E N D
เทคโนโลยีสารสนเทศ I PHONE
I phone • ไอโฟนเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดีย ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล โดยการทำงานของไอโฟนสามารถใช้งานส่งอีเมล ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง และความสามารถอื่น โดยมีอุปกรณ์หลักประกอบด้วย Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2.0-megapixel ไอโฟนรุ่นแรกมีลักษณะ 2.5G quad band GSM และ EDGE และรุ่นที่สองใช้ UMTS และ HSDPA • แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟจอบส์ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ ประจำปี 2550[2] โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G และ ไอโฟน 3GS และไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในปัจจุบันคือ iPhone 4S ซึ่งมีเป็นรุ่นที่สมบูรณ์ที่สุดในขณะนี้
I phone 3G • ไอโฟน3จี (iPhone 3G) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สองของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน รุ่นแรกถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ในงาน WWDDC 2008 ที่ Moscone Center ในเมืองSan Francisco มี 3G ที่คล้ายกันมากกับรุ่นก่อนที่มีเหมือนกันกล้อง 2 MP และการสนับสนุนสำหรับ บันทึกวิดีโอ ไม่มีและประสิทธิภาพการทำงานของมันถูก จำกัด โดยเดียวกันขนาด 128 เมกะไบต์ eDRAMหน่วยความจำ[10]แต่ 3G ที่โดดเด่นการปรับปรุงหลายต้นฉบับ ที่สนับสนุน GPS แบบช่วยเหลือ, ข้อมูล 3G และ Tri - band UMTS/HSDPA • ในวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 Apple ได้เปิดตัว iPhone 3G ใน 22 ประเทศ รวมทั้งเดิมหก ในรุ่น 8GB และ 16GB, กับรุ่นความจุที่มีขนาดใหญ่ที่มีตัวเลือกของการอยู่ในสีดำหรือสีขาว[11][12] • เมื่อ iPhone 3GS ถูกปล่อยออกมาได้ 1 ปีภายหลังราคาของ iPhone 3G ถูกตัดในช่วงครึ่งปีและได้ทำรูปแบบการงบประมาณของ iPhone โดยราคาของ iPhone 3G อยู่ในราคา $ 99 อยู่ในสีดำเท่านั้น และมาพร้อมกับ 8GB ของการจัดเก็บ พร้อมกับการแก้ไขนี้เป็น iPhone OS 3.0[13]ในวันที่ 7 มิถุนายน 2010 iPhone 3G ถูกยกเลิกและแทนที่ด้วย 8 GB iPhone 3GS ขายในราคาเดียวกันด้วยราคา $ 99
I phone 4 • ไอโฟน 4 คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัสที่พัฒนาโดย บริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่สี่ของ ไอโฟน ต่อมาจากรุ่น ไอโฟน 3จีเอส ถูกออกแบบเฉพาะสำหรับการใช้งานด้านการโทรศัพท์โดยมีสัญญาณภาพ (ในชื่อ เฟซไทม์) การอ่านหนังสืออีบุค, การดูวิดีโอ, ฟังเพลง, เล่นเกม และอินเทอร์เน็ต ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC 2010 และขายครั้งแรกวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในอเมริกา,อังกฤษ และอีกในหลายประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นมีการขายครั้งแรกอย่างเป็นทางการใน วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553 โดยสามบริษัทใหญ่เป็นผู้จำหน่ายคือ เอไอเอส ,ดีแทคและทรูมูฟ • ข้อแตกต่างระหว่างไอโฟน 4 และไอโฟนรุ่นก่อนหน้าได้แก่ การออกแบบโฉมใหม่ ที่มีการหุ้มขอบด้วยสเตนเลนสตีลไร้ฉนวนซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่อง ตัวเครื่องจะอยู่กึ่งกลางระว่างกระจกอลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้สองด้านหน้าหลัง ภายในเครื่องมีซีพียู แอปเปิล A4 พร้อม ram 512 MB ของ eDRAMซึ่งมีความเร็วเป็นสองเท่าของรุ่นก่อนหน้า และเร็วเป็นสี่เท่าของไอโฟนรุ่นแรกสุด หน้าจอขอไอโฟน 4 มีขนาด 89 มม. (3.5 นิ้ว) โดยใช้แอลอีดีแบล็กลิตขนาด แสดงผลด้วยความละเอียด 960×640 พิกเซลซึ่งชื่อการค้าว่าว่า เรตินาดิสเพลย์ (Retina Display) • จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ Facetimeการสนทนาพร้อมส่งภาพจากกล้องด้านหน้า หรือด้านหลัง ไปให้คู่สนทนาได้ชมแบบสดๆ หรือเรียกว่าวิดีโอคอลล์ เพียงแต่ Facetimeไม่ต้องอาศัยเครือข่าย 3G แต่อาศัย Wi-Fi แทน วิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ทิ้งไว้ จากนั้นทำการโทรออกไปหาผู้รับตามปกติ (ผู้รับสายจะต้องใช้ iPhone 4 มีเชื่อมต่อ Wi-Fi เช่นกัน) ระหว่างรอรับสายให้กดปุ่ม Speaker เพื่อสนทนาผ่านลำโพง และ เมื่อมีผู้รับสายให้กดปุ่ม Facetimeเพื่อเปิดใช้งานกล้อง โดยผู้ใช้ สามารถสลับการใช้งานได้ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง • ประโยชน์ของ Facetimeนอกจากการสนทนาแบบเห็นหน้า นั่นคือการสื่อสารที่มากกว่าคำพูด เพราะผู้ใช้สามารถรับรูปถึงอารมณ์ของคู่สนทนามากกว่าฟังแต่เสียง อีกทั้งการแสดงภาพเคลื่อนไหวภาพยังทำได้ราบลื่น (ขึ้นอยู่กับความเร็วของสัญญาณ Wi-Fi ในเวลาใช้งาน) ที่สำคัญผู้ใช้ไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม (นอกจากค่าบริการอินเทอร์เน็ต Wi-Fi)
I phone 5 • สำหรับจุดที่น่าสนใจของ iPhone 5 นั้น ว่ากันว่า ได้รับการพัฒนาให้พิเศษกว่า iPhone รุ่นอื่น คือจะเน้นในระบบซิมการ์ดที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายใด ๆ ก็ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทาง Apple ได้จับมือกับบริษัทซิมการ์ด Gemaltoเพื่อออกซิมการ์ดชนิดพิเศษ ที่สามารถให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ต ตั้งค่าเครือข่ายโทรศัพท์ได้ทุกเครือข่ายตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่มีบริษัทผลิตโทรศัพท์ที่ไหนเคยทำมาก่อน • และนอกจากเรื่องของซิมการ์ดเลือกเครือข่ายใดตามใจผู้ใช้แล้ว ทาง Apple ก็ยังมีข่าวที่ทำให้แฟน ๆ iPhone ตกตะลึงกันอีกครั้ง เมื่อมีข่าวออกมาว่า Apple จะเพิ่มเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายในระยะสั้น หรือ NFC (Near Field Communication) เข้าไปด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลและโอนถ่ายข้อมูลของเครื่อง Mac ไว้ในเครื่อง iPhone 5 ได้ด้วย ประหนึ่งกับว่า iPhone 5 เป็นเครื่อง Mac ที่ผู้ใช้พกพาไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลานั่นเอง • นอกจากนี้บริษัท Omnivisionผู้พัฒนาเซนเซอร์กล้องให้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple เผยโฉมเซนเซอร์ CMOS ตัวใหม่ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเครื่อง iPhone และสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นๆให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก โดย OV8820 ตัวนี้จะมาพร้อมกับความละเอียดภาพที่สูงขึ้นถึง 8 ล้านพิกเซลและสามารถบันทึกภาพได้ดีแม้ในที่ที่มีแสงน้อยก็ตาม ขณะเดียวกันก็ยังได้เพิ่มระบบป้องกันภาพสั่นเพื่อลดความสั่นไหวของภาพให้น้อยลงกว่าเดิมด้วย เช่นเดียวกับระบบบันทึกวิดีโอที่ได้เพิ่มสเกลความละเอียดของวิดีโอขึ้นเป็น 1080p30 หรือ 720p60 ด้วย • นอกจากนี้เซนเซอร์ดังกล่าวยังสามารถประมวลผลการถ่ายภาพได้ 24 เฟรมต่อวินาทีหากใช้งานความละเอียดกล้องแบบ 8 ล้านพิกเซลด้วย (30 เฟรมต่อวินาทีสำหรับความละเอียด 6 ล้านพิกเซลแบบไวด์สกรีน) และทาง Omnivisionก็จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนระบบออโต้โฟกัส, ฟอร์แมตภาพ RAW และระบบประมวลผลภาพแบบ Live เพื่อลด Noise รบกวนต่าง ๆ ออกไปให้มากที่สุดเช่นกัน
ผู้ก่อตั้ง I PHONE (สตีเวน พอลจอบส์) • เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน อดีตประธานกรรมการบริหารของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ และยังเคยเป็นประธานกรรมการบริหารพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ใน ค.ศ. 2006 หลังดิสนีย์ซื้อกิจการพิกซาร์ • เขาร่วมก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา เขาเป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช[5][6] หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหารใน ค.ศ. 1984 [7] จอบส์ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิลใน ค.ศ. 1996 ทำให้จอบส์กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และเขารับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 จอบส์ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไปใน ค.ศ. 2006[8] จอบส์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์
เรื่อง เทคโนโลยี • จัดทำโดย • น.ส. ภัทราภรณ์ เค้าดี ชั้นม.4/12 เลขที่25 • เสนอ • อาจารย์ ปริญญา เหลืองแดง • โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จังหวัดกาญจนบุรี • ปีการศึกษา 2555