1 / 63

โครงสร้างอะตอม

โครงสร้างอะตอม. ดิโมคริตุส Democritus 460BC-370 BC Greek philosopher. นักปราชญ์ชาวกรีก ดิโมคริตุส ( Demokritos). อะตอม มาจากภาษากรีกว่า " atomos" ซึ่งแปลว่า "แบ่งแยกอีกไม่ได้". ภาพถ่ายของธาตุรีเนียมโดยกล้องจุลทรรศน์ สนามไอออนกำลังขยายประมาณ 750,000 เท่า

rahim-moses
Download Presentation

โครงสร้างอะตอม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โครงสร้างอะตอม

  2. ดิโมคริตุส Democritus 460BC-370 BC Greekphilosopher

  3. นักปราชญ์ชาวกรีก ดิโมคริตุส (Demokritos) อะตอม มาจากภาษากรีกว่า "atomos" ซึ่งแปลว่า "แบ่งแยกอีกไม่ได้" ภาพถ่ายของธาตุรีเนียมโดยกล้องจุลทรรศน์ สนามไอออนกำลังขยายประมาณ 750,000 เท่า (จุดสีขาวคืออะตอมของธาตุรีเนียม)

  4. จอห์น ดอลตัน John Dalton (1766-1844) English chemist and physicist

  5. John Dalton (ค.ศ.1766-1844) 1. สารต่างๆ ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก เรียกว่า อะตอม ซึ่งแบ่งแยกอีกไม่ได้ และสร้างขึ้นหรือทำให้สูญหายไปไม่ได้ 2. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน มีสมบัติเหมือนกันทุกประการทั้งกายภาพและเคมี แต่จะแตกต่างจากอะตอม ของธาตุอื่น ๆ 3. สารประกอบเกิดจากการรวมตัวของอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปและมีอัตราส่วนการรวมตัวเป็นตัวเลขอย่างง่าย และอะตอมของธาตุสองชนิดอาจรวมตัวกันด้วยอัตราส่วนต่างๆ กัน เกิดเป็นสารประกอบ ได้หลายชนิด เช่น CO2 , SO2, CH4,H2O2, C2H5OH

  6. แบบจำลองอะตอมของดอลตันแบบจำลองอะตอมของดอลตัน “ อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลมตันที่มีขนาดเล็กที่สุดและไม่สามารถแบ่งแยกได้ และไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่หรือทำให้สูญหายไปได้ ”

  7. เซอร์ โจเซฟ จอห์น ทอมสัน • ( Sir Joseph John Thomson) (1856 - 1940)Englishphysicist

  8. Joseph John Thomson (ค.ศ. 1856 – 1940) การนำไฟฟ้าของแก๊สในหลอดรังสีแคโทด ** ก๊าซนำไฟฟ้าได้เมื่ออยู่ในสภาวะที่มีความดันต่ำ และความต่างศักย์สูงมาก

  9. รังสีแคโทดเดินทางเป็นเส้นตรงจากขั้วแคโทดไปยังขั้วแอโนดรังสีแคโทดเดินทางเป็นเส้นตรงจากขั้วแคโทดไปยังขั้วแอโนด ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหลอดรังสีแคโทด ZnS (-) (+) ดัดแปลง เพิ่มขั้วไฟฟ้า รังสีแคโทดบี่ยงเบนเข้าหาขั้วบวกของสนามไฟฟ้า

  10. ทอมสัน สรุปว่า “รังสีจากแคโทดประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุลบ” เรียกว่า อิเล็กตรอน (e) ทอมสันเปลี่ยนแก๊ส และเปลี่ยนโลหะ คำนวณหาอัตราส่วนประจุต่อมวล(e/m) ได้เท่าเดิมทุกครั้ง ซึ่งเท่ากับ 1.76 x 108 คูลอมบ์/กรัม

  11. Eugen Goldstein(ค.ศ.1850 – 1930) ดัดแปลงหลอดรังสีแคโทด ทอมสัน

  12. เพิ่มขั้วไฟฟ้า • จากการทดลองของโกลด์สไตน สรุปได้ว่า   • - รังสีบวกหรืออนุภาคบวกเกิดจากก๊าซที่บรรจุภายในหลอดรังสีแคโทดซึ่ง • สามารถเบี่ยงเบนได้ทั้งในสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก • รังสีบวกมีค่าอัตราส่วนประจุต่อมวลไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับชนิดของก๊าซที่บรรจุ • อยู่ภายในหลอดรังสีแคโทด รังสีจากแอโนดเบนออกจากขั้วบวก เข้าหาขั้วลบ เรียกว่า โปรตอน (p)

  13. ทอมสัน อิเล็กตรอน โกลด์ชไตน์ โปรตอน

  14. แบบจำลองอะตอมของทอมสันแบบจำลองอะตอมของทอมสัน “อะตอม เป็นทรงกลม ประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนที่มีประจุบวกและอิเล็กตรอนที่มีประจุลบ กระจายอยู่อย่างสม่ำเสมอ ในอะตอมที่เป็นกลางทางไฟฟ้าจะมีจำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอน”

  15. รอเบิร์ต แอนดรูส์ มิลลิแกน Robert Andrews Millikan (1868 - 1953) American physicist

  16. Robert Andrews Millikan (ค.ศ. 1868 – 1953) การหาประจุและมวลของอิเล็กตรอน โดยทดลองหยดน้ำมัน

  17. แผ่นประจุบวก เครื่องพ่นหยดน้ำมัน แผ่นประจุลบ มิลลิแกนคำนวณหาค่าประจุอิเล็กตรอน(e) เท่ากับ 1.6 x 10-19 คูลอมบ์ เสมอ

  18. จากการทดลองของทอมสัน คูลอมบ์/กรัม จากการทดลองของมิลลิแกน คูลอมบ์/อิเล็กตรอน มวลของอิเล็กตรอน กรัม ดังนั้นมวลของอิเล็กตรอน 1 ตัว หนัก 9.1 x 10-28 กรัม

  19. ตัวอย่างคำนวณ จงหาว่าอิเล็กตรอน 10 อนุภาค มีมวลกี่กรัม จากการทดลองของมิลลิแกน คูลอมบ์/อิเล็กตรอน คูลอมบ์ จากการทดลองของทอมสัน คูลอมบ์/กรัม m = 11 x 10-11 กรัม กรัม

  20. ตัวอย่างที่ 1   จงหามวลของอิเล็กตรอน  1  โมล   เมื่ออิเล็กตรอน 1  โมล   จะมี  6.02 x 1023ตัว วิธีทำอิเล็กตรอน         1            ตัว    มีมวล        9.1 x 10- 28กรัม อิเล็กตรอน  6.02 x 1023 ตัว มีมวล      9.1 x 10- 28 x  6.02 x 1023   กรัม =      5.4 x  10 -4      กรัม                                       มวลของอิเล็กตรอน 1 โมล เท่ากับ 5.4 x 10-4 กรัม

  21. ตัวอย่างที่ 2ถ้ามีอิเล็กตรอน  4.8 x 1021คูลอมบ์ จะมีอิเล็กตรอนจำนวนเท่าใด วิธีทำ       ประจุอิเล็กตรอน  1.6  x  10-19คูลอมบ์ จะมี       1       ตัว ประจุอิเล็กตรอน  4.8 x 1021คูลอมบ์  จะมี    = 3   x  1040   ตัว อิเล็กตรอนมีจำนวน  3  x 1040 ตัว ตัวอย่างที่ 3    อิเล็กตรอน  2.73     กรัม  จะมีประจุเท่าใด วิธีทำอิเล็กตรอน  9.1 x10- 28 กรัม  จะมีประจุ    1.6 x 10-19  คูลอมบ์ อิเล็กตรอน  2.73    กรัม  จะมีประจุ   =     4.8  x 108 คูลอมบ์ อิเล็กตรอนมีประจุ  4.8   x  108 คูลอมบ์

  22. ลอร์ด เออร์เนสต์ รัทเทอร์ฟอร์ด Lord Ernest Rutherford (1871-1937) English phycisist

  23. Ernest Rutherford (ค.ศ.1871-1937) ร่วมกับเพื่อนร่วมงานชื่อ ฮันส์ ไกเกอร์ และนักศึกษาปริญญาตรีชื่อ เออร์เนส มาร์สเดน ทดลองยิงอนุภาคแอลฟาไปยังแผ่นทองคำ

  24. การทดลอง ผลการทดลอง

  25. สรุปผลการทดลอง  ส่วนใหญ่จะเดินทางเป็นเส้นตรง แสดงว่าภายในอะตอมมีที่ว่างมาก  ส่วนน้อยจะมีการเบี่ยงเบนทิศทาง แสดงเฉียดเข้าใกล้อนุภาคที่มีประจุบวก  นาน ๆ ครั้งจะมีการสะท้อนกลับอย่างแรงแสดงว่าภายในอะตอมมีอนุภาคที่ มีมวลและขนาดเล็ก

  26. แบบจำลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ดแบบจำลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด “อะตอม เป็นทรงกลม ประกอบด้วยโปรตอนที่มีประจุเป็นบวก มีมวลมาก รวมกันอยู่ตรงกลาง เรียกว่านิวเคลียสและนิวเคลียสมีขนาดเล็กมาก ส่วนอิเล็กตรอนที่มีประจุเป็นลบ มีมวลน้อย จะเคลื่อนที่อยู่รอบ ๆ นิวเคลียสเป็นบริเวณกว้าง” เมื่อทำการทดลองอีกชุดพบว่าค่าประจุของ โปรตอน เท่ากับ 1.6 x 10-19 คูลอมบ์ และมีมวลเท่ากับ 1.67 x 10-24 กรัม

  27. เซอร์ เจมส์ แชดวิก • Sir James Chadwick • (1891-1974) • English physicist

  28. Jame Chadwick (ค.ศ.1891-1972) ทดลองยิงอนุภาคแอลฟาไปที่แผ่นบางของเบริลเลียม การค้นพบนิวตรอนของแชดวิค ทำให้ทราบว่าอะตอม ประกอบด้วยอนุภาค 3 ชนิด คือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน พบว่ามีรังสีจากโลหะที่มีอนุภาคเป็นกลางทางไฟฟ้า อยู่ในนิวเคลียสของอะตอม มีมวลมากกว่าโปรตอนเล็กน้อย แชดวิคตั้งชื่ออนุภาคนี้ว่า นิวตรอน (n)

  29. P n e แบบจำลองอะตอมที่มีนิวตรอน อะตอมมีลักษณะเป็นทรงกลม ประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอน รวมกันอยู่ ตรงกลาง เรียกว่า “นิวเคลียส” โดยมีอิเล็กตรอนซึ่งมีจำนวนเท่ากับโปรตอนวิ่งวน อยู่รอบๆ นิวเคลียส

  30. อนุภาคมูลฐานของอะตอม

  31. เลขมวล เลขอะตอม ไอโซโทป เลขมวล(mass number, A) หมายถึง ผลบวกของจำนวนโปรตอนกับนิวตรอน เลขอะตอม(atomic number, Z) หมายถึง จำนวนโปรตอนในนิวเคลียส (ในอะตอมที่เป็นกลาง จำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอน) เลขมวล(p+n) การเขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ เขียน (A) ไว้ข้างบนด้านซ้ายของสัญลักษณ์ธาตุเขียน (Z) ไว้ข้างล่างด้านซ้ายของสัญลักษณ์ธาตุX = สัญลักษณ์ของธาตุ เลขอะตอม(p)

  32. ตัวอย่าง ดังนั้น อะตอมของธาตุลิเทียม ( Li )มีจำนวนโปรตอน = 3 ตัวอิเล็กตรอน = 3 ตัวและนิวตรอน = 4 ตัว จำนวนนิวตรอน = เลขมวล - จำนวนโปรตอน หรือ = เลขมวล - เลขอะตอม

  33. ไอโซอิเล็กทรอนิก( Isoelectronics) หมายถึง อะตอมหรือไอออนที่มีจำนวน อิเล็กตรอนเท่ากัน และมีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือนกัน ไอโซโทป ( Isotope )หมายถึงอะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน มีเลขอะตอมเท่ากันแต่มีเลขมวลต่างกัน เช่น ไอโซบาร์ (  Isobar )หมายถึงอะตอมของธาตุต่างชนิดกัน ที่มีเลขมวลเท่ากัน แต่มีเลขอะตอมไม่เท่ากัน เช่น ไอโซโทน ( Isotone )หมายถึง อะตอมของธาตุต่างชนิดกัน แต่มีจำนวนนิวตรอนเท่ากัน แต่มีเลขมวลและเลขอะตอมไม่เท่ากัน เช่น

  34. # บางกรณีจะเขียนธาตุที่เป็นไอโซโทปกันดังนี้ “ธาตุ-เลขมวล” U-238 ,U-235 เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ C-14, C-13, C-12 ในการหาอายุของวัตถุโบราณ

  35. ตัวอย่างคำนวณ จงหาจำนวนอนุภาคมูลฐานของธาตุต่อไปนี้ เลขมวล(A)เท่ากับ เลขอะตอม (Z) เท่ากับ จำนวนโปรตอน (p) เท่ากับ จำนวนอิเล็กตรอน (e) เท่ากับ จำนวนนิวตรอน (n) เท่ากับ 11 5 5 5 6

  36. A X Z 12 C 6 23 Na 11 39 K 40 Ca 19 20 ทดสอบ 6 6 6 11 11 12 19 19 20 20 20 20

  37. Negative ion Positive ion p < e p > e อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า เกิดจากจำนวนโปรตอนกับจำนวนอิเล็กตรอนภายในอะตอมแตกต่างกัน เนื่องจากจำนวนอิเล็กตรอนเปลี่ยนไป ไอออน(Ion) จำนวนโปรตอน (p) ≠ จำนวนอิเล็กตรอน (e)

  38. ไอออนบวก (cation) เกิดจากอะตอมให้อิเล็กตรอนไป ทำให้มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก เท่ากับจำนวนอิเล็กตรอนที่ให้ไป เช่น จำนวนโปรตอน เท่ากับ 11 จำนวนอิเล็กตรอน เท่ากับ 10 จำนวนนิวตรอน เท่ากับ 12 ไอออนลบ (anion) เกิดจากอะตอมรับอิเล็กตรอน จะมีประจุลบเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอนที่รับ จำนวนโปรตอน เท่ากับ 7 จำนวนอิเล็กตรอน เท่ากับ 10 จำนวนนิวตรอน เท่ากับ 7

  39. นีลส์ โบร์ Niels Bohr (1885-1962) Danish phycisist

  40. Niels Bohr (ค.ศ.1885 - 1962) ศึกษาสเปกตรัมของธาตุ สเปกตรัม (spectrum) คือ ผลที่ได้รับจากพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นและความถี่ต่างๆ เป็นอนุกรมของแถบสีหรือเส้นที่ได้จากการผ่านพลังงานรังสีเข้าไปใน สเปกโตรสโคป ซึ่งทำให้พลังงานรังสีแยกออกเป็นแถบ หรือเป็นเส้นที่มีความยาวคลื่นต่างๆ

  41. คลื่น (wave) ความยาวคลื่น  องค์ประกอบของคลื่น 1. ความยาวคลื่น (  ) คือ ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที่ครบ 1 รอบพอดี หน่วยของความยาวคลื่นมีหน่วยเป็น เมตร(m) หรือ นาโนเมตร(nm) 2. ความถี่ ( = นิว) คือ จำนวนคลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านจุดจุดหนึ่งในหนึ่งหน่วยเวลา (ใช้หน่วยเป็นวินาที) ซึ่งมีหน่วยเป็น รอบ/วินาที หรือ Hz (เฮิรตซ์)

  42. จากการศึกษาเรื่องคลื่นจะได้ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวคลื่นและความถี่ของคลื่นดังนี้  เขียนเป็นสมการได้ดังนี้  = เมื่อ  = ความถี่ C = ความเร็วแสงในสุญญากาศ = 3 x 108 m/s  = ความยาวคลื่น

  43. มักซ์ คาร์ล แอนสต์ ลุดวิก พลังค์ Max Karl Ernst Ludwig Planck (1858 - 1947) German physicist

  44. จากการศึกษาพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของ มักซ์พลังค์ (Max Planck) ได้เสนอว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีสมบัติเป็นอนุภาคได้ และเรียกอนุภาคนั้นว่า “โฟตอน” แต่ละโฟตอนมีปริมาณของพลังงานเฉพาะ ขึ้นอยู่กับความถี่ของแสง สรุปว่า E   E = h E เป็นพลังงาน มีหน่วยเป็นจูล (J)  คือ ความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีหน่วยเป็นรอบต่อวินาทีหรือเฮิรตซ์ (Hz) h คือ ค่าคงที่ของพลังค์ มีค่า 6.626x 10-34 จูลวินาที (J.s)

  45. E = h  = ตัวอย่างคำนวณ จงหาความยาวคลื่นและพลังงานของคลื่นที่มีความถี่ 6.26 x 1014 Hz E = h E = 6.626 x 10-34J.s x 6.26 x 1014 s-1 E = 4.15 x 10-19 J

  46. สเปกตรัม (spectrum) สเปกตรัมแบบต่อเนื่อง แสงที่มองเห็นได้ (Visible light) ความยาวคลื่นในช่วง 400 – 700 นาโนเมตร สเปกตรัมเปล่งออกแบบเส้น สเปกตรัมดูดกลืนแบบเส้น

  47. อุปกรณ์การทดลอง ผลการทดลอง

  48. อิเล็กตรอนจะคายพลังงานออกมาอิเล็กตรอนจะคายพลังงานออกมา ในรูปของพลังงานรังสี สรุปผลการทดลอง การเปล่งแสงของธาตุไฮโดรเจน เกิดจากอิเล็กตรอนเปลี่ยนระดับพลังงานจากวงโคจรสูงไปสู่วงโคจรต่ำ พร้อมทั้งคายพลังงานในรูปแสงสีต่าง ๆ

  49. สเปกตรัมแบบเส้น สเปกตรัมแบบเส้นของแก๊สบางชนิด โยฮันน์บัลเมอร์ (Johann Balmer) พบสูตรที่ให้ตัวเลขสอดคล้องกับตำแหน่งของเส้นสเปกตรัมไฮโดรเจนในช่วงคลื่นแสงที่ตามองเห็น อนุกรมบัลเมอร์ (Balmer series)

  50. อนุกรมไลแมน (Lyman’s series) อนุกรมบัลเมอร์ (Balmer series) n1= เลขจำนวนเต็ม แสดงระดับพลังงาน ในสถานะพื้นของอนุกรม อนุกรมพาสเชน (Paschen series) n2= เลขจำนวนเต็ม แสดงระดับพลังงาน ในสถานะกระตุ้นของ อนุกรม อนุกรมแบรคเก็ต (Brackett series) อนุกรมฟุนด์ (Pfund series)

More Related