1 / 86

INT1005 Information System and Development ระบบสารสนเทศและ การพัฒนา

INT1005 Information System and Development ระบบสารสนเทศและ การพัฒนา. การจัดการสารสนเทศในองค์กร. *. การวางแผนและการพัฒนาระบบสารสนเทศ (System Development). ความจำเป็นในการพัฒนาระบบสารสนเทศ. การเปลี่ยนแปลงกระบวนการการบริหารและการปฏิบัติงาน การปรับองค์การและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

kawena
Download Presentation

INT1005 Information System and Development ระบบสารสนเทศและ การพัฒนา

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. INT1005 Information System and Development ระบบสารสนเทศและ การพัฒนา

  2. การจัดการสารสนเทศในองค์กรการจัดการสารสนเทศในองค์กร

  3. * การวางแผนและการพัฒนาระบบสารสนเทศ (System Development)

  4. ความจำเป็นในการพัฒนาระบบสารสนเทศความจำเป็นในการพัฒนาระบบสารสนเทศ • การเปลี่ยนแปลงกระบวนการการบริหารและการปฏิบัติงาน • การปรับองค์การและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน • กระบวนการธุรกิจ • บุคลากร • วิธีการและเทคนิค • เทคโนโลยี • งบประมาณ • ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์การ • การบริหารโครงการ

  5. กระบวนการวางแผนระบบสารสนเทศกระบวนการวางแผนระบบสารสนเทศ ภารกิจขององค์การ การประเมินสภาพแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐานเดิมด้าน IT แผนกลยุทธ์ขององค์การ แผนกลยุทธ์ด้าน IT โครงสร้างพื้นฐานด้าน IT แผนปฏิบัติการด้าน IT โครงการด้าน IT

  6. การวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การการวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การ 1. วิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์ขององค์การ • วิสัยทัศน์ : องค์การกำลังมุ่งไปในทิศทางใด • แผนกลยุทธ์ : องค์การจะเดินไปตามทิศทางที่กำหนดไว้อย่างไร 2. ระบบสารสนเทศจะสนับสนุนวิสัยทัศน์และ กลยุทธ์ขององค์การอย่างไร • ระบบสารสนเทศจะมีบทบาทในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ขององค์การอย่างไร • ระบบสารสนเทศเดิมเป็นอย่างไร • แผนระบบสารสนเทศในปัจจุบันเป็นอย่างไร • แผนระบบสารสนเทศในอนาคตจะพัฒนาในลักษณะอย่างไร

  7. การวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การการวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การ 3. ระบบสารสนเทศในปัจจุบัน • ระบบปัจจุบันได้สนับสนุนองค์การมากน้อยเพียงไร • ระบบปัจจุบันมีความเหมาะสมหรือไม่ มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร • ควรจะปรับปรุงระบบปัจจุบันอย่างไร 4. ระบบสารสนเทศที่เสนอแนะ • หลักการและเหตุผล • ความสามารถของระบบใหม่ • ฮาร์ดแวร์ • ซอร์ฟแวร์ • ข้อมูล และการสื่อสารข้อมูล

  8. การวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การการวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การ 5. กลยุทธ์ทางการบริหาร • แผนการจัดหา • ช่วงเวลาดำเนินการ • การจัดโครงสร้างองค์การใหม่ • การปรับปรุงระบบงานภายในองค์การ • การควบคุมทางการบริหาร • การฝึกอบรม • กลยุทธ์ด้านบุคลากร

  9. การวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การการวางแผนระบบสารสนเทศในองค์การ 6. แผนปฏิบัติการ • รายละเอียดแผนปฏิบัติการ • ปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้น • รายงานความก้าวหน้า 7. งบประมาณที่ต้องการใช้ • ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 8. การพัฒนาระบบสารสนเทศ

  10. ขั้นตอนการพัฒนาระบบสารสนเทศขั้นตอนการพัฒนาระบบสารสนเทศ • วิธีการ เทคนิค และเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ • การวิเคราะห์ระบบสารสนเทศ • การจัดการแฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูล • การออกแบบระบบสารสนเทศ • การพัฒนาระบบสารสนเทศ

  11. วิธีการ เทคนิค และเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ • แนวทางในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ ได้แก่ วิธีการ (Methodology) เทคนิค (techniques) และเครื่องมือแบบจำลองต่างๆ (Model Tools) • วิธีการใช้วิเคราะห์และออกแบบสารสนเทศ คือ SDLC (System development lift cycle) และ RAD ( Rapid application development)

  12. วิธีการ เทคนิค และเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ • 3. เทคนิคสำหรับการวิเคราะห์ ได้แก่ เทคนิคการรวบรวมข้อมูล ( Data gathering) และเทคนิคการจัดการโครงการ (Project Management) • 4. เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ ได้แก่ แบบกระบวนการ (Modeling processes) แบบจำลองข้อมูล (modeling data) และแบบจำลองเชิงวัตถุ (Modeling object)

  13. การวิเคราะห์ระบบสารสนเทศการวิเคราะห์ระบบสารสนเทศ • วงจรการพัฒนาระบบ (SDLC) เป็นวิการแบบดั่งเดิม • ขั้นตอนวิเคราะห์ระบบสารสนเทศ ( System Analysis phase) ประกอบด้วยการวิเคราะห์ปัญหา การศึกษาความเป็นไปได้ การวิเคราะห์ความต้องการ การวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจ

  14. 3. การจัดการแฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูล • การจัดการแฟ้มข้อมูลและโครงสร้าง • แฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูล ประกอบด้วยการจัดแฟ้ม การใช้แฟ้ม ความรู้ด้านฐานข้อมูล การจัดการฐานข้อมูล ข้อดี ปัญหาและอุปสรรค • สถาปัตยกรรมฐานข้อมูลและแบบจำลองฐานข้อมูล

  15. 4. การออกแบบระบบสารสนเทศ • การออกแบบผลลัพธ์ เช่น การกำหนดความต้องการผลลัพธ์ อุปกรณ์ที่แสดงผล วิธีการแสดงผล การออกแบบรายงาน • การออกแบบข้อมูลนำเข้า เช่นวิธีการนำเข้า อุปกรณ๋รับข้อมูล • การออกแบบส่วนติดต่อกับผู้ใช้ • การออกแบบแฟ้มข้อมูล ฐานข้อมูล • การออกแบบแอฟพิเคชั่น • การพิจารณาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์สื่อสาร

  16. การพัฒนาและการใช้ระบบสารสนเทศการพัฒนาและการใช้ระบบสารสนเทศ • การพัฒนาระบบสารสนเทศ เช่นความต้องการซอฟต์แวร์ การเขียนโปรแกรม การทดสอบ • การนำสารสนเทศไปใช้ การปรับเปลี่ยนระบบ การจัดทำเอกสาร การฝึกอบรม

  17. การพัฒนาระบบสารสนเทศ การพัฒนาระบบสารสนเทศ(SystemDevelopment) เป็นกิจกรรมทั้งหมดที่จำเป็นในการนำระบบสารสนเทศมาใช้เพื่อแก้ปัญหาขององค์การหรือสร้างโอกาสให้กับองค์การ การพัฒนาระบบสารสนเทศมีหลายวิธีเช่น แบบวงจรชีวิต(System Development Life Cycle), การสร้างต้นแบบ(Prototyping), การเน้นผู้ใช้เป็นหลัก(End-User Development), การจ้างบุคคลภายนอก(Outsourcing), และการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป(Application software package)

  18. วิธีการ (methodologies) หมายถึง รูปแบบการดำเนินงานที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ การออกแบบ และการพัฒนาระบบสารสนเทศ มี 2 วิธี คือ วิธีวงจรพัฒนาระบบ (systems development life cycle-SDLC)ปัจจุบันเรียกว่าเป็นวิธีการพัฒนาระบบแบบเดิม ต้องใช้ระยะเวลานานและทรัพยากรมาก วิธีพัฒนาระบบงานแบบรวดเร็ว (rapid application development- RAD) ปัจจุบันมีเทคโนโลยีสมัยใหม่และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยในการพัฒนาระบบสารสนเทศ

  19. เปรียบเทียบขั้นตอนของวงจรพัฒนาระบบ และการพัฒนาระบบแบบรวดเร็ว • SDLC • การวิเคราะห์ปัญหา • การศึกษาความเป็นไปได้ • การวิเคราะห์ความต้องการของระบบ • การวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจ • การออกแบบ • การสร้างระบบ • การใช้ระบบ RAD 1. การวางแผนกำหนดความต้องการ (requirement planning) 2. การออกแบบโดยผู้ใช้ (user design) 3. การสร้างระบบ (construction) 4. การเปลี่ยนระบบ (cutover)

  20. วิธีการการพัฒนาระบบแบบรวดเร็ว จำแนกได้เป็น การพัฒนาระบบร่วมกัน การจัดทำต้นแบบ การใช้ซอฟต์แวร์เคส และการวิเคราะห์ ออกแบบและเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ • การพัฒนาระบบร่วมกัน (joint application development – JAD) • การพัฒนาระบบร่วมกันหรือ เจเอดี เป็นอีกวิธีหนึ่งของการพัฒนาระบบอย่างรวดเร็ว ระหว่างผู้ใช้ระบบและผู้พัฒนา โดยผู้ใช้และผู้พัฒนาระบบมีส่วนร่วมในการกำหนดความต้องการของระบบร่วมกัน (Joint requirement planning – JRP) และออกแบบระบบร่วมกัน (joint application design – JAD) เพื่อลดเวลา ค่าใช้จ่าย และขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล เป็นวิธีที่บริษัทไอบีเอ็มพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ1970 และเป็นที่นิยมใช้เป็นเทคนิคในการรวบรวมข้อมูลขององค์การด้านธุรกิจ ในการรวบรวมข้อมูลร่วมกันผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการวางแผนดำเนินการที่ดีเพราะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และค่าใช้จ่าย แต่ผลที่ได้ก็จะคุ้มค่า

  21. การจัดทำต้นแบบ (prototyping) • การจัดทำต้นแบบ คือ การจัดสร้างระบบทดลองหรือระบบต้นแบบก่อนการพัฒนาระบบทั้งหมด ขึ้นมาแล้วให้ผู้ใช้ทำการทดสอบหาข้อบกพร่องและประเมินค่าของระบบ นำไปปรับปรุง และทดสอบประเมินใหม่วนซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้จึงนำไปปรับเปลี่ยนเป็นระบบจริง วิธีนี้ทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบ เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถกำหนดความต้องการที่ชัดเจน แน่นอนได้ แม้ว่าจะไม่รวมคุณสมบัติของงานประยุกต์ไว้ทั้งหมดเพราะยังเป็นระบบที่ยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างสมบูรณ์ ไม่มีข้อมูลจำนวนมากและครบถ้วนเต็มระบบ จึงอาจมีข้อบกพร่องได้ แต่ก็สร้างได้อย่างรวดเร็ว และประหยัด (London and London 2001)

  22. การใช้ซอฟต์แวร์เคส (computer-aided software engineering – CASE) ซอฟต์แวร์เคส เป็นซอฟต์แวร์สำเร็จที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบสารสนเทศ ที่ช่วย พัฒนาโปรแกรม และสร้างแบบฟอร์มต่างๆ ให้มีมาตรฐาน ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพทำให้มีมาตรฐานและมีโครงสร้างที่ดี อุปสรรคก็คือมีราคาสูง ต้องใช้เวลาฝึกอบรมในการใช้ค่อนข้างมาก องค์การส่วนใหญ่ยังไม่มีมาตรฐานของการนำมาประยุกต์ใช้ที่ชัดเจน ซอฟต์แวร์เคส เช่น Oracle’s Developer 2000, Rational ROSE, Visio

  23. การวิเคราะห์ ออกแบบ และเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ หรือโอโอเอดี (object-oriented analysis and design – OOAD) มองระบบเป็นกลุ่มของวัตถุ ในปัจจุบันใช้วิธีนี้มากทั้งการวิเคราะห์ ออกแบบ และโปรแกรม การพัฒนาโปรแกรมเชิงวัตถุ เป็นการใช้แนวคิดในการวิเคราะห์ ออกแบบ และเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ มีเครื่องมืออัตโนมัติช่วยสนับสนุนมากในทุกขั้นตอน

  24. System Development Life Cycle (SDLC) • ศึกษาความเป็นไปได้ • วิเคราะห์ระบบ • ออกแบบระบบ • เขียนโปรแกรม • ทดสอบระบบ • ติดตั้งใช้งานระบบ • เปลี่ยนระบบเข้าสู่ระบบใหม่ และบำรุงรักษา

  25. ข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ SDLC • การพัฒนาระบบต้องใช้เวลานานมาก • กว่าจะได้ผลให้ผู้บริหารเห็น ผู้บริหารก็อาจเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ซึ่งมีความต้องการต่างกันไป • หากใช้เวลานานมาก แม้แต่ เทคโนโลยี ก็เปลี่ยนไป • ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างมาก

  26. แนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศแนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศ • ๑. พัฒนาระบบโดยพัฒนาต้นแบบ • จัดทำระบบทดลอง โดยอาศัยข้อกำหนดความต้องการของผู้ใช้ จากนั้น เชิญผู้ใช้มาพิจารณาระบบทดลอง • ๒. การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จมาใช้ • ข้อพิจารณาในการเลือกซอฟต์แวร์สำเร็จ • มี function ครบถ้วน • ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ • ใช้ง่าย ติดตั้งง่าย ดูแลง่าย • มีเอกสารต่าง ๆ พร้อม • ผู้ขายมีคุณภาพ และพร้อมสนับสนุน • ใช้ทรัพยากรต่างๆ ไม่มาก เกินความจำเป็น • ราคาเหมาะสม

  27. แนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศ (ต่อ) • ๓. การว่าจ้างที่ปรึกษาบริษัทเอกชนหรือ ภาครัฐ • ข้อดี • มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว • อุดหนุนคนไทย หากเป็นสถาบันภาครัฐ • มีความไว้วางใจ หากเป็นภาครัฐ • ประหยัดเวลาในการจัดทำเอกสารการประกวดราคา • ข้อสังเกต • ที่ปรึกษาภาครัฐเหมาะกับโครงการขนาดเล็ก – กลาง เนื่องจากขาดความเชี่ยวชาญในการบริหารโครงการขนาดใหญ่

  28. แนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศ (ต่อ) • ๔. การพัฒนาระบบของผู้ใช้ • ข้อดี • ช่วยทุ่นเวลา และกำลังคนของศูนย์ไอซีที อีกทั้งผู้ใช้ได้ระบบที่ต้องการรวดเร็วขึ้น และตรงกับความต้องการมากที่สุด • ข้อเสีย • ระบบที่ได้อาจจะไม่ได้มาตรฐาน ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบอื่นได้ ขาดเอกสารคู่มือ ทำให้อาจมีปัญหา หากผู้พัฒนาไม่อยู่ในองค์กรแล้ว ถ้าบุคลากรขาดความรู้ความสามารถทำให้เปลืองเวลาและทรัพยากรและมีอัตราเสี่ยงสูง

  29. แนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศ (ต่อ) • ๕. การ Outsourcing • มีได้หลายความหมาย การว่าจ้างให้คนภายนอกพัฒนาระบบงานให้ก็เป็นการ Outsource แต่ในปัจจุบัน นิยมหมายถึง การให้บริษัทมารับเหมางานด้านไอซีทีไปหมด ตั้งแต่การพัฒนาระบบ การจัดหาอุปกรณ์มาใช้ รวมไปถึงการปฏิบัติการระบบให้ด้วยคนของบริษัทเอง

  30. Outsourcing Development • หมายถึง การจ้างบริษัทภายนอกเข้ามาดำเนินการพัฒนาระบบสารสนเทศให้กับธุรกิจหรือองค์กร ซึ่งรวมทั้งการพัฒนาระบบ การจัดการระบบ และการบำรุงรักษาระบบสารสนเทศให้กับธุรกิจ และการให้บริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การเช่าซื้ออุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์ต่างๆ โดยมีการทำสัญญา (Contract) ร่วมกัน • การใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอก (Outsource) • แหล่งภายนอกมากกว่า 80% ได้แก่ การมอบหมายความรับผิดชอบและโอนทรัพย์สินรวมทั้งพนักงานให้กับ Outsourcer • แหล่งภายนอกน้อยกว่า 80% ได้แก่ การเลือกใช้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการชั่วคราว เช่น การจ้างเขียนโปรแกรม

  31. When to use outsourcing? • ปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่ • ความจำเป็นของระบบต่อการดำเนินงานขององค์กร • ระบบที่มีความต้องการรีบด่วน • ระบบที่ไม่เกี่ยวกับระบบอื่นในองค์กร • ระบบที่มีมาตรฐานสูง • ระบบที่จะพัฒนานั้นไม่ใช่เพื่อการทำงานหลักที่สำคัญที่สุดขององค์กร • ผลกระทบของการใช้งานระบบต่อการแข่งขันขององค์กร • เมื่อต้องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ธุรกิจไม่มีความสามารถด้านนี้ • ความต้องการในการพัฒนาบุคลากรด้าน IT ขององค์กร

  32. ข้อดี ทำให้ต้นทุนในการพัฒนาระบบสารสนเทศลดลง ได้รับคุณภาพของบริการตามที่ต้องการ มีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่ใช้ ทำให้สามารถประมาณการค่าใช้จ่ายได้ ลดเวลาของคนในองค์กรที่จะต้องไปทำงานด้านระบบสารสนเทศ ได้ความรู้ความชำนาญจากภายนอก ทำให้ผู้บริหารสามารถมุ่งความสนใจไปในเรื่องที่เน้นกลยุทธ์ขององค์กรมากขึ้น ประหยัดงบประมาณ และกำลังคน ได้บริการที่มีคุณภาพ กำหนดและพยากรณ์งานที่ต้องการได้ง่าย ทำให้ต้นทุนคงที่ กลายเป็น ต้นทุนแปรผัน ข้อเสีย สูญเสียการควบคุม เพราะการควบคุมการทำงานของระบบสารสนเทศอยู่ที่บริษัทภายนอก ทำให้ต้องพึ่งพาบริษัทภายนอกในการจัดการระบบสารสนเทศ อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญ ความล้าสมัยในความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบุคลากรภายใน ปัญหา ควบคุมการปฏิบัติงานไม่ได้ ? ข้อมูลสำคัญอาจรั่วไหล ? ไม่มีความเป็นอิสระ ต้องพึ่งบริษัทตลอดเวลา ? ขาดความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนระบบ ? ไม่มีโอกาสพัฒนาคนของหน่วยงาน? ข้อดีและข้อเสียของ Outsourcing

  33. ความล้มเหลวของ Outsourcing • ผู้บริหารไม่เข้าใจในเทคโนโลยีที่จะต้องบริหารว่า มีผลต่อองค์กร อย่างไร ข้อจำกัดเป็นอย่างไร • องค์กรไม่สามารถระบุความต้องการที่แท้จริงได้ • องค์กรไม่มีความสามารถในการหาแหล่ง Outsource • องค์กรไม่มีความสามารถในการเจรจาต่อรองกับ Outsourcer • องค์กรไม่มีความสามารถในการประสานงานกับ Outsourcer

  34. ขั้นตอนในการ Outsourcing • จัดตั้งคณะทำงานกับแหล่ง Outsource • ระบุข้อกำหนดความต้องการใช้บริการที่แท้จริง • ดำเนินการจัดทำเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ • ประเมินข้อเสนอ • ประเมินผู้เสนอให้บริการ • เจรจาต่อรองในการทำสัญญา โดยในสัญญาควรพิจารณาในเรื่องที่สำคัญ คือ ระยะเวลาของสัญญา วิธีการวัดผลงาน (ปริมาณ คุณภาพ ระยะเวลาการนำส่ง) และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเปลี่ยนแปลง

  35. การพัฒนาระบบ คือ Page 620 35

  36. การพัฒนาระบบ คือ Pages 620 – 621 Figure 12-1 36

  37. การพัฒนาระบบ คือ System development รวมถึงตัวแทนจากฝ่ายต่างๆซึ่งมึจุดประสงค์เดียวกันในระบบ 37

  38. การพัฒนาระบบ คือ Project managementคือกระบวนการวางแผน กำหนดตาราง และควบคุมกิจกรรมในระหว่างการพัฒนา แผนและตารางการทำงานจะมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับหัวหน้าโครงการเป็นผู้กำหนด : 38

  39. การพัฒนาระบบ คือ เครื่องมือที่นิยมใช้ในการวางแผนและจัดทำตารางเวลาและความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมที่กำหนดใน Gantt chart 39

  40. การพัฒนาระบบ คือ A PERT chart ใช้ในการวางแผนและจัดทำตารางเวลา 40

  41. การพัฒนาระบบ คือ Feasibility เป็นการศึกษาถึงความเหมาะสมในการพัฒนาระบบสารสนเทศขององค์กร 41

  42. การพัฒนาระบบ คือ • Documentation คือการรวบรวมและรายงานสรุปข้อมูลและสารสนเทศ • โครงการคือสมุดบันทึกเอกสารทั้งหมดในแต่ละโครงการ • Users และ IT professionals จะอ้างถึงเอกสารเพื่อปฏิบัติงานและเปลี่ยนแปลงระบบปัจจุบัน 42

  43. การพัฒนาระบบ คือ ระหว่างการพัฒนาระบบสมาชิกทีมโครงการจะต้องนำข้อมูลและสารสนเทศมาด้วยเทคนิคต่างๆได้หลายวิธี 43

  44. ใครคือผู้กำหนดโครงการพัฒนาระบบใครคือผู้กำหนดโครงการพัฒนาระบบ 44

  45. แนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศแนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศ จัดทำขึ้นเองโดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำระบบให้ จัดหาซอฟต์แวร์สำเร็จรูป จัดจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอก

  46. วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle (SDLC)) ระบบสารสนเทศทั้งหลายมีวงจรชีวิตที่เหมือนกันตั้งแต่เกิดจนตายวงจรนี้จะเป็นขั้นตอนที่เป็นลำดับตั้งแต่ต้นจนเสร็จเรียบร้อย เป็นระบบที่ใช้งานได้ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบบต้องทำความเข้าใจให้ดีว่าในแต่ละขั้นตอนจะต้องทำอะไร และทำอย่างไร ขั้นตอนการพัฒนาระบบมีอยู่ด้วยกัน 7 ขั้น ด้วยกัน คือ

  47. วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle (SDLC))

  48. วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle (SDLC)) 1. การศึกษาเบื้องต้น (Preliminary study) 2. การวิเคราะห์ระบบ ( System Analysis) 3. การออกแบบระบบ ( System Design) 4. การพัฒนาระบบ (Construction) 5. การทดสอบระบบและการเปลี่ยนระบบ (System Testing and Conversion) 6. บำรุงรักษาระบบ (Maintenance)

  49. วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle (SDLC)) ขั้นที่ 1 : การศึกษาเบื้องต้น (Preliminary study) การที่จะแก้ไขระบบเดิมที่มีอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก หรือแม้แต่การสร้างระบบใหม่ ดังนั้นควรจะมีการศึกษาเสียก่อนว่าความต้องการของเราเพียงพอที่เป็นไปได้หรือไม่ ได้แก่ "การศึกษาความเป็นไปได้" (Feasibility Study) สรุป ขั้นตอนที่ 1: การศึกษาเบื้องต้น หน้าที่ : ตระหนักว่ามีปัญหาในระบบ ผลลัพธ์ : อนุมัติการศึกษาความเป็นไปได้ เครื่องมือ : ไม่มี บุคลากรและหน้าที่ความรับผิดชอบ : ผู้ใช้หรือผู้บริหารชี้แจงปัญหาต่อนักวิเคราะห์ระบบ

  50. วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle (SDLC)) การศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) การกำหนดว่าปัญหาคืออะไรและตัดสินใจว่าการพัฒนาสร้างระบบสารสนเทศ หรือการแก้ไขระบบสารสนเทศเดิมมีความเป็นไปได้หรือไม่โดยเสียค่าใช้จ่ายและเวลาน้อยที่สุด และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ นักวิเคราะห์ระบบจะต้องกำหนดให้ได้ว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความเป็นไปได้ทางเทคนิคและบุคลากรความเป็นไปได้ทางด้านบุคลากร คือ บริษัทมีบุคคลที่เหมาะสมที่จะพัฒนาและติดตั้งระบบเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่มีจะหาได้หรือไม่ จากที่ใด

More Related