240 likes | 484 Views
อาหารตะวันตก . อาหารตามมื้อสากล. หมายถึง อาหารมื้อทั่ว ๆ ไปที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันโดยเฉพาะชนชาติฝรั่งฝั่งตะวันตก อาหารตามแบบฝรั่งจะแบ่งออกได้เป็นมื้อหลัก ๆ ทั้งหมด 6 มื้อด้วยกัน คือ 1 . มื้อเช้า 2 . มื้อว่างเช้า 3 . มื้อกลางวัน 4 . มื้อว่างบ่าย 5 . มื้อเย็น 6 . มื้อค่ำ . อาหารมื้อเช้า.
E N D
อาหารตามมื้อสากล • หมายถึง อาหารมื้อทั่ว ๆ ไปที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันโดยเฉพาะชนชาติฝรั่งฝั่งตะวันตก อาหารตามแบบฝรั่งจะแบ่งออกได้เป็นมื้อหลัก ๆ ทั้งหมด 6 มื้อด้วยกัน คือ1. มื้อเช้า2. มื้อว่างเช้า3. มื้อกลางวัน4. มื้อว่างบ่าย5. มื้อเย็น6. มื้อค่ำ
อาหารมื้อเช้าในแบบยุโรปจะเป็นอาหารแบบเบา ๆ ไม่นิยมรับประทานอาหารประเภทไข่หรือเนื้อสัตว์ในมื้อนี้ อาหารที่ตั้งโต๊ะได้แก่ ขนมปัง เนย แยม น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ นมสด หรือ กาแฟ เวลาในการเริ่มรับประทานก็คือเวลา 07.00 - 09.00 น. อาหารมื้อเช้า แบบอังกฤษ
(American or English breakfast ) ซึ่งคนอเมริกันและคนอังกฤษนิยมรับประทาน อาหารมื้อนี้จะเป็นอาหารมื้อที่หนักมากเหมือนกัน คือ จะรับประทานอาหารประเภทไข่และเนื้อสัตว์เป็นหลัก เช่น ขนมปังปิ้ง ไข่ลวก ไส้กรอก แฮม น้ำผลไม้ นมสด หรือ กาแฟ เวลาที่เริ่มรับประทานก็คือ06.00-09.00 น. อาหารเช้าแบบอเมริกัน (ABF)
อาหารมื้อเช้ายังแบ่งออกได้เป็น 6 ประเภทด้วยกัน คือ อาหารประเภทไข่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารประเภทขนมปัง อาหารประเภทธัญพืช อาหารประเภทผัก และสุดท้าย คือ อาหารประเภทเครื่องดื่มและน้ำผลไม้ อาหารมื้อเช้าประเภทไข่ มีดังนี้• ไข่ลวก (Soft and Hard boiled eggs) • ไข่คน (Scramble eggs) • ไข่ทอดฝรั่ง (Omelet) อาหารมื้อเช้าประเภทเนื้อสัตว์ ได้แก่• แฮมรมควัน • ไส้กรอก เบคอน • ไก่อบ เป็นต้น ประเภทของอาหารมื้อเช้า
อาหารประเภทขนมปัง ได้แก่• ขนมปังปิ้ง (Toast) • ขนมปังหวาน (Sweet Roll) • ครัวซอง (Croissant) • แพนเค้ก (Pancake) • วัฟเฟิล (Waffle) อาหารประเภทธัญพืช (Cereal) ได้แก่• คอนเฟ็ลค รสชาติต่าง ๆ เช่น รสข้าวโพด, ช็อคโกแลต • ข้าวโอ๊ด • ธัญพืชสำเร็จรูป
อาหารประเภทผัก• มะเขือเทศ, แตงกวา, หอมใหญ่, มันฝรั่ง อาหารประเภทเครื่องดื่มและน้ำผลไม้ • กาแฟ • นมสด • ชา • ไมโล • น้ำผลไม้
สำหรับ....ชาวตะวันตก อาหารมื้อกลางวัน เป็นอาหารสำคัญอีกมื้อหนึ่งซึ่งมีความหมายว่า เป็นอาหารแบบเบาๆ ง่ายๆ และรวดเร็ว โดยนิยมเสิร์ฟเป็นจานตามลำดับก่อนหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารคาวเพียง 2 จานแล้วต่อด้วยของหวาน ชา หรือ กาแฟสัก 1 ถ้วย เพราะมีเวลารับประทานไม่มากนักคือเพียง 1 ชั่วโมง อาหารมื้อกลางวันของยุโรป อเมริกัน และอังกฤษ ก็จะมีเวลาแตกต่างกันออกไปอีก คือ ถ้าเป็นยุโรปจะเริ่มรับประทานเวลา 12.00 น. แต่ถ้าเป็นอเมริกันหรืออังกฤษ จะเริ่มรับประทานเวลา 13.00 น. - 14.00 น.
ประเภทที่ 1 คือ อาหารจานเดียว (One Course) หมายถึง อาหารที่เป็นอาหารคาวอย่างเดียว เช่น ไก่, เนื้อ, หมู, ปลา และมีอาหารประเภทผัดต่างๆ หรืออาจมีสลัดประกอบด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับประทานอาหารมากหรือมีเวลาน้อย ประเภทที่ 2 จะเป็นพวก อาหารสองจาน (Two Course)ซึ่งหมายถึง อาหารที่เป็นประเภทอาหารคาว 2 จาน จานแรกจะเป็นอาหารเบา ๆ เช่น Cocktail ต่างๆ อาหารทะเลหรือซุป ส่วนจานที่ 2 จะเป็นอาหารหนัก และมีสลัดประกอบ ประเภทของอาหารมื้อกลางวัน
ประเภทที่3 เป็น อาหารสามจาน (Three Course)หมายถึง อาหารที่เป็นประเภทอาหารคาว 3 จาน จานแรกเป็นออร์เดิร์ฟหรือซุป จานที่ 2 เป็นอาหารทะเล (Entree) จานที่ 3 เป็นอาหารหลัก (Main Course) ประเภทเนื้อไก่ หมู และผักเป็นส่วนประกอบ
อาหารมื้อบ่าย เป็นวัฒนธรรมการกินของชาวตะวันตกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะชาวอังกฤษเมื่อตกบ่ายจะนิยมดื่มชา อาจจะเพราะอังกฤษเป็นประเทศที่หนาวและมีฝนตกแบบที่กรมอุตุนิยมวิทยาบ้านเขาไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแน่นอน ชาวอังกฤษจึงต้องถือร่มออกจากบ้านทุกเช้าและนิยมดื่มชาเพื่อให้เกิดความอบอุ่นแก่ร่างกาย ประเภทของชาที่ชาวอังกฤษนิยมดื่มกันมีอยู่หลายชนิดล้วนแล้วแต่มีกลิ่นหอมแถมรสชาติก็ดีไม่แพ้ชาของชาวญี่ปุ่นและจีนเลยทีเดียว
อาหารว่างของชาวตะวันตกมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ 1. อาหารว่างเช้า (Brunch) เป็นอาหารมื้อที่อยู่ระหว่างอาหารเช้าและอาหารกลางวัน อาหารว่างเช้าจะเป็นอาหารมื้อที่หนักกว่ามื้อเช้าแต่ไม่มากเท่ามื้อกลางวัน คำว่า Brunch มาจากคำว่า Breakfast กับคำว่า Lunch รวมกัน ส่วนใหญ่จะรับประทานในเวลา 09.30 - 10.00 น. หรืออาจจะเลยไปกว่านั้นแต่ไม่เกิน 11.00 น. ส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันในวันพักผ่อนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า พอสายหน่อยก็อาจจะขับรถไปรับประทานตามโรงแรม มีหลายโรงแรมทีเดียวครับที่เปิดให้บริการ Brunch แต่ขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถแนะนำคุณได้เพราะจะเข้าข่ายกลายเป็นการโฆษณาไป 2. อาหารว่างบ่าย (Afternoon Tea) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท Afternoon Tea หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Coffee Break จริง ๆ แล้วคำเต็ม ๆ ของ Coffee Break คือ Coffee Break Afternoon Tea จะใช้เสิร์ฟในช่วงบ่ายหรือระหว่างพักการประชุมสัมนาต่าง ๆ ซึ่งจะเสิร์ฟเวลาประมาณ 15.00 น. - 17.00 น. อาหารที่นิยมนำมาจัดเป็น Coffee Break นี้มีตั้งแต่อาหารหวาน ขนมชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ พาย ครัวซอง หรืออาจจะเป็นอาหารคาว หรือจะจัดรวมกันเป็นอาหารคาวและอาหารหวานก็ได้เสิร์ฟคู่ไปกับน้ำผลไม้เย็น ๆ หรือเครื่องดื่มร้อนหวาน เป็นต้น ประเภท High Tea เป็นอาหารว่างบ่ายอีกประเภทหนึ่งที่มีความแตกต่างจาก Afternoon Tea คือ จะเป็นอาหารที่หนักท้องกว่า เช่น พวกสลัดเนื้อสัตว์ หรือ แซนด์วิช และช่วงเวลาที่รับประทาน High Tea นี้มักจะเป็นช่วงที่ต้องรออะไรสักอย่าง เช่น รองท้องก่อนไปดูหนังฟังเพลง หรือก่อนเวลารับประทานอาหารเย็น ประเภทของอาหารมื้อว่าง
อาหารมื้อนี้จะเป็นมื้อที่หนักที่สุดเพราะเต็มไปด้วยอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ มีอาหารหลายอย่างซึ่งทยอยเสิร์ฟ มีการรับประทานเป็นขั้นเป็นตอน และมีเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอลล์ เรียกน้ำย่อยก่อนรับประทานจริง เหตุที่มีอาหารหลายอย่างทยอยเสิร์ฟก็เพราะว่ามื้อนี้เป็นมื้อสุดท้ายของวัน เป็นช่วงเวลาการรับประทานแบบสบาย ๆ ไม่มีเวลาจำกัด ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป Dinner มีอาหารหลายอย่างทยอยเสิร์ฟเป็นลำดับ
1.อาหารจานแรก (Appetizers)เป็นอาหารที่ใช้เรียกน้ำย่อย อาจจะมีรสจืด หรือรสจัดก็ได้ ขนาดชิ้นพอคำ เสิร์ฟในปริมาณไม่มากนัก เรียกว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยกันแบบพอหอมปากหอมคอ 2. อาหารประเภทซุป (Soup) หลังจากอาหารจานแรกผ่านไป บริกรจะเสิร์ฟซุปเป็นอาหารจานที่ 2 ซึ่งจะมีทั้งซุปข้นและซุปใส (Thick Soup /Clear Soup) เสิร์ฟให้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป และต้องเสิร์ฟขณะซุปยังร้อน
3. อาหารจานรอง (Entree)เป็นอาหารชิ้นเล็กๆ ทำจากอาหารทะเลประเภทปลาหรือกุ้ง หอยเชลล์ เสิร์ฟปริมาณน้อย และนิยมเสิร์ฟคู่กับเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย 4. อาหารจานหลัก (Main Course)เป็นอาหารจานสุดท้ายในประเภทอาหารคาว ประกอบด้วย เนื้อสัตว์เป็นหลัก ตกแต่งด้วยผักสุกหรือผักสด เช่น สเต็กที่ทอดหรือย่าง อาจราดด้วยซอสหรือไม่ก็ได้ นิยมเสิร์ฟกับไวน์ขาวหรือไวน์แดง
5. ของหวานและเครื่องดื่ม (Desert)ของหวานหลังอาหารอาจเป็นเค้ก ไอศกรีม หรือผลไม้ก็ได้ จะเสิร์ฟพร้อมกับเหล้าหลังอาหาร และตามด้วยกาแฟหลังสุด