650 likes | 1.3k Views
จัดทำโดย นาย อนุวัฒน์ พิมพ์ชัยงาม คณะศิลปกรรมศาสตร์ 56060495. การจำแนกประเภทของเครื่องดนตรีสากล Music Instruments. ประวัติความเป็นมา. ดนตรีก่อเกิดเพราะการได้ยินเสียงจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวของมนุษย์ จากใกล้ตัวที่สุดคือชีพจรการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหวร่างกาย ไปถึงเสียงธรรมชาติ
E N D
จัดทำโดยนาย อนุวัฒน์ พิมพ์ชัยงามคณะศิลปกรรมศาสตร์56060495 การจำแนกประเภทของเครื่องดนตรีสากล Music Instruments
ประวัติความเป็นมา • ดนตรีก่อเกิดเพราะการได้ยินเสียงจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวของมนุษย์ จากใกล้ตัวที่สุดคือชีพจรการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหวร่างกาย ไปถึงเสียงธรรมชาติ และสัตว์นานาชนิด • ดนตรีสากลหรือดนตรีตะวันตกมีพื้นฐานมาจากความมุ่งหวังสู่ชีวิตที่ดีกว่า จากหลัก ปรัชญากรีกโบราณในช่วง 800 ปีก่อนคริสตกาล ที่เน้นความสำคัญของร่างกายให้แข็งแรง โดยการเล่นกีฬา และงดงามของจิตใจด้วยศิลปะ บทกวี ดนตรี การละคร และระบำรำฟ้อน เพื่อสร้างสรรค์ให้มนุษย์สมบูรณ์ • ช่วง 585-479 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกชื่อ ปิธากอรัส คิดค้นทฤษฎีการเกิดเสียงขึ้นมา จากการคำนวณรอบการสั่นสะเทือนของสายเสียง วิชาความรู้และแนวคิดนี้กระจายแพร่- หลาย ชื่อเสียงของปิธากอรัสจึงเลื่องลือทั่วยุโรป • ในปัจจุบัน เครื่องดนตรีสากลแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ เครื่องสาย เครื่องลมไม้ เครื่องลมทองเหลือง เครื่องลิ่มนิ้ว และเครื่องกระทบ
เครื่องสาย (StringInstruments)
เครื่องสาย (string instruments) • เครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องสายนี้ หมายถึง เครื่องดนตรีที่ทำให้เกิดเสียงโดยการ สั่นสะเทือนของสาย ลวด เชือก เอ็น หรือไนลอน และมีตัวกำธรเสียง ทำหน้าที่ขยายเสียง ให้ดังมากขึ้น • คุณภาพของเสียงขึ้นอยู่กับรูปร่าง และวัตถุที่ใช้กระทำ การสั่นสะเทือนของสายอาจทำ ได้โดยการสีหรือดีด โดยอาจเห็นการกระทำโดยตรง หรือเพิ่มกลไกให้ยุ่งยากขึ้น
การแบ่งประเภทของเครื่องสายการแบ่งประเภทของเครื่องสาย • เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายในปัจจุบัน นิยมใช้วิธีทำให้เกิดเสียงได้ 2 วิธี คือ การสี และการดีด • เครื่องสายประเภทใช้คันสี • ไวโอลิน • วิโอลา • เชลโล • ดับเบิ้ลเบส • เครื่องสายประเภทเครื่องดีด • ฮาร์พ • กีต้าร์ • ลูท • แมนโดลิน • แบนโจ
เครื่องสายประเภทใช้คันสีเครื่องสายประเภทใช้คันสี
ไวโอลิน (violin) • ไวโอลินคันแรกของโลกถูกสร้างขึ้นโดย อันเดร์ อมาตี (Andrea Amati) ในช่วงครึ่ง ศตวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยการว่าจ้างของครอบครัวเมดิซี • ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้เล่นท่วงทำนอง ประกอบด้วยสาย 4 สาย แต่ละสายเทียบ เสียงห่างกันคู่ 5 เพอร์เฟค คือ G-D-A-E
วิโอลา (viola) • ในช่วงศตวรรษที่ 16 และต้นศตวรรษที่ 17 มักจะพบเครื่องดนตรีที่ชื่อ Da gamba หรือ Da braccio ซึ่งแสดงถึงเครื่องสายที่พัฒนามาจากเครื่องดนตรีตระกูลเดียวกัน วิโอลาก็เช่น เดียวกับไวโอลิน ปรากฏอยู่ในภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่วิหาร Saronno Catheral ซึ่งเขียน ขึ้นในปี ค.ศ. 1535 • วิโอลามีรูปร่างเหมือนไวโอลินทุกประการ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ตั้งเสียงต่ำกว่าไวโอลิน ลงไปคู่ 5 เพอร์เฟค คือ C-G-D-A มีเสียงทุ้มและนุ่มกว่าไวโอลิน
เชลโล (cello) • เชลโลตัวแรก ๆ ถูกสร้างขึ้นที่ประเทศอิตาลี ประมาณศตวรรษที่ 16 เนื่องจากผู้ประพันธ์ ต้องการโทนเสียงที่ต่ำในบทเพลงของตน ดังนั้นเชลโลจึงถูกสร้างขึ้น • ชื่อเรียกที่ถูกต้องของเชลโล คือ ไวโอลินเชลโล (Violin Cello) ซึ่งในภาษาอิตาเลียหมาย ถึง “Little Violin” ซึ่งสามารถอ้างอิงได้ว่าแท้จริงแล้วเชลโลพัฒนามาจาก เบสไวโอลิน (Bass Violin) ไม่ใช่วิโอลาอย่างที่หลายคนเชื่อกัน • เชลโลมีรูปร่างเหมือนไวโอลินและวิโอลา แต่มีขนาดใหญ่โตกว่ามาก ตั้งเสียงต่ำกว่า วิโอลา 1 ช่วงคู่ 8 คือ C-G-D-A
ดับเบิ้ลเบส (double bass) • ดับเบิ้ลเบสเกิดขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 15 และได้รับฉายาว่า เบสไวโอลิน • ศตวรรษที่ 17 ดับเบิ้ลเบสมี 5 สาย ก่อนที่ต้นศตวรรษที่ 18 จะถูกเปลี่ยนให้มี 3 สาย ซึ่งตรงข้ามกับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายทั่วไปในยุคนั้นที่มี 5-6 สาย • ดับเบิ้ลเบสเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูลไวโอลิน ผู้บรรเลงต้องยืนเล่น เสียงของดับเบิ้ลเบสต่ำสุด แสดงถึงความมีอำนาจ ความน่ากลัว ความลึกลับ ตั้งสายห่างกัน เป็นคู่ 4 เพอร์เฟค คือ E-A-D-G
ฮาร์พ (harp) • ฮาร์พเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ชนิดหนึ่งที่มีการกล่าวถึงตั้งแต่ราว 3000 ปีก่อนคริสตกาล ที่มาของเครื่องดนตรีชิ้นนี้น่าจะมาจากประเทศไอยคุปต์ เพราะตามฝาผนังใต้สุสานของ ประเทศไอยคุปต์ที่เห็น มีรูปคนดีดพิณชนิดนี้อยู่มาก • ฮาร์พ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท • แกรนด์คอนเสิร์ตฮาร์พ (Grand Concert Harp) ใช้คันเหยียบในการเปลี่ยนเสียง • ลีเวอร์ฮาร์พ (Lever Harp) ใช้ไกในการเปลี่ยนเสียง • ฮาร์พเป็นพิณโบราณขนาดใหญ่ มีประวัติเก่าแก่มาก ใช้บรรเลงในวงออร์เคสตรา
กีตาร์ (guitar) • กีตาร์ในยุดปัจจุบัน มาจากเครื่องดนตรีที่เรียกว่า Cithara ของชาวโรมัน ซึ่งนำเข้าไปแพร่ หลายในอาณาจักรฮิสปาเนีย หรือสเปนโบราณประมาณ ค.ศ. 40 จากนั้นเปลี่ยนแปลง รูปแบบจนกลายมาเป็นเครื่องดนตรีที่มี 4 สายเรียกว่า อู๊ด นำเข้ามาโดยชาวมัวร์ในยุคที่เข้า มาครอบครองคาบสมุทรไอบีเรียน ในศตวรรษที่ 8 • ในยุโรปมีเครื่องดนตรีที่เรียกว่า ลุต ของชาวสแกนดิเนเวียมี 6 สาย ในสมัย ค.ศ. 800 เป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชาวไวกิ้ง • กีตาร์ประกอบด้วยสาย 6 สาย โดยตั้งระดับเสียงต่ำไปหาสูงในแต่ละสาย คือ E-A-D-G -B-E
ลูท (lute) • ลูทเป็นต้นกำเนิดของเครื่องสายหลายอย่างของโลก ทั้งที่ใช้ดีดแบบกีตาร์ และสีแบบ ไวโอลิน มีหลักฐานการพบลูทในสมัยของโรมัน แต่ไม่สามารถบอกปีที่แน่นอนได้ สมัยนั้น ลูทพบในแถบตะวันออกกลาง ทางตอนเหนือของแอฟริกา กรีซ และกรุงโรม • ลูทเป็นพิณชนิดหนึ่งที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องสายประเภทดีด ชาวอาหรับโบราณนิยม กันมาก แต่ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยม
แมนโดลิน (mandolin) • แมนโดลินมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอิตาลี เป็นเครื่องดนตรีที่ชาวอิตาเลียนนิยมแพร่หลาย กันในปี ค.ศ. 1713 ได้มีผู้นำเอาแมนโดลินมาเล่นผสมในวงคอนเสิร์ตในประเทศอังกฤษ • แมนโดลินเป็นเครื่องดนตรีตระกูลลูท มีสาย 4 คู่ (8 สาย) หรือ 6 คู่ (12 สาย) ตั้งเสียง เท่ากันเป็นคู่ มีลูกบิดคล้ายกีตาร์ ใช้ในการตั้งเสียง และมีเฟรทรองรับสาย เวลาเล่นจะใช้นิ้ว มือซ้ายจับตัวแมนดินและใช้มือขวาดีด
แบนโจ (banjo) • แบนโจถือกำเนิดโดยพวกทาสนิโกรผิวดำทางตอนใต้ ไม่ใช่พวกผิวขาวที่ใช้ร้องใช้เล่น แพร่หลายกันมากในปัจจุบัน พวกนิโกรนำเอารูปแบบมาจากเครื่องดนตรีที่พวกเขาใช้เล่น ในแอฟริกา • เดิมทีแล้วแบนโจมี 4 สาย จนเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 สายที่ 5 ถูกสร้างขึ้นเพิ่มบนกึ่ง กลางคอแบนโจ เพื่อให้สามารถเล่นเสียงสูงได้ ทำให้แบนโจกลายเป็นที่ต้องตาต้องใจพวก นักดนตรีบ้านนอกทางใต้ ที่ชอบเสียงสูงของมันเป็นอย่างยิ่ง • แบนโจเป็นเครื่องดนตรีตระกูลลูท จุดเริ่มต้นที่มีผู้นำมาเล่นอยู่ในแถบแอฟริกาตะวันตก เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านของพวกนิโกร ต่อมาจึงเป็นที่แพร่หลายในหมู่อเมริกันนิโกร วิธี การเล่นคล้ายกับกีตาร์
เครื่องเป่าลมไม้ (WoodwindInstruments)
เครื่องเป่าลมไม้ (woodwind instrument) • เครื่องดนตรีประเภทนี้ แม้ตัวเครื่องอาจทำจากวัสดุต่าง ๆ มากมาย แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้ เกิดเสียง คือ ลิ้น (Reed) ซึ่งทำมาจากไม้ จึงได้ชื่อว่าเครื่องเป่าลมไม้นั่นเอง
การแบ่งประเภทของเครื่องเป่าลมไม้การแบ่งประเภทของเครื่องเป่าลมไม้ • เครื่องเป่าลมไม้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่า และประเภทเป่าลมให้ ผ่านลิ้นของเครื่อง และแต่ละประเภทก็สามารถแบ่งย่อยได้อีก • ประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่า • ประเภทเป่าตรงปลาย • ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ • ประเภทเป่าลมด้านข้าง • ฟลูต • ปิคโคโล • ประเภทเป่าลมให้ผ่านลิ้นของเครื่อง • ประเภทลิ้นเดี่ยว • คาลิเนต • แซกโซโฟน • ประเภทปี่ลิ้นคู่ • โอโบ • คอร์ แองเกลส์ • บาสซูน
เครื่องเป่าประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่าเครื่องเป่าประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่า (แบบเป่าตรงปลาย)
ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ (recorder) • ขลุ่ยรีคอร์เดอร์สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 14 ถือกำเนิดในประเทศอังกฤษ นิยมเล่นใน สมัยกลางและมีความเจริญสูงสุดในยุคบาโรค เป็นเครื่องเป่าที่มีลักษณะการเป่าแบบด้าน ตรง มีรูปแบบการเกิดเสียงคล้ายนกหวีด • ในปัจจุบันรีคอร์ดเดอร์เป็นเครื่องดนตรีสำหรับหัดเรียนดนตรีขั้นเบื้องต้น โดยเฉพาะใน ระดับประถมศึกษา • ขลุ่ยรีคอร์เดอร์เป็นเครื่องเป่าที่จัดอยู่ในประเภทเครื่องเป่าลมไม้ชนิดไม่มีลิ้น เป็นเครื่อง ดนตรีขนาดเล็ก และมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน
เครื่องเป่าประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่าเครื่องเป่าประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่า (แบบเป่าลมด้านข้าง)
ฟลูต (flute) • ฟลูตเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีแรก ๆ ของโลก ฟลูตที่เป่าตามแนวนอนพบครั้งแรกที่ ประเทศจีนเมื่อ 900 ปีก่อน ค.ศ. ฟลูตได้ไปถึงยุโรปเมื่อราวปี ค.ศ. 1100 ฟลูตในช่วงปี ค.ศ. 1700 นั้นผลิตจากไม้และมีคีย์ 1-4 คีย์ ในศตวรรษที่ 19 จำนวนคีย์ได้เพิ่มเป็น 8 คีย์ • ในปี ค.ศ. 1832 ผู้ผลิตเครื่องดนตรีชาวเยอรมันชื่อ Theobald Boehm ได้คิดค้นระบบการ วางนิ้วของฟลูตใหม่ และเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ผลิตจากไม้เป็นโลหะ ทำให้ฟลูตสามารถเรียนรู้ ได้ง่ายขึ้น และเสียงเจิดจ้าขึ้น • ฟลูตเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งที่มีพัฒนาการมาจากมนุษย์ก่อนประวัติ- ศาสตร์ที่คิดใช้กระดูกสัตว์หรือเขาของสัตว์ที่เป็นท่อกลวงหรือปล้องไม้ไผ่มาเจาะรูแล้วเป่า ให้เกิดเสียงต่าง ๆ วัตถุนั้นจึงเป็นต้นกำเนิดของเครื่องดนตรีประเภทขลุ่ย
ปิคโคโล (piccolo) • ปิคโคโลในวงออร์เคสตรา คือ ในศตวรรษที่ 18 ด้วยเสียงที่แหลมสูงของปิคโคโล ทำให้ เราสามารถได้ยินสียงปิคโคโลได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเครื่องดนตรีอื่นจะบรรเลงอยู่ก็ตาม • ปิคโคโลเป็นขลุ่ยขนาดเล็ก เช่นเดียวกันกับฟลูตแต่เล็กกว่าทำมาจากไม้ หรืออีบอร์ไนท์ แต่ปัจจุบันทำด้วยโลหะ เสียเล็กแหลมชัดเจน แม้ว่าจะเป่าเพียงเครื่องเดียว
เครื่องเป่าประเภทเป่าลมให้ผ่านลิ้นของเครื่องดนตรีเครื่องเป่าประเภทเป่าลมให้ผ่านลิ้นของเครื่องดนตรี (ประเภทลิ้นเดี่ยว)
คลาริเนต (clarinet) • คลาริเนตได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยชาวเยอรมันชื่อ Johann Christoph Denner เมื่อราวปี ค.ศ. 1700 และเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในวงออร์เคสตราเมื่อปี ค.ศ. 1780 และแทนที่โอโบ ในวงโยธวาทิตได้ในที่สุด • คาริเนตเป็นเครื่องดนตรีที่รู้จักกันแพร่หลายกว่าเครื่องอื่น ๆ ในบรรดาเครื่องลมไม้ ด้วยกัน คลาริเนตเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ในวงดนตรีเกือบทุกประเภท และเป็นเครื่องดนตรี สำคัญในวงออร์เคสตรา วงโยธวาทิต และวงแจ๊ส
แซกโซโฟน (saxophone) • อดอล์ฟ แซกซ์ เป็นชาวเบลเยียม เกิดที่เมืองดินานทืในปี ค.ศ. 1814 บิดาเป็นนักดนตรีเป่ฟลูต และคาริเน็ต นอกจากนี้บิดาของเขายังมีโรงงานประดิษฐ์เครื่องดรตรี โดยเฉพาะเครื่องลมไม้และ เครื่องทองเหลืองอยู่ที่เมืองดินานท์ • ประมาณปี ค.ศ. 1815 บิดาได้ของเขาได้ย้ายโรงงานไปอยู่ที่กรุงบรัซเส์ แล้วเขาได้เรียนรู้และ ได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ จากบิดา และในขณะเดียวกัน เขายังได้ศึกษาดนตรีที่สถาบันดนตรีแห่ง กรุงบรัสเซลส์ • ในปี ค.ศ. 1830 อดอล์ฟ แซกซ์ ได้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีของขาเป็นชิ้นแรก โดยมีฟลูตและคาริ- เนตซึ่งทำด้วยงาช้าง แสดงในงานนิทรรศการเครื่องดนตรีที่กรุงบรัสเซลส์ในปี ค.ศ. 1838 เขาได้ ลิขสิทธิ์ในการประดิษฐ์เบสคาริเนต ระหว่างปี ค.ศ. 1840-1841 เขาได้ประดิษฐ์แซกโซโฟนและนำ ออกแสดงในงานเดียวกันในปี ค.ศ. 1841 แต่คณะกรรมการไม่ได้มอบรางวัลให้แก่เขาโดยอ้างว่าอายุ น้อย ในที่สุดเขาได้ย้ายไปตั้งร้านประดิษฐ์และซ่อมเครื่องดนตรีที่กรุงปารีสในปี ค.ศ. 1842 • ร้านของเขาได้รับความนิยมมากในยุโรป โดยเฉพาะเครื่องลมไม้และเครื่องทองเหลืองสมัยนั้น
ชนิดของแซกโซโฟน • แซกโซโฟนสามารถแบ่งออกเป็นชนิดได้ทั้งหมด 7 ชนิด • โซปราโนแซกโซโฟน • อัลโต้แซกโซโฟน • เทเนอร์แซกโซโฟน • บาริโทนแซกโซโฟน • เบสแซกโซโฟน • คอนทร่าเบสแซกโซโฟน • ซับคอนทร่าเบสแซกโซโฟน
เครื่องเป่าประเภทเป่าลมให้ผ่านลิ้นของเครื่องดนตรีเครื่องเป่าประเภทเป่าลมให้ผ่านลิ้นของเครื่องดนตรี (ประเภทลิ้นคู่)
โอโบ (oboe) • โอโบมีต้นกำเนิดมาจากปี่ Hautboy ในระยะแรก ๆ โอโบมีลักษณะคล้ายปี่ในของไทย คือ ลำตัวมีรูเปล่า ๆ ต่อมาได้มีนักประดิษฐ์เครื่องดนตรีนำเอากระเดื่องมาติดและเพิ่มส่วน ประกอบต่าง ๆ เข้าไปเช่นเดียวกับฟลูต • โอโบที่ใช้ในปัจจุบันมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ใช้ในการแสดงโอเปร่าฝรั่งเศส เรียกว่า “Hautbois” หรือ “Hoby” ในศตวรรษที่ 18 โอโบใช้เป็นเครื่องดนตรีหลักในวงออร์เคสตรา ในศตวรรษที่ 19 โอโบได้พัฒนาในเรื่องระบบกลไก คีย์ กระเดื่อง สำหรับเปิดปิดรู เพื่อ เปลี่ยนระดับเสียงให้เล่นสะดวกมากขึ้น จนในที่สุด โอโบ คือ เครื่องดนตรีหลักในวงออร์ เคสตรา
คอร์ แองเกลส์ (cor anglais) • คอร์ แองเกลส์ นอกจากชื่อจะประหลาดแล้ว ยังมีรูปร่างหน้าตาที่น่าทึ่งอีกด้วย คือ ส่วน ที่ต่อจากที่เป่า (ลิ้นคู่) เป็นท่อลมโลหะโค้งงอติดกับลำตัวปี่ ซึ่งโอโบไม่มี ตรงปลายสุดเป็น ปากลำโพง ป่องเป็นกระเปาะกลม ๆ ซึ่งโอโบก็มี ลำโพงคล้ายปี่คลาริเนต • คอร์ แองเกลส์ เป็นปี่ตระกูลเดียวกับโอโบ แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า และมีรูปร่างหน้าตา ต่างจากโอโบ ระดับเสียงต่ำกว่า และเวลาเล่นจะต้องมีสายติดกับลำตัวปี่ โยงไปคล้องคอผู้ เล่นเพื่อพยุงน้ำหนักของปี่
บาสซูน (bassoon) • บาสซูนเป็นปี่ขนาดใหญ่ใช้ลิ้นคู่เช่นเดียวกับโอโบ รูปร่างของบาสซูนค่อนข้างจะ ประหลาดกว่าเครื่องอื่น เนื่องจากมีความใหญ่โตของท่อลม ซึ่งมีความยาว 109 นิ้ว แต่เพื่อ ไม่ให้เกะกะ จึงใช้วิธีทบท่อลิ่มให้เหลือความยาวประมาณ 4 ฟุตเศษ บาสซูนมีน้ำหนักมาก จึงต้องมีสายคล้องคอเพื่อช่วยพยุงน้ำหนัก เพื่อให้มือทั้งสองของผู้เล่นขยับไปกดแป้นนิ้ว ต่าง ๆ ได้สะดวก • บาสซูนได้รับฉายาว่า “ตัวตลกของวงออร์เคสตรา” เพราะเวลาบรรเลงเสียงจะมีลักษณะ สั้น ๆ ห้วน ๆ อย่างเร็ว ๆ คล้ายลักษณะท่าทางของตัวตลกที่มีอากัปกริยากระโดดหยอง ๆ ในโรงละครสัตว์
เครื่องลมทองเหลือง (Brass Instruments)
เครื่องลมทองเหลือง (brass instruments) • เครื่องดนตรีประเภทนี้มักทำด้วยโลหะผสมหรือโลหะทองเหลือง เสียงของเครื่องดนตรี ประเภทนี้เกิดจากการเป่าผ่านท่อโลหะ ความสั้นยาวของท่อโลหะทำให้ระดับเสียงเปลี่ยน ไป การเปลี่ยนความสั้นยาวของท่อโลหะจะใช้ลูกสูบเป็นตัวบังคับ • เครื่องดนตรีบางชนิดใช้การชักท่อลมเข้าออก เปลี่ยนความสั้นยาวของท่อตามความต้อง การ ลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีประเภทนี้ มีปากลำโพงสำหรับใช้ขยายเสียงให้มีความดัง เจิดจ้า เรามักเรียกเครื่องดนตรีประเภทนี้รวมกันว่าแตร
คอร์เนต (cornet) • ผู้ให้กำเนิดคอร์เนตคือ หลุยส์ แอนโทวน์ ช่างผลิตเครื่องดนตรีของบริษัท Haraly แห่ง มหานครปารีสราวปี ค.ศ. 1820 เขาคิดเพิ่มระบบปุ่มกดลงในเครื่องเป่าดั้งเดิม เพื่อความ คล่องตัวและการเปลี่ยนเสียงง่ายขึ้น • คอร์เนตมีลักษณะคล้ายทรัมเปตแต่ลำตัวสั้นกว่า คุณภาพของเสียงมีความนุ่มนวล กลม กล่อม เสียงสดใสน้อยกว่าทรัมเปต คอร์เนตถูกนำมาใช้ในวงออร์เคสตราเป็นครั้งแรกเมื่อ ประมาณ ค.ศ. 1829 ในการแสดงโอเปร่าของ Rossini เรื่อง William
ทรัมเป็ต (trumpet) • ทรัมเป็ตมีวิวัฒนาการมายาวนานแต่สมัยโบราณ โดยเริ่มจากแตรสัญญาณที่ใช้ในการล่า สัตว์หรือในทางทหาร แต่แตรลักษณะนั้นจะไม่มีปุ่มกดเพื่อเปลี่ยนระดับเสียง ทำให้ไม่ สามารถสร้างระดับเสียงที่แตกต่างกันได้มากนัก จนกระทั่งมีการคิดประดิษฐ์ปุ่มกดและ กลไกต่าง ๆ เข้าไปภายหลังในสมัยยุคกลาง โดยเป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมในวง กว้าง สามารถพบเห็นได้ในวงดนตรีหลายรูปแบบ • ทรัมเป็ตเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมทองเหลืองประเภทเสียงสูง กำเนิดเสียงโดย อาศัยลมจากการเป่าของผู้เล่นทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของริมฝีปาก โดยทั่วไปมีปุ่มกด 3 อัน เรียงอยู่ในระนาบเดียวกัน
เฟรนช์ฮอร์น (french horn) • เฟรนช์ฮอร์นถูกพัฒนามาจากแตรฮอร์นที่ใช้ในการล่าสัตว์ โดยช่างฝีมือชาวฝรั่งเศสใน ช่วงราวปี ค.ศ. 1650 เพื่อใช้ในการบรรเลงดนตรีอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก ในเวลาต่อมา ช่างฝีมือชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงเฟรนช์ฮอร์นให้ดีขึ้น ในช่วงราวปี ค.ศ. 1750 และเป็นต้น แบบของเฟรนช์ฮอร์นในปัจจุบัน • เฟรนช์ฮอร์นคือเครื่องเป่าลมทองเหลือง ท่อเป็นทรงกรวย ขยายออกไปตลอด ปลายท่อ จานออกเป็นลำโพงอย่างกว้าง ท่อลมจะขดเป็นวงกลม พัฒนามาจากการเป่าเขาสัตว์เพื่อใช้ บอกสัญญาณต่าง ๆ จึงเหมือนเสียงที่เกิดจากการเป่าเขาสัตว์
ทรอมโบน (trombone) • ทรอมโบนเป็นแตรที่ใช้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ในพิธีทางศาสนาและพิธียุรยาตรา ร่วมกับแตรโบราณ ทรอมโบนประกอบด้วยท่อลมสวมซ้อนเลื่อนเข้า – ออกได้ ขนาดโค้ง ยาวได้สองทบ สองในสามของท่อลมเป็นท่อทรงกระอกเช่นเดียวกับทรัมเป็ต ส่วนที่เหลือ ค่อย ๆ บานออกเป็นปากลำโพง ส่วนที่เป็นท่อลมทรงกระบอกจะเป็นท่อสองชั้นสวมกันไว้ ลักษณะเป็นรูปตัว U เลื่อนเข้าออกเพื่อเปลี่ยนระดับเสียง • ทรอมโบนเป็นเครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องลมทองเหลือง มีคันชักสำหรับเปลี่ยน ระดับเสียง โดยมากจะใช้ในวงโยธวาทิต วงลูกทุ่ง รวมทั้งวงซิมโฟนีออร์เคสตรา
ยูโฟเนียม (euphonium) • ยูโฟเนียมเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมทองเหลือง กษณะเสียงของยูโฟเนียมจะ นุ่มนวล ทุ้มลึก และมีความหนักแน่นมาก สามารถเล่นในระดับเสียงต่ำได้ดี บางครั้งนำ/ไป ใช้ในวงออร์เคสตราแทนทูบา • ลักษณะทั่วไปของยูโฟเนียมเหมือนกับเครื่องลมทองเหลืองทั่วไป จะมีลูกสูบ 3-4 ลูกสูบ ท่อลมกลวงบานปลายเป็นลำโพง มีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งชื่อบาริโทน มีเสียงไกล้เคียงกับ ยูโฟนียม แต่ท่อลมมีขนาดเล็กกว่า เสียงของบาริโทนจะมีความห้าวมากกว่ายูโฟเนียม
ทูบา (tuba) • ทูบาปรากฏครั้งแรกในกลางศตวรรษที่ 19 เป็นเครื่องที่ใหญ่และเสียงต่ำที่สุดในตระกูล เครื่องลมทองเหลือง คำว่า Tuba เป็นภาษาละติน หมายถึง Trumpet หรือ Horn • ทูบาเป็นเครื่องดนตรีตระกูลแซ็กฮอร์น มีท่อลมขนาดใหญ่ และมีความยาวตั้งแต่ 9,12,14,16 และ 18 ฟุต แล้วแต่ขนาด มีช่วงเสียงกว้าง 3 ออคเทฟ เศษ ๆ เสียงของทูบาต่ำ ลึก นุ่มนวล ไม่แตกพร่า เสียงต่ำมากที่เรียกว่า “พีเดิล โทน (Pedal Tones)” นั้นมีคุณสมบัติ เฉพาะตัว
ซูซาโฟน (sousaphone) • ซูซาโฟนมีลักษณะเป็นรูปวงแหวนขนาดใหญ่ เวลาบรรเลงนักดนตรีต้องคล้องไหล่ ปากลำโพงจะหันออกไปด้านหน้า ทำให้นักดนตรีเคลื่อนไหวหรือเดินแปรขบวนได้สะดวก จอห์น ฟิลิป ซูซา เป็นผู้สั่งให้ บริษัท ซี. จี. คอนน์ ผู้ผลิตเครื่องดนตรีเป็นผู้พัฒนาขึ้นในช่วง ปี ค.ศ. 1889 โดยปรับปรุงมาจากทูบา และเฮลิคอน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่หันปากแตรไปด้านข้าง • ซูซาโฟนเป็นเครื่องดนตรีลมทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุด เป็นเครื่องดนตรีประเภทเดียวกับ ทูบา ลักษณะของเสียงจะต่ำทุ้มลึก เหมาะที่จะเล่นในแนวเสียงเบสมากกว่า
เครื่องลิ่มนิ้ว (KeyboardInstruments)
เครื่องลิ่มนิ้ว (keyboard instruments) • เครื่องดนตรีสากลประเภทนี้มักนิยมเรียกทับศัพท์ในภาษาอังกฤษว่า “เครื่องดนตรี ประเภทคีย์บอร์ด” ลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีประเภทนี้คือมีลิ่มนิ้วสำหรับกดเพื่อปรับ เปลี่ยนระดับเสียดนตรี เรียกว่า คีย์ เครื่องดนตรีแต่ละชนิดมีจำนวนคีย์ไม่เท่ากัน โดยปกติ เป็นสีขาวกับสีดำ
เปียโน (piano) • เปียโนถูกคิดค้นขึ้นที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยบาร์โทโลเมโอ คริสโตโฟรี รายละเอียดเวลาที่คริสโตโฟรีประดิษฐ์เปียโนเครื่องแรกนั้นไม่ชัดเจน แต่จากบันทึกของ ครอบครัวเมดิชิ ผู้ที่ว่าจ้างคริสโตโฟรี ปรากฏว่ามีเปียโนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1700 คริสโตโฟรี สร้างเปียโนอีก 20 เครื่องก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1731 และเปียโน 3 ตัวของเขาที่ยัง อยู่ในปัจจุบันย้อนมาจากช่วงปี ค.ศ. 1720 • เปียโนเป็นเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ที่สร้างเสียงเมื่อคีย์ถูกกดและกลไกภายในเครื่องสาย คำว่าเปียโนเป็นตัวย่อของคำว่า ปีอาโนฟอเต ซึ่งเป็นคำในภาษาอิตาเลียน แปลว่า เบาดัง
ออร์แกน (organ) • ออร์แกนมีประวัติในการประดิษฐ์ที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยโรมัน และมีความสำคัญ คบคู่มากับศาสนาคริสต์เลยทีเดียว ต้นกำเนิดเสียงของออร์แกนมาจากลม ซึ่งมีแหล่งกำเนิด หลายวิธีซึ่งในสมัยโบราณต้องใช้แรงคนในการผลิตลม เมื่อถูกบังคับให้ไหลผ่านท่อที่มี ขนาดต่าง ๆ ก็จะเกิดเสียงที่มีความถี่ต่างกัน ท่อที่ใช้ในการสร้างออร์แกน อาจจะเป็นไม้ หรือโลหะก็ได้ ซึ่งจะส่งผลให้มีเสียงที่แตกต่างกัน • ออร์แกนได้รับฉายาว่าเป็นราชาแห่งเครื่องดนตรีตะวันตก เนื่องจากมีความซับซ้อนใน การประดิษฐ์ และขนาดที่ใหญ่
ฮาร์ปซิคอร์ด (harpsichord) • ฮาร์ปซิคอร์ดเป็นเครื่องดนตรีตะวันตก ในยุคบาโรค ประเภทเครื่องดีด โดยมีการพัฒนา จากเครื่องดนตรีประเภทพิณ และกีตาร์ กลไกการเกิดเสียงจะใช้การดึงสายโลหะซึ่งมีขนาด และความยาวแตกต่างกัน เพื่อให้ได้เสียงความถี่ต่าง ๆ การเล่นเครื่องดนตรีนี้จะใช้คีย์บอร์ด ในการสร้างกลไกดึงสาย โดยผู้เล่นสามารถเลือกกดบนแป้นคีย์บอร์ด ซึ่งจะคล้ายคลึงกับ การเล่นเปียโน แต่จะมีคีย์บอร์ดสองชั้นเหมือนออร์แกน • ในยุคบาโรคมีการเล่นเครื่องดนตรีนี้อย่างแพร่หลายในบทเพลงประเภทเดี่ยว และวง สำหรับประเภทเดี่ยวมีผู้ประพันธ์เพลงที่มีบทบาทสำคัญได้แก่ บาค แฮนเดล สกาลัตตี คูโน โดยเฉพาะเพลงประเภทโซนาตา
คลาวิคอร์ด (clavichord) • คลาวิคอร์ดเป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายเปียโน ในยุคแรก ๆ ประเภทเกิดเสียงได้ จากการดีด โดยมีสายเสียงที่ขึงไปตามส่วนรูปของกล่องไม้สีเหลี่ยม กว้างประมาณ 2 ฟุต ยาว 4 ฟุต มีแถวของลิ่มนิ้วประมาณ 3 ออคเทฟ ส่วนปลายสุดของคีย์จะมีกลไกการงัดหรือ แตะของลิ่มนิ้วทองเหลืองเล็ก ๆ เมื่อผู้เล่นกดคีย์ลงไป ลิ่มทองเหลืองนี้ก็จะยกขึ้นและตีไปที่ สายเสียงเพื่อทำให้เกิดเสียง • คลาวิคอร์ดเป็นเครื่องดนตรีประเภทแรกที่สามารถล่นได้ทั้งเบาและดังโดยเปลี่ยนแปลง น้ำหนักการกดคีย์ เสียงที่ได้จากคลาวิคอร์ดมีความไพเราะและนุ่มนวล
แอคคอร์เดียน (accordion) • แอคคอร์เดียนเป็นเครื่องดนตรีประเภทเดียวกับเปียโน เสียงของแอคคอร์เดียนเกิดจาก การสั่นสะเทือนของทองเหลืองเล็ก ๆ ภายในตัวเครื่อง อันเนื่องมาจากการเล่นผ่านเข้าออก ของลม ซึ่งต้องใช้แรงของผู้เล่นสูบเข้าออก
เครื่องกระทบ (PercussionInstruments)
เครื่องกระทบ (percussion instruments) • เครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบ ได้แก่ เครื่องดนตรีที่เกิดเสียงจากการตี การสั่น การเขย่า การเคาะ หรือการขูด การตีอาจจะใช้ไม้ตีหรืออาจจะใช้สิ่งหนึ่งกระทบกับอีกสิ่ง เพื่อทำให้เกิดเสียง เครื่องกระทบประกอบด้วยวัสดุที่เป็นของแข็งหลายชนิด เช่น โลหะ ไม้ หรือแผ่นหนังขึงตึง แบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงแน่นอน และ เครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงไม่แน่นอน
เครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงแน่นอนเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงแน่นอน (Definite PitchInstruments)