทเพื่อควบคุมคน กลับปรากฎกรณี ชายที่ครองชีวิตกับภรรยา แอบไปมีสัมพันธ์รักกับเด็กหนุ่ม ทำให้สังคมต้องเรียนรู้คำว่ารักสองเพศเพิ่มขึ้นอีก นักกฎหมาย, นักจิตวิทยา รวมทั้งแพทย์ จึงร่วมกันจัดประเภทสร้างคำนิยามกระทั่งละเลยความพยายามสร้างสรรค์ตัวตนของบุคคล • ในปี ค.ศ. ๑๙๗๐มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกย์เพื่อแก้ไขกฎหมายและทัศนคติทางการแพทย์ เพราะปฏิบัติการทางกฎหมายและการแพทย์ สร้างคำอธิบายให้คนกลายเป็นอาชญากร หรือคนไข้ หรือผู้ป่วยทางจิต วาทกรรมการแพทย์ชี้นำคนรักเพศเดียวกันให้เข้ารับการบำบัดรักษา ผลร้ายคือ บุคคลนั้นๆ เชื่อ และรู้สึกว่าตนเองมีอาการป่วย บางคนมองว่าตนเองไร้อนาคต • ในอังกฤษ มี “Social purity campaigns” หรือการรณรงค์ให้เกิดความบริสุทธิ์ในสังคม ซึ่งระบุว่า อาชีพบริการทางเพศและชายรักเพศเดียวกันเป็นผลที่ตามมาจากความปรารถนาของผู้ชายทั้งสิ้น ทว่า ยิ่งพยายามควบคุมยิ่งเกิดการแสดงตัวตนเพื่อบอกว่า รักเพศเดียวกันเป็นวิถีชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย
กะเทยในพุทธศาสนา • กลไกควบคุมทางสังคมนั้นมีอิทธิพลต่อสังคมไทยอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ พุทธศาสนาและข้อบันทึกในพระไตรปิฎกถือเป็นผลึกของคติความเชื่อที่ตกค้างในสังคมไทยถึงปัจจุบัน • คนไทยจำนวนไม่มากที่จะรู้ว่าพระไตรปิฎกถูกสังคายนา ชำระ และจดบันทึก อย่างไม่ต่อเนื่อง มีการเทียบเคียงเปลี่ยนผ่านหลายภาษา จนบางครั้ง พบความไม่ลงรอยของข้อมูลที่บันทึกในพระไตรปิฎกแต่ละฉบับ ทำให้ความหมายเกี่ยวกับเพศเปลี่ยนไปด้วย • ในวินัยปิฎกกล่าวถึงความบริสุทธิ์ของเพศบรรพชิต ซึ่งลีลาชีวิตทางเพศถูกกล่าวถึงเพื่ออ้างเป็นวินัยควบคุมเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะกับความเลื่อมใสศรัทธาเพราะสมัยนั้นพุทธศาสนาเป็นเรื่องใหม่ในสังคมอินเดียครั้งพุทธกาล ภาพลักษณ์อันดีของสงฆ์จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความศรัทธาให้ผู้คนหันมาเลื่อมใสพุทธศาสนา • เมื่อพระไตรปิฎกถูกแปลเป็นภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีการเทียบเคียงคำว่า นปุงสกบัณเฑาะก์ที่เป็นบัณเฑาะก์โดยกำเนิด ด้วยคำว่า เป็นกะเทยโดยกำเนิด ตามความเข้าใจของพระยุคหลังที่แฝงความหมายตามสังคมยุคนั้นลงไปด้วย ยืนยันการแทรกทัศนคติของผู้ชำระพระไตรปิฎกลงไป • และเมื่อเชื่อมโยงกับเรื่องเล่าปรัมปราว่า บัณเฑาะก์ที่ได้บรรพชาในหมู่ภิกษุ เคยพูดยั่วยวนทางเพศ เป็นเหตุให้เกิดกฎห้ามบัณเฑาะก์บวช ผู้คนกลับเข้าใจว่าพุทธศาสนาห้ามกะเทยบวชเพราะคิดว่าบัณเฑาะก์กับกะเทยนั้นเหมือนกัน มีส่วนให้กะเทยดูไม่ดีในทางพุทธศาสนา
กะเทยในกฎหมาย • ในทางกฎหมาย สมัยอยุธยาตอนต้นมีกฎหมายตราสามดวง ระบุกะเทยอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถนำมาเป็นพยานได้ • ในสมัยรัตนโกสินทร์ กฎมนเทียรบาลข้อที่ ๑๒๔ กล่าวถึงบทลงโทษสนมกำนัลคบผู้หญิง ทำดุจชายเป็นชู้เมียกัน • ในประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ ในส่วนที่ ๖ ว่าด้วยความผิดที่กระทำอนาจาร หมวดที่ ๑ ความผิดฐานกระทำอนาจารอันเกี่ยวแก่สาธารณะ มาตราที่ ๒๔๒ กล่าวว่า “ผู้ใดกระทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์ ด้วยชายก็ดี หญิงก็ดี หรือทำชำเราด้วยสัตว์เดียรฉานก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด” • ในหมู่ชนชั้นนำสยามสมัยนั้น มองครอบครัวเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญ เพื่อดำรงและสืบทอดอำนาจ ดังนั้น รักเพศเดียวกันถูกมองว่าขัดต่อระเบียบทางการเมืองเพราะไม่ทำให้เกิดลูก
คติ ความคิดเหล่านี้ส่งผลอย่างไรต่อกะเทยไทยในปัจจุบัน
กะเทยไทย: โอกาสในชีวิต และ HIV ดร. แครอล เจนกิ้นส์, เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา, แอนดรู ฮันเตอร์
ชีวิตครอบครัว • กะเทยได้รับกำลังใจจากผู้เป็นแม่- - มากกว่าพ่อ • “พ่อฉันเอาอกเอาใจฉันตอนที่ฉันยังเล็ก แต่พอฉันโตขึ้น และเริ่มแสดงความเป็นตัวฉัน- - พ่อของฉันรับไม่ได้” • ญาติผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงก็ให้กำลังใจได้ดี • “ฉันขอบอกว่ากำลังใจที่ดีนั้นได้จากย่า ฉันบอกท่านว่า ถ้ายังรักฉัน ให้ฉันเป็นฉัน ตามทางของฉัน, ท่านตอบฉันว่า ยังรักฉัน- - ถึงฉันจะไม่มีแขน ไม่มีขา ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ใช่หลานท่าน, ฉันถึงกับร้องไห้”
ชีวิตในโรงเรียน • กะเทยเด็กหลายคนรู้สึกว่าตนเองเป็นหญิงตั้งแต่อายุ ๕ขวบ • ชีวิตในโรงเรียนไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับกะเทยที่เป็นนักเรียนดีประจำห้อง กะเทยจึงตั้งใจเรียนอย่างหนักให้พ่อแม่ครูอาจารย์พอใจ • ในช่วงมัธยมต้น กะเทยเด็กอาจจะเริ่มใช้ฮอร์โมน สวมเสื้อชั้นใน แต่งหน้า และแต่งหญิงบางโอกาส • เรียนรำไทย กลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับกะเทย • “ตอนฉันอยู่ ม.ต้น ฉันเรียน รร.ชาย, ที่นั่นมีกะเทยราวๆ ๒๕นาง แล้วก็มีคลับกะเทย เปิดรับสมาชิกใหม่เรื่อยๆ กะเทยบางคนพอโตขึ้นแล้วย้อนกลับไปเป็นผู้ชาย, ใครก็ตามที่กลั่นแกล้งฉัน ไม่ใช่เพื่อนของฉัน”
ความรุนแรงทางเพศต่อกะเทยเด็กความรุนแรงทางเพศต่อกะเทยเด็ก • หลายกรณีที่กะเทยเด็กถูกบังคับจากลุงหรืออาให้ทำออรัลเซ็กซ์ ตั้งแต่อายุยังน้อยกว่า ๕ปี • บางคนถูกแก๊งเด็กชาย ข่มขืนที่โรงเรียน • เสียงของกะเทยสะท้อนอารมณ์ที่ปนเปกันไป บ้างโกรธ บ้างรู้สึกสับสน • กะเทยไม่มีความเข้าใจเรื่องสิทธิที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์ และไม่เห็นความสำคัญที่จะร้องหาความช่วยเหลือที่โรงเรียน • ไม่มีกระบวนการให้คำปรึกษาในเรื่องแบบนี้ • “เขาให้ฉันทำ...ทุกๆ ๒ วัน แล้วเขาก็เอา...ของเขาใส่...ฉัน มันเจ็บ แต่เขาบอกว่าเดี๋ยวมันก็ดีเอง เขาไม่ได้ใส่ถุงยาง, ใช้ครีมจอห์นสัน มันเจ็บ, เขาบอก เดี๋ยวก็โอเค ฉันคิดว่าฉันเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่รู้อะไรร้ายๆ จะเกิดตามมา”
การทำร่างกายให้เป็นหญิงการทำร่างกายให้เป็นหญิง • ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นการปรับเปลี่ยนร่างกาย เป็นเรื่องสลักสำคัญ • กะเทยบางคนใช้ฮอร์โมนตั้งแต่ก่อน ป.๓ • ศัลกรรมเสริมทรวงอกคือขั้นต่อไป และทำกันเป็นเรื่องธรรมดา • เสริมจมูก ทำหน้า เสริมสะโพก- - ฉีดคอลลาเจน ซิลิโคน เป็นออพชั่น • บางคนผ่าตัดเต้านมออก ภายหลัง • ผ่าตัดแปลงลักษณะทางเพศ รวมทั้งเครื่องเพศนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำกันโดยทั่วไป • สำหรับกะเทยมุสลิมนั้น- - • “ฉันเคยคิดเรื่องทำนม และเสริมจมูก แต่คิดว่าจะไม่แต่งตัวเป็นหญิง ก็เพราะครอบครัวของฉัน ไม่ใช่เพราะว่าฉันกลัว แม่ของฉันห้ามไม่ให้แต่งหญิง เพราะกลัวว่าจะทำให้พ่อฉันหัวใจวาย”
การจ้างงาน • สำหรับกะเทยนั้น ความสามารถและวุฒิการศึกษาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของงาน • กะเทยถูกปฏิเสธโอกาสในการทำงาน แม้แต่งานระดับล่างๆ • กะเทยเข้าไม่ถึงโอกาสในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือครูบาอาจารย์ • การแต่งกาย และระดับของการใช้ความเป็นผู้หญิง นั้นเป็นประเด็นวิพากษ์บนตัวตนของกะเทย • การทำภาพลักษณ์ให้เป็นชาย (แอ๊บแมน) หมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น, สื่อให้เข้าใจว่ามีความสามารถมากขึ้น • กะเทยหลายคนมองว่างานบริการทางเพศเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เหลืออยู่ • “ตอนที่ฉันสมัครงานในร้านอาหารที่เชียงใหม่ เขาบอกว่ารับคนเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้แล้ว วันรุ่งขึ้น เขาเปลี่ยนป้ายประกาศ บอกว่า เขาต้องการผู้ช่วยเพศหญิง มีข้อความในวงเล็บเขียนว่า ผู้หญิงแท้ๆ มันตลกมากเลยอ่ะ”
ความเป็นพลเมือง • อาจจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หากกะเทยจะขอมีบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารทางราชการ • “เจ้าหน้าที่ ที่อำเภอของฉันพูดจาสุภาพกับฉัน ตอนที่ฉันไปทำบัตรประชาชน เขาช่วยฉันหามุมกล้องที่จะทำให้ฉันได้รูปติดบัตรที่สวยที่สุด” • แต่เมื่อใดก็ตามที่กะเทยต้องการเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ ข้อขัดแย้งระหว่างคำนำหน้านาม กับภาพลักษณ์ที่ปรากฎ มันจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่
การเกณฑ์ทหาร • คำจำกัดความ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับกะเทย • “วิกลจริต จิตเภท, มีความผิดปกติทางจิต จิตเป็นหญิง…” คำเหล่านี้ถูกใช้จริงในเอกสารทางการทหาร สด. ๔๓ • แม้ทุกวันนี้จะมีความระมัดระวังเกี่ยวกับคำจำกัดความสำหรับกะเทยในการเกณฑ์ทหารกันมากขึ้น • แต่ไม่แน่ใจว่าแนวคิดเรื่องความหลากหลายทางเพศจะเข้าถึงกรมทหารแล้วหรือไม่ • “ตอนที่เรียน รด. วันนึงฉันไปค่าย ครูฝึกบอกให้ฉันนวดให้เขาในเต๊นท์ ครูฝึกบอกว่าฉันสวย เขาให้ฉันทำออรัลเซ็กซ์ให้เขา เขาชอบมาก แล้วเราก็มีเซ็กซ์ทางประตูหลัง เท่าที่ฉันจำได้ เขาแข็งแรงมากแล้วก็หล่อมากด้วย ฉันรอตั้งนานกว่าจะได้มีเซ็กซ์กับเขา กะเทยหลายคนชอบเขาแล้วก็แซวเขา”
ความรุนแรง • กะเทยต้องเผชิญความรุนแรงแม้กระทั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ • กะเทยที่ถูกข่มขืน ไม่สามารถแจ้งความต่อตำรวจได้ เพราะกฎหมายไม่รองรับ • กะเทยถูกมองว่าเป็นตัวก่อปัญหา • กะเทยช่างทำผมและกะเทยผู้ใช้แรงงาน ถูกตำรวจใช้วาจาหยาบคายใส่ ขณะที่รอรถประจำทาง • “พวกมันบอกกับฉันว่า จะต่อยฉัน ถ้าไม่ให้เงินพวกมัน...ไอ้พวกสารเลว ฉันเกลียดพวกมัน เพื่อนฉันถูกตีด้วยด้ามปืนเข้าที่หัว เพราะไม่ให้เงินพวกมัน บางทีพวกมันด่าฉันอย่างกับหมูกับหมา”
การบริการทางเพศ • กะเทยจำนวนไม่น้อยที่ขายบริการทางเพศพร้อมกับทำงานอื่นไปด้วย • กะเทยบางคนก็ซื้อบริการทางเพศด้วย • กะเทยขายบริการ บางคนต้องเป็นฝ่ายรุก (สาวเสียบ) • มีการใช้ถุงยางน้อยมากสำหรับออรัลเซ็กซ์ • ตำรวจเมืองพัทยา มีการใช้ “กฎ ๒ ถุงยาง” ถ้าพบใครพกถุงยางเกิน ๒ ชิ้น ต้องจ่ายค่าปรับชิ้นละ ๕๐๐บาท • การดำเนินงานเพื่อพนักงานบริการ ถือว่ายังมีไม่มากนัก กะเทยขายบริการหลายคนเรียนรู้วิธีป้องกันตัวจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเพื่อน และนิตยสารเกย์ • “ฉันเริ่มออกไปกับแขกตั้งแต่อายุ ๑๖ฉันได้เงินประมาณ ๕๐๐บาทต่อคืน พอฉันมีแฟนเป็นฝรั่ง เขาให้เงินฉัน ๑๕,๐๐๐บาทต่อเดือน ฉันส่งเงินบางส่วนกลับไปให้ครอบครัว ประมาณ ๒,๐๐๐บาทต่อเดือน ตอนนี้ ฉันมีแขก ๒-๓คนต่อสัปดาห์ แล้วก็ใช้ถุงยางกับประตูหลัง แต่ออรัลเซ็กซ์ไม่ได้ใช้ถ้าแขกไม่อยากให้ใช้”
ยาเสพติด • ยาที่ใช้กันโดยทั่วไป- - แอลกอฮอล์ ยาบ้า ยานอนหลับ ยาอี ยาเค เฮโรอีน โคเคน • กะเทยที่ใช้ยาไม่ได้คุยถึงเรื่องการแสวงหาการรักษา- - พยายามคุมตัวเอง และสัญญากับครอบครัวว่าจะเลิก • “เราเริ่มมีเซ็กซ์น้อยลงทุกที เขาไม่ชอบฉันอีกต่อไปแล้ว เขาคิดว่าเขาต้องการผู้หญิง ผู้หญิงแท้ๆ ฉันถึงกับร้องไห้ และยอมรับว่าเราคงต้องจบกัน หลังจากนั้น ฉันกลับเข้าสู่ชีวิตกลางคืน ดื่มหนักมาก สูบบุหรี่ แล้วก็อัพยา แล้วมีเซ็กซ์ด้วย ฉันเป็นอีเหวอยาบ้าอยู่ประมาณ ๗ เดือน”
สามี คู่รัก เพื่อนชาย • กะเทยฝันก็ที่จะหาสามี แต่ตัวเลือกที่มีนั้นน่าเศร้า • กะเทยบางคนไม่มีสุขภาวะในเรื่องชีวิตทางเพศ • โดยมากจะมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวที่ซับซ้อน • กะเทยที่มีบทบาททางสังคมแบบเดียวกับผู้หญิง อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจ • บางคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่รักมากกว่า ๕๐คนต่อปี • “ตอนแรก ฉันใช้ถุงยางเสมอ ตอนนี้ ไม่ได้ใช้แล้วแต่ยังไปตรวจเลือดทุก ๓ - ๖เดือน เขาทำงานหนักและโดยปกติชีวิตของเขาไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง เขามีเซ็กซ์กับฉันเท่านั้น”
ความรักและความไว้ใจ • การใช้หรือไม่ใช้ถุงยางอนามัย บางครั้งขึ้นอยู่กับการต่อรองระหว่างบุคคล • ความปลอดจากโรคอย่างแท้จริงนั้นยังไม่ใช่เรื่องที่กะเทยจะเข้าใจได้อย่างทั่วถึง • “ฉันคิดว่าแฟนฉันกำลังมองหาใครสักคนอยู่ มักจะมีคนโทรเข้ามือถือเขา ตอนที่เขาอยู่กับฉัน แต่ฉันไม่แคร์ เพราะว่าฉันรักเขามาก และมันก็ธรรมชาติของผู้ชายอ่ะนะ เดือนนึงเราจะมีเซ็กซ์กัน ๑๕ครั้ง เปล่า เราไม่ได้ใช้ถุงยางทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเรามีถุงยางรึเปล่า ฉันไว้ใจเขา”
ถุงยาง การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ HIV • กะเทยส่วนใหญ่มีคู่รักหลายคนในเวลาเดียวกัน • การตรวจโรคเป็นเรื่องที่ทำกันโดยทั่วไปแต่เป็นไปในทิศทางที่ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ • กะเทยคิดว่าเข้ารับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคลินิคเอกชนดีกว่า • ๓๐บาทรักษาทุกโรคมีปัญหาถ้าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ลงทะเบียน • “ใช่ ฉันใช้ถุงยางกับชาวต่างชาติแต่ไม่ค่อยใช้กับลูกค้าคนไทย สองอาทิตย์ที่แล้ว ฉันมีเซ็กซ์กับผู้ชายไทย แล้วเขาไม่อยากใช้ถุงยางกับฉัน ฉันไว้ใจเขา ก็เลยตามใจ เรามีเซ็กซ์ทางประตูหลังกัน ฉันกลัวเล็กน้อย หลังจากนั้น ฉันรีบไปตรวจเลือดทันที”
บริการสุขภาพทางเพศ และแรงสนับสนุนส่งเสริม • “บางครั้งฉันกินข้าวกับเพื่อนๆ แต่พวกเขาบอกให้ฉันใช้ช้อนคันอื่นตักอาหาร ฉันใช้ช้อนกลางตักอาหาร แล้วก็แยกออกไปกินคนเดียว กินคนเดียวยังจะดีซะกว่า” • “บางครั้ง ถุงยางแตกไปแล้วแต่เราไม่รู้ตัว ฉันเลยไปตรวจเลือด ฉันถึงกับช๊อค ผลออกมาว่าฉันเลือดบวก ตอนนี้ฉันใช้ยา...อะไรจำชื่อไม่ได้ หมอไม่ให้ดื่มเหล้า ฉันดื่ม หมอไม่ให้สูบบุหรี่ ฉันสูบ ฉันใช้ชีวิตตามปกติ ถ้าฉันซีเรียสกับมัน ฉันคงจะทรมานมาก”
ความต้องการจำเป็น และการวางนโยบายด้วยตนเอง • “ฉันต้องการที่จะมีองค์กรกะเทยในประเทศไทย มันน่าจะดีมาก ถ้าเรามีองค์กรของเราเพื่อช่วยเหลือกะเทยจนๆ หรือกะเทยติดเชื้อที่ไม่มีเงิน เราไม่ได้เลือกที่จะเป็นรึไม่เป็นกะเทย แต่ เราคือกะเทย” • “ฉันฝันที่จะมีชีวิตธรรมดาเหมือนคนอื่นเขา ถึงแม้ฉันจะเป็นกะเทย ฉันก็อยากจะทำให้พ่อแม่ฉันภูมิใจ ไม่สำคัญว่าใครจะมองยังไง ฉันหวังที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น”
ข้อเสนอแนะ • ทุนสนับสนุนให้มีกลุ่มกะเทยทำงานเพื่อให้เสียงของเขาเป็นที่รับรู้ • ทบทวนมุมมองเรื่องกฎหมายเพื่อคุ้มครองการปรับเปลี่ยนความเป็นเพศ ให้สิทธิของกะเทยเท่าเทียมกับเพศอื่น • รณรงค์กับสื่อให้เกิดการปรับแก้กฎหมายเรื่องการข่มขืน • ทำงานร่วมกับรัฐ และเอกชนในเรื่องนโยบายการจ้างงาน • ให้ความรู้กับตำรวจ และจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานร่วม • พัฒนาการทำงานเรื่อง HIV โดยเฉพาะเจาะจงเพื่อกะเทย และเชื่อมโยงกับการทำงานเรื่องบริการทางเพศ • เพิ่มการฝึกอบรมและเครื่องไม้เครื่องมือเกี่ยวกับบริการสุขภาพทางเพศ • ให้ความรู้เรื่องความรุนแรงทางเพศต่อเด็ก
References • เปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา (๒๕๔๙).กะเทยเย้ยเวที. กรุงเทพฯ: สนพ. มติชน. ๒๔๘น. (ISBN: ๙๗๔-๓๒๓-๗๓๕-๖) • Carol Jenkins, Prempreeda Pramoj Na Ayutthaya, Andrew Hunter (๒๐๐๖)Katoey in Thailand: HIV/AIDS and Life Opportunities. Washington DC: USA, USAID