390 likes | 1.12k Views
Metabolic syndrome. โรคอ้วนลงพุง. ทีมดูแลเบาหวานโรงพยาบาลอุดรธานี. โรคอ้วนลงพุง. คืออะไร? สาเหตุ? การวินิจฉัย? พบมากน้อย? เป้าหมาย และ แนว ทางการรักษา. โรคอ้วนลงพุง. กลุ่มความผิดปกติที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและ หลอดเลือดสมอง อ้วนลงพุง
E N D
Metabolic syndrome โรคอ้วนลงพุง ทีมดูแลเบาหวานโรงพยาบาลอุดรธานี
โรคอ้วนลงพุง • คืออะไร? • สาเหตุ? • การวินิจฉัย? • พบมากน้อย? • เป้าหมายและ แนวทางการรักษา
โรคอ้วนลงพุง กลุ่มความผิดปกติที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและ หลอดเลือดสมอง • อ้วนลงพุง • ระดับไขมันในเลือดสูง • ความดันโลหิตสูง • ระดับน้ำตาลในเลือดสูง • ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง หลอดเลือดอุดตันและอักเสบ
ชื่อเรียกต่างๆของ Metabolic Syndrome โรคอ้วนลงพุง • 2531 Syndrome X ( Reaven ) • 2532 Deadly quartet ( Kaplan ) • 2535 Insulin resistance syndrome ( Defronzo ) • 2537 Metabolic syndrome ( Alberti ) • 2541 Metabolic syndrome (WHO ) • 2544 Metabolic syndrome (NCEP III ) • 2548 Metabolic syndrome (IDF/AHA ) • 2549 Metabolic syndrome (IDF) โรคอ้วนลงพุง
สาเหตุของ Metabolic Syndrome โรคอ้วนลงพุง • น้ำหนักเกิน หรือ อ้วน • ไม่ออกกำลังกาย • กรรมพันธุ์ • ภาวะดื้ออินซูลิน • สาเหตุของเบาหวาน • ไขมันชนิดดีHDL-C ต่ำ • ไขมัน Triglyceride สูง • ความดันโลหิตสูง • อ้วนลงพุง NCEP ATP III. Circulation. 2002;106:3143-3421.
ภาวะดื้อต่ออินซูลิน: แกนหลักของสาเหตุ Metabolic Syndrome โรคอ้วนลงพุง Hypertension Dysfibrinolysis Hyperglycemia ภาวะดื้อต่อ อินซูลิน Macrovascular Disease Glucose Intolerance Dyslipidemia Obesity Endothelial Dysfunction Adapted from McFarlane SI, et al. J Clin Endocrinol Metab. 2001;86:713-718; Reusch JEB. Am J Cardiol. 2002;90(suppl):19G-26G.
โรคอ้วนลงพุง:เริ่มจากอ้วนลงพุงโรคอ้วนลงพุง:เริ่มจากอ้วนลงพุง อ้วนลงพุง • FFA, • cytokines, adipokines Triglycerides HDL ภาวะ ดื้อต่ออินซูลิน ความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด เบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคอ้วน • Android obesity ( apple shape ) visceral fat (ไขมันในช่องท้อง) • Gynoidobesity ( pear shape ) Subcutaneous fat (ไขมันใต้ผิวหนัง)
ไขมันในช่องท้อง ไขมันใต้ผิวหนัง
เส้นวัดรอบพุงช่วยบอกไขมันในช่องท้องเส้นวัดรอบพุงช่วยบอกไขมันในช่องท้อง ผู้ชาย > 40 นิ้ว> 36 นิ้วหรือ 90 ซม. (เอเชีย) ผู้หญิง > 35 นิ้ว> 32 นิ้วหรือ 80 ซม. (เอเชีย) inch
เกณฑ์การวินิจฉัยต่างๆเกณฑ์การวินิจฉัยต่างๆ • WHO2542 • EuropeanGroupfortheStudyofInsulinResistance (EGIR) 2542 • NCEPATPIII2544 • AmericanCollegeofEndocrinology (ACE) 2545 • InternationalDiabetesFederation (IDF) 2548 • AmericanHeartAssociation (AHA) ร่วมกับ NationalHeartLungandBloodInstitutes (NHLBI) 2548 • InternationalDiabetesFederation (IDF) 2549
เกณฑ์ของ NCEPATPIII การวินิจฉัย metabolicsyndrome จะต้องมีความผิดปกติอย่างน้อย 3 ข้อใน 5 ข้อต่อไปนี้ 1. อ้วนลงพุง (เส้นรอบเอว≥ 102 ซม.หรือ 40 นิ้วในผู้ชาย หรือ ≥ 88 ซม.หรือ 35 นิ้วในผู้หญิง) 2. ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ≥ 150 มก./ดล. 3. ระดับ เอช-ดี-แอลโคเลสเตอรอล ≤ 40 มก./ดล.ในผู้ชาย หรือ ≤ 50 มก./ดล.ในผู้หญิง 4. ความดันโลหิต ≥ 130/85 มม.ปรอท หรือรับประทานยาลดความดันโลหิตอยู่ 5. ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร ≥ 110 มก./ดล.
IDF/AHA 2549Metabolic Syndrome อ้วนลงพุง (วัดรอบเอว ผู้ชาย >90 ซม.ผู้หญิง >80 ซม. )บวกกับมีปัจจัยเสี่ยงอื่นอีก≥2 ใน 4อย่างต่อไปนี้ 1. Triglyceride ≥ 150 mg/dl 2. HDL-C <40 mg/dl (ผู้ชาย) <50 mg/dl (ผู้หญิง) 3. ความดันโลหิต≥ 130 /85 mm/Hg 4. ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร≥ 110 mg/dl หรือรู้ว่าเป็นเบาหวาน
ระบาดวิทยาของMetabolic Syndromeโรคอ้วนลงพุง
ความชุกของส่วนประกอบต่างๆความชุกของส่วนประกอบต่างๆ *US adults age 20 and over (NHANES III,1988-94) • อ้วนลงพุง 39% • ไขมันTriglycerideสูง30% • ไขมัน HDL cholesterol ต่ำ37% • ความดันโลหิตสูง หรือกำลังรักษา34% • น้ำตาลในเลือดสูง หรือกำลังรักษา13% • > 1 71% • >2 44% • >3 24% (~45% of people age 50-70 years) Ford et al. JAMA;287:356-9,2545
โรคอ้วนลงพุง ในประเทศไทย
ความชุกของส่วนประกอบต่างๆความชุกของส่วนประกอบต่างๆ • โรคอ้วน (BMI > 30 kg/m2)ร้อยละ 38.2 • โรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 34.2 • ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (TG>200 มก./ดล. หรือHDL< 40 มก./ดล.)ร้อยละ 29.4 • ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือ เคยคลอดบุตรมีน้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัมร้อยละ 17.9 • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวสายตรงเป็นโรคเบาหวาน ร้อยละ 14.1 การศึกษาในผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานที่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป จำนวน 1623 คนทั่วประเทศ อายุเฉลี่ย 43 ปี
ความชุกของ โรคอ้วนลงพุง • NCEP ATPIII ความชุกของ Metabolic Syndrome ในคนไทยกลุ่มเสี่ยงสูง = 24.1 % (ผู้ชาย22.2% and ผู้หญิง24.7% ) • WHO Asian Guideline( Male > 90 cm, Women > 80 cm ) ความชุกของ Metabolic Syndrome ในคนไทยกลุ่มเสี่ยงสูง = 33.3 % ( ผู้ชาย36.0% and ผู้หญิง32.6% ) การศึกษาในผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานที่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป จำนวน 1623 คนทั่วประเทศ อายุเฉลี่ย 43 ปี
ความชุกของ โรคอ้วนลงพุง • NCEP ATPIII พบความชุก= 21.9 % • WHO Asian Guideline( Male > 90 cm, Women > 80 cm ) พบความชุก= 29.3 % การศึกษา Interasia ในประชากรไทยทั่วประเทศที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปจำนวน 5,091 ราย
ความชุกของ โรคอ้วนลงพุง • NCEP ATPIII ความชุกของ Metabolic Syndrome = 16.4 % (ชาย18.2 % and หญิง9.4 % ) • NCEP ATPIII Asian Guideline( Male > 90 cm, Women > 80 cm ) ความชุกของ metabolic syndrome = 21.5 % ( ชาย21.5 % and หญิง13.7 % ) การศึกษาในพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในกรุงเทพ ปี พ.ศ.2538 อายุ 35-54 ปี จำนวน 3499 ราย
โรคอ้วนลงพุงและอัตราตายโรคอ้วนลงพุงและอัตราตาย • Population based, prospective 1209 Finnish men aged 42-60 year at baseline (1984-9), follow-up through December 1998 • ความเสี่ยงNCEP III WHO โรคหลอดเลือดหัวใจ 2.9 (1.2-7.2)4.2(1.6-10.8) โรคหลอดเลือดสมอง 2.6 (1.4-5.1)3.0 (1.5-5.7) อัตราตายรวม 1.9 (1.2-3.0)2.1(1.3-3.3) Lakka. JAMA 2002;288:2709-16
เป้าหมายการรักษา โรคอ้วนลงพุง • ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน • ป้องกันการเป็นเบาหวาน
หลักการการรักษา โรคอ้วนลงพุง • ลดสาเหตุที่ทำให้เกิด อ้วน และ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน • รักษาปัจจัยเสี่ยงร่วมต่างๆ ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ระดับไขมันในเลือดสูง
หลักการการรักษา โรคอ้วนลงพุง • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม - การควบคุมอาหาร - การออกกำลังกายสม่ำเสมอ • การใช้ยา -ยาเพิ่มความไวต่ออินซูลิน - ยาลดน้ำหนัก - ยาลดความดัน - ยาลดไขมัน - ยาต้านเกล็ดเลือด
การลดน้ำหนัก • ให้ลดพลังงานจากอาหารที่รับประทาน ประมาณวันละ 500-1,000 แคลอรี่ • เป้าหมายการลดน้ำหนัก ให้ลดอย่างน้อยร้อยละ 5-10 ในช่วง 6-12 เดือน • ทำให้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้แก่ ระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต ระดับไตรกลีเซอไรด์ ระดับเอช-ดี-แอลดีขึ้น • ในผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุง ที่มีเบาหวานแฝงพบว่าการลดน้ำหนักโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเวลาประมาณ 3 ปี สามารถป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
การออกกำลังกาย • ช่วยลดน้ำหนักตัวและทำให้ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น • การรักษาน้ำหนักให้คงเดิม ควรออกกำลังกายชนิดที่ชื่นชอบ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละไม่น้อยกว่า 30 นาที • การลดน้ำหนัก ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 45 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ด้วยความแรงของการออกกำลังกายที่เหมาะสม (moderateintensity) • การลดไขมันหน้าท้อง ซิทอัพ วันละไม่น้อยกว่า 150 ครั้ง