การควบคุมศัตรูพืชกับเกษตรอินทรีย์

1. การควบคุมศัตรูพืชกับเกษตรอินทรีย์การควบคุมศัตรูพืชกับเกษตรอินทรีย์

2. การควบคุมศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสานหรือ IPM พืช ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าจะดำเนินกิจกรรมเกษตรอินทรีย์แล้วน่าจะมีข้อจำกัดที่กิจกรรมเกษตรอินทรีย์ไม่อนุญาตให้ใช้ สารเคมี ดังนั้นทุกวิธีของ IPM น่าจะใช้ได้ยกเว้นเรื่องสารเคมี แต่อะไรจะมาใช้กำจัดศัตรูพืชทดแทนสารเคมี

3. เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าสมุนไพรไทยหลายชนิดสามารถนำมาสกัดสารควบคุมศัตรูพืชได้ ทั้งนี้มีผู้ศึกษาค้นคว้าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านและอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ-ทดลองอีกมากมาย ต่อไปนี้เป็นหลักคิดหลักจำว่า “สมุนไพรอะไร? ใช้ควบคุมอะไร?”

4. สมุนไพรรสฝาด ใช้ควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สมุนไพรรสขม ใช้ควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อ ไวรัส,แบคทีเรีย สมุนไพรรสเปรี้ยว ใช้ควบคุมแมลงที่มีคราบมัน, มีขนแน่น,มีเกล็ด,มีฝุ่นแป้ง สมุนไพรรสเบื่อเมา ใช้ควบคุมแมลงประเภทหนอน และอื่นๆ สมุนไพรกลิ่นหอมระเหย ใช้ไล่แมลง

5. กลุ่มสมุนไพรรสฝาด เช่น ไม้พะยอม เปลือกสน เปลือกแค เปลือกลูกมังคุด กล้วยดิบ หมาก ขมิ้น มะหาด ใบฝรั่ง ฯลฯ แล้วท่านคิดว่า มีอะไรอีกบ้าง ?

6. กลุ่มสมุนไพรรสขม เช่น เถาบอระเพ็ด เปลือก,ใบ,ผล,เมล็ดสะเดา หญ้าใต้ใบ ทองพันชั่ง โทงเทง (พรุ้งพริ้ง) ฟ้าทลายโจร ฯลฯ แล้วท่านคิดว่า มีอะไรอีกบ้าง ?

7. กลุ่มสมุนไพรรสเปรี้ยวกลุ่มสมุนไพรรสเปรี้ยว เช่น มะนาว มะกรูด มะขาม มะดัน กะลิงปลิง มะเฟืองเปรี้ยว ฯลฯ แล้วท่านคิดว่า มีอะไรอีกบ้าง ?

8. กลุ่มสมุนไพรรสเบื่อเมากลุ่มสมุนไพรรสเบื่อเมา เช่น ใบน้อยหน่า หนอนตายหยาก หัวกลอย ยาสูบ พญาไร้ใบ ขอบชะนางแดง หางไหล แสยก รัก สลัดได เมล็ดสะเดา ฯลฯ แล้วท่านคิดว่า มีอะไรอีกบ้าง ?

9. กลุ่มสมุนไพรกลิ่นหอมระเหย เช่น ตะไคร้หอม กะทกรก สาบเสือ สาบแร้งสาบกา ใบหนาด ฯลฯ แล้วท่านคิดว่า มีอะไรอีกบ้าง ?

11. วิธีสกัดสารแบบชาวบ้านวิธีสกัดสารแบบชาวบ้าน หมักสมุนไพรแต่ละชนิดแบบหมักเดี่ยวๆดังนี้

12. 1. หัวเชื้อจุลินทรีย์ 1 ส่วน วัสดุอุปกรณ์ 2. กากน้ำตาล 1 ส่วน 3. พืชสมุนไพร 3 ส่วน (พืชสมุนไพรแต่ละชนิด) 4. น้ำ 10 ส่วน 5. ภาชนะสำหรับใส่สารหมักที่มี ฝาปิดแบบเกลียวหยาบ

13. วิธีการหมัก

14. สับ,หั่น,บดหรือทุบให้แหลก พืชสมุนไพร • แต่ละชนิด 2. ใส่กากน้ำตาลละลายในน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนด ให้เข้ากันดีพยายามให้มีความสะอาด 3. เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์ลงในสารละลายกากน้ำตาล คนให้เข้ากัน

15. 4. ใส่สมุนไพรซึ่งแหลกแล้วลงในภาชนะแล้วเติม สารละลายจุลินทรีย์ให้จนเกือบเต็มภาชนะแล้วปิดฝา บิดเกลียวจนเกือบสนิท (ให้เหลือช่องว่างอากาศน้อยที่ สุดเพราะจุลินทรีย์ที่ใช้เป็นจุลินทรีย์ต้องการ คาร์บอน ออกซิเจน จากอากาศจะไปมีผลให้จุลินทรีย์อื่น ที่ไม่ต้องการเจริญขึ้นมา

16. 5. หมักทิ้งไว้ 3 เดือนขึ้นไปจึงเริ่มใช้ได้และเก็บไว้ใช้ได้ นานประมาณ 1 ปี 6. ถ้าต้องการใช้เร็วไม่ต้องใส่กากน้ำตาล

17. วิธีการใช้

18. กรองน้ำหมักสมุนไพรออกมาผสมน้ำฉีดพ่นควบคุมศัตรูพืชตามความสามารถของสมุนไพรแต่ละชนิดหรือจะผสมน้ำสมุนไพรหลายชนิดเข้าด้วยกันเพื่อควบคุมหนอน – แมลง ดื้อยาก็ได้ ตามหลักการคือ ใช้กำจัดแมลงเมื่อเกิดการระบาด ใช้อัตราสมุนไพรต่อน้ำ 1:200 ใช้ป้องกันแมลงเมื่อยังไม่ถึงฤดูระบาด ใช้อัตราสมุนไพรต่อน้ำ 1:400 เก็บมาจาก คุณดำรงศักดิ์ ชุมแสงพันธ์ (หมอกุ) โครงการหญ้ากู้ชาติ โทร. 0-1983-8189

19. น้ำส้มไม้ กลั่นมาจากควันไฟ ใช้ไล่แมลง การเผาถ่านซึ่งมีการเผาโดยทั่วไปในชนบท เตาเผาจะมีปล่องให้ควันไฟออกต่อปล่องควันไฟด้วยไม้ไผ่เจาะทะลุข้อปล้องหรือวัสดุอื่นให้ยาวออกไปสักหน่อยให้ควันไฟเกิดการควบแน่น จะเกิดหยดน้ำไหลย้อนกลับ หยดน้ำดังกล่าวมีคุณลักษณะเป็นกรดเรียกว่า น้ำส้มควันไม้ ดักมาใช้ฉีดไล่แมลงได้ สร้างช่องดักโดยที่เจาะช่องไว้ที่ส่วนท้องของปล่องควันไฟเหนือเตาขึ้นมาประมาณ 1 เมตร แล้วใช้ภาชนะรองน้ำหยด (เหมือนการกลั่นเหล้าป่า) เก็บไว้ใช้ได้นาน วิธีใช้ : ใช้น้ำส้มควันไม้ 1 ซี.ซี ผสมน้ำสะอาด 200 ลิตร ฉีดพ่นไล่แมลง

20. [ เก็บมาฝากโดย ] นายวิโรจน์ โกมลหิรัญ เกษตรตำบลดอนตะโก-อ่างทอง โทร.0-6177-8892 (เวลาราชการ) Website : http://virkokaset.allhere.com E-mail :virkokaset@hotmail.com

21. ขอบคุณครับ (Thank you)