1 / 23

เครื่องหมายวรรคตอน วิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้จัดทำ นางสุรัตน์ โพธิ์ศรี

เครื่องหมายวรรคตอน วิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้จัดทำ นางสุรัตน์ โพธิ์ศรี. ผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัด. มาตรฐานที่ ท ๔.๑ ม.๓/๔ ผลที่ ๔ การใช้เครื่องหมายวรรคตอน.

abel-kemp
Download Presentation

เครื่องหมายวรรคตอน วิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้จัดทำ นางสุรัตน์ โพธิ์ศรี

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. เครื่องหมายวรรคตอน วิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ผู้จัดทำ นางสุรัตน์ โพธิ์ศรี

  2. ผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัดผลการเรียนรู้/ตัวชี้วัด • มาตรฐานที่ ท ๔.๑ ม.๓/๔ • ผลที่ ๔ การใช้เครื่องหมายวรรคตอน

  3. เครื่องหมายวรรคตอน การพิมพ์งาน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมใดก็ตาม มักจะสร้างปัญหาให้กับผู้พิมพ์ได้ประการหนึ่งก็คือ การตัดคำ เนื่องจากโปรแกรมไม่มีความสามารถในการจำแนก และแยกแยะคำได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนผสมกับข้อความ ดังนั้นเพื่อช่วยให้โปรแกรมแสดงผล และตัดคำได้อย่างสมบูรณ์ ควรทราบหลักการใช้เครื่องหมายวรรคตอน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ เครื่องหมายวรรคตอนในหนังสือโบราณของไทย ฟองมัน ๏ ใช้เมื่อขึ้นต้นบทย่อย โคมูตร ๛ ใช้เมื่อเติมท้ายเมื่อจบเรื่อง ช่องว่าง – ควรเคาะช่องว่างเพียง 1 ช่องเท่านั้น

  4. นขลิขิตหรือวงเล็บ ( ) ใช้คร่อมคำ หรือข้อความที่ขยายใจความ หรืออฺธิบายความของคำ หรือข้อความข้างหน้า – ควรเว้นวรรค 1 ครั้งก่อนเปิดวงเล็บ และเว้นวรรค 1 ครั้งหลังปิดวงเล็บ ข้อความภายในวงเล็บควรติดกับเครื่องหมายวงเล็บเปิด และเครื่องหมายวงเล็บปิด เช่น มาตรฐานสิ่งพิมพ์ของ ISO (International Organization for Standardization) อัญประกาศหรือเครื่องหมายคำพูด ( “ ก ” ) ใช้กำกับข้อความที่ยกมาจากที่อื่น หรือกำกับคำพูด – ควรเว้นวรรค 1 ครั้ง ก่อนเปิดเครื่องหมายคำพูดและเว้นวรรค 1 ครั้ง หลังปิดเครื่องหมายคำพูด ข้อความภายในเครื่องหมายคำพูด ควรติดกับเครื่องหมายคำพูดเปิด และเครื่องหมายคำพูดปิด เช่นข้อความในเวนิสวานิชที่ว่า “ อันวาความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ ”

  5. ไม้ยมก (ๆ) • ใช้เขียนแทนคำซ้ำ – ควรอยู่ติดกับข้อความ หลังเครื่องหมายไม้ยมก เว้นวรรค 1 ครั้ง เช่น เมื่อจบการแข่งขัน ต่างก็ร้องว่าม้าดำชนะๆ เสียงกระหึ่มมาก • จุลภาคหรือจุดลูกน้ำ ( ,) • ใช้คั่นคำ ข้อความ บอกเว้นวรรคตอนในประโยคเดียวกัน – ติดกับข้อความข้างหน้า และเว้นวรรค 1 ช่องหลังเครื่องหมาย เช่น เทคนิคการพิมพ์งาน, การจัดหน้ากระดาษ, การใช้วรรคตอน และอื่นๆ เป็นหัวข้อที่ควรศึกษา • ใช้กับจำนวนเลข เพื่อคั่นหลักทีละ 3 หลัก – ติดกับตัวเลขหน้า และไม่ต้องเว้นวรรคหลังเครื่องหมาย เช่น 10,000 200,000 15,000,000 • อัฒภาคหรือจุดครึ่ง ( ;) • ใช้แยกประโยคเปรียบเทียบ คั่นระหว่างประโยคเพื่อแสดงความต่อเนื่องของประโยค แบ่งคำข้อความ หรือกลุ่มตัวเลขที่มีเครื่องหมายจุลภาคออกเป็นส่วนเป็นตอนให้เห็นชัดเจนขึ้น หรือใช้คั่นคำในรายการที่มีจำนวนมากๆ เพื่อแยกเป็นกลุ่มๆ – ติดกับข้อความข้างหน้า และเว้นวรรค 1 ช่องหลังเครื่องหมาย เช่น กรมวิชาการ, กรมอาชีวศึกษา ในกระทรวงศึกษาธิการ ; กรมวิชาการเกษตร ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

  6. อัญประกาศใน หรืออัญประกาศเดี่ยว ( ‘ d ') • ใช้กรณีที่มีเครื่องหมายอัญประกาศอยู่แล้ว หรือเป็นข้อความที่ซ้อนข้อความ – ควรเว้นวรรค 1 ครั้ง ก่อนเปิดเครื่องหมายดและเว้นวรรค 1 ครั้ง หลังปิดเครื่องหมาย ข้อความภายในเครื่องหมาย ควรติดกับเครื่องหมายเปิด และเครื่องหมายปิด เช่น “ ฉันได้ยินเขาร้องว่า ‘ ช่วยด้วย ' หลายครั้ง ” • ยัตติภังค์ หรือเครื่องหมายขีด (-) • ใช้แยกคำให้ห่างกัน แต่แสดงถึงความเป็นคำเดียวกัน หรือเนื้อหาเดียวกัน – ควรเว้นวรรคหน้าและหลัง เช่น 12.00 – 14.00 น.

  7. ทวิภาค หรือจุดคู่ (:) • ใช้บอกความหมายแทนคำ – ควรอยู่ติดกับข้อความ หลังเครื่องหมายควรเว้นวรรค 1 ครั้ง เช่น กฤษณา : กฤษณาสอนน้อง แบบเรียนกวีนิพนธ์ • ใช้แสดงมาตราส่วน อัตราส่วน สัดส่วน – ควรอยู่ติดกับข้อความ ไม่ต้องเว้นวรรคหลังเครื่องหมาย เช่นมาตราส่วน 1:1000, อัตราส่วน 1:2 • ไปยาลน้อย ( ฯ) • ใช้ละคำที่รู้จักกันดีแล้ว หรือคำยาว – อยู่ติดกับข้อความ หลังเครื่องหมายเว้นวรรค เช่น โปรดเกล้าฯ อ่านว่า โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ยกเว้น พณฯ ไม่ต้องเว้นวรรคหลังเครื่องหมายตัวแรก • ไปยาลใหญ่ ( ฯลฯ) • ใช้ละคำ หรือข้อความส่วนใหญ่ที่นำมาอธิบายร่วมกัน – เว้นวรรคหน้าและหลัง การใช้งาน เช่น ในน้ำมีปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ ฯลฯ และในส่วนก็มีทุเรียน มังคุด ฯลฯ • มหัพภาค หรือจุด (.) • ใช้บอกการจบประโยค หรือจบความ กำกับหัวข้อ กำกับอักษรย่อ – อยู่ติดกับข้อความ หลังเครื่องหมายเว้นวรรค เช่น • ข้อ 1. ภาษาไทยคือภาษาที่มีลักษณะอย่างไร

  8. วิสัชภาค (:-) • ใช้กำกับหลังคำ “ ดังนี้ ” , “ ดังต่อไปนี้ ” โดยรายการที่ต่อท้ายให้ขึ้นบรรทัดใหม่ – ให้พิมพ์ติดต่อกับข้อความข้างหน้า เช่น คณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานดังต่อไปนี้ :- • กรมวิชาการ • กรมสามัญศึกษา • กรมอาชีวศึกษา

  9. วิธีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนวิธีการใช้เครื่องหมายวรรคตอน 1. มหัพภาคชื่อเครื่องหมายวรรคตอน มีรูปดังนี้  .                มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้                   1. ใช้เพื่อแสดงว่าจบประโยคหรือจบความ  เช่น                              กรี  น.  กระดูกแหลมที่หัวกุ้ง.                         2. ใช้เขียนไว้หลังตัวอักษร เพื่อแสดงว่าเป็นอักษรย่อ  เช่น                              ม.ค.  คำเต็มว่า  มกราคม                         3. ใช้เขียนไว้ข้างหลังตัวอักษรหรือตัวเลขที่บอกลำดับข้อ  เช่น                              1.  ก.             หรือ     1. 1.                                   ข.                             2.                              ในกรณีที่มีหัวข้อย่อย ให้ใส่ลำดับข้อย่อยไว้หลังจุด  เช่น                              1.1           อ่านว่า   หนึ่งจุดหนึ่ง                              1.10         อ่านว่า   หนึ่งจุดสิบ                              4.1.12      อ่านว่า   สี่จุดหนึ่งจุดสิบสอง

  10. 4. ใช้คั่นระหว่างชั่วโมงกับนาทีเพื่อบอกเวลา  เช่น                              9.30 น.   อ่านว่า   เก้านาฬิกาสามสิบนาที 5. ใช้เป็นจุดทศนิยม แล้วจุดทศนิยมให้อ่านตัวเลขเรียงกันไป  เช่น                              2.345   อ่านว่า   สองจุดสามสี่ห้า                              10.75 วินาที   อ่านว่า   สิบจุดเจ็ดห้าวินาที                              4.567 เมตร    อ่านว่า   สี่จุดห้าหกเจ็ดเมตร ยกเว้น  ในกรณีเงินตรา ถ้าอ่านเป็นหน่วยเงินตราได้ ให้อ่านตามหน่วยเงินตรานั้น  เช่น                            10.50 บาท       อ่านว่า    สิบบาทห้าสิบสตางค์                            7.75 ดอลลาร์    อ่านว่า    เจ็ดดอลลาร์เจ็ดสิบห้าเซนต์

  11. 2. จุลภาคชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  ,                    มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้                          1. ใช้คั่นจำนวนเลขนับจากหลักหน่วยไปทีละ 3 หลัก  เช่น                               1,500             อ่านว่า   หนึ่งพันห้าร้อย                               2,350,000     อ่านว่า   สองล้านสามแสนห้าหมื่น                          2. ใช้แยกวลีหรืออนุประโยคเพื่อกันความเข้าใจสับสน  เช่น                               นายเทิดศักดิ์ที่นั่งคู่กับนางยุพดี, เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน                          3. ใช้คั่นคำในรายการที่เขียนต่อ ๆ กัน ตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป โดยเขียนคั่นแต่ละรายการ  ส่วนหน้าคำ  "และ"  หรือ  "หรือ"  ที่อยู่หน้ารายการสุดท้ายไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมายจุลภาค  เช่น พระรัตนตรัย คือ แก้ว 3 ประการ หมายถึง พระพุทธ, พระธรรม และพระสงฆ์

  12.                          4. ใช้ในการเขียนบรรณานุกรม  ดรรชนี  และนามานุกรม  เช่น                               คึกฤทธิ์  ปราโมช, ม.ร.ว.                           5. ใช้ในหนังสือประเภทพจนานุกรมเพื่อคั่นความหมายของคำที่มีความหมายหลาย ๆ อย่าง  เช่น   บรรเทา  ก.  ทุเลหรือทำให้ทุเลา, ผ่อนคลายหรือทำให้ผ่อนคลายลง                             

  13.   3.วงเล็บ  หรือ  นขลิขิตชื่อเครื่องหมายวรรคตอน  รูปดังนี้  ( )                     มีหลักเกณท์การใช้ดังต่อไปนี้                         1. ใช้กันข้อความที่ขยายหรืออธิบายไว้เป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้เข้าใจข้อความนั้นได้แจ่มแจ้งขึ้น  เช่น     มนุษย์ได้สร้างโลภะ (ความโลภ)  โทสะ (ความโกรธ)  และโมหะ (ความหลงผิด) ให้เกิดขึ้นในใจของตัวเอง                         2. ใช้กันข้อความที่บอกที่มาของคำหรือข้อความ  เช่น                             ชลี (กลอน) ก. อัญชลี, ไหว้                         3. ใช้กับหัวข้อที่เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ซึ่งอาจจะใช้เพียงเครื่องหมายวงเล็บปิดก็ได้  เช่น                             (ก)   หรือ   ก)             (ข)   หรือ   1)                         4. ใช้กับนามเต็มที่เขียนใต้ลายมือชื่อ  เช่น วัชรพงศ์  โกมุทธรรมวิบูลย์ (นายโกมุท  โกมุทธรรมวิบูลย์)

  14. 4. ยัติภังค์ ชื่อเคริ่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  -                   อาจใช้ได้หลายขนาด แต่ไม่ควรเกิน 2 ช่องตัวอักษร                   มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้    1. ใช้เขียนไว้ที่สุดบรรทัดเพื่อต่อพยางค์หรือคำสมาส ซึ่งจำเป็นต้องเขียนแยกบรรทัดกัน เนื่องจากมาอยู่ตรงสุดบรรทัด และไม่มีที่พอจะบรรจุคำเต็มได้ เช่น                                                                                      ตำแหน่งประ-                                                      ธานสภาผู้แทนราษฎร                                                                                       นายกราช-                                                      บัณฑิตยสถาน    2. ใช้เขียนไว้ท้ายวรรคหน้าในบทร้อยกรอง เพื่อต่อพยางค์หรือคำสมาส ที่จำเป็นต้องเขียนคาบบรรทัดกัน เพื่อให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ เช่น                                         คนเด็ดดับสูญสัง-             ขารร่าง

  15. 3. ใช้แยกพยางค์เพื่อบอกคำอ่าน โดยเขียนไว้ระหว่างพยางค์แต่ละพยางค์ เช่น                               เสมา      อ่านว่า     เส-มา  4. ใช้ในความหมายว่า "และ" หรือ "กับ"  เช่น                 เชิญชมการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีม นครสวรรค์ - พิจิตร (กับ)   5. ใช้ในความหมายว่า "ถึง" เพื่อแสดงช่วงเวลา จำนวน สถานที่ (เวลาเขียนหรือพิมพ์ให้เว้นหน้าและหลังเครื่องหมาย - ประมาณ 1 ช่วงตัวอักษร) เช่น                               เวลา 9.00 - 10.30 น.   อ่านว่า   เวลาเก้านาฬิกาถึงสิบนาฬิกาสามสิบนาที     6. ใช้เขียนแสดงลำดับย่อยของรายการที่ไม่ต้องใส่ตัวอักษร หรือตัวเลขนอกลำดับงาน มีรายการคร่าว ๆ ดังนี้                               - พิธีเปิดงาน                      - รำอวยพร                               - ดนตรีบรรเลง                  - ปิดงาน

  16. 5.อัญประกาศชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  "  "                    มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้                          1. ใช้เพื่อแสดงว่าคำหรือข้อความนั้น เป็นคำพูดหรือความนึกคิด เช่น  ครูพูดกับนักเรียนว่า " ขอให้ทุกคนตั้งใจจริง แล้วจะประสบความสำเร็จ "                          2. ใช้เพื่อแสดงว่าคำหรือข้อความนั้นคัดมาจากที่อื่น เช่น                               สุนทรภู่เขียนเตือนใจเรื่องความมีไมตรีต่อกันไว้ในเรื่องพระอภัยมณีตอนหนึ่งว่า" ปรารถนาสารพัดในปัถพี  เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง "                          3. ใช้เพื่อเน้นคำหรือข้อความนั้นให้เด่นชัดขึ้น  เช่น                               คำว่า "ตะโก้" พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้ความหมายไว้ว่าหมายถึง " ชื่อขนมชนิดหนึ่งทำด้วยแป้งข้าวเจ้ากวนเข้ากับน้ำตาล ใส่แห้วหรือข้าวโพดเป็นต้นก็ได้ หยอดหน้าด้วยกะทิกวนกับแป้ง "

  17. 6. ปรัศนี  ชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  ?                    มีหลักเกณท์การใช้ดังต่อไปนี้        1. ใช้เมื่อสิ้นสุดความหรือประโยคที่เป็นคำถาม เช่น ทำไมเธอถึงมาโรงเรียนสาย?        2. ใช้หลังข้อความเพื่อแสดงความสงสัยหรือไม่แน่ใจ มักเขียนอยู่ในวงเล็บ เช่น                        กฤษฎาธาร (กริดสะดาทาน) น. พระทีนั่งที่ทำขึ้นสำหรับเกียรติยศ (?)   7. อัศเจรีย์  ชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  !                    มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้                           1. ใช้เขียนหลังคำ วลี หรือประโยคที่เป็นคำอุทาน  เช่น                               อื้อฮือ ! มากจังเลย                           2. ใช้เขียนหลังคำเลียนเสียงธรรมชาติ เพื่อให้ผู้อ่านทำเสียงได้เหมาะสมกับเหตุการณ์ในเรื่องนั้น ๆ  เช่น    โครม !

  18. 8. ไม้ยมก หรือ ยมก ชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  ๆ    มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้ ใช้เขียนหลังคำ วลี หรือประโยค เพื่อให้อ่านซ้ำคำ วลี หรือประโยค อีกครั้งหนึ่ง   ตัวอย่าง  เด็กเล็ก ๆ        อ่านว่า    เด็กเล็กเล็ก 9. ไปยาลน้อย หรือ เปยยาลน้อย  ชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  ฯ       มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้                1. ใช้ละคำที่รู้กันดีแล้วโดยละส่วนท้ายไว้เหลือแต่ส่วนหน้าของคำพอเป็นที่เข้าใจ  เช่น    กรุงเทพฯ   คำเต็มคือ   กรุงเทพมหานคร               2. ใช้ละส่วนท้ายของวิสามานยนาม ซึ่งได้กล่าวมาก่อนแล้ว เช่น มหามกุฎราชวิทยาลัย   เขียนเป็น   มหามกุฎฯ 3. คำว่า " ฯพณฯ "  อ่านว่า  "พะนะท่าน "  ใช้เป็นคำหน้าชื่อ หรือตำแหน่งข้าราชการผู้ใหญ่ ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีขึ้นไปและเอกอัครราชทูต  เป็นต้น   เช่น  ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี          ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

  19. 10. ไปยาลใหญ่ หรือ เปยยาลใหญ่ชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้  ฯลฯ     มีหลักเกณท์การใช้ดังต่อไปนี้                   1. ใช้สำหรับละข้อความข้างท้ายที่อยู่ในประเภทเดียวกันซึ่งยังมีอีกมาก แต่ไม่ได้นำมาแสดงไว้  เช่น   สิ่งของที่ซื้อขายกันในตลาดมี เนื้อสัตว์ ผัก น้ำตาล น้ำปลา ฯลฯ การอ่านเครื่องหมายไปยาลใหญ่หรือเปยยาลใหญ่ที่อยู่ข้างท้ายข้อความให้อ่านว่า "ละ"  หรือ "และอื่น"                         2. โบราณใช้ละคำหรือข้อความที่อยู่ตรงกลางก็ได้ โดยบอกตอนต้นและตอนจบไว้ เช่น พยัญชนะไทย 44 ตัว มี ก ฯลฯ ฮ การอ่านเครื่องหมายไปยาลใหญ่ ที่อยู่ตรงกลางข้อความ อ่านว่า "ละถึง"

  20. 11. ไข่ปลาหรือจุดไข่ปลาชื่อเครื่องหมายวรรคตอน รูปดังนี้ ....                    มีหลัเกณท์การใช้ดังต่อไปนี้ 1. ใช้สำหรับละข้อความที่ไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการกล่าวเพื่อจะชี้ว่า ข้อความที่นำมากล่าวนั้นตัดตอนมาเพียงบางส่วน ใช้ได้ทั้งตอนขึ้นต้น ตอนกลาง และตอนท้ายข้อความ โดยใช้ละด้วยจุดอย่างน้อย 3 จุด เช่น      " ...ภาษาไทยนั้นเป็นเเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษาทั้งหลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ชนิดหนึ่ง 2. ในบทร้อยกรอง ถ้าละข้อความตั้งแต่1 บรรทัดขึ้นไป ให้ใช้เครื่องหมายไข่ปลา หรือ จุดไข่ปลา ยาวตลอดบรรทัด  เช่น                                  เรื่อยเรื่อยมารอนรอน               ทิพากรจะตกต่ำ                               สนธยาจะใกล้ค่ำ                         คำนึงหน้าเจ้าตราตรู                               ..............................................................................                                  ปักษีมีหลายพรรณ                   บ้างชมกันขันเพรียกไพร                               ยิ่งฟังวังเวงใจ                            ล้วนหลายหลากมากภาษา

  21. 12. สัญประกาศ ชื่อเครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้  ___                  มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้คือ ใช้ขีดไว้ใต้คำหรือข้อความที่สำคัญ เพื่อเน้นให้ผู้อ่านสังเกตเป็นพิเศษ  เช่น                        หลักการอ่านตัวเลขมีตีพิมพ์รวมอยู่ในหนังสืออ่านอย่างไร-เขียนอย่างไร                 13. บุพสัญญา ชื่อเครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้   "                  มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้คือ ใช้แทนคำหรือข้อความที่อยู่บรรทัดบนเพื่อไม่ต้องเขียนซ้ำอีก แต่เวลาอ่านต้องอ่านซ้ำคำหรือข้อความข้างบนนั้นด้วย                  ถ้าเป็นคำคำเดียวหรือเป็นข้อความไม่ยาวนัก ให้ใส่เครื่องหมาย 1 ตัวแต่ถ้าเป็นข้อความยาว จะใส่เครื่องหมายเกิน 1 ตัวก็ได้  เช่น                              ขันน้ำพลาสติก จำนวน 3 ใบ ใช้ตักน้ำอาบและดื่มเวลาเช้า                                 "      อลูมิเนียม    "   4 ใบ     "                "            เย็น

  22. 14. ทับ ชื่อเครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้  /                   อ่าน "ทับ" เวลาเขียนไม่ต้องเว้นวรรคหน้าและหลังเครื่องหมาย                   มีหลักเกณท์การใช้ดังนี้      1. ใช้ขีดหลังจำนวนเลข เพื่อแบ่งจำนวนย่อยออกจากจำนวนใหม่                  บ้านเลขที่ 10 อ่านว่า บ้าน - เลก - ที่ สิบ                 บ้านเลขที่ 414   อ่านว่า บ้าน - เลก - ที่ สี่ - หนึ่ง - สี่  หรือ  บ้าน - เลก - ที่สี่ - ร้อย -สิบ - สี่                 บ้านเลขที่ 56/342 อ่านว่า บ้าน - เลก - ที่ ห้า - สิบ - หก ทับ สาม - สี่ - สอง                 ส่วนหนังสือราชการนิยมอ่านเรียงตัว เช่น ที่ ศธ 0308/205 อ่านว่า ที่ - สอ - ทอ - สูน - สาม - สูน - แปด ทับ สอง - สูน - ห้า

  23. 2. ใช้ขีดคั่นระหว่างเลขบอกลำดับศักราช เช่น คำสั่งโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม ที่ 1/2543 3. ใช้ขีดคั่นระหว่างตัวเลขแสดงวัน เดือน ปี เช่น 3/12/2543 (วันที่ 3 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2543)  4. ใช้ขีดคั่นระหว่างคำ "และ" กับ "หรือ" เป็น "และ/หรือ"  หมายความว่า อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างก็ได้                          "....ใช้ผสมและ / หรือโรยบนผิวหน้าวัสดุที่ทำเครื่องหมายบนผิวทาง..." 5. ใช้ขีดคั่นระหว่างคำ แทนคำว่า "หรือ" หมายความว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น   ตรอก/ซอย,  อำเภอ/เขต   6. ใช้ขีดคั่นระหว่างคำ มีความหมายว่า "ต่อ" เช่น  กิโลเมตร/ชั่วโมง

More Related