1 / 65

8. Bohr Theory of the Atom :

8. Bohr Theory of the Atom :. +. เพื่อเป็นการอธิบายว่าทำไมอิเล็กตรอน จึงไม่ถูกดูดยุบรวมกับนิวเคลียส ในปี 1913 Bohr ได้เสนอว่า อิเล็กตรอนของไฮโดรเจนโคจรล้อมรอบนิวเคลียสเป็นวงกลมและ ตราบที่อิเล็กตรอนยังคงโคจรรอบนิวเคลียส เป็นวงกลมอิเล็กตรอนจะไม่มีการสูญเสีย หรือรับพลังงานเลย.

meira
Download Presentation

8. Bohr Theory of the Atom :

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. 8. Bohr Theory of the Atom : +

  2. เพื่อเป็นการอธิบายว่าทำไมอิเล็กตรอน จึงไม่ถูกดูดยุบรวมกับนิวเคลียส ในปี 1913 Bohr ได้เสนอว่า อิเล็กตรอนของไฮโดรเจนโคจรล้อมรอบนิวเคลียสเป็นวงกลมและ ตราบที่อิเล็กตรอนยังคงโคจรรอบนิวเคลียส เป็นวงกลมอิเล็กตรอนจะไม่มีการสูญเสีย หรือรับพลังงานเลย

  3. ถ้าผ่านแสงขาว (White light) ไปยังปริซึม พบว่า เกิดสเปกตรัมของแสงสีแดงไปถึงแสงสีม่วง เรียกContinuous spectrumแสดงว่า สเปกตรัมประกอบด้วยวามยาวคลื่นและทุกพลังงานของ visible light

  4. เมื่ออะตอมถูกเร้า (ได้รับพลังงาน) อะตอมจะคายพลังงานออกมาเป็นเส้น เรียกว่า Line spectrum แต่ละเส้นสอดคล้องกับความยาวคลื่นที่แน่นอนของแสง (A DEFINITE WAVELENGTH OF LIGHT. )

  5. ในสมัยก่อน สังเกตุเห็นว่าธาตุแต่ละธาตุ มี emission line spectrum เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น Na ประกอบด้วยเส้นสีเหลืองบนพื้นสีดำ ใช้เป็น characteristic test สำหรับ Na สำหรับไฮโดรเจนจะสังเกตุเห็นอนุกรมของเส้น สเปกตรัมที่มีความยาวคลื่นเฉพาะและแน่นอน หลายอนุกรม คือ

  6. 1 เริ่มจาก 82,259 ฎ 109,678 cm-1 เรียก Lyman seriesอยู่ในช่วง UV min = 2, 3 … ต ฎnf = 1 2 เริ่มจาก 15,233 ฎ 27,420 cm-1 เรียก Balmer series near IR, min = 3, 4 … ต ฎnf = 2 3 เริ่มจาก 5,233 ฎ 12,186 cm-1 เรียก Paschen series near IR, min = 4, 5 … ต ฎnf = 3

  7. 4 min = 5, 6 … ต ฎnf = 4 เรียก Brackett series 5 min = 6, 7 … ต ฎnf = 5 เรียก Pfund series กรณี nfณ 6, 7 ขึ้นไป ความถี่ต่ำมากไม่สามารถมองเห็นเป็น ลักษณะคลื่นได้

  8. The Line Spectrum of Hydrogen Lines in the Infra-Red region Lines in the Visible region Lines in the Ultra-Violet region Paschen series Balmer series Lyman series

  9. n = 1 Energy Level + Bohr ได้อธิบายการเกิดสเปกตรัมของ H ดังนี้ : สภาวะที่อิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียสที่ระดับพลังงานต่ำสุด คือ n = 1 เรียกว่า Ground State

  10. This is the excited state ….!!! Excited State : n = 2 n = 1 n = 2 เมื่ออะตอมดูดกลืนพลังงานที่เหมาะสมจำนวนหนึ่งอิเล็กตรอนจะถูกเร้า(กระตุ้น) จากสภาวะพื้นไปยังสภาวะกระตุ้น (excited state) ซึ่งมีพลังงานสูง ขึ้น เช่น n = 2

  11. Ground State : n = 1 Excited State : n = 2 Energy = hf n = 1 n = 2 + อิเล็กตรอนจะอยู่ที่สภาวะนี้ในช่วงเวลาแค่เสี้ยว วินาทีเท่านั้นเนื่องจากไม่เสถียร จะเคลื่อนย้ายกลับ มาที่สภาวะเดิม คือ n = 1 พร้อมกับคายพลังงาน ส่วนเกินออกมาในรูปของแสง E = hf

  12. A unit of light is called a PHOTON of energy. เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนย้ายกลับมาที่ระดับพลังงานต่ำลง จะคายพลังงานออกมาเท่ากับผลต่างของระดับพลังงานทั้งคู่ (DE) เป็นหน่วยของแสง (a unit of light) หรือเป็นรูปอื่นของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า หน่วยของแสงนี้ เรียกว่า โฟตอนของพลังงาน

  13. Quantisation : หมายความว่าพลังงานของอิเล็กตรอน ไม่ได้มีทุกค่า แต่เป็นค่าเฉพาะที่แน่นอนและ มีค่าเป็นช่วงๆ เท่านั้น หลักการที่พลังงานถูกดูดกลืนหรือคายออกมาใน ปริมาณที่แน่นอนเป็นช่วงๆ เรียกว่า Quantisation

  14. E2 : EXCITED STATE Photon of Light Energy Energy Difference = E2 - E1 E1 : GROUND STATE พลังงานที่คายออกมา มีความยาวคลื่นเฉพาะ เจาะจงสอดคล้องกับความแตกต่างของระดับ พลังงานทั้งสอง

  15. E = hf E = Joules h = Joule seconds f = ความถี่ (Hertz หรือ Second-1) สูตรของความแตกต่างของพลังงาน คือ

  16. Bohr ได้คำนวณ และ derived สมการหาพลังงาน ของอิเล็กตรอนในวงโคจร : E = -R/n2 R = Rydberg constant n = เลขควอนตัมหลัก = 109,677.58 cm-1

  17. Let’s now consider these two separate equations: E2 = -R/n22 E1 = -R/n12 E2-E1 = -R/n22-(-R/n12) = R(1/ n12-1 /n22) = hf

  18. สรุป :ธาตุแต่ละธาตุจะมี line emission spectrum ที่ไม่เหมือนกันเลย เป็นเอกลักษณ์ประจำ ตัวของแต่ละธาตุและสเปกตรัม ประกอบ ด้วยเส้นสเปกตรัมหลายอนุกรม : การเกิดอนุกรมของเส้นสเปกตรัม เนื่องจาก มีการเคลื่อนย้ายของอิเล็กตรอน จากระดับ พลังงานสูงๆ ทั้งหมด ลงมาที่ระดับพลัง งานต่างๆ ซึ่งมีพลังงานต่ำกว่า

  19. Great..the Lyman Series is caised by electron transitions to the n = 1 level,from ALL energy levels above it. n = Infinity n = 4 n = 3 n = 1 Lyman Series (UV Region)

  20. n = Infinity Great..the PASCHEN SERIES is caised by electron transitions to the n = 3 level,from ALL energy levels above it. n = 4 n = 3 n = 1 Paschen Series (IR Region)

  21. n = Infinity Great..the BALMER SERTES is caised by electron transitions to the n = 2 level, from ALL energy levels above it. n = 4 n = 3 n = 1 Balmer Series (Visible Region)

  22. ระดับพลังงานที่เป็นไปได้ของทุกอิเล็กตรอนในอะตอมต่างๆ บ่งได้และคำนวณได้ด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ และถ้าพลังงานมีได้เฉพาะค่าที่แน่นอนเป็นช่วงๆ เท่านั้น แสดงว่าเราสามารถอธิบายพลังงานในเทอมของตัวเลขได้

  23. ตัวเลขนี้เรียกว่าเลขควอนตัม (quantum numbers)และ nเรียกว่าเลขควอนตัมหลัก (The principal quantum number) ค่าของ n = 1,2,3… ซึ่งบ่งถึงขนาดและพลังงาน ของออร์บิทัล และบ่งบอกถึงสมบัติและพลังงาน ของ -e

  24. สรุปเกี่ยวกับทฤษฎีของบอร์สรุปเกี่ยวกับทฤษฎีของบอร์ Summary of the Bohr Theory สมมุติฐาน 2 ข้อ ของ บอร์ สรุปได้ดังนี้ 1. ตราบใดที่อิเล็กตรอนโคจรล้อมรอบนิวเคลียส อยู่ได้ที่ระดับพลังงานหนึ่ง อิเล็กตรอนจะไม่มี การคายหรือดูดกลืนพลังงาน (เป็นแนวคิดเกี่ยว กับ Quantisation)

  25. 2. จะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานเกิดขึ้นในรูปของ การคายหรือดูดกลืนแสง ต่อเมื่ออิเล็กตรอนย้าย ระดับพลังงานจากระดับหนึ่งไปยังอีกระดับหนึ่ง ทฤษฎีของบอร์ จะสามารถอธิบายคำถาม 2 ประการ ได้คือ E2 - E1 = hf 1. ทำไมอิเล็กตรอนจึงไม่ถูกยุบรวมกับนิวเคลียส 2. ต้นกำเนิดของเส้นสเปกตรัม

  26. 1. ทำไมอิเล็กตรอนมีระดับพลังงานที่แน่นอน ทำไม Quantisation ….??? 2. แบบจำลองอะตอมนี้ประยุกต์ใช้ได้ดีกับ อะตอมไฮโดรเจนเท่านั้น (เมื่อใช้กับธาตุ อื่น เช่น Li และ Na ผลการคำนวณที่ได้ ไม่ถูกต้อง) แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ดังนั้นจำเป็นต้องมีแบบจำลองอะตอมใหม่ …???

  27. สรุป : เกี่ยวกับหลักการของ Bohr 1. ให้ถือว่าอะตอมมีลักษณะดังรัทเทอร์ฟอร์ดกล่าวไว้ คือ มีนิวเคลียสอยู่แกนกลาง มีอิเล็กตรอนโคจรล้อมรอบ 2. Bohr ตั้งสมมุติฐานว่า อิเล็กตรอนโคจรล้อมรอบเป็นวงกลมหลายๆ วง แต่ละวงแทนด้วยตัวเลข 1, 2, 3…หรือตัวอักษร K, L, M….. 3. ถือว่า แสงเป็น photon ตามที่พลังค์และไอน์- สไตน์ กล่าวไว้และมีพลังงาน E = hu

  28. 4. ตราบใด ที่อิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียสอยู่นั้น จะไม่มีการดูดกลืนและปล่อยพลังงานออกมา ซึ่ง ตรงข้ามกับทฤษฎีดั้งเดิม 5. Bohr ตั้งสมมุติฐานว่า อิเล็กตรอนจะอยู่ได้เฉพาะ วงโคจรที่ทำให้มันมีโมเมนตัมเชิงมุม (mvr) ที่ เหมาะสมกับวงโคจรนั้นๆ เท่านั้น ซึ่งมีค่าเท่ากับ ผลคูณของตัวเลขจำนวนเต็มใด ๆ (n) คูณด้วย ค่าคงที่ของพลังค์หารด้วย 2p,

  29. mvr = m = มวลของอิเล็กตรอน v = ความเร็วเชิงเส้นของอิเล็กตรอน r = รัศมีวงโคจร h = ค่าคงที่ของพลังค์ 6.625 x 10-27 เอิร์ก.วินาที n = ลำดับวงโคจร (เลขควันตัมหลัก)

  30. 6. ตั้งสมมุติฐานว่า อิเล็กตรอนจะดูดกลืนหรือคาย พลังงานออกมาเฉพาะ เมื่ออิเล็กตรอนมีการ เคลื่อนย้ายจากวงโคจรหนึ่งไปยังอีกวงโคจรหนึ่ง โดยค่าพลังงานที่ดูดกลืนหรือปล่อยออกมา จะ เท่ากับผลต่างระหว่างวงโคจรทั้งสอง DE = Ef - Ei = hu

  31. โดย u = ความถี่ของแสงที่อิเล็กตรอนดูดกลืน หรือคายออกมา สมมุติฐานทั้งหมดมีผลดีคือ 1) สามารถสร้างแบบจำลองอะตอม ของ H และไอออนของธาตุอื่นที่มีขนาดเล็กและ มีอิเล็กตรอน 1 อนุภาคได้

  32. 2) สามารถอธิบายปรากฎการณ์การเกิด สเปกตรัมของธาตุ H ได้ 3) สามารถคำนวณรัศมีวงโคจร พลังงาน ไอออนไนเซชันและพลังงานของอิเล็ก ตรอนสำหรับวงต่าง ๆ ของธาตุ H ได้

  33. Ionization energy ของ H-atom : พลังงานที่ใช้ใน การดึง e-จาก n1 = 1 ฎ n2 = a) Ionization Energy : ของอะตอมที่มี e- 1 อนุภาค

  34. DE = Z2DEH = -13.6 Z2 โดย DEH = -13.6 eV : ใช้ได้กับอะตอมขนาดเล็ก ที่มี e- 1 อนุภาคเท่านั้น Z = ประจุของนิวเคลียสของอะตอม เช่น Li2+ , Z = 3, nin = 1, nf = a

  35. รัศมีอะตอมและพลังงานของไฮโดรเจนสำหรับ n = 1 ถึง 5 ดังตาราง เลขควอนตัม รัศมีอะตอม พลังงานของ อิเล็กตรอน eV 1 0.529 -13.60 2 2.116 - 3.40 3 4.761 - 1.51 4 8.464 - 0.85 5 13.225 - 0.54 มาก

  36. ทฤษฎีของ Bohr สำหรับ one-e-- atom เช่น He+,Li2+(Z= +2,+3 ตามลำดับ) r = E =

  37. การอธิบายการเกิดสเปกตรัมของธาตุไฮโดรเจนการอธิบายการเกิดสเปกตรัมของธาตุไฮโดรเจน เส้นสว่าง หรือ เส้นมืดในสเปกตรัมเกิดจากการคายหรือดูดกลืนพลังงานของอิเล็กตรอน เมื่อมีการเปลี่ยนระดับพลังงานจากระดับพลังงานสูงไประดับที่ต่ำกว่าและจากระดับพลังงานต่ำไประดับที่สูงกว่าตามลำดับ

  38. ดังนั้น จาก DE = Ef - Ei 2 2 4 e 2p m Z DE = - - 2 2 h n f 2 2 4 mZ e 2p (8) hu = 2 2 2 h

  39. 2 2 จาก u = C/l เมื่อแทนค่า u ใน (8) จะได้ (9) cm-1 ni > nf เสมอ

  40. สำหรับ H, Z = 1, ได้สูตรในการคำนวณพลังงานของรังสีชุดต่าง ๆ ดังนี้ ค่าเป็นลบ เพราะเป็นพลังงานที่คาย

  41. n = a n = 5 n = 4 n = 3 n = 2 n = 1 ชุดฟุนด์ ชุดแบรกเกตต์ ชุดบาลเมอร์ ชุดไลแมน 4000 อังสตรอม อังสตรอม 7000 ม่วงแดง

  42. การหาค่ารัศมีและพลังงานของอิเล็กตรอนการหาค่ารัศมีและพลังงานของอิเล็กตรอน ในวงโคจรต่างๆ ของธาตุไฮโดรเจน เป็นการประยุกต์แบบจำลองอะตอมของ Bohr เพื่อหาสมบัติต่างๆ ของธาตุไฮโดรเจน

  43. จุดบกพร่องของแบบจำลองอะตอมของโบร์จุดบกพร่องของแบบจำลองอะตอมของโบร์ 1. ใช้ได้เฉพาะอะตอมที่มีอิเล็กตรอนเพียง 1 อนุภาคเท่านั้น 2. ไม่สามารถอธิบายปรากฎการณ์เมื่ออะตอม อยู่ในสนามแม่เหล็กได้ ซึ่งให้สเปกตรัมที่ ซับซ้อนกว่าปกติ เรียกว่า โครงสร้างถี่ ละเอียด (fine structure)

  44. จากผลการ ทดลองขยายเส้นสว่าง หรือเส้นมืดบนสเปกตรัมของธาตุต่างๆ พบว่าบางเส้นไม่ใช่เส้นเดี่ยวๆ แต่มีเส้นเล็กๆ ที่แทรกอยู่ด้วย ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ โดยใช้แบบจำลองอะตอม ของโบร์ 3. อธิบายโครงสร้างอะตอมได้ 2 มิติ เท่านั้นซึ่ง ผิดความจริง

  45. แบบจำลองอะตอมที่พัฒนาจากแบบจำลองอะตอมที่พัฒนาจาก แบบจำลองอะตอมของโบร์ 9. เนื่องจากข้อบกพร่องของแบบจำลองของโบร์ ที่ไม่สามารถอธิบาย โครงสร้างถี่ละเอียดได้ Sommerfeld จึงได้ดัดแปลงแบบจำลองอะตอมของโบร์ว่า นอกจากจะมีวงโคจรแบบวงกลมแล้ว ยังมีวงโคจรย่อย ๆ ที่เป็นวงรีและตำแหน่งของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส ขึ้นกับ2 แกน กำหนดให้เป็น n และ k เมื่อ n = k คือวงกลม นั่นเอง และสำหรับวงรีn > k

  46. นั่นคือ เมื่ออิเล็กตรอนหนึ่ง ๆ มีพลังงานมากขึ้น จะมีวงโคจรได้หลายวง รูปร่างของวงโคจรจะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งจะเป็นวงรีมากขึ้น จึงเสนอว่าน่าจะมีเลขควอนตัมเพิ่มอีกชนิด เพื่อระบุระดับพลังงานย่อยของอิเล็กตรอน หรือรูปร่างวงโคจรของอิเล็กตรอน เรียกว่า เลขควอนตัมโมเมนตัมเชิงมุมปัจจุบันใช้สัญลักษณ์ l

  47. ความสัมพันธ์ของ n, k และ l n k l = 0,1,2,3…(n-1) รูปร่างวงโคจร 1 1 0(s) วงกลม 2 2 0(s) วงกลม 1 1(p) วงรี 3 3 0(s) วงกลม 2 1(p) วงรี 1 2(d) วงรี

  48. ค่า k หรือ l ที่ต่างกันบ่งถึงรูปร่างวงโคจรที่ต่างกันซึ่งมีระดับพลังงานที่ต่างกัน เมื่ออิเล็กตรอนมีการเคลื่อนย้ายระหว่างระดับพลังงานย่อยเหล่านี้ จึงเห็นรายละเอียดของเส้นสเปกตรัม

  49. ถึงขั้นนี้จะเห็นว่า ระดับพลังงานของอิเล็กตรอนที่ โคจรรอบนิวเคลียสระบุด้วยเลขควอนตัม 2 ประเภท คือ n และ k (l) sย่อจาก “sharp” เป็นเส้นแสงที่คมชัด pย่อจาก “principal” เส้นแสงหรือเส้น มืดเส้นหลักของธาตุนั้นๆ

  50. d ย่อจาก “diffuse” เส้นแสงหรือเส้นมืดที่พร่าเลือน fย่อจาก “fundamental” เส้นที่พบบ่อยๆ หรือพบได้ ง่าย

More Related