1 / 34

การส่งเสริมพัฒนาการ

การส่งเสริมพัฒนาการ. การเป็นครูที่ดี มีลักษณะอย่างไร. ประการแรก ครูจะต้องรักเด็กและเข้าใจเด็ก ประการที่สอง ครูควรทราบวิธีการส่งเสริมให้เด็กได้ รับการพัฒนาทุกๆด้าน ( ด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา สังคม คุณธรรม และ จริยธรรม).

Audrey
Download Presentation

การส่งเสริมพัฒนาการ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การส่งเสริมพัฒนาการ

  2. การเป็นครูที่ดี มีลักษณะอย่างไร • ประการแรก ครูจะต้องรักเด็กและเข้าใจเด็ก • ประการที่สอง ครูควรทราบวิธีการส่งเสริมให้เด็กได้ รับการพัฒนาทุกๆด้าน (ด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา สังคม คุณธรรม และ จริยธรรม)

  3. สำหรับครู จิตวิทยามีความสำคัญอย่างไร • 1. จิตวิทยา คือ ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งสามารถสังเกตได้ วัดได้ และทดสอบได้ • 2. การที่ครูรู้จักและเข้าใจความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของเด็ก ทำให้ครูสามารถจัดกิจกรรม เนื้อหาและสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับเด็กได้ ตลอดจนสร้างระเบียบวินัยที่ดีแก่เด็ก • 3. เนื้อหาที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา คือ การศึกษาเด็กเป็นรายบุคคล พัฒนาการของเด็ก การเอาใจใส่ การลงโทษ การเสริมแรง การสร้างความรู้สึกนึกคิดที่ดีต่อตนเอง การสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน การสร้างวินัย การพูดและการฟังของครู

  4. คำถามที่ต้องการคำตอบ • - ทำอย่างไรเด็กจะรักโรงเรียน • - ทำอย่างไรเด็กจะรักครู • - ทำอย่างไรเด็กจะประพฤติปฏิบัติตัวดี • - ทำอย่างไรเด็กถึงจะเรียนเก่ง • - ทำอย่างไรจะช่วยให้เด็กแต่ละคนพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่ • - ทำอย่างไรเด็กถึงจะเป็นคนดีที่โรงเรียนและสังคมต้องการ

  5. ความสำคัญของจิตวิทยาการศึกษาต่ออาชีพครูความสำคัญของจิตวิทยาการศึกษาต่ออาชีพครู • 1. ช่วยให้ครูรู้จักลักษณะนิสัย (Characteristics) ของ นักเรียนที่ครูต้องสอน • 2. ช่วยให้ครูมีความเข้าใจพัฒนาการทางบุคลิกภาพบางประการของ นักเรียน (ช่วยให้นักเรียนมีอัตมโนทัศน์ที่ดีและถูกต้อง) • 3. ช่วยครูให้มีความเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล • 4. ช่วยให้ครูรู้วิธีจัดสภาพแวดล้อของห้องเรียนให้เหมาะสมแก่วัยและขั้น พัฒนาการของนักเรียน • 5. ช่วยให้ครูทราบถึงตัวแปรต่างๆที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน

  6. ความสำคัญของจิตวิทยาการศึกษาต่ออาชีพครูความสำคัญของจิตวิทยาการศึกษาต่ออาชีพครู • 6.ช่วยครูในการเตรียมการสอน วางแผนการเรียน • 7. ช่วยครูให้ทราบหลักการและทฤษฎีของการเรียนรู้ • 8. ช่วยครูให้ทราบถึงหลักการสอนและวิธีสอนที่มีประสิทธิภาพ • 9. ช่วยครูให้ทราบว่านักเรียนที่มีผลการเรียนดีไม่ได้เป็นเพราะ ระดับเชาวน์ปัญญาเพียงอย่างเดียว • 10. ช่วยครูในการปกครองชั้นและการสร้างบรรยากาศของห้องเรียน

  7. ครู : เป็นแม่พิมพ์ และเป็นเบ้าหลอมให้เด็กเป็นคนดีหรือคนเลวได้ • เด็กบางคนเปรียบเสมือนน้ำร้อนที่เดือดปุดๆ • ความเอื้ออาทร การเอาใจใส่ และความสงบเยือกเย็นของครู • ที่จะทำให้น้ำร้อนนั้นเย็นลง • เด็กบางคนเปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็ง • ความอบอุ่นของครูเท่านั้น ที่จะละลายเขาได้ • จงทำให้เขาละลายลง………..

  8. การสำรวจนักเรียนรายบุคคลการสำรวจนักเรียนรายบุคคล • เป็นการรวบรวมข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคลอย่างละเอียด ข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้ ได้แก่ ประวัติส่วนตัว ครอบครัว ภูมิหลังจากโรงเรียนเดิม ประวัติการเรียน พฤติกรรม นิสัย บุคลิกภาพ สติปัญญา สุขภาพ ความสัมฤทธิ์ผลทางการเรียน เจตคติ ประวัติการถูกลงโทษ การได้รับรางวัล การบำเพ็ญประโยชน์ ความสนใจ ความสามารถพิเศษ ฯลฯ • ทั้งนี้เพื่อจะได้รู้จักนักเรียน เข้าใจนักเรียนอย่างลึกซึ้ง เพื่อเป็นแนวทางที่จะช่วยเหลือหรือพัฒนานักเรียนได้อย่างถูกต้อง

  9. ข้อควรคำนึงในการสำรวจข้อควรคำนึงในการสำรวจ • 1. ข้อมูลที่รวบรวมต้องถูกต้องเป็นจริง เชื่อถือได้ และเพียงพอที่จะ • ทำให้ทราบสาเหตุของปัญหา • 2. ควรศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และต้องจดบันทึกทุกครั้ง • 3. ใช้ภาษาเข้าใจง่ายในการบันทึก ระบุวันเวลา สถานที่ ผู้บันทึกชัดเจน • 4. ข้อมูลควรได้มาจากหลายฝ่ายและหลายสถานการณ์ • 5. ข้อมูลที่นักเรียนไม่ต้องการให้เปิดเผย ครูต้องรักษาไว้เป็นความลับ • 6. ผู้รวบรวมข้อมูลต้องมีใจเป็นกลาง ไม่มีอคติหรือความลำเอียงใดๆ • 7. ครูไม่ควรด่วนสรุปหรือเชื่อข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเพียงวิธีใดวิธี หนึ่งเท่านั้น ควรหาจากหลายๆวิธีเพื่อความถูกต้องเพียงพอ

  10. เทคนิคการสำรวจเป็นรายบุคคลเทคนิคการสำรวจเป็นรายบุคคล • เทคนิคต่างๆที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลนักเรียน ที่จำเป็นมีดังนี้ • 1. การสังเกต • 2. การสัมภาษณ์ • 3. แบบสอบถาม • 4. การเยี่ยมบ้าน • 5. การทำอัตชีวประวัติ • 6. แบบทดสอบ

  11. การเอาใจใส่

  12. “น้ำขาดปลา ฟ้าขาดฝน คนขาดใจ • ชีวิตคงจะห่อเหี่ยว แห้งแล้งและโรยราแน่” “ ธรรมชาติของมนุษย์ ต้องการที่จะได้รับความรัก ความเอาใจใส่ ความสนใจ และการยอมรับจากเพื่อมนุษย์ด้วยกัน ”

  13. พฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจ • - ชอบส่งเสียงดังในชั้นเรียน • - ฝ่าฝืนกฎระเบียบของโรงเรียน • - ลุกเดินจากที่นั่งบ่อยๆ

  14. การเอาใจใส่นักเรียน จำแนกได้ 2 ประการ • 1. การเอาใจใส่ทางบวก เป็นการสื่อสารด้วยคำพูดที่ทำให้ผู้รับรู้สึกว่าตนมีคุณค่า • 1.1 การเอาใจใส่ทางบวกโดยไม่มีเงื่อนไข “ ครูรักเธอ ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร มาจากไหน เรียนเก่งหรืออ่อน จนหรือรวยก็ตาม ” • 1.2 การเอาใจใส่ทางบวกโดยมีเงื่อนไข “ ถ้านักเรียนคนไหนสอบได้ที่ 1 ครูมีรางวัลให้ ”

  15. การเอาใจใส่นักเรียน จำแนกได้ 2 ประการ • 2. การเอาใจใส่ทางลบ คือการสื่อสารด้วยคำพูดหรือภาษากาย จากผู้ส่งออกไปยังผู้รับแล้ว ผู้รับไม่พอใจ • 2.1 การเอาใจใส่ทางลบโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นการไม่ยอมรับในความเป็นคนของเขา เช่น “ครูเกลียดนักเรียนที่เป็นคนใต้” • 2.2 การเอาใจใส่ทางลบโดยมีเงื่อนไข การไม่ยอมรับตามการกระทำที่กำหนด เช่น “ ครูจะลงโทษนักเรียนที่ไม่ส่งการบ้าน ”

  16. แนวทางการนำการเอาใจใส่ไปใช้ในโรงเรียนแนวทางการนำการเอาใจใส่ไปใช้ในโรงเรียน • 1. ครูควรเอาใจใส่นักเรียนด้วยคำพูดและภาษากาย • 2. จำชื่อนักเรียนที่ครูสอนได้ถูกต้อง • 3. ให้เวลาแก่นักเรียนทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน • 4. ครูควรมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกับนักเรียน • 5. เตรียมรางวัลหรือของขวัญเล็กๆน้อยๆให้นักเรียนบ้าง • 6. สำรวจ ดูแล เอาใจใส่ต่อความสะอาดของร่างกาย และการแต่ง กายของนักเรียน • 7. ครูควรจะให้การเอาใจใส่ทางบวก โดยไม่มีเงื่อนไขอย่าง สม่ำเสมอ

  17. “If you touch me soft and gentle If you look at me and smile at me If you listen to me and talk sometimes before you talk I will grow , really grow ” “ถ้าเพียงแต่คุณแตะต้องฉันอย่างนุ่มนวล และละมุนละม่อม ถ้าเพียงแต่คุณมองดูและยิ้มให้ฉัน ถ้าเพียงแต่คุณฟังฉันพูดบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนที่คุณจะพูดเสียเอง ฉันก็จะเจริญเติบโต …….เจริญงอกงามได้อย่างแท้จริง ”

  18. การลงโทษ • “ไม้เรียวสร้างคนให้เป็นรัฐมนตรีหลายคน” • อดีต : ลงโทษด้วยวิธีการตี • ปัจจุบัน : นิยมใช้การเสริมแรง ( Reinforcement) • การลงโทษที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดปัญหา ยิ่งวิธีการลงโทษที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสมมากเท่าใด ยิ่งจะสร้างบาดแผลทางกายและทางใจกับนักเรียนไปตลอดชีวิตได้มากขึ้นเท่านั้น

  19. ประเภทการลงโทษ จำแนกได้ 2 ประเภท • 1. การลงโทษทางบวก (Positive punishment ) เช่น นายศักดิ์พูดคำหยาบ ครูลงโทษโดยการดุหรือด่า • 2. การลงโทษทางลบ (negative punishment ) เช่นนางสาวสมศรีไม่ทำเวร ครูจึงลงโทษโดยตัดคะแนนความประพฤติของนางสาวสมศรีออกไป 5 คะแนน

  20. ข้อคิด เกี่ยวกับการลงโทษ • ดวงเดือน พันธุมนาวิน กล่าวว่า “ เด็กเล็กควรลงโทษโดยตีให้เจ็บกาย แต่ต้องตีด้วยความรัก มิใช่ความเกลียดและความโมโหโทโส อาจตีได้ในเด็ก 0 – 7 ขวบ และเริ่มลดการตีลงจาก 7 ขวบ เพิ่มการให้รางวัลเป็นวัตถุสิ่งของและเลิกตีเมื่อเด็กอายุ 10 ขวบไปแล้ว” • Hurlock ทดลองพบว่า “ เด็กโตชอบการชมเชยมากกว่าการตำหนิ แต่เด็กเรียนเก่ง เมื่อถูกตำหนิ จะพยายามการะทำสิ่งต่างๆให้ดีมากขึ้นกว่าถูกชม • Morgan อธิบายว่า • “ การให้รางวัลนั้น มีผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็กมากกว่าการลงโทษ และการเรียนรู้ที่เกิดจากการลงโทษจะไม่คงทนถาวรเท่าการให้รางวัล

  21. การเสริมแรง • ความหมาย : การให้สิ่งเร้าแล้ว ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจหรือไม่ พึงพอใจ • เป้าหมาย : ให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์มากขึ้น • ประเภทการเสริมแรง : มี 2 ประเภท • 1. การเสริมแรงทางบวก • 2. การเสริมแรงทางลบ

  22. การเสริมแรง • เทคนิคการเสริมแรง : • 1. การเสริมแรงด้วยวาจา • 2. การเสริมแรงด้วยการให้ผู้เรียนเห็นความก้าวหน้าของตน • 3.การเสริมแรงด้วยท่าทาง • 4.การเสริมแรงด้วยการให้รางวัลและสัญลักษณ์ต่างๆ

  23. การเสริมแรง / การเรียนการสอน • การเสริมแรงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการเรียนการสอน • เป็นเสมือนหยดน้ำอมฤตช่วยชุบชีวิตชโลมใจให้นักเรียนมีชีวิตชีวา เกิดความรู้สึกดีๆ ขยันหมั่นเพียรในการเรียนเพิ่มมากขึ้น • ช่วยให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้และประสบการณ์ที่ถูกต้อง • ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมที่ครู โรงเรียน และสังคมต้องการ

  24. ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเอง self - concept • “ ความรักต้องเริ่มจากรักตัวเองก่อน • (เอื้ออาทร ห่วงใย เข้าใจ ยอมรับ ) • ถ้าเราไม่มีความรักในตัวเอง เราก็ไม่สามารถแบ่งความรัก ให้ใครได้ ”

  25. ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเอง หรือ อัตมโนทัศน์ self - concept • ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเอง เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมที่แสดงออกของบุคคล • คนแต่ละคนจะแสดงพฤติกรรมเช่นไรนั้นขึ้นอยู่กับว่าเขามีความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเองว่าเป็นอย่างไร • ครูจะต้องเข้าใจนักเรียน เข้าใจในพฤติกรรมของเขา มองสิ่งต่างๆให้เห็นอย่างที่เขาเห็นไม่ใช่มองสิ่งต่างๆอย่างที่ครูเห็น และควรเข้าใจเหตุผลในการกระทำของเขา

  26. ประเภทความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเอง มี 2 ประเภท • 1.ตัวตนที่เป็นจริง (Real self – concept ) • 2. ตัวตนที่ต้องการเป็น (Idea self – concept ) • บทบาทของครู : ครูควรที่จะพยายามช่วยให้ตัวตนที่เป็นจริงกับตัวตนที่ต้องการเป็นของเด็ก ให้มีความแตกต่างกันน้อยที่สุด

  27. วิธีการพัฒนาความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเองวิธีการพัฒนาความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเอง • พรรณี ช.เจนจิต : เสนอการสร้างบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอัตมโนทัศน์ในทางบวก 6 ประการ คือ • 1.บรรยากาศที่ท้าทาย 2.บรรยากาศที่มีอิสระ • 3. บรรยากาศที่มีความอบอุ่น • 4.บรรยากาศที่มีการยอมรับนับถือ • 5.บรรยากาศแห่งการควบคุม • 6.บรรยากาศแห่งความสำเร็จ

  28. การสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน • จุดมุ่งหมาย : ให้นักเรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ • เกิดทักษะ ความชำนาญ และมีเจตคติที่ดี • (Knowledge Understand Skill Attitude ) • : นักเรียนมีความสุข – สนุก ในการเรียน • : การสอนของครูบรรลุเป้าหมาย

  29. องค์ประกอบการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนองค์ประกอบการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน • 1.บุคลิกภาพของครู : การแต่งกาย อารมณ์ขัน ท่าทาง น้ำเสียง การใช้คำพูด • 2.พฤติกรรมการสอนของครู : แบบประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ซักถาม ช่วยเหลือกัน • 3. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน : ทำกิจกรรมร่วมกัน • 4.ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับนักเรียน : มีโอกาสทำงาน ร่วมกันและช่วยเหลือกัน

  30. บรรยากาศที่ควรหลีกเลี่ยงบรรยากาศที่ควรหลีกเลี่ยง • อย่าทำตัวเป็นครูระเบียบ ต้องทำอย่างโน้น อย่างนี้ • อย่าทำตัวเป็นครูสำราญ คาดหวังอะไรไม่ได้ • อย่าทำตัวเป็นครูวันลาหรือลาวัน ไม่ยอมมาโรงเรียน • อย่าทำตัวเป็นครูอำนาจ บังคับ ขู่เข็ญ • (ดุ ด่า ตำหนิติเตียน บังคับ ข่มขู่ เยาะเย้ย ถากถาง เฉยๆ โกหก)

  31. การสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียน • ใส่ความยิ้มแย้มแจ่มใส แทนที่ความบูดบึ้งบนใบหน้า • ใส่ความเป็นปิยวาจา แทนที่การกราดเกรี้ยวและดูหมิ่น • ใส่ความรู้สึกกระตือรือร้น แทนที่ความเชื่องช้าและเฉยเมย • ใส่อารมณ์ขัน แทนที่อารมณ์เครียด • ใส่น้ำเสียงนุ่มนวล แทนที่น้ำเสียงดุดัน • ใส่ความเอาใจใส่ดูแล แทนที่การปล่อยปละละเลย • ใส่ความยกย่องชมเชย แทนที่การตำหนิติเคียน

  32. การสร้างวินัยในชั้นเรียนการสร้างวินัยในชั้นเรียน • ครูต้องยอมรับว่า • - พฤติกรรมทุกอย่างย่อมมีสาเหตุ ถ้าครูรู้สาเหตุของ ปัญหา ย่อมสามารถแก้ปัญหานั้นได้ • - สาเหตุเดียวทำให้เกิดพฤติกรรมหลายอย่าง และ พฤติกรรมอย่างเดียวกันอาจมาจากหลายสาเหตุก็ได้

  33. นางสาว สมศรี ชั้น ปวช. 3อกหัก (สาเหตุ) ส่งผลให้เกิดพฤติกรรม ดื่มสุรา หาหนังสือธรรมะอ่าน เข้าวัด ร้องไห้ ปรึกษาเพื่อน หาผู้ชายคนใหม่ชดเชย นางสาว สมศรี ชั้นปวช. 3สอบตกชั้นปวช. 3 (สาเหตุ) อาจเกิดจาก อกหัก ขาดเรียนบ่อย ไม่ส่งการบ้าน ทำข้อสอบไม่ได้ เข้าสอบช้า ไม่ดูหนังสือ

More Related