760 likes | 2.71k Views
14 ตุลา วันมหาวิปโยค. ผู้จัดทำ นางสาวศดานันท์ อบเชย รหัส : 56070302 กลุ่ม 20.
E N D
14 ตุลา วันมหาวิปโยค ผู้จัดทำ นางสาวศดานันท์ อบเชย รหัส : 56070302 กลุ่ม 20
40 ปีเต็มที่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การเรียกร้องประชาธิปไตยของมวลชนนักศึกษาและเหล่าประชาชนยังคงเป็นที่จดจำมาถึงทุกวันนี้ แต่คงมีหลายคนที่เกิดไม่ทันในยุคนั้น ถึงวันนี้วันแห่งประวัติศาสตร์เวียนมาอีกครั้งสำหรับใครที่เกิดไม่ทันมาย้อนอดีตพร้อมๆกัน
สาเหตุ เริ่มมาจากการที่จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหารตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 โดยนักศึกษาและประชาชนมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจตนเองจาก จอมพลสฤษดิ์ธนะรัชต์อีกทั้ง จอมพลประภาส จารุเสถียร ต่ออายุราชการให้ตนเอง ประกอบกับข่าวคราวเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการต่าง ๆ สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่ประชาชน ภาพจอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลสฤษดิ์ธนะรัชต์
เริ่มต้นเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2516สมาชิกของกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญถูกตำรวจสันติบาลและนครบาลเข้าจับกุมกลุ่มเรียกร้องได้ 11 คน ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา "มั่วสุมชักชวนให้มีการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน" และจับอดีต ส.ส.อีก 2 คน รวมทั้งหมดเป็น 13 คน ซึ่งถูกเรียกว่า 13 ขบถรัฐธรรมนูญ
วันที่ 9 ตุลาคมนิสิตนักศึกษาหลายสถาบันเริ่มชุมนุม มีมติให้ยื่นหนังสือถึงจอมพล ถนอมให้ปล่อย 13 กบฏ และประกาศประท้วงถึงที่สุด เวลา 20.00 น.
วันที่ 10 ตุลาคมนักเรียนอาชีวะ นิสิต นักศึกษาในกรุงเทพฯจากหลายสถาบันเริ่มทยอยกันมาชุมนุมที่ลานโพธิ์จอมพลถนอม กิตติขจรได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นการฉุกเฉินที่ศูนย์ปฏิบัติการทหารบก(ศ.ป.ก.ท.บ.) สวนรื่นฤดี มีมติแต่งตั้งให้จอมพลประภาส จารุเสถียรรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบ
วันที่ 11 ตุลาคมหลังจากชุมนุมโจมตีรัฐบาลมาตลอดทั้งคืน นิสิต นักศึกษา และประชาชนจากทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงก็ได้ทยอยหลั่งไหลมายังสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตลอดทั้งวันจนทำให้มีผู้ร่วมชุมนุมกว่า 6 หมื่นคนทางด้านฝ่ายเผด็จการ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้สั่งให้ทหาร 3 เหล่าทัพ เตรียมพร้อมเพื่อรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และตำรวจในต่างจังหวัดได้รับคำสั่งให้กักรถที่บรรทุกนักเรียนนักศึกษาต่าง จังหวัดไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ
วันที่ 12 ตุลาคมนายสมบัติ ธำรงค์ธัญญวงศ์เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาในขณะนั้น ได้ประกาศ แถลงการณ์ของศูนย์ มีใจความว่า ให้ปลดปล่อยผู้ต้องหาทั้ง 13 คนภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลเป็นที่น่าพอใจ จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ซึ่งฝ่ายรัฐบาลได้ประชุมตกลงยอมปล่อยผู้ ต้องหาทั้ง 13 คนได้โดยมีการประกันตัวส่วนข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏและคอมมิวนิสต์นั้นให้ไปต่อสู้กันในชั้นศาลและได้ออกประกาศทางกรมประชาสัมพันธ์
เหตุการณ์จราจล วันที่ 13 ตุลาคมเริ่มต้นเดินขบวนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกไปตามถนนราชดำเนิน สู่ลานพระบรมรูปทรงม้า (คาดกันว่ามีราว 500,000 คน) แกนนำนักศึกษาได้เข้าพบเจรจากับพลเอกประภาส จารุเสถียรและคณะนายตำรวจระดับผู้ใหญ่ โดยทำสัญญาว่ารัฐบาลจะปล่อยตัวผู้ต้องขังทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขและจะร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จก่อนเดือนตุลาคม 2517 ส่วนทางฝ่ายผู้ชุมนุมก็ต้องหาทางให้ฝูงชนสลายตัวโดยเร็วที่สุดทางด้านนายสมบัติก็แจ้งทางศูนย์ฯเมื่อเวลา 14.45 น.ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักศึกษาจัดตัวแทนเข้าเฝ้าได้
ปัญหาเกิดขึ้นในตอนนี้ที่แกนนำที่ไปเจรจาและเข้าเฝ้ายังไม่ได้แจ้งข่าวให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่นายเสกสรร ดูแลอยู่ทราบอะไร จึงตัดสินใจเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาในเวลา 17.30 น.ระหว่างขบวนกำลังเคลื่อนอยู่นั้น กลุ่มที่ได้ทราบประกาศจากกลุ่มที่เข้าเฝ้าว่าทั้ง 13 คนได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข และจะได้รัฐธรรมนูญภายในตุลาคม 2517 แต่กระนั้นฝูงชนเริ่มเรียกร้องว่าจะเอารัฐธรรมนูญเร็วกว่านั้น
เหตุการณ์ 14 ตุลา เช้าตรู่วันที่ 14 ตุลาคมจุดเริ่มต้นของจลาจลเริ่มก่อต่อขึ้น เมื่อผู้ชุมนุมประท้วงกำลังแยกย้ายกลับและได้ใช้เส้นทางหน้าพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ จึงเกิดการกระทบกระทั่งปะทะกันกลายเป็นการจลาจลฝ่ายกลุ่มคนที่ล่วงหน้ากลับไปยังธรรมศาสตร์ได้ข่าวว่าตำรวจตีประชาชนก็โกรธแค้นจึงเรียกให้กลับไปพร้อมที่ธรรมศาสตร์ เหตุการณ์ได้บานปลายลุกลามอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ ทหารและตำรวจออกปราบฝูงชนโดยใช้ทั้งอาวุธปืน รถถัง และเฮลิคอปเตอร์ มีการต่อสู้ตลอดสายถนนราชดำเนินตั้งแต่ผ่านฟ้าถึงสนามหลวง
ในตอนค่ำวันที่ 14 ตุลาคมจอมพลถนอมได้ประกาศลาออก และนายสัญญา ธรรมศักดิ์ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกแทน แล้วแต่เหตุการณ์ก็ยังไม่สงบเพราะประชาชนยังไม่วางใจเพราะจอมพลถนอมยังอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดเหตุการณ์จึงยังไม่สงบโดยกลุ่มทหารได้เปิดฉากยิงเข้าใส่นักศึกษาและประชาชนอีกครั้งหลังจากพระราชดำรัสทางโทรทัศน์เพียงหนึ่งชั่วโมง
หลังเหตุการณ์ วันที่ 15 ตุลาคมเวลา 08.15 น. สถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ก็ได้กระจายเสียงประกาศของนายสัญญา ธรรมศักดินายกรัฐมนตรีคนใหม่ให้ข้าราชการในกรุงเทพฯ หยุดเป็นเวลา 3 วันในตอนหัวค่ำ ได้มีประกาศว่า จอมพลประภาส พ.อ. ณรงค์และบริวารได้เดินทางออกนอกประเทศไปยังไทเป ส่วนจอมพลถนอม และครอบครัว เดินทางไปขอลี้ภัยในสหรัฐอเมริกาในคืนถัดมาเหตุการณ์จึงค่อยสงบลง
วันที่ 16 ตุลาคมผู้ชุมนุมและประชาชนต่างพากันช่วยทำความสะอาดพื้นถนนและสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ที่ทำเนียบรัฐบาล คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ประชุมเป็นครั้งแรกเมื่อเวลา 17.30 น. โดยมีมติให้ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ชุมนุมระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม 2516 และมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่คณะรัฐมนตรี มีมติให้ก่อสร้าง อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ขึ้นที่ สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง โดยกว่าจะผ่านกระบวนต่าง ๆ และสร้างจนแล้วเสร็จนั้น ต้องใช้เวลาถึง 28 ปี
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนการปกครองจากอำนาจเผด็จการทางทหารที่กินระยะเวลามานานถึง 16 ปี ไปสู่มือนักการเมือง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านมากว่า 40 ปีแล้วก็ยังสามารถเป็นบทเรียนได้ในสังคมยุคปัจจุบันที่เราก็ยังมีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มต่างๆ ซึ่งเรายังจะติดอยู่กับวังวลเดิมๆ หรือ ประชาธิปไตยจะกว้าหน้า คงต้องขึ้นอยู่กับประชาชนชาวไทยทั้งหลายแล้วล่ะว่าเราจะใช้อำนาจที่พึงมีให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไรต่อประเทศชาติ