1 / 25

IP AdDress & Subnetting โดยอาจารย์ นัณฑ์ศิ ตา ชูรัตน์

IP AdDress & Subnetting โดยอาจารย์ นัณฑ์ศิ ตา ชูรัตน์. IP Address. IP Address คือ หมายเลขประจำเครื่องในระบบเครือข่าย โดยมีขนาด 32 บิต แบ่งออกเป็น 4 ชุด ชุดละ 8 บิตดังลักษณะนี้ xxx.xxx.xxx.xxx

hedia
Download Presentation

IP AdDress & Subnetting โดยอาจารย์ นัณฑ์ศิ ตา ชูรัตน์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. IP AdDress & Subnettingโดยอาจารย์นัณฑ์ศิตา ชูรัตน์

  2. IP Address IP Address คือ หมายเลขประจำเครื่องในระบบเครือข่าย โดยมีขนาด 32 บิตแบ่งออกเป็น 4 ชุด ชุดละ 8 บิตดังลักษณะนี้ xxx.xxx.xxx.xxx ใช้ในการอ้างอิงการมีตัวตนของอุปกรณ์นั้นในระบบเครือข่าย เช่น Computer A มี IP เป็น 10.25.4.5 • เลขในแต่ละชุดสามารถเป็นเลขได้ตั้งแต่ 0 – 255 คือ0.0.0.0 ไปจนถึง 255.255.255.255

  3. รูปแบบของIP Address IPv4 – เป็นไอพีที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ก็คือใช้ 32 บิต โดยสามารถแจกจ่ายให้ใช้งานได้ 232ไอพี IPv6 – เป็นไอพีที่เริ่มมีการใช้งานบ้างแล้วในปัจจุบัน โดยสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาไอพีในปัจจุบันเริ่มที่จะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่ง IPv6 นี้จะใช้ Address ขนาด 128 ในการระบุตัวตน ทำให้สามารถแจกจ่ายให้ใช้งานได้ 2128 ไอพี • ตัวอย่าง IPv6 เช่น 2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334 • ซึ่งสามารถย่อได้(ย่อชุดที่มีเลขขึ้นต้นเป็น 0)เป็น2001:db8:85a3::8a2e:370:7334 < Think Network > IT Camp#6 @ IT KMITL

  4. IP ไม่ซ้ำกัน เป็นไปได้อย่างไร ? • บนโลกมีอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบเครือข่ายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการที่จะทำให้มี IP เพียงพอต่อการใช้งาน ก็จะสามารถมีเครื่องที่ใช้งานได้ 255 x 255 x 255 x 255 = 4,294,967,296 เครื่อง • ซึ่งดูเหมือนจะเพียงพอ แต่ถ้าเราสามารถแบ่งย่อยได้อีกละ ? • จึงได้มีการแบ่ง IP Address ออกเป็น 2 ประเภท คือ • Private IP Address • Public IP Address < Think Network > IT Camp#6 @ IT KMITL

  5. Private IP Address • Private IP คือ หมายเลข IP ที่ใช้ภายในระบบเครือข่ายย่อยๆ เช่นในวง LAN ที่มีอุปกรณ์มากกว่า 1 ชิ้น 192.168.1.1 192.168.1.2 192.168.1.3 192.168.1.4

  6. Public IP Address Public IP Address คือ หมายเลข IP ที่ใช้ในการติดต่อกับเครือข่ายภายนอกจริง เช่น จากบ้านของเราไปยัง server ของ Google ซึ่งหมายเลข IP ประเภทนี้จะไม่มีซ้ำกันเลย 161.246.3.15

  7. การใช้งาน Private & Public IP 192.168.1.1 192.168.1.2 192.168.1.3 161.246.3.15 192.168.1.4

  8. การใช้งาน Private & Public IP Private IP สามารถนำไปใช้งานได้ทั่วไปในทุกๆเครือข่ายภายใน พูดง่ายๆก็คือ บริษัท A ก็สามารถใช้งาน IP 192.168.x.x ได้ ในขณะเดียวกันบ้านของนาย ก ก็สามารถใช้งาน IP 192.168.x.x ได้ด้วย 192.168.1.1 192.168.1.1 192.168.1.2 192.168.1.3 192.168.1.2

  9. การแจก IP Address ให้ภายในเครือข่าย การแจก IP ให้ภายในเครือข่าย (Private IP)มีวิธีการ 2 วิธีคือ • Dynamic IP Address – มีอุปกรณ์ในการแจก IP ให้โดยอัตโนมัติ(DHCP = Dynamic Host Configuration Protocol) • Static IP Address – ผู้ดูแลระบบทำการกำหนดด้วยตนเอง โดยข้อจำกัดของวิธีนี้คือ • ในเครือข่ายจะต้องมี Subnet Mask ตรงกัน • ในเครือข่ายจะต้องมี Network Address ตรงกัน • ในเครือข่ายจะต้องมี Host Address ไม่ตรงกัน

  10. Subnet Mask Subnet Mask คือ ชุดของตัวเลขที่ต้องใช้ควบคู่กับ IP Address เพื่อใช้ในการระบุจำนวนบิตของ Network Address และ Host Address • Network Address คือเลข IP ของเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่ เช่นภายใน สจล. มี Network Address เป็น 161.246.0.0 • Host Address คือเลข IP ของเครื่องที่เราใช้งานอยู่ เช่น161.246.1.2

  11. 161.246.1.2 Network Address Host Address • จาก IP Address 161.246.1.2 เราสามารถแยกออกได้เป็น • การที่เราจะสามารถแยกได้ว่าส่วนใดของ IP เป็น Network หรือ Host จะต้องนำค่า Subnet Mask มาใช้ ลักษณะของ Subnet Mask จะเป็นดังนี้ • แบบตัวเลข เช่น 255.0.0.0 255.255.255.0255.255.254.0 255.255.192.0 • แบบใช้ “/” เช่น เลขไอพี/22 เลขไอพี/28 เลขไอพี/31

  12. 11111111.11111111.11111100.00000000 • การแปลงระหว่างแบบตัวเลขกับแบบ “/” (ใช้หลักของเลขฐานสอง)ดูตัวอย่างจาก 255.255.252.0 ซึ่งสามารถแปลงเป็นเลขฐานสองได้ดังนี้ • เราจะสังเกตได้ว่าตั้งแต่บิตแรกไปจนถึงบิตที่ 22 มีค่าเป็น 1 ทั้งหมดนั่นคือ Subnet Mask = เลขไอพี/22 • แล้วถ้าได้มาเป็น /23 ล่ะ จะแปลงอย่างไรก็ให้ทำการเขียนเลขหนึ่งติดกันลงไป 23 ตัว ดังนี้ • จากนั้นก็ทำการแปลงให้เป็นเลขฐานสอง จะได้ Subnet Mask เป็น 11111111.11111111.11111110.00000000 255.255.254.0

  13. การใช้ IP Address กับ Subnet Mask • ตามปกติแล้วการบอก IP Address จะต้องทำการบอกเลข Subnet Mask ด้วย เช่น • 161.246.2.1 Subnet 255.255.255.0 • 161.246.2.1/24 • จะเห็นได้ว่าทั้งสองแบบข้างบนนั้น อ้างอิงไปถึงเลข IP และ Subnet เดียวกัน • โดย Subnet จะบ่งบอกถึงจำนวนบิตของ Network Address เช่น 255.255.255.0 จะมี Network Address จำนวน 24 บิต

  14. การหา Network IP • เราสามารถหา Network IP จาก IP Address และ Subnet Mask ได้โดย • ทำการแปลงค่าของ IP กับ Subnet ให้เป็นเลขฐานสอง • นำมาเปรียบเทียบกันบิตต่อบิตโดยให้เทียบแบบ”และ” ถ้าบิตเดียวกันของทั้งสองค่ามีค่าเหมือนกัน ให้ใส่ในช่องคำตอบเป็น 1แต่ถ้าต่างกันให้ใส่ค่าเป็น 0 • คำตอบที่ได้ก็คือเลขของ Network IP ดังตัวอย่างในหน้าถัดไป >>>

  15. IP Subnet Network 10100001.11110110.01011110.00110011 11111111.11111111.11111111.11110000 10100001.11110110.01011110.00110000 ตัวอย่าง -> 161.246.94.51/28 - ทำการแปลงให้เป็นเลขฐานสอง - แปลงค่ากลับให้เป็นเลขฐานสิบ จะได้ Network IP เป็น 161.246.94.48

  16. Subnetting • การ Subnetting (การแบ่ง subnet) คือการแบ่งกลุ่มของ network ออกเป็นกลุ่มๆ เปรียบได้กับการแบ่งลูกบอลทั้งหมดออกเป็นกลุ่มๆ ดังนี้ แบ่งกลุ่ม

  17. การแบ่ง subnet ก็เช่นเดียวกัน คือเป็นการแจกจ่าย IP ที่ได้รับมาออกไปให้แต่ละกลุ่มของเครือข่าย ตัวอย่างการแบ่ง subnet ในกรณีที่มีจำนวนอุปกรณ์เท่ากันในแต่ละเครือข่ายเท่ากัน เช่น • ภายในคณะ IT มีอยู่ทั้งหมด 6 ชั้น แต่ละชั้นมีอยู่ 8 ห้อง ถ้าทางคณะได้รับแจก IP Address คือ M เราจะต้องทำการแจก IP ให้ในแต่ละชั้นและแต่ละห้องด้วย เช่น ชั้น 1 ห้อง 1 จะได้ IP คือ M11 เป็นต้น

  18. ตัวอย่างโจทย์ ให้ IP มาเป็น 10.16.0.0 /16 ต้องการแบ่งให้ได้ 4 subnet • วิธีทำ 1.เขียน IP ที่ได้มาให้อยู่ในรูปเลขฐานสอง จะได้ 00001010.00010000.00000000.00000000 2.เนื่องจาก subnet mask = /16 แสดงว่า network id คือตั้งแต่บิตแรกถึงบิตที่ 16 ดังนี้ 00001010.00010000.00000000.00000000 Network id Host id

  19. 3.เนื่องจากโจทย์ต้องการ 4 subnet ดังนั้นจะต้องทำการยืมบิตของ host id ไปให้ network id เพื่อเพิ่มจำนวนเครือข่าย โดยจะต้องยืมไป 2 บิต (เนื่องจาก 2 บิต = 22= 4 เครือข่าย) 00001010.00010000.00000000.00000000 4.นั่นคือ เครือข่ายที่สามารถเป็นไปได้ เป็นดังนี้00001010.00010000.00000000.00000000 = 10.16.0.0 /18 00001010.00010000.01000000.00000000 = 10.16.64.0 /18 00001010.00010000.10000000.00000000 = 10.16.128.0 /18 00001010.00010000.11000000.00000000 = 10.16.192.0 /18 • จำนวนเครื่องที่ใช้งานได้ในแต่ละเครือข่าย = (2จำนวนบิตของ hostid)- 2 • ในกรณีนี้ จำนวนเครื่องที่ใช้ได้ในแต่ละเครือข่าย = (214) - 2 เครื่อง

  20. ถ้ากำหนด IP Address ให้เป็น 141.223.41.0 /24 ต้องการแบ่งให้ได้ 8 subnet จะแบ่งได้อย่างไร • ขั้นแรก แปลงร่าง IP ก่อน จะได้ 10001101.11011111.00101001.00000000 • ขั้นสองดูว่า network id มันอยู่ถึงตรงไหน จะเห็นว่าเป็น /24 จะได้ว่า Network id Host id 10001101.11011111.00101001.00000000

  21. ขั้นสาม โจทย์ต้องการ 8 subnet ดังนั้นเราจะต้องแบ่งบิตของ host id ไปให้ network id 3 บิต(3 บิต = 23 เครือข่าย = 8 เครือข่าย) 10001101.11011111.00101001.00000000 • ขั้นสี่ ทำการแบ่งและแปลงร่างกลับ ดังนี้ 10001101.11011111.00101001.00000000 = 141.223.41.0 /27 10001101.11011111.00101001.00100000 = 141.223.41.32 /27 10001101.11011111.00101001.01000000 = 141.223.41.64 /27 10001101.11011111.00101001.01100000 = 141.223.41.96 /27 10001101.11011111.00101001.10000000 = 141.223.41.128 /27 10001101.11011111.00101001.10100000 = 141.223.41.160 /27 10001101.11011111.00101001.11000000 = 141.223.41.192 /27 10001101.11011111.00101001.11100000 = 141.223.41.224 /27 • จำนวนเครื่องที่ใช้ได้ในแต่ละเครือข่าย = (25) – 2 เครื่อง

  22. -2 Why • สาเหตุที่จำนวนเครื่องที่ใช้งานได้ในแต่ละ subnet จะต้องทำการลบสองด้วยนั้น ก็เพราะว่า IP เบอร์แรกจะเป็น IP ที่เจาะจงไว้ใช้สำหรับเป็น Network IP • ส่วน IP เบอร์สุดท้าย จะเจาะจงไว้ใช้เป็น IP Broadcast • ทำให้จะต้องทำการลบด้วยสองทุกครั้งเพื่อไม่นับ IP 2 เบอร์นี้นั่นเอง ^.^ < Think Network > IT Camp#6 @ IT KMITL

  23. Problem Solving • คณะไอทีลาดกระบัง ได้ IP = 161.246.192.0 /20 มาจากสำนักวิจัยคอมพิวเตอร์ ตึกคณะไอทีมีทั้งหมด 6 ชั้นดังนั้นต้องมีการแบ่ง subnet อย่างไรบ้าง และให้บอกไอพีแรกและไอพีสุดท้ายที่สามารถแจกจ่ายได้ของแต่ละ subnet (อย่าลืมนะว่าไอพีแรกสุดและไอพีท้ายสุดของแต่ละ subnet ไม่สามารถนำมาใช้ได้)

  24. Answer • แบ่ง subnet ก่อนเลย ตึกมี 6 ชั้น จึงต้องใช้ 6 subnet • นั่นคือจะต้องยืมบิตไป 3 บิต = 8 subnet • จะได้แต่ละ subnet เป็นดังนี้ 10100001.11110110.11000000.00000000 = 161.246.192.0 /23 10100001.11110110.11000010.00000000 = 161.246.194.0 /23 10100001.11110110.11000100.00000000 = 161.246.196.0 /23 10100001.11110110.11000110.00000000 = 161.246.198.0 /23 10100001.11110110.11001000.00000000 = 161.246.200.0 /23 10100001.11110110.11001010.00000000 = 161.246.202.0 /23 10100001.11110110.11001100.00000000 = 161.246.204.0 /23 10100001.11110110.11001110.00000000 = 161.246.206.0 /23 ใช้แค่นี้พอแล้ว

  25. คราวนี้มาดูกันว่า IP แรกและสุดท้ายที่แต่ละ subnet สามารถใช้ได้มีอะไรบ้าง • Subnet 1 คือ 161.246.192.1 /23 กับ 161.246.193.254 /23 • Subnet 2 คือ 161.246.194.1 /23 กับ 161.246.195.254 /23 • Subnet 3 คือ161.246.196.1 /23 กับ 161.246.197.254 /23 • Subnet 4 คือ 161.246.198.1 /23 กับ 161.246.199.254 /23 • Subnet 5 คือ 161.246.200.1 /23 กับ 161.246.201.254 /23 • Subnet 6 คือ 161.246.202.1 /23 กับ 161.246.203.254 /23

More Related