1 / 96

เอกสาร 1 การวัดและประเมิลผลการศึกษา สำหรับอาจารย์ผู้สอน

เอกสาร 1 การวัดและประเมิลผลการศึกษา สำหรับอาจารย์ผู้สอน. โดย รองศาสตราจารย์สุเทพ สันติว รานนท์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา โทร 086-9574067 084-2513699. ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียน.

amos-martin
Download Presentation

เอกสาร 1 การวัดและประเมิลผลการศึกษา สำหรับอาจารย์ผู้สอน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. เอกสาร 1 การวัดและประเมิลผลการศึกษาสำหรับอาจารย์ผู้สอน โดย รองศาสตราจารย์สุเทพ สันติวรานนท์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา โทร 086-9574067 084-2513699

  2. ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียน การวัดผล (Measurement)คือ กระบวนการในการกำหนดตัวเลขให้กับสิ่งของ บุคคล หรือ เหตุการณ์ อย่างมีกฎเกณฑ์ 1. การวัดทางกายภาพศาสตร์ 2. การวัดทางสังคมศาสตร์ ความหมาย

  3. การวัดทางสังคมศาสตร์ (Social Science หรือ Psychological Testing) :นามธรรม วัดจากการแสดงออกของพฤติกรรม 1. Cognitive Domain (Thinking) 2. Affective Domain (Feeling) 3. Psychomotor Domain (Doing)

  4. 1. Cognitive Domain (Thinking) ด้านความรู้-ความจำ ความเข้าใจ นำไปใช้ วิเคราะห์ ประเมินค่า สังเคราะห์-สร้างสรรค์ตามจุดประสงค์-เนื้อหารายวิชา *มีความรู้ความเข้าใจและเห็นความสัมพันธ์ของวิชาพื้นฐานแต่ละด้าน *มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี และหลักการที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของผู้เรียน การจัดการเรียนการสอน การวิจัย ธรรมเนียมปฏิบัติ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา

  5. 1. Cognitive Domain (Thinking) ด้านความรู้-ความจำ ความเข้าใจ นำไปใช้ วิเคราะห์ ประเมินค่า สังเคราะห์-สร้างสรรค์ตามจุดประสงค์-เนื้อหารายวิชา *มีความรู้ความเข้าใจในแนวคิด ทฤษฎี หลักการ และความก้าวหน้าในศาสตร์ *บูรณาการความรู้ในศาสตร์วิชาไปใช้ดำรงชีวิตและประกอบอาชีพอย่างมีปะสิทธิภาพ *สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมิน ให้เกิดการต่อยอดองค์ความรู้ เกิดสิ่งใหม่ตามสถานการณ์ บริบทที่เปลี่ยนแปลง

  6. 2. Affective Domain (Feeling) ด้านคุณธรรมจริยธรรม *ตระหนัก เห็นความสำคัญ คุณธรรม จรรยาบรรณของวิชาชีพค่านิยมที่พึงประสงค์ *นำคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพ ไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตเพื่อสร้างสรรค์สังคม และเป็นแบบอย่าง*ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของศาสตร์ต่าง ๆ ไปใช้ในชีวิตและประกอบอาชีพ *ตระหนักถึงคุณค่าของการนำความรู้ แนวคิด ทฤษฎี หลักการไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพ

  7. 2. Affective Domain (Feeling) ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ*มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น อยู่ร่วมกันอย่างกัลป์ยานมิตร เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง *มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อผู้เรียน(ผู้รับบริการ) อย่างกัลยาณมิตร *ตระหนักถึงคุณค่าการมีความรับผิดชอบ การอยู่ร่วมกัน การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การปฏิบัติต่อผู้เรียน *สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดี มีความรับผิดชอบ ทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี แสดงออกภาระผู้นำ วิเคราะห์แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ *เรียนรู้ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง รับผิดชอบผู้เรียนปฏิบัติต่อผู้เรียนด้วยความเข้าใจและเป็นมิตร

  8. 3. Psychomotor Domain (Doing)ทักษะทางปัญญา*มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ กรบวนการค้นหาข้อเท็จจริง การทำความเข้าใจและประเมินข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ *ตระหนักถึงคุณค่าการใช้วิถีทางปัญญาในการดำรงชีวิตการประกอบวิชาชีพ และการแก้ปัญหา*สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ธรรมชาติ ได้อย่างสร้างสรรค์โดยคำนึงถึงความรู้ทางทฤษฎี ประสบการณ์ และผลกระทบ *สามารถใช้ทักษะวิชาชีพในการแก้ปัญหา การพัฒนาตนเอง การจัดการเรียนการสอนได้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

  9. 3. Psychomotor Domain (Doing)ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ *มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ภาษาพูด เขียน เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ และสถิติพื้นฐาน เพื่อการสื่อสาร การเรียนรู้ การเก็บรวบรวมข้อมูล การแก้ปัญหาในการดำรงชีวิต และการจัดการเรียนรู้ *ตระหนักคุณค่าของการใช้……. *สามารถใช้........................ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

  10. 3. Psychomotor Domain (Doing)ทักษะการจัดการเรียนรู้*มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด หลักการ ทบ. ที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล การจัดชั้นเรียน การบันทึก การรายงานผล การวิจัยในชั้นเรียน และการมีส่วนร่วมกับครอบครัว ชุมชนในการจัดการศึกษา *ตระหนักถึงคุณค่าการนำแนวคิด หลักการ ทบ.........ไปใช้ในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างเหมาะสมความแตกต่างระหว่างบุคคล

  11. 3. Psychomotor Domain (Doing)ด้านการจัดการเรียนรู้ *สามารถวางแผน ออกแบบการจัดการเรียนรู้ การจัดชั้นเรียน การบันทึก การรายงานผล การวิจัยในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียน *สามารถประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัว โรงเรียน และชุมน

  12. การประเมินผล (Evaluation) คือ กระบวนการในการตัดสินใจ ลงสรุป ตีคุณค่า ผลการวัดอย่างมีกฎเกณฑ์ ผลการวัด + เกณฑ์ หรือ มาตรฐาน ใช้ระบบ Criterion – Reference หรือ Norm - Reference

  13. การวัดและประเมินผลทางการศึกษาการวัดและประเมินผลทางการศึกษา การประเมินความก้าวหน้าของนักศึกษาตามจุดประสงค์ในรายวิชาต่างๆ • รวบรวมหลักฐานของผู้เรียน 3 Domain • คาดคะเนหรือแปลความก้าวหน้าของนักศึกษา • ต่อเนื่องจากการสอน (ก่อนเรียน ระหว่างเรียน หลังเรียน) • ปริมาณ คุณภาพ • คุณลักษณะโดยรวมของทุกด้าน • ความสัมพันธ์นักศึกษา อาจารย์ ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้อง

  14. บทบาทของการวัดและประเมินผลบทบาทของการวัดและประเมินผล เข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบทางการศึกษา • สื่อ นวัตกรรม • ผู้เกี่ยวข้อง • สิ่งแวดล้อม • วิจัยในชั้นเรียน • นักศึกษา • อาจารย์ • หลักสูตร • วิธีสอน

  15. กระบวนการเรียนการสอน จุดประสงค์รายวิชาแต่ละเนื้อหา → กิจกรรมการเรียนการสอน - พื้นฐานนักศึกษา (วัดประเมิน) - จัดกิจกรรมการเรียนการสอน(วิธีสอน ประสบการณ์ สื่อ จิตวิทยา) - วัดประเมินผลระหว่าง - วัดประเมินผลหลังเรียน

  16. การวัดผลประเมินผล ระหว่างเรียน กระบวนการเรียน การสอน การวัดผลประเมินผล หลังเรียน จุดประสงค์ การวัดประเมินผล ก่อนเรียน การวัดประเมิลผล ระหว่างเรียน กระบวนการเรียนการสอน การวิจัย (CAR) CR,NR CR CR,NR Feedback

  17. การประเมินผลก่อนเรียนการประเมินผลก่อนเรียน • พฤติกรรมที่จำเป็นเพียงพอหรือไม่ (ปฐมพฤติกรรม) • มีความรู้ในสิ่งที่ต้องเรียนเพียงใด (ปัจฉิมพฤติกรรม) • กิจกรรมที่จะจัดควรเป็นอย่างไร ใช้ระบบองเกณฑ์หรืออิงกลุ่ม

  18. การประเมินผลย่อย (Formative Evaluation) เป็นการประเมินผลระหว่างเรียน จบแต่ละหน่วยย่อย วัดความรอบรู้ หาทางปรับปรุงทั้งผู้เรียน และผู้สอน (ซ่อมเสริม แก้ไข ปรับปรุงพัฒนา) ใช้ระบบอิงเกณฑ์ (Criterion Reference : CR)

  19. การประเมินผลรวม ( Summative Evaluation ) • ประเมินครั้งละหลายๆ หน่วย • สิ้นสุดการเรียนการสอน • พิจารณาความรู้ความสามารถภาพรวมในวิชานั้น • พฤติกรรม / เนื้อหาเด่นๆ สำคัญ

  20. ซ่อมเสริม (ผ่าน) ซ่อมเสริม (ผ่าน) ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน หน่วยที่ 1 หน่วยที่ 2 หน่วยที่ 3 จุดประสงค์ พื้นฐาน สอยย่อย (ผ่าน) สอยย่อย (ผ่าน) การจัดการเรียนรู้ - ประเมินผลย่อย

  21. วัตถุประสงค์การประเมินผลรวมวัตถุประสงค์การประเมินผลรวม • ให้เกรด • รับรองความสามารถ • พยากรณ์ความสำเร็จในวิชาต่อเนื่อง • จุดเริ่มต้นการสอนวิชาที่ต่อเนื่อง • ข้อมูลย้อนกลับผู้เรียน

  22. สิ่งที่อาจารย์ควรรู้ - ปฏิบัติ • ข้อดีข้อจำกัด การเลือกใช้ เครื่องมือวัด • การกำหนดเกณฑ์ตัดสิน • การวางแผนสร้างแบบทดสอบ- เครื่องมือวัด • เขียนข้อสอบ - เครื่องมือวัด • การดำเนินการสอบ-ดำเนินการวัด สังเกต • ประเมินคุณภาพเครื่องมือวัดทั้งรายข้อ ทั้งฉบับ • การแปลความหมายคะแนน (อิงเกณฑ์ อิงกลุ่ม)

  23. ยุทธศาสตร์การเรียนเพื่อรอบรู้ยุทธศาสตร์การเรียนเพื่อรอบรู้ ผู้เรียนทุกคนหรือเกือบทุกคน สามารถเรียนได้บรรลุเท่าเทียมกัน ถ้าให้เวลาตามความจำเป็น แนวคิด

  24. Bloom’s Mastery Learning StrategyMaster Learning Approach 1. กำหนดจุดประสงค์การสอน - เนื้อหา 2. กำหนดกิจกรรมตามจุดประสงค์ เนื้อหาย่อยหนึ่งหรือสองสัปดาห์/เนื้อหา เกณฑ์การประเมิน 3. ศึกษาพื้นฐาน 4.จัดกิจกรรมการเรียนรู้

  25. Bloom’s Mastery Learning StrategyMaster Learning Approach 5. ใช้สื่อ/นวัตกรรมให้เรียนสิ่งยาก/น่าสนใจ 6. ทดสอบแต่ละหน่วยเนื้อหา 7. ปรับปรุงแก้ไข 8. ทดสอบรวม

  26. หลักการวัดผลการศึกษา 1. วัดให้ตรงตามจุดประสงค์ • เข้าใจคุณลักษณะ/พฤติกรรม • เข้าใจเครื่องมือวัดถูกต้อง • วัดได้ครบถ้วน ครอบคลุม 2. ใช้เครื่องมือมีคุณภาพ 3. มีความยุติธรรม 4. แปลผลได้ถูกต้อง 5. ใช้ผลได้คุ้มค่า

  27. ข้อบกพร่องและข้อควรระวังข้อบกพร่องและข้อควรระวัง 1. สอบอย่างเลื่อนลอย 2. สับสนในหน้าที่การสอบ 3. ขอแต่เพียงมีข้อสอบ ไม่คำนึงถึง ความครอบคลุม Objectivity

  28. ข้อบกพร่องและข้อควรระวังข้อบกพร่องและข้อควรระวัง 4. จัดสอบอย่างไรก็ได้ • ไม่สร้างกำลังใจ • ไม่เกรงใจ • พิมพ์ไม่ดี • ข้อสอบผิด • ออกเฉพาะเรื่อง • ตรวจคะแนนไม่เป็นธรรม

  29. ข้อบกพร่องและข้อควรระวังข้อบกพร่องและข้อควรระวัง 5. สอบแล้วเลิกกัน • ไม่ทราบเก่งอ่อนอะไร • อะไรตอบ ถูก-ผิด • ข้อใดถูกหมด – ผิดหมด – ไม่เลือก • ข้อใดคนเก่งตอบผิด คนอ่อนตอบถูก • เนื้อหาไหนทำได้ - ไม่ได้

  30. หลักเกณฑ์การให้ระดับผลการเรียน (เกรด) • เข้าใจง่าย • เป็นปรนัย • ปราศจากอคติ / อิทธิพล • วิธีการเที่ยงตรง เชื่อถือได้ ปรนัย • หลักฐานชัดเจน • ชี้ความสำเร็จ

  31. ปัญหาการให้ระดับคะแนน (เกรด) • ขาดเกณฑ์ • สูงกว่าความสามารถผู้เรียน • ผู้สอนผู้ชายมักให้เกรดผู้เรียนหญิงสูงกว่าชาย • ผู้สอนและผู้เรียนขัดแย้งกัน มักขาดความยุติธรรม • เกรดผันแปรไปตามแนวความคิด / วิธีที่ยึด • ให้เกรดอย่างไร จะรักษาคุณภาพ มาตรฐาน • เกรดบางคนไม่แสดงถึงความสามารถ หรือไม่สามารถ เปรียบเทียบ ระหว่างผู้เรียน

  32. พิจารณาผลที่เกิดจากการกำหนดเกณฑ์พิจารณาผลที่เกิดจากการกำหนดเกณฑ์ เกณฑ์สูงเกินไป....................................................... เกณฑ์ต่ำเกินไป........................................................ เกณฑ์ที่เหมาะสม..................................................... เกณฑ์ที่เหมาะสม ต้องสื่อความหมายได้ว่าใครทำคะแนนถึงเกณฑ์ที่กำหนด เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ สามารถปฏิบัติสิ่งนั้นได้

  33. เอกสาร 2 หลักการวัดและประเมินอิงเกณฑ์และอิงกลุ่ม (Criterion-Referenced) รองศาสตราจารย์สุเทพ สันติวรานนท์ สาขาวิชาประเมินผลและวิจัยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา โทร.084-2513699 086-9574067

  34. แนวคิดของการวัดผลแบบอิงเกณฑ์แนวคิดของการวัดผลแบบอิงเกณฑ์ ยึดการจัดการเรียนการสอนเพื่อรอบรู้ (Mastery Learning) ให้ผู้เรียนบรรลุถึงระดับที่ต้องการ โดยยึดผู้เรียนทุกคนสามารถบรรลุจุดประสงค์ได้เท่าเทียมกันหรือใกล้เคียงกันถ้าให้เวลาตามที่ต้องการ วิธีการเหมาะสม

  35. ความหมายของการวิจัยแบบอิงเกณฑ์ความหมายของการวิจัยแบบอิงเกณฑ์ เป็นการตรวจสอบความสามารถของผู้เรียน ถึงระดับเป้าหมายหรือไม่ (เกณฑ์ :Criteria) x  C : ถึงเกณฑ์กำหนด (Master) x < C : ไม่ถึงเกณฑ์กำหนด (Non-Master) ต้องมีการซ่อมเสริม ปรับปรุง เกณฑ์ (Criteria : C) เป็นมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการยอมรับคุณภาพผู้เรียน

  36. ตัวอย่างเกณฑ์ที่กำหนดตัวอย่างเกณฑ์ที่กำหนด 80-100 ระดับขั้น A 75-79 ระดับขั้น B+ 70-74 ระดับขั้น B 65-69 ระดับขั้น C+ 60-64 ระดับขั้น C 55-59 ระดับขั้น D+ 50-54 ระดับขั้น D 0-49 ระดับขั้น E

  37. ลักษณะการวัดผลแบบอิงเกณฑ์ลักษณะการวัดผลแบบอิงเกณฑ์ เชื่อในเรื่องการเรียนเพื่อรอบรู้ (Master Learning) ที่มุ่งให้ผู้เรียนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดประสบความสำเร็จในการเรียน โดยจัดประสบการณ์ – กิจกรรม คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ให้ได้พัฒนาถึงขีดสูงสุด แต่ใช้เวลาไม่เท่ากัน

  38. C หลังสอน สูง ต่ำ ลักษณะการวัดผลแบบอิงเกณฑ์ (ต่อ) ทุกคนมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งเดี่ยวกันในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม หลังการเรียนต้องพัฒนาและงอกงามทุกคนเพียงแต่ใช้เวลาไม่เท่ากัน C ก่อนเรียน สูง ต่ำ

  39. จุดมุ่งหมายการวัดผลอิงเกณฑ์จุดมุ่งหมายการวัดผลอิงเกณฑ์ เพื่อตรวจสอบระดับการเรียนรู้ของผู้เรียนบรรลุเป้าหมายหรือเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ การสอบจึงมุ่งวินิจฉัย เพื่อใช้ผลปรับปรุงการเรียนการสอน ใครควรแก้ไขซ่อมเสริม ครูอาจารย์ต้องปรับปรุงอะไร

  40. ช่วงเวลาในการวัด กระทำเป็นระยะๆ ตลอดการสอน • ก่อนสอนเพื่อตรวจสอบพื้นฐาน • ระหว่างสอนเพื่อปรับปรุงเมื่อจบคาบ/ชั่วโมง จบแต่ละตอน/หน่วย/เนื้อหา • หลังสอนเมื่อจบการเรียนการสอนทั้งหมด

  41. ความหมายของคะแนน คะแนน(x)หรือผลการสอบวัดแบบอิงเกณฑ์บ่งบอกถึงระดับผลสัมฤทธิ์ของแต่ละคนเมื่อเทียบกับอิงเกณฑ์ (C) บอกประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ให้รู้ว่า ผู้เรียนทำสิ่งใดได้ ทำสิ่งใดไม่ได้ ได้ผลเท่าไร สะท้อนภาพการสอนของครู อาจารย์ ถ้าผู้เรียนส่วนใหญ่ไม่ผ่าน ผู้เรียนหรือ(และ)ผู้สอนบกพร่อง

  42. คุณสมบัติของแบบทดสอบอิงเกณฑ์คุณสมบัติของแบบทดสอบอิงเกณฑ์ • เน้นความเที่ยงตรง(Validity) ตามเนื้อหาและตามโครงสร้าง มุ่งเขียนข้อสอบยึดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม • ความเชื่อมั่น (Reliability)(ไม่ค่อยให้ความสำคัญ) • อำนาจจำแนก (ไม่ค่อยให้ความสำคัญ) • ความยากง่าย ขึ้นอยู่กับเนื้อหาและพฤติกรรมที่วัด (ไม่ค่อยให้ความสำคัญ) ** ข้อสอบวัดได้ตามจุดประสงค์ **

  43. หลักการวัดผลแบบอิงกลุ่มหลักการวัดผลแบบอิงกลุ่ม การสอนมีเป้าหมายให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เต็มความสามารถและความสนใจ ผู้เรียนแต่ละคนประสบความสำเร็จแตกต่างกันตามสภาพพื้นฐานของตน เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ไม่เท่ากัน การวัดประเมิน จึงมุ่งสรุปใครเก่งอ่อนกว่ากัน อยู่ตำแหน่งใด โดยเทียบกันในกลุ่ม

  44. ความหมายของการวัดผลแบบอิงกลุ่มความหมายของการวัดผลแบบอิงกลุ่ม เป็นการวัดเพื่อทราบผลการเรียนของผู้เรียนเมื่อเทียบกับคนอื่นในกลุ่ม ตรวจสอบเก่ง – อ่อน เพียงใดเมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่ จึงแบ่งความสามารถของผู้เรียนออกเป็นกลุ่มนำมาเทียบกับ ปทัสฐาน (Norm)

  45. Norm แทนลักษณะภาพรวมของผู้เรียนทั้งหมด เช่น ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน Percentile Norm Z-Score Norm T-Score Norm Normalized T-Score Norm

  46. สูง สูง ปานกลาง ปานกลาง ต่ำ ต่ำ ลักษณะการวัดผลแบบอิงกลุ่ม เชื่อในเรื่องของความแตกต่างระหว่างบุคคลโดยถือว่าความสามารถของแต่ละคน แตกต่างกันไปตามลักษณะของแต่ละคน คนส่วนใหญ่พัฒนาในระดับความสามารถกลางๆ คนเก่ง-อ่อน มีน้อย ลักษณะการเรียนรู้มีการกระจายเป็นโค้งปกติ ก่อนเรียน หลังเรียน

  47. จุดมุ่งหมายของการวัดผลแบบอิงกลุ่มจุดมุ่งหมายของการวัดผลแบบอิงกลุ่ม มุ่งสอบวัดเพื่อจัดตำแหน่ง จำแนกความสามารถออกเป็นกลุ่มสูง ปานกลาง ต่ำ โดยประเมินเทียบกับความสามารถโดยรวมของกลุ่ม คะแนนแต่ละคนจะมีความหมายเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เหมาะกับการคัดเลือก จัดประเภท จัดพวก

  48. ช่วงเวลาในการจัด เป้าหมายเปรียบเทียบจัดตำแหน่ง ก่อนเรียน-จัดที่นั่ง จัดห้อง จัดกลุ่มตามพื้นฐาน หลังเรียน(รวม) – ผลการเรียนภาพรวมใครเหนือใคร(เก่ง-อ่อนกว่ากัน)ตัดเกรดอิงกลุ่มบุคคล

  49. ความหมายของคะแนน คะแนนจะมีความหมายเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ในกลุ่ม แต่ละคนรู้เท่าไร มีความสามารถระดับ(ตำแหน่ง)ใดเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ไม่สะท้อนสภาพผู้สอน

  50. คุณภาพของแบบทดสอบอิงเกณฑ์คุณภาพของแบบทดสอบอิงเกณฑ์ • เน้นความเที่ยงตรง(Validity) ทุกชนิด คือความเที่ยงตรงตามเนื้อหา ตามโครงสร้าง ตามสภาพปัจจุบัน และเชิงพยากรณ์ • เน้นความเชื่อมั่น (Reliability) สูงๆ (.60-1.00) • เน้นอำนาจจำแนก เพื่อแยกคนเก่ง-อ่อน ตามระดับความสามารถ (.20-1.00) • เน้นความยากง่าย ปานกลาง เหมาะสม (.20-.80)

More Related