100 likes | 302 Views
การเป็นสาวกทำงานกับคนป่วย. บทที่ 5 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2014. พระเมสสิยาห์ผู้ให้การเยียวยา. “ แน่ ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่ม ใจ ” ( อิสยาห์ 53:4).
E N D
การเป็นสาวกทำงานกับคนป่วยการเป็นสาวกทำงานกับคนป่วย บทที่ 5 วันที่ 1 กุมภาพันธ์2014
พระเมสสิยาห์ผู้ให้การเยียวยาพระเมสสิยาห์ผู้ให้การเยียวยา “แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ”(อิสยาห์ 53:4) “พระคริสต์เท่านั้นที่จะสามารถแบกรับผลกระทบจากทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราได้“พระองค์ทุกข์พระทัยในความทุกข์ทั้งหมดของเขา” (อิสยาห์63:9)พระองค์ไม่จำเป็นต้องทนทุกข์จากความเจ็บไข้ในชีวิตของพระองค์เอง แต่พระองค์ทรงรับความเจ็บไข้ของบุคคลอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เราจึงมองเห็นถึงความทุกข์ทรมานในชีวิตของพระองค์ที่ได้รับอย่างเต็มที่ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์พระองค์ทรงมองเห็นถึงความทุกข์ลำบากในชีวิตของมนุษย์ที่ซาตานได้กระทำในชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น, พระองค์ทรงช่วยเหลือทุกๆ คนตามความต้องการของชีวิตของพวกเขาด้วยความทุกข์ของพวกเขา…ด้วยฤทธานุภาพของความรักพระองค์ทรงเยียวยารักษาพวกเขา พระองค์ทรงให้ความสนใจต่อความทุกข์ทรมานในชีวิตของมนุษย์ทุกๆ คน” E.G.W. (That I may know Him, February 11)
การเยียวยาฝ่ายร่างกายการเยียวยาฝ่ายร่างกาย “การที่พูดกับคนง่อยว่า ‘บาปต่างๆ ของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ กับการพูดว่า ‘จงลุกขึ้นยกแคร่เดินไปเถิด’ แบบไหนจะง่ายกว่ากัน?” (มาระโก2:9) “พระเยซูจึงทรงดำเนินไปตามเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขาทั้งหลาย ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หาย” (มัทธิว 9:35) พระเยซูมิได้ทรงรักษาความเจ็บป่วยฝ่ายร่างกายเท่านั้น, แต่พระองค์ทรงรักษาความเจ็บป่วยฝ่ายคุณธรรม ซึ่งนั่นคือความบาป พระเยซูทรงพยายามที่จะรักษาความเป็นองค์รวมทั้งหมดของร่างกายด้วย (จิตวิญญาณ, จิตใจ และร่างกาย) ไม่ใช่คนบาปทุกคนที่ตระหนักถึงความบาปในชึวิตของเขา แม้กระนั้นทั้งจิตใจร่างกายของเขา จิตใจและร่างกายมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ความเจ็บปวดในชีวิต ความเสียใจและความอับอาย อาจจะก่อให้เกิดควาเจ็บป่วยทางกายด้วยเช่นกัน เขาเหล่านั้นจำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาอย่างสมบูรณ์ด้วยการอภัยของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
การเยียวยาจิตใจและร่างกายการเยียวยาจิตใจและร่างกาย “ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจชอกช้ำทำให้กระดูกแห้ง” (สุภาษิต17:22) พระเยซูและอัครสาวกได้ให้คำแนะนำในการดูแลรักษาโรคภัยสำหรับยุคปัจจุบันไว้ด้วยเช่นกัน “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในโลก… แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในสวรรค์” (มัทธิว 6:19-20) “เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารไม่ใช่หรือ? และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ?” (มัทธิว 6:25) “แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้” (มัทธิว6:33) “เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว” (มัทธิว6:34)
การเยียวยาจิตใจและร่างกายการเยียวยาจิตใจและร่างกาย “ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจชอกช้ำทำให้กระดูกแห้ง” (สุภาษิต 17:22) “จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย” (1เปโตร5:7) “เราเผชิญความยากลำบากรอบด้าน แต่ก็ไม่ถูกบดขยี้ เราสับสนแต่ก็ไม่หมดหวัง เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีให้ล้มลง แต่ก็ไม่ถูกทำลาย” (2โครินธ์4:8-9) “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด” (ฟิลิปปี4:4) “อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ” (ฟิลิปปี4:6) “สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง ” (ฟิลิปปี4:8) “และเมื่อเราขอสิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์” (1ยอห์น3:22)
ความกล้าหาญ, ความหวัง, ความเชื่อ, ความเห็นอกเห็นใจ, ความรัก, การเสริมสร้างสุขภาพและการทำให้อายุยืนยาว จิตใจที่พึงพอใจ, จิตวิญญาณที่ร่าเริง ร่างกายที่สุขภาพดีและจิตวิญญาณที่แข็งแรง ความกตัญญู, ความชื่นบาน, ความเมตตากรุณา, ความไว้วางใจในความรักของพระเจ้าและการดูแลสิ่งเหล่านี้คือการป้องกันสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด E.G.W. (Our Father cares, February 12)
มรดกการเยียวยาของพระคริสต์มรดกการเยียวยาของพระคริสต์ “จนเขาทั้งหลายต่างหามคนเจ็บป่วยออกไปที่ถนนโดยวางบนที่นอนและแคร่ เพื่อว่าเมื่อเปโตรเดินผ่านไป อย่างน้อยเงาของท่านจะได้ถูกพวกเขาบางคน” (กิจการ 5:15) มีการเยียวยารักษาอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในคริสตจักรยุคแรก ครั้งแรก, คนง่อยได้รับการรักษา(กิจการ3:1-19) ดังนั้น, ของประทานสำหรับการเยียวยารักษาเริ่มเกิดขึ้นในคริสตจักรยุคแรกนี้ ผู้ป่วยได้รับการเยียวยารักษาเมื่อเขาถูกวางบนถนนเมื่อเปโตรเดินผ่าน(กิจการ5:15)ฟิลิปได้ขับผีออกไปจากคนง่อย และคนเป็นอัมพาต(กิจการ8:6-8) เปาโลก็รักษาผู้ป่วยมากมายเช่นกัน(กิจการ19:11-12; 28:7-9) มีเหตุการณ์สองครั้งที่แสดงให้เห็นถึงการชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นขึ้นในพระคัมภีร์คือ โดรคัส(กิจการ9:36-42) และ ยุงกัส(กิจการ20:7-10) การอัศจรรย์เหล่านั้นสำแดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเขา ข่าวประเสริฐยิ่งถูกเผยแพร่ออกไปการอัศจรรย์แห่งการรักษาก็ค่อยๆ จางหายไป
การเยียวยาสำหรับทุกวันนี้การเยียวยาสำหรับทุกวันนี้ “มีใครในพวกท่านทนทุกข์หรือ? จงให้คนนั้นอธิษฐาน มีใครร่าเริงยินดีหรือ? จงให้คนนั้นร้องเพลงสรรเสริญ มีใครในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ? จงให้คนนั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเผื่อเขาและชโลมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า การอธิษฐานด้วยความเชื่อจะรักษาผู้ป่วยให้หายโรค และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้เขาลุกขึ้นได้ และถ้าเขาเคยทำบาป พระองค์ก็จะทรงให้อภัย เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล” (ยากอบ 5:13-16) พระเจ้าทรงประทานฤทธานุภาพสามประการให้กับคริสตจักรเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือด้านร่างกายและจิตวิญญาณ การอธิษฐาน การเจิมน้ำมันให้กับผู้ป่วย การปฏิรูปสุขภาพ
การเยียวยาความตาย “พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจในเราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?”” (ยอห์น 11:25-26) พระเยซูทางพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีอำนาจเหนือความตาย พระองค์มิได้มีแผนที่จะทำให้ชีวิตแห่งความบาปนี้ยืนยาวต่อไปเรื่อยๆ แต่พระองค์จะทรงทำให้ชีวิตที่ดีกว่าของเราฟื้นขึ้นมา และเป็นชีวิตนิรันดร์ที่ปราศจากบาป จะไม่มีความเจ็บป่วย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทุกๆ วันนี้ ผู้ใดที่ยอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดจะได้รับชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอน