หลักการเคลื่อนไหวร่างกาย

1. พลศึกษา ประถมศึกษาปีที่ 5 หลักการเคลื่อนไหวร่างกาย

2. การทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวซึ่งมีแรงบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้การเคลื่อนที่ช้าลงหรือเร็วขึ้น มีการรับแรง และการใช้แรงในการเคลื่อนไหว ดังนั้นจึงควรศึกษาทำความเข้าใจหลักการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการรับแรง การใช้แรง และความสมดุล การรับแรง เมื่อร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว บนพื้นในลักษณะต่างๆ ร่างกายจะได้รับแรงจาก การเคลื่อนไหวนั้น เช่น ร่างกายออกแรงรับน้ำหนัก ตัวขณะขึ้น-ลงบันได ออกแรงรับน้ำหนักสิ่งของที่กด ลงมาขณะยกของ ออกแรงพยุงต้นไม้ที่กำลังปลูกไม่ ให้ล้ม เป็นต้น

3. การใช้แรง แรงมีผลต่อการเคลื่อนที่ของร่างกาย เราต้องใช้แรงในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ใช้แรงดึง ใช้แรงผลัก ใช้แรงดัน เป็นต้น การใช้แรงดึงในการเล่นชักเย่อ

4. 3. ความสมดุล คือ การทรงตัวในขณะเคลื่อนไหวร่างกายหรือเคลื่อนที่เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ให้เอียงหรือล้ม เช่น การเดินบนราวทรงกลม การขี่จักรยาน การเล่นสเกต เป็นต้น การขี่จักรยานต้องทรงตัวให้เกิดความสมดุลของร่างกาย

5. ประวัติกรีฑา เชื่อกันว่า ต้นกำเนิดของกรีฑานั้น เริ่มมากจากชาวกรีกโรมัน เมื่อประมาณ 776 ปีก่อนคริสตศักราช โดยเจ้าเมืองนั้นอยากให้พลเมืองของกรีกมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง เพื่อรับใช้ประเทศได้อย่างเต็มที่ นอก จากนี้ในสมัยก่อนเชื่อว่า มีเทพเจ้าสถิตอยู่บนเขาโอลิมปัสพยายามทำตัวให้เป็นที่โปรดปราน ด้วยการทำพิธีกรรมบวงสรวงต่าง ๆ พร้อมเล่นกีฬาถวาย ณ ลานเชิงเขาโอลิมปัสแคว้นอีลิส เพื่อให้เกียรติแก่เทพเจ้า โดยมีกีฬาที่ชาวกรีกเล่นนั้น มี 5 ประเภท คือ การวิ่งแข่ง การกระโดด มวยปล้ำ พุ่งแหลน ขว้างจักร ทั้ง นี้ เป็นที่สังเกตได้ว่า นอกจากกีฬามวยปล้ำแล้ว กีฬาทั้ง 4 ชนิด ล้วนแต่เป็นกีฬากรีฑาทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการแข่งขันติดต่อกันมาเป็นเวลานานกว่า 1,200 ปี เลยทีเดียว

6. ประวัติความเป็นมาของกรีฑาในประเทศไทย ผู้ริเริ่มให้มีการแข่ง ขันกรีฑาในประเทศไทยนั้นก็ คือ กระทรวงธรรมการ(ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) ที่ได้จัดให้มีการแข่งขันกรีฑาระดับนักเรียน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2440 ณ ท้องสนามหลวง โดยมี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน มาทรงเป็นองค์ประธานเปิดการแข่งขันกรีฑานักเรียนเป็นประจำทุกปี และได้จัดตั้งให้มีสมาคมกรีฑาสมัครเล่นประเทศไทยขึ้น

7. กิจกรรมนันทนาการ หมายถึง การปฏิบัติกิจกรรมตามความชอบ ความถนัดหรือความสนใจ ในช่วงเวลาว่าง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ทำแล้วส่งผลดีต่อร่างกายจิตใจ สติปัญญา และสังคม ประเภทของกิจกรรมนันทนาการ การแบ่งประเภทของกิจกรรมนันทนาการตามผลที่ได้รับจาการทำกิจกรรมแบ่ง ได้ 3 ประเภท ดังนี้ • กิจกรรมนันทนาการที่ช่วยสร้างเสริมความ รู้สึกและอารมณ์ คือ ทำแล้วเกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลายอารมณ์และความเครียด เช่น ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง เล่นดนตรี ท่องเที่ยว เป็นต้น

8. กิจกรรมนันทนาการที่ช่วยสร้างเสริมความสามารถทางด้านร่างกายและสติปัญญา (ความคิด) คือ ทำแล้วเกิดความรู้ และมีทักษะการปฏิบัติ งานต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือ ดูสารคดี ฝึกวาดภาพ ฝึกเต้นรำ ทำงาน ฝีมือ เป็นต้น

9. กิจกรรมนันทนาการที่ช่วยสร้างเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมกิจกรรมนันทนาการที่ช่วยสร้างเสริมความสัมพันธ์ทางสังคม คือ ทำแล้วเกิดความเข้าใจกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เช่น การช่วยกันทำ งานบ้าน เข้าร่วมงานประเพณีของชุมชน ช่วยปลูกต้นไม้ในชุมชน เป็นต้น

10. ตัวอย่างกิจกรรมนันทนาการที่น่าสนใจตัวอย่างกิจกรรมนันทนาการที่น่าสนใจ 1. การสะสมแสตมป์ เป็นกิจกรรมนันทนาการที่ช่วย สร้างเสริมความรู้และช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน ในการเก็บสะสม 2. การเล่นหมากฮอสจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างทักษะ การคิดแก้ปัญหา การวางแผนการเล่น ช่วยฝึก สมาธิและความรอบครอบในการทำงานต่างๆ

11. ประโยชน์ของกิจกรรมนันทนาการประโยชน์ของกิจกรรมนันทนาการ • ก่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน มีความสุข • เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ • มีสุขภาพดี ทำให้อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน • ทำให้เป็นผู้มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน • สร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย ช่วยให้ได้ออกกำลังกาย • ก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ รู้จักการมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย 7. ช่วยให้มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ