1 / 33

การประยุกต์ทฤษฎีมาใช้ ในการปรับพฤติกรรมสุขภาพ

การประยุกต์ทฤษฎีมาใช้ ในการปรับพฤติกรรมสุขภาพ. PRECEDE Framework. ผู้พัฒนาโมเดล : Lawrence W. Green et al., 19 80 PRECEDE : ย่อมาจาก Predisposing, Reinforcing, and Enabling Causes in Educational Diagnosis and Evaluation. PRECEDE Framework. แนวคิด :

frye
Download Presentation

การประยุกต์ทฤษฎีมาใช้ ในการปรับพฤติกรรมสุขภาพ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การประยุกต์ทฤษฎีมาใช้การประยุกต์ทฤษฎีมาใช้ ในการปรับพฤติกรรมสุขภาพ

  2. PRECEDE Framework ผู้พัฒนาโมเดล : Lawrence W. Green et al., 1980 PRECEDE : ย่อมาจาก Predisposing,Reinforcing, and Enabling Causes in Educational Diagnosis and Evaluation

  3. PRECEDE Framework แนวคิด: • พฤติกรรมมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยรวมกัน • .การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจึงต้องอาศัยวิธีการหลายวิธีการ หรือศาสตร์ต่างๆ หลายแขนงมาผสมผสานคือบูรณาการในการเปลี่ยนแปลง

  4. Knowledge Attitude Value Belief Demographic data Predisposing

  5. Accessibility Economics Skill etc Enabling

  6. Parents Friends Teachers Bosses etc Reinforcing

  7. Health Belief Model (HBM) ผู้พัฒนา Model: Kurt Lewin (1951)การรับรู้ของบุคคลเป็นตัวบ่งชี้พฤติกรรม จะทำในสิ่งที่ตนคาดว่าเห็นผลดี และจะหลีกเลี่ยงที่ตนไม่ปรารถนา

  8. Health Belief Model (HBM) Rosen stock (1966)ได้นำรูปแบบมาอธิบายพฤติกรรมป้องกันโรคของบุคคล Beckerและ Maiman (1975) :ใช้ทำนายพฤติกรรมป้องกันโรคของบุคคล

  9. แนวคิดเน้นความเชื่อของบุคคลแนวคิดเน้นความเชื่อของบุคคล การที่บุคคลใดจะมีพฤติกรรมป้องกันโรคหรือไม่นั้น ต้องมีความเชื่อว่า • ตนเองมีโอกาสเป็นโรคนั้น ๆ ได้ • โรคนั้น ๆ มีอาการรุนแรงอาจทำให้ตาย หรือพิการได้

  10. องค์ประกอบของ Health Belief Model(Key Element) • การรับรู้ต่อโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรค • การรับรู้ความรุนแรงของโรค • การรับรู้ถึงผลประโยชน์และค่าใช้จ่าย • แรงจูงใจให้ปฏิบัติ • ปัจจัยร่วม

  11. แนวคิดเน้นความเชื่อของบุคคลแนวคิดเน้นความเชื่อของบุคคล การที่บุคคลใดจะมีพฤติกรรมป้องกันโรคหรือไม่นั้น ต้องมีความเชื่อว่า 3. เชื่อในผลประโยชน์ที่ได้รับ หากไปรับบริการการป้องกันโรคนั้น ๆ 4. .มีปัจจัยแรงจูงใจให้เกิดพฤติกรรม

  12. แนวคิดเน้นความเชื่อของบุคคลแนวคิดเน้นความเชื่อของบุคคล การที่บุคคลใดจะมีพฤติกรรมป้องกันโรคหรือไม่นั้น ต้องมีความเชื่อว่า 5. มีปัจจัยร่วมได้แก่ อายุ เพศ บุคลิกภาพ ฯลฯ 6. ปัจจัยกระตุ้น ได้แก่ ข่าวสาร ซึ่งบุคคลได้รับจากสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ เพื่อนบ้าน ฯลฯ

  13. ความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ปัจจัยร่วม พฤติกรรมความร่วมมือ แรงจูงใจ - แรงจูงใจเกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป - ความตั้งใจที่จะยอมรับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำ-กิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ด้านประชากร -ผู้ป่วยเด็ก คนชรา ด้านโครงสร้าง - ค่าใช้จ่าย ระยะเวลาในการรักษา ความยุ่งยาก อาการข้างเคียง ความเป็นไปได้ที่จะปฏิบัติตามการรักษา และแบบแผนพฤติกรรมใหม่ ด้านทัศนคติ -ความพึงพอใจต่อการมาโรงพยาบาล แพทย์ผู้รักษา เจ้าหน้าที่อื่น ๆ ขั้นตอนของคลินิก และความสะอาด ด้านปฏิสัมพันธ์ -ลักษณะชนิดและความสม่ำเสมอของความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วย ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ด้านสนับสนุน -ประสบการณ์ต่อการปฏิบัติ ความเจ็บป่วยหรือการรักษา แหล่งของคำแนะนำข่าวสารและส่งต่อเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง คุณค่าของการลดภาวะการเจ็บป่วย ผู้ป่วยจะคาดคะเนถึง : - โอกาสเสี่ยงต่อโรคหรือการเป็นซ้ำ - ความเชื่อต่อการวินิจฉัยของแพทย์ - การง่ายต่ออากรเจ็บป่วยโดยทั่วไป - อันตรายที่จะเกิดต่อร่างกา - ผลกระทบต่อบทบาททางสังคม - อาการของโรคในปัจจุบันที่เคยเป็นมาก่อน ความร่วมมือในการปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น การรับประทานยา ควบคุมอาหาร ออกกำลังการ มาตรวจตามนัด ปรับปรุงนิสัยส่วนตัวบางอย่างเพื่อสุขภาพที่ดี ความร่วมมือในการลดภาวะการเจ็บป่วย ผู้ป่วยจะคาดคะเนถึง - :ความปลอดภัยของการรักษา - ประสิทธิภาพของการรักษ - ความเชื่อถือและไว้วางใจในแพทย์ผู้ รักษา วิธีรักษา -โอกาสที่จะทุเลาหรือหายป่วย

  14. การรับรู้ส่วนบุคคล ปัจจัยร่วม แนวโน้มปฏิบัติ ตัวแผนด้านประชากร:-อายุ เพศ เชื้อชาติ อื่น ๆ ตัวแปรด้านจิตสังคม :- บุคลิกภาพ สถานภาพกลุ่ม ฐานะทางสังคม ผู้ร่วมงาน - การรับรู้ถึงประโยชน์ของการปฏิบัติเพื่อการป้องกันโรค - การรับรู้ถึงอุปสรรคต่อการปฏิบัติเพื่อป้องกันโรค การรับรู้ถึง : - โอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรค - ความรุนแรงของโรค การปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อป้อง กันโรค การรับรู้ภาวะการคุกคามของโรค สิ่งชักนำให้มีการปฏิบัติ : - บทความหรือโฆษณาในวารสารหนังสือพิมพ์ สื่อมวลชน - แพทย์และเจ้าหน้าที่สุขภาพ - บุคคลอื่น ๆ - สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนที่เคยเจ็บป่วยมาแล้ว

  15. สร้างการรับรู้ • ให้สิ่งของ • ข้อมูลข่าวสาร • ให้กำลังใจ • กระตุ้นเตือน  ให้ความรู้ สนับสนุนทางสังคม  ให้การปรึกษา

  16. 2. การเชื่อในความสามารถของตน (Self-Efficacy) 2.1 การรับรู้ความสามารถตนเองคือการที่บุคคลเชื่อว่าตนเองสามารถกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ 2.2 ความคาดหวังในผลลัพธ์จากการปฏิบัติ คือการที่บุคคลมีความคาดหวังในผลลัพธ์ ที่สืบเนื่องจากการกระทำ

  17. บุคคล พฤติกรรม ผลลัพธ์ Efficacy Expectation Efficacy Expectation

  18. แหล่งของความคาดหวังในความเชื่อความสามารถของตนแหล่งของความคาดหวังในความเชื่อความสามารถของตน • ประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จ (Performance Accomplishments) • .การใช้ตัวแบบ (Vicarious Experience) • .การชักจูง (Verbal Persuasion) • .การกระตุ้นทางอารมณ์(Emotional Arousal)

  19. การพัฒนาพฤติกรรม • ให้ความรู้ / พูดชักจูง • ฝึกปฏิบัติ • ตัวแบบ • สนับสนุนทางสังคม

  20. การวัด • ความรู้ • ความคาดหวัง • - ความสามารถ • - ผลลัพธ์

  21. Social Support การสนับสนุนทางสังคมหมายถึง สิ่งที่ “ผู้รับการสนับสนุน” ได้รับความช่วยเหลือด้านข้อมูลข่าวสาร วัสดุ สิ่งของ หรือด้านจิตใจ จาก “ผู้ให้การสนับสนุน” แล้วมีผลทำให้ผู้รับการสนับสนุนปฏิบัติตามที่ผู้ให้การสนับสนุนต้องการ

  22. องค์ประกอบของSocial Support (House) • Information Support • Appraisal Support • Instrumental Support • Emotional Support

  23. หลักการของการสนับสนุนทางสังคม(บุญเยี่ยม ตระกูลวงษ์, 2530) ประกอบด้วย • 1. จะต้องมีการติดต่อสื่อสารระหว่าง “ผู้ให้” และ “ผู้รับ” การสนับสนุน • 2. ลักษณะของการติดต่อสื่อสารนั้นจะต้องประกอบไปด้วย • 2. 1 ข้อมูลข่าวสารมีลักษณะที่ “ผู้รับ” เชื่อว่ามีคนสนใจ เอาใจใส่ และมีความรักความหวังดีในตนอย่างจริงใจ • 2.2 ข้อมูลข่าวสารมีลักษณะที่ “ผู้รับ” รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และเป็นที่ ยอมรับในสังคม

  24. หลักการของการสนับสนุนทางสังคม(บุญเยี่ยม ตระกูลวงษ์, 2530) ประกอบด้วย • 2.3 ข้อมูลข่าวสารมีลักษณะที่ “ผู้รับ” เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและสามารถทำประโยชน์แก่สังคมได้ • 3. ปัจจัยนำเข้าของการสนับสนุนอาจอยู่ในรูปข้อมูลข่าวสาร วัสดุ สิ่งของ หรือจิตใจ • 4. จะต้องช่วยให้ “ผู้รับ” ได้บรรลุถึงจุดหมายที่ต้องการ

  25. Transtheoretical Model (Stages of Change) ผู้พัฒนา Model : Prochaska และ Di Clemeter แนวคิด : การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนมีระยะความพร้อมที่ จะเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจึงต้องใช้กระบวนการจูงใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลายวิธีการตามระยะเวลา ในการเปลี่ยนพฤติกรรม

  26. กิจกรรม • เพิ่มความตระหนัก โดยการให้ข้อมูลความเสี่ยง และประโยชน์ของการเปลี่ยนพฤติกรรม • การจูงใจ การสนับสนุน • ให้มีการวางแผนที่จะปฏิบัติกำหนดเป้าหมาย • ให้มีการสะท้อนการปฏิบัติ การแก้ปัญหา การสนับสนุนทางสังคม การเสริมแรง ให้กำลังใจ • ให้กำหนดทางเลือกที่เหมาะสม และมั่นคง การป้องกันการกลับไป การป้องกันการกลับไปมีพฤติกรรมเดิม สภาวะความพร้อม Pre-contemplation Contemplation .Decision / Determination .Action . Maintenance

  27. Thank You for Attention

More Related