330 likes | 1.59k Views
กฎหมายการทูต. กฎหมายการทูต. แนวความคิดเกี่ยวกับกฎหมายการทูต คณะผู้แทนทางการทูต เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต สถาบันกงสุล เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางกงสุล. ประเภทผู้แทนของรัฐในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ. คณะผู้แทนทางการทูต
E N D
กฎหมายการทูต • แนวความคิดเกี่ยวกับกฎหมายการทูต • คณะผู้แทนทางการทูต • เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต • สถาบันกงสุล • เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางกงสุล
ประเภทผู้แทนของรัฐในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประเภทผู้แทนของรัฐในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ • คณะผู้แทนทางการทูต • เป็นตัวแทนที่รัฐส่งไปประจำอยู่ในรัฐผู้รับและคอยควบคุมดูแลกิจการทุกอย่างของรัฐผู้ส่งในในอาณาจักรของรัฐผู้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาสัมพันธ์ภาพอันดีในทุกทางระหว่างรัฐทั้งสอง • กงสุล • กงสุลเป็นเพียงตัวแทน Office Agent ของรัฐผู้ส่งที่ได้รับมอบหมายให้อำนวยความสะดวกช่วยเหลือคนชาติของรัฐผู้ส่งกับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ส่วนบุคคลของคนชาตินั้นๆในต่างประเทศ เดิมทีวิวัฒนาการมาจากการเป็นตัวแทนพ่อค้าของคนชาตินั้นๆในรัฐต่างประเทศ และทำหน้าที่ตุลาการด้วย พิจารณาคดีทั้งทางแพ่ง ทางอาญา คุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินของคนชาติของตนในต่างแดน ต่อมาบทบาทได้ลดลงเหลือเพียงการควบคุมดูแลการพาณิชย์และปกป้องผลประโยชน์คนชาติของตนในต่างแดน
แนวความคิดเกี่ยวกับกฎหมายการทูตแนวความคิดเกี่ยวกับกฎหมายการทูต
ความหมายของการทูต และกฎหมายการทูต • การทูต คือการดำเนินนโยบายต่างประเทศ หรือศิลปะของผู้แทนรัฐในการเจรจา หรือเป็นวิธีปฏิบัติเพื่อดำเนินนโยบายต่างประเทศของบุคคลในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยสันติวิธี อันหมายถึงการเจรจาเป็นสำคัญ หรืออีกนัยหนึ่ง หมายถึง การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยตัวแทนรัฐ เนื่องจากรัฐเป็นนิติบุคคลไม่สามารถดำเนินการเองได้จึงจำเป็นต้องมีคณะบุคคลทำหน้าที่ดำเนินการทั้งกิจการภายในและภายนอก ได้แก่รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็ได้ส่งตัวแทนทางการทูตไปปฏิบัติหน้าที่ดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ • กฎหมายการทูต หมายความถึงกฎเกณฑ์ที่มุ่งวางนิติสัมพันธ์ระหว่างองค์กรต่างๆของบุคคลระหว่างรัฐ หรือ องค์การระหว่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่อย่างถาวร หรือ อย่างชั่วคราวในการดำเนินความสัมพันธ์ภายนอกของรัฐ หรือหลักเกณฑ์ทางกฎหมายที่มุ่งบังคับในการดำเนินความสัมพันธ์นั้นๆ
กฎหมายว่าด้วยการทูต และ กงสุล • กฎหมายการทูตและกงสุลวิวัฒนาการมาจากจารีตประเพณี และแนวทางปฏิบัติของรัฐมาเป็นเวลาช้านาน จนก่อให้เกิดเป็นกฎหมายจารีตประเพณีทางการทูต • ต่อมา คณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ (International Law Commission) ได้ประมวลกฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต และกงสุลขึ้นสองฉบับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ • Vienna Convention on Diplomatic Relations 1961 • Vienna Convention on Consular Relations 1963 • Convention on the prevention and punishment of crime against internationally protected persons, including diplomatic agent 1973 • Convention against the taking of Hostage 1979
หลักการที่สำคัญและที่มาของแนวคิดทางการทูตหลักการที่สำคัญและที่มาของแนวคิดทางการทูต • แนวคิดที่วิวัฒนาการเกี่ยวกับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตในสมัยโบราณมาจาก การที่พระเป็นตัวแทนของรัฐในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือในภารกิจที่สำคัญ โดยถือว่าเป็นกิจการที่กระทำในนามของพระเจ้า หรือเป็นตัวแทนของพระเจ้า พระ จึงได้รับอภิสิทธิ์ และความคุ้มกันจากรัฐอื่น • ในสมัยใหม่ซึ่งได้มีการประมวลเป็นอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายทางการทูต และกงสุลแล้วนั้น ได้สรุปสาระสองประเด็น คือ • หลักการทางกฎหมาย ถือหลักความเท่าเทียมกันของรัฐอธิปไตยทั้งปวงไม่ว่ารัฐเล็ก หรือใหญ่ และเอกสิทธิ์ และ ความคุ้มกันทางการทูตมิใช่เพื่อตัวบุคคล แต่เพื่อการปฏิบัติภารกิจหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของคณะผู้แทนทางการทูต • หลักการทางด้านการเมือง เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพความมั่นคง และการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างชาติโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในระบบแห่งธรรมนูญ และสังคมของชาติ กล่าวคือเป็นความร่วมมือทั้งทางด้านสันติภาพ และมิตรภาพด้วย
การแบ่งประเภทคณะผู้แทนทางการทูตการแบ่งประเภทคณะผู้แทนทางการทูต • หัวหน้าคณะผู้แทน (Head of the Mission) • เอกอัครราชทูต (Ambassador), เอกอัครสมณทูต (Nuncio), ผู้แทนของสันตะปาปา • รัฐทูตพิเศษ อัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็ม (Envoy Extraordinary and Minister Plenipotentiary), รองสมณทูต • Ministre Resident • อุปทูต Charge d’Affaires • บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูต (Members of the Diplomatic Staff) • บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและวิชาการ (Members of the Administrative and Technical staff) • บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการ (Members of the Service staff of the Mission) • ครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต (Family of the members of Diplomatic Mission) • คนรับใช้ส่วนตัว (Private Servant)
การเข้าดำรงตำแหน่งของผู้แทนทางการทูตการเข้าดำรงตำแหน่งของผู้แทนทางการทูต • การเข้าดำรงตำแหน่งของหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐผู้รับ และรัฐผู้รับไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลในการปฏิเสธไม่ให้ความเห็นชอบ และต้องได้รับความเห็นชอบกับหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตทุกระดับ และต้องมีการออกพระราชสาส์นตราตั้งสำหรับกรณีของประเทศไทย และต้องมีการเสนออักษรสาส์นตราตั้ง บอกกล่าวการมาถึงอย่างเป็นทางการ จึงจะถือว่ารัฐผู้รับได้รับทูตแล้ว • การเข้าดำรงตำแหน่งของบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูต และบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและวิชาการ ไม่จำเป็นต้องเสนอสาส์นตราตั้ง แต่ต้องแจ้งให้รัฐผู้รับทราบและไม่มีการคัดค้าน • การเข้าดำรงตำแหน่งของบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการ เพียงแต่แจ้งการแต่งตั้ง การมาถึง และการเดินทางออกไปแก่รัฐผู้รับ สำหรับคนรับใช้ส่วนตัว รัฐผู้ส่งมีหน้าที่แจ้งการมาถึงและการเดินทางออกไปท้ายที่สุดแก่รัฐผู้รับ • ผู้แทนทางการทูตเป็นคนในสัญชาติของรัฐผู้รับ ก็ต้องขอความยินยอมจากรัฐผู้รับเช่นกัน ซึ่งอาจจะได้รับการยอมรับ หรือปฏิเสธก็ได้
การสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งผู้แทนทางการทูตการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งผู้แทนทางการทูต • สาเหตุการสิ้นสุดของการดำรงตำแหน่งผู้แทนทางการทูต • สาเหตุอันเนื่องมาจากรัฐผู้ส่ง เช่นการเรียกทูตกลับจากเหตุเกี่ยวกับทูตเอง หรือจากเหตุ การประท้วงรัฐผู้รับ • สาเหตุอันเนื่องจากรัฐผู้รับ เช่นรัฐผู้รับประการว่าผู้แทนทางการทูตเป็นบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ (Persona non Grata) • สาเหตุอื่น เช่น การลาออกของทูตเอง การตาย หรือครบวาระการดำรงตำแหน่ง • วิธีการปฏิบัติเพื่อให้ผู้แทนทางการทูตพ้นจากตำแหน่ง • การเรียกหัวหน้าคณะผู้แทนกลับ โดยมีการมอบอักษรสาส์นเรียกกลับ และระบุสาเหตุการเรียกกลับด้วย เว้นแต่กรณีถูกประกาศว่าเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ • การเรียกบุคคลอื่นในคณะผู้แทนกลับ โดยการแจ้งไปยังรัฐผู้รับว่าภาระหน้าที่ของผู้แทนยุติแล้วและแจ้งการเดินทางออกนอกประเทศรัฐผู้รับด้วย • การขับไล่ (Expulsion) เป็นสิทธิของรัฐผู้รับที่จะขับไล่บุคคลที่ไม่พึงประสงค์ได้ หรือ จับกุมและนำตัวส่งกลับประเทศรัฐผู้ส่ง ในกรณีที่ร้ายแรง
หน้าที่ของผู้แทนทางการทูตหน้าที่ของผู้แทนทางการทูต • หน้าที่ของผู้แทนทางการทูตต่อรัฐผู้ส่ง • การเป็นตัวแทนรัฐผู้ส่ง • คุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐผู้ส่งและของชนชาติของรัฐผู้ส่ง (Diplomatic Protection) • ทำการเจรจากับรัฐผู้รับในเรื่องต่างๆ • การเสาะแสวงหาข่าวและรายงาน ศึกษาสถานการณ์ ปฏิกิริยาต่อสถานการณ์โลก • ส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างรัฐผู้รับ และรัฐผู้ส่ง • หน้าที่ของผู้แทนทางการทูตต่อรัฐผู้รับ • การไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของรัฐผู้รับ • การเคารพต่อกฎหมายภายในรัฐผู้รับ
เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต • เอกสิทธิ์ (Privilege) เป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อทำให้บุคคลนั้นอยู่ภายนอก หรือ อยู่เหนือกฎหมายธรรมดาทั่วไป เช่น ไม่ต้องเสียภาษีบางอย่าง ไม่ต้องรับราชการทหาร เป็นต้น เอกสิทธิ์ จึงเป็นเรื่องของการให้ประโยชน์เป็นการพิเศษนอกเหนือจากกฎหมายธรรมดา เอกสิทธิ์เป็นสิทธิของผู้ให้ ผู้ให้เป็นผู้ให้สิทธิ ผู้รับจึงจะได้เอกสิทธิ เอกสิทธิทางการทูตจึงให้โดยรัฐผู้รับ • ความคุ้มกัน (Immunities) เป็นการที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้ภาระบางประการ หรือการได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับของกฎเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ปลอดพ้นจากภัย หรือการได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง การคุ้มกันเป็นเรื่องการยกเว้นจากการบังคับของกฎเกณฑ์ ความคุ้มกันเป็นสิทธิของผู้รับ อยู่ในตัว ผู้ให้จำเป็นต้องให้ความคุ้มกันจะไม่ให้ไม่ได้ ความคุ้มกันทางการทูตเป็นสิทธิของรัฐผู้ส่ง และไม่ใช่ของตัวทูตเอง ดังนั้นเวลาสละความคุ้มกันจึงต้องให้รัฐผู้ส่งสละผู้แทนจะสละเองไม่ได้
ทฤษฎีเรื่องเอกสิทธิและความคุ้มกันทฤษฎีเรื่องเอกสิทธิและความคุ้มกัน • ทฤษฎีลักษณะตัวแทนของผู้แทนทางการทูต • ถือว่าทูตเป็นตัวแทนกษัตริย์ • ทฤษฎีสภาพนอกอาณาเขต • ผู้แทนทางการทูตไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐที่ไปอยู่ ถือว่ายังอยู่ในอำนาจอธิปไตยของรัฐผู้ส่ง • ทฤษฎีประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ และการถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ • ถือหลักเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ดำเนินไปโดยสะดวก มีประสิทธิภาพ เป็นอิสระ และเป็นการต่างปฏิบัติตอบแทนระหว่างกันในการเคารพต่อเอกสิทธิ ความคุ้มกัน ที่ให้แก่คณะผู้แทนทางการทูตของกันและกัน
ขอบเขตของเอกสิทธิและความคุ้มกันทางการทูตขอบเขตของเอกสิทธิและความคุ้มกันทางการทูต • เอกสิทธิเกี่ยวกับภาษีอากร และค่าธรรมเนียม หรือค่าภาระที่เรียกเก็บในรัฐผู้รับ • เอกสิทธิเกี่ยวกับภาษีรายได้ • เอกสิทธิเกี่ยวกับภาษีศุลกากร • เสรีภาพในการคมนาคมสื่อสาร • ความคุ้มกันเกี่ยวกับตัวบุคคล • ความคุ้มกันเกี่ยวกับสถานที่ของคณะผู้แทน • ความคุ้มกันทางศาล • การเริ่มต้นและการสิ้นสุดของเอกสิทธิและความคุ้มกันทางการทูต • สิทธิเริ่มตั้งแต่เดินทางเข้าไปในรัฐและบอกกล่าวการแต่งตั้งของตน • สิทธิสิ้นสุดลงเมื่อเมื่อภาระหน้าที่ยุติลงและได้เดินทางออกไปจากประเทศ • กรณีผู้แทนทูตเสียชีวิต ให้คนในครอบครัวอุปโภคสิทธิอยู่จนกว่าจะเดินทางออกไปในเวลาอันสมควร • กรณีผู้แทนทูตเสียชีวิตอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ออกไปได้โดยไม่ต้องเสียอากรกองมรดก
ประเภทของกงสุล • พนักงานฝ่ายกงสุลอาชีพ • เป็นกงสุลอาชีพ คือเป็นข้าราชการของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่กงสุลโดยมิได้มีอาชีพอื่นใด • พนักงานฝ่ายกงสุลกิตติมศักดิ์ • เป็นพ่อค้า หรือนักธุรกิจที่มีสัญชาติรัฐผู้รับ และปฏิบัติการงานอยู่รัฐผู้รับโยเฉพาะตามเมืองท่า บุคคลประเภทนี้จะได้รับการทาบทามเป็นกงสุลโดยไม่ได้หวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นค่าจ้าง แต่ย่อมได้รับเกียรติอันจะเป็นผลประโยชน์ต่อการงานของตน สถานที่ทำการกงสุล • สถานกงสุลใหญ่ • สถานกงสุล • สถานกงสุลรอง • สำนักตัวแทนกงสุล
หน้าที่ของกงสุล • คุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐผู้ส่ง และคนชาติรัฐผู้ส่ง • สืบเสาะด้วยวิธีการอันชอบด้วยกฎหมายถึงภาวะทางเศรษฐกิจ พาณิชย์ วัฒนธรรม และวิทยาการของรัฐผู้รับ เพื่อรายงานรัฐผู้ส่ง • เพิ่มพูนการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการพาณิชย์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิทยาการระหว่างรัฐผู้รับ และรัฐผู้ส่ง • ควบคุมดูแล และตรวจตราตามกฎหมายของรัฐผู้ส่งเกี่ยวกับเรือสัญชาติรัฐผู้ส่ง และอากาศยานที่จดทะเบียนในรัฐผู้ส่ง กับให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่เรือ อากาศยาน และลูกเรือ ประทับตราเอกสารของเรือ สืบสวนเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางภายในขอบเขตของกฎหมายไม่ให้เสื่อมเสียอำนาจรัฐผู้ส่ง • ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆที่ได้รับมอบหมายจากรัฐผู้ส่ง
การแต่งตั้งและการสิ้นสุดตำแหน่งหน้าที่กงสุลการแต่งตั้งและการสิ้นสุดตำแหน่งหน้าที่กงสุล • การแต่งตั้ง • การเลือกกงสุลอยู่ในดุลยพินิจของรัฐผู้ส่ง • ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐผู้รับ • ออกเอกสารสัญญาบัตรแต่งตั้งเพื่อรับรองตำแหน่ง แต่อาจจะตกลงด้วยวาจาได้ • รัฐผู้รับอาจจะยินยอมหรือปฏิเสธก็ได้ ถ้ารัฐผู้รับยอมรับจะออกอนุมัติบัตรให้ถือว่าบุคคลนั้นมีฐานะเป็นกงสุล • การยุติหน้าที่กงสุล • เมื่อรัฐผู้ส่งได้บอกกล่าวไปยังรัฐผู้รับว่าหน้าที่กงสุลยุติแล้ว • เมื่อมีการเพิกถอนอนุมัติบัตร • เมื่อรัฐผู้รับได้บอกกล่าวไปยังรัฐผู้ส่งว่ารัฐผู้รับได้เลิกถือว่าบุคคลนั้นเป็นกงสุล หรือบุคคลในคณะกงสุลแล้ว
เอกสิทธิและความคุ้มกันทางกงสุลเอกสิทธิและความคุ้มกันทางกงสุล
เอกสิทธิและความคุ้มกันเกี่ยวกับสถานกงสุลเอกสิทธิและความคุ้มกันเกี่ยวกับสถานกงสุล • ความละเมิดมิได้ในสถานที่กงสุล • ความละเมิดมิได้ของบรรณสารและเอกสารทางกงสุล • การยกเว้นการเก็บภาษีอากรสถานที่กงสุล • เสรีภาพในการสื่อสาร เอกสิทธิและความคุ้มกันเกี่ยวกับบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล • ความละเมิดมิได้ส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล ไม่ถูกกักขังระหว่างพิจารณาคดี เวนแต่อาชญากรรมร้ายแรง และตามคำวินิจฉัยของศาล • ความคุ้มกันจากการพิจารณาพิพากษาคดี ไม่ใช้กับการดำเนินคดีทางแพ่ง • เอกสิทธิเกี่ยวกับภาษีอากรและภาษีศุลกากร ไม่รวมภาษีทางอ้อม • การสละเอกสิทธิและความคุ้มกัน รัฐผู้ส่งอาจสละความคุ้มกันและเอกสิทธิ์ได้โดยแจ้งไปยังรัฐผู้รับเป็นลายลักษณ์อักษร