1 / 7

JAPAN ประเทศญี่ปุ่น

JAPAN ประเทศญี่ปุ่น. จัดทำโดย นางสาวปาลิตา ตันนิรัตน์ 56010094 พยาบาลศาสตร์.

kiana
Download Presentation

JAPAN ประเทศญี่ปุ่น

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. JAPAN ประเทศญี่ปุ่น จัดทำโดย นางสาวปาลิตา ตันนิรัตน์ 56010094 พยาบาลศาสตร์

  2. ญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本 Nihon/Nippon นิฮง/นิปปง ?) มีชื่อทางการคือประเทศญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本国 Nihon-koku/Nippon-kokuนิฮงโกะกุ/นิปปงโกะกุ ?) (จีนตัวเต็ม: 日本國; จีนตัวย่อ: 日本国) เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับคาบสมุทรเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทะเลญี่ปุ่นกั้น ส่วนทางทิศเหนือ ติดกับประเทศรัสเซีย มีทะเลโอค็อตสค์ เป็นเส้นแบ่งแดน ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่าถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ จึงทำให้บางครั้งถูกเรียกว่าดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย • ญี่ปุ่นมีเนื้อที่กว่า 377,930 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอันดับที่ 61 ของโลก[7] หมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คีวชู และชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น ประชากรของญี่ปุ่นนั้นมีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก คือประมาณ 128 ล้านคน[8] เมืองหลวงของญี่ปุ่นคือกรุงโตเกียว ซึ่งถ้ารวมบริเวณปริมณฑลเข้าไปด้วยแล้วจะกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน • สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากจีนในหลายด้าน เช่นภาษา การปกครองและวัฒนธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงทำให้ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาจนปัจจุบัน อีกหลายศตวรรษต่อมา ญี่ปุ่นก็รับเอาเทคโนโลยีตะวันตกและนำมาพัฒนาประเทศจนกลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและมีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียตะวันออก หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองโดยการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ใน พ.ศ. 2490 • ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ โดยมีจีดีพีสูงเป็นอันดับสามของโลกในปี พ.ศ. 2553[9] ญี่ปุ่นเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ จี 8 โออีซีดี และเอเปค และมีความตื่นตัวที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศ ญี่ปุ่นมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี มารู้จักประเทศญี่ปุ่นกันดีกว่า

  3. พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 378,000 ตารางกิโลเมตร รวมทั้งหมู่เกาะต่างๆกว่า 6,800 เกาะ ประชากร127 ล้านคน เมืองหลวงโตเกียว มีประชากร 12 ล้านคน ภาษาประจำชาติภาษาญี่ปุ่น ศาสนาชินโตและพุทธมหายาน ภูมิอากาศอากาศค่อนข้างหนาวจัดทางภาคเหนืออากาศอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิแถบตะวันออกและตะวันตกอากาศค่อนไปทางเขตร้อนทางภาคใต้ ฤดูฝนราวกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมอากาศเย็นสบายในฤดูใบไม้ร่วงทางแถบตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น

  4. ซูชิ Sushi ความแตกต่างระหว่างร้านอาหารระดับบนกับร้านอาหารที่ราคาสมเหตุสมผลก็คือ ความใส่ใจในคุณภาพของ “เนตะ” (เครื่อง) ที่วางอยู่บนข้าว ที่ร้านอาหารในโตเกียว เชฟจะมุ่งไปที่ตลาดปลาทสึคิจิตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อคัดสรรปลาสดๆ คุณภาพดีที่สุดตามมาตรฐานที่เคร่งครัด วัตถุดิบตามฤดูกาลเป็นของชั้นยอด ที่ให้รสชาติที่ดีเลิศ โดยเฉพาะหน้าเนตะชั้นยอด ได้แก่ “โทโร่” (ทูน่าที่อุดมด้วยไขมัน), หอยเม่นทะเล, หอยเป๋าฮื้อ, และไข่ปลาแซลมอนที่เรียกว่า “อิคุระ” โทโร่คือส่วนท้องของปลาทูน่าที่นุ่มและอุดมด้วยไขมัน ซึ่งประเภท “โอโทโร่” ที่มีไขมันมากที่สุดสามารถละลายได้ในปาก สำหรับหอยเม่นทะเลจะกินไข่และรังไข่ ซึ่งส่วนที่กินได้จะนุ่มมาก ต่างจากภายนอกที่เป็นหนามแหลม นอกจากนี้ ซูชิที่มีไข่ไก่ทอดในแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า “ทะมะโกะยะกิ” ก็เป็นที่นิยมในร้านซูชิเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ทำจากปลาก็ตาม ซึ่งคุณจะพบสไตล์แปลกใหม่ได้ที่ร้านอาหารต่างๆ กล่าวกันว่าคุณภาพของซูชิที่เตรียมด้วยมือจะแตกต่างกันอย่างมากตามทักษะของ เชฟซูชิ เชฟบางคนให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้าวมากกว่าเครื่อง “เนตะ” การทำซูชิในร้านอาหารระดับบนต้องใช้ความใส่ใจในรายละเอียดและทักษะชั้นสูงในองค์ประกอบต่างๆ อย่างอุณหภูมิของข้าว ลักษณะในการอัดข้าว และอัตราส่วนของน้ำส้มสายชูในข้าว ร้านซูชิหลายร้านเป็นที่นั่งแบบเคาน์เตอร์เหมือนในบาร์ และเชฟจะเตรียมซูชิพร้อมข้าวตามสั่ง หากคุณนั่งที่เคาน์เตอร์ก็มีโอกาสที่จะได้เห็นและประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวมือ อย่างชำนาญของเชฟ ซูชิจะอร่อยที่สุดเมื่อกินตอนที่เสิร์ฟมาใหม่ๆ ก่อนที่ซูชิจะเริ่มเปลี่ยนรสชาติเพราะสัมผัสอากาศ ราคาตลาดของปลาอาจเปลี่ยนได้ทุกวัน ดังนั้นร้านอาหารบางร้านจึงไม่ได้กำหนดราคาไว้ หากคุณไม่แน่ใจว่าอะไรอร่อย คุณอาจลองบอกราคาเฉลี่ยกับเชฟแล้วพูดว่า “โอะมะกะเซะ” ซึ่งแปลว่า “แล้วแต่คุณ” เชฟจะเตรียมซูชิที่มีเครื่องแนะนำประจำวันให้แก่คุณ ถ้ามีอะไรที่คุณไม่ชอบหรือกินไม่ได้ ควรบอกเชฟไว้ตั้งแต่แรก อาหารญี่ปุ่น

  5. เท็มปูระ Tempura เท็มปุระเป็นอาหารดั้งเดิมแบบง่ายๆ อย่างหนึ่งซึ่งวัตถุดิบจะถูกชุบส่วนผสมที่ทำจากแป้ง ไข่ และน้ำเย็น จากนั้นนำไปทอดในน้ำมัน แต่ร้านอาหารต่างๆ มักทำเท็มปุระในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ของเชฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่ทราบกันว่าร้านอาหารระดับบน จะใช้วัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างดี วัตถุดิบข้างในที่นำมาทอดมักจะเป็นอาหารทะเล และผักต่างๆ อาหารทะเลที่เป็นที่นิยมมากได้แก่ เนื้อขาว เช่น กุ้ง ปลาหมึก และ “คิสุ” (ปลาเห็ดโคน) ส่วนผักจะเป็นมันเทศ ฝักทอง และมะเขือยาว เมนู “คาคิอะเกะ” ซึ่งมีของหลายชนิดทอดรวมกัน เป็นเมนูที่คนนิยม นอกจากนี้ เท็มปุระแบบเดิมที่ผสมผักและปลาเข้าด้วยกันก็เป็นอาหารที่ทานสนุกมาก ความอร่อยของเท็มปุระอยู่ที่ความกรอบและรสชาติที่ดึงดูด เชฟจะทุ่มเทเวลาในการศึกษาผลของน้ำมันประเภทที่ใช้ อุณหภูมิของน้ำมัน ระยะเวลาในการทอด และลักษณะของส่วนผสมแป้งกับไข่ ร้านอาหารบางแห่งมีซาชิกิ (ห้องปูด้วยเสื่อทาทามิ) และโต๊ะนั่ง แต่คุณควรลองนั่งที่เคาน์เตอร์ถ้าเป็นไปได้ เชฟจะทอดเท็มปุระตามสั่งอย่างชำนาญและเสิร์ฟขณะร้อนจัด เชฟบางคนจะโชว์กุ้งเป็นๆ ให้ดูก่อนนำไปทำอาหารเพื่อแสดงถึงความสด เท็มปุระต้องทานตอนทอดใหม่ๆ ก่อนที่จะเย็น โดยทั่วไป เท็มปุระจะจิ้มกับน้ำจิ้มเท็มปุระสูตรพิเศษซึ่งทำจากดาชิ (น้ำซุป) ผสมกับซีอิ้ว ทานคู่กับหัวไชเท้าขูดฝอย เท็มปุระบางอย่างจะทานคู่กับเกลือเพียงอย่างเดียว ร้านอาหารบางแห่งจะมีเกลือผสมสูตรเฉพาะที่ผสมเกลือเข้ากับของอื่นๆ เช่น ผงกะหรี่ มัทฉะ(ผงชาเขียว) หรืออุเมะ (บ๊วยญี่ปุ่น) และบางแห่งอาจแนะนำให้คุณทานเท็มปุระกับน้ำผลไม้ที่คั้นจากผลไม้ ตระกูลส้มเท่านั้น เช่น สึดาชิ

  6. อาหารแบบไคเซกิ อาหารแบบไคเซกิคือรูปแบบอาหารที่เป็นสุดยอดของญี่ปุ่น มีความประณีตทั้งวิธีการเตรียมอาหารและการตกแต่ง ส่วนสำคัญที่สุดของอาหารประเภทนี้ คือ การใส่ความรู้สึกถึงฤดูกาลและการดึงรสธรรมชาติของวัตถุดิบต่างๆ ออกมา ซึ่งหมายความว่าเมนูนี้จะใช้เฉพาะวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ตัวอย่างเช่น ทะเคโนะโขะ (หน่อไม้) ในฤดูใบไม้ผลิ, เห็ดมัตสึทะเกะในฤดูใบไม้ร่วง, และคัตสึโอะ (ปลาโอ) ในต้นฤดูร้อน บางครั้งจะมีการใส่วัตถุดิบพิเศษที่เรียกว่า “ฮะชิริ” ซึ่งถูกเก็บเกี่ยวก่อนฤดูของมันเพื่อเพิ่มคุณค่าด้วย แม้ว่าอาหารแต่ละจานในชุดอาหารนี้จะเป็นจานเล็กๆ แต่สีสันและการผสมผสาน วัตถุดิบต่างๆ วิธีการฝานหรือหั่นวัตถุดิบเพื่อใช้ในการตกแต่ง และภาชนะที่ใส่ ล้วนแสดงถึงสุนทรียศาสตร์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น อาหารร้อนจะเสิร์ฟในขณะที่ยังร้อนอยู่ ส่วนอาหารเย็นจะเสิร์ฟในจานที่แช่เย็นไว้ ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีห้องส่วนตัว ปูด้วยเสื่อทาทามิ และทุกอย่างได้รับการออกแบบด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมทั้งของตกแต่งและดอกไม้ประดับ ไม่นานมานี้มีร้านอาหารแบบเคาน์เตอร์ที่ไม่เป็นทางการเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่บรรยากาศละเอียดประณีตยังคงเหมือนเดิม เจ้าของร้านอาหารและพนักงานเสิร์ฟมีความสุภาพเรียบร้อย และให้บริการแก่ลูกค้าอย่างดีเยี่ยม บรรยากาศแบบนี้มาจากจิตวิญญาณแห่งซะโด (วิถีแห่งชา) ของญี่ปุ่นโบราณ อันที่จริงแล้ว แต่เดิมอาหารแบบไคเซกิหมายถึงอาหารที่เสิร์ฟก่อนดื่มชาในพิธีชงชา การชื่มชมฤดูกาลต่างๆ อย่างลึกซึ้ง และการเอาใจใส่ต่อลูกค้าอย่างอบอุ่น แสดงถึงอารมณ์สุนทรีย์ที่ให้คุณค่ากับความสงบและความเรียบง่าย ซึ่งนั่นก็คือจิตวิญญาณแท้จริงของ “วาบิ” (การสัมผัสถึงความบริสุทธ์ในความเรียบง่าย) อันเป็นที่เชิดชูในซะโด (วิถีแห่งชา) แน่นอนว่าวิธีการรับประทานและมารยาทเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับอาหารแบบนี้ แต่อย่ากลัวที่จะถามอะไรก็ตามที่คุณสงสัย และที่สำคัญที่สุดคือการผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับรสชาติของวัตถุดิบ

  7. ศิลปหัตถกรรม1.   ตุ๊กตาฮานิวะ เป็นตุ๊กตาดินเหนียวที่คาดว่าเป็นศิลปะที่มีมีความเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นตุ๊กตาดินเหนียวปลายสมัยยาโยอิ ซึ่งพบอยู่รอบสุสานหลวง เชื่อว่าเป็นเสมือนตัวแทนของข้าราชบริพารที่ควรจะถูกฝังตามไปทั้งเป็น2.   การเขียนอักษร (โชโด) เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากจีน เช่นเดียวกับตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่น ถือเป็นศิลปะอันทรงคุณค่ายิ่ง ถูกพัฒนาขึ้นมาจากชนชั้นสูง นักบวช และซามูไรในอดีต ปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมจากนักบวชเซน3.   พิมพ์ไม้ (อุคิโยเอะ) ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพุทธ4.   เซรามิค (เซโตะโมโนะ) เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนราวๆ ศตวรรษที่ 13 จากการขุดค้นพบที่แหล่งเตาเผาที่เมืองเซโตะ ตอนกลางของเกาะฮอนชู ปัจจุบันมีแหล่งผลิตเซรามิคมากกว่า 100 แห่งทั่วเกาะญี่ปุ่น 5.   งานไม้ขัดเงา (นุริโมโนะ) หรือแลคเกอร์แวร์ เป็นศิลปะที่ถูกค้นพบตั้งแต่สมัยโจมอง6.   สิ่งทอ ที่ประณีต ละเอียดอ่อนและมีชื่อเสียงที่สุดคือผ้าไหม ซึ่งกำเนิดขึ้นมานานแล้ว โดยดูได้จากชุดผ้าไหมของละครโนห์และเสื้อผ้าของชนชั้นสูงในศตวรรษที่ 16 ส่วนผ้าทอพื้นบ้านมักจะทำจากฝ้ายหรือป่าน โดยจะย้อมผ้าด้วยสีครามเป็นหลัก7.   ลายสัก (อิเระซูมิ) ศิลปะบนร่างกาย เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ในสมัยเอโดะ เชื่อกันว่าผู้มีลายสักจะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เช่นเดียวกับผู้เขียนลายสัก ปัจจุบันผู้ที่มีลายสักยังคงถูกเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหรือเป็นบุคคลชั้นล่างของสังคม ศิลปะญี่ปุ่น

More Related