E N D
หน้าที่และเป้าหมาย • 1. นโยบายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและความปลอดภัย1.1. จัดการความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของบุคลากรและผู้มารับบริการในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ1.2. จัดระบบการจัดการวัสดุและของเสียอันตรายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ1.3. จัดระบบการป้องกันภาวะฉุกเฉินที่สำคัญของโรงพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ1.4. จัดระบบการซ้อมแผนเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยในโรงพยาบาลเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง1.5. วางระบบทางหนีไฟที่ได้มาตรฐานและครอบคลุมทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล1.6. จัดหา ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบ/เครื่องมือการป้องกันอัคคีภัยอย่างพอเพียง และสม่ำเสมอ
2. นโยบายด้านการจัดการเครื่องมือแสาธารณูปโภค2.1. จัดระบบการบริหารเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ 2.2. จัดระบบไฟฟ้าสำรองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้2.3. จัดระบบการให้บริการก๊าซทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและพอเพียงอยู่เสมอ2.4. จัดระบบการจ่ายน้ำประปาได้อย่างพอเพียง และมีคุณภาพ • 2.5. มีการตรวจ ค่าน้ำดื่มอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
3. นโยบายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม3.1. จัดการโรงพยาบาลให้เป็นสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน3.2. ดำเนินงาน 5 ส. และกิจกรรม Big Cleaning เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง3.3. จัดการระบบบำบัดน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ3.4. จัดระบบการจัดการขยะมูลฝอยในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย3.5. ลดปริมาณของเสียโดยการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน3.6. สร้างความตระหนักในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับประชาชน และชุมชนใกล้เคียง
Goal(เป้าประสงค์) • 1. โรงพยาบาลมีโครงสร้างทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม ที่ความปลอดภัย สะดวกสบายและเป็นที่พึงพอใจแก่ผู้ให้และผู้รับบริการ และชุมชน 2. มีระบบการจัดการด้านความปลอดภัยต่อผู้ให้และผู้รับบริการ • 3. มีเครื่องมืออุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยแก่ผู้ให้ และผู้รับบริการ
ขอบเขตการให้บริการ • ให้บริการจัดการสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่เอื้อต่อสุขภาพของประชาชนที่มารับบริการและ บุคลากรในองค์กร • ให้บริการจัดการดูแลเครื่องมือและระบบสาธารณูปโภค • ให้บริการจัดการสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม • ผู้รับผลงานและความต้องการที่สำคัญ (จำแนกตามกลุ่มผู้รับผลงาน)
ความต้องการของผู้รับบริการภายนอกโรงพยาบาลความต้องการของผู้รับบริการภายนอกโรงพยาบาล
ความต้องการของผู้ร่วมงานภายในโรงพยาบาลความต้องการของผู้ร่วมงานภายในโรงพยาบาล
ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำเสีย เดือน มิถุนายน 2553 มีผลสรุปตามรายงานดังนี้ • 1.น้ำเสียก่อนการบำบัด คุณภาพของน้ำโดยรวม เกินค่ามาตราฐาน (เนื่องจากยังไม่ได้รับการบำบัด) • 2.น้ำเสียหลังผ่านการบำบัด คุณภาพน้ำเกินมาตรฐานน้ำทิ้งหลายหัวข้อ • 3.คุณภาพทางด้านจุลชีววิทยา : ตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ ในน้ำทั้งก่อนและหลังบำบัด ผลการวิเคราะห์คุณภาพทางจุลชีววิทยา น้ำเสียหลังการบำบัด พบว่าปริมาณ Total Coliformสูง และยังพบเชื้อ E.Coilในปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม • 4.ในเรื่องกลิ่นเหม็นของน้ำลดลง ค่าไฮโดรเจนซัลไฟด์ลดลงอยู่ในช่วงควบคุม • ข้อเสนอแนะ • 1.ควรตรวจสอบกระบวนการเติมคลอริน และปริมาณคลอรีนในน้ำในมากขึ้น • 2.ควบคุมปริมาณคลอรีนให้มีอยู่ในน้ำทิ้ง ไม่ต่ำกว่า 2.0 มิลลลิกรัมต่อลิตร
ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำเสีย เดือน มิถุนายน 2553 มีผลสรุปตามรายงานดังนี้ • .น้ำเสียก่อนการบำบัด คุณภาพของน้ำโดยรวม เกินค่ามาตราฐาน (เนื่องจากยังไม่ได้รับการบำบัด) • 2.น้ำเสียหลังผ่านการบำบัด คุณภาพน้ำเกินมาตรฐานน้ำทิ้งหลายหัวข้อ • 3.คุณภาพทางด้านจุลชีววิทยา : ตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ ในน้ำทั้งก่อนและหลังบำบัด ผลการวิเคราะห์คุณภาพทางจุลชีววิทยา น้ำเสียหลัง น้ำเสียหลังการบำบัดพบว่าปริมาณ Total Coliformสูง และยังพบเชื้อ E.Coilในปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม • 4.ในเรื่องกลิ่นเหม็นของน้ำลดลง ค่าไฮโดรเจนซัลไฟด์ลดลงอยู่ในช่วงควบคุม • วิธีการแก้ไข • 1.ควรตรวจสอบกระบวนการเติมคลอริน และปริมาณคลอรีนในน้ำในมากขึ้น • 2.ควบคุมปริมาณคลอรีนให้มีอยู่ในน้ำทิ้ง ไม่ต่ำกว่า 2.0 มิลลลิกรัมต่อลิตร
ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำเสีย เดือน มิถุนายน 2553 มีผลสรุปตามรายงานดังนี้ • 1.น้ำเสียก่อนการบำบัด คุณภาพของน้ำโดยรวม เกินค่ามาตราฐาน (เนื่องจากยังไม่ได้รับการบำบัด) • 2.น้ำเสียหลังผ่านการบำบัด คุณภาพน้ำเกินมาตรฐานน้ำทิ้งหลายหัวข้อ • 3.คุณภาพทางด้านจุลชีววิทยา : ตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ ในน้ำทั้งก่อนและหลังบำบัด ผลการวิเคราะห์คุณภาพทางจุลชีววิทยา น้ำเสียหลังการบำบัด พบว่าปริมาณ Total Coliformสูง และยังพบเชื้อ E.Coilในปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม • 4.ในเรื่องกลิ่นเหม็นของน้ำลดลง ค่าไฮโดรเจนซัลไฟด์ลดลงอยู่ในช่วงควบคุม • ข้อเสนอแนะ • 1.ควรตรวจสอบกระบวนการเติมคลอริน และปริมาณคลอรีนในน้ำในมากขึ้น • 2.ควบคุมปริมาณคลอรีนให้มีอยู่ในน้ำทิ้ง ไม่ต่ำกว่า 2.0 มิลลลิกรัมต่อลิตร • 3.เนื่องจากค่า BOD และ TKN สูง ทั้งนี้เนื่องจากการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุที่ไม่สมบูรณ์ของแบคทีเรียที่เลี้ยงไว้ในน้ำ ต้องทำการตรวจ สอบปริมาณแบคทีเรียว่ามีจำนวนเหมาะสมหรือไม่ (เช็คค่า SV 30) เพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลว่าต้องเพิ่มปริมาณแบคทีเรียหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบการเติม O2 ในน้ำ
สรุปผล • จะเห็นได้ว่าค่าของน้ำเสีย 3 ครั้ง ที่มีการส่งตรวจหลังสุดไม่ผ่านมาตรฐาน ทั้ง 3 ครั้ง ทางทีมงาน ENV จึงได้มีการประชุม หาสาเหตุของระบบบำบัดพบว่าสาเหตุหลายประการ คือ • 1. ระบบ Pump อัดอากาศ ดูดตะกอน ชำรุด • 2. ระบบ Control ชำรุด • 3. สายระบบไฟฟ้า มอเตอร์ ชำรุด • 4. ระบบเติมคลอรีนชำรุด • * เมื่อทราบสาเหตุ ก็ได้มีการของบประมาณปรับปรุง ดำเนินการระบบใหม่ทั้งหมด ใช้ระยะเวลาดำเนินการในการปรับปรุง ระบบทั้งหมด ขณะนี้เราได้ทำการปรับปรุงระบบต่าง ๆ ให้มีความพร้อมใช้ และอยู่ระหว่างการดำเนินการรอให้บริษัทเสนอราคา เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำตรวจค่าต่าง ๆ
รายงานการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ขนาด 1500 KVA ประจำปี 2553
กราฟเปรียบเทียบการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ขนาด 1500 KVA ประจำปี 2553
รายงานการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ขนาด 1500 KVA ประจำปี 2554
กราฟเปรียบเทียบการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ขนาด 1500 KVA ประจำปี 2554
เอกสารอ้างอิง : คู่มือปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทางแบคทีเรีย กองอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข