830 likes | 3.87k Views
ประโยคความรวมซับซ้อน. ด.ญ.สาวิณี โกทัญ ม.3/5 เลขที่ 35.
E N D
ประโยคความรวมซับซ้อน ด.ญ.สาวิณี โกทัญ ม.3/5 เลขที่ 35
ความหมายของประโยค ประโยค เกิดจากคำหลายๆคำหรือวลีที่นำมาเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบให้แต่ละคำมีความสัมพันธ์กันมีใจความสมบูรณ์ แสดงให้รู้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เช่น สมัครไปโรงเรียนตำรวจจับคนร้าย เป็นต้น ถ้อยคำหลายคำที่นำมาเรียงกันแล้วเกิดใจความสมบูรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย ภาคประธาน และภาคแสดง ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้ทั้งทางภาษาเขียน หรือภาษาพูด แต่การใช้ภาษาพูด ในสถานการณ์ต่างๆกัน อาจละเว้นส่วนหนึ่งส่วนใดได้ในฐานที่เข้าใจกันระหว่างผู้พูด และผู้ฟัง ลักษณะของประโยคต่างๆ จําแนกตามโครงสร้าง
ส่วนประกอบของประโยค ประโยคหนึ่ง ๆ จะต้องมีภาคประธานและภาคแสดงเป็นหลัก และอาจมีคำขยายส่วนต่าง ๆ ได้ 1. ภาคประธาน ภาคประธานในประโยค คือ คำหรือกลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นผู้กระทำ ผู้แสดงซึ่งเป็นส่วนสำคัญของประโยค ภาคประธานนี้ อาจมีบทขยายซึ่งเป็นคำหรือกลุ่มคำมาประกอบ เพื่อทำให้มีใจความชัดเจนยิ่งขึ้น 2. ภาคแสดง ภาคแสดงในประโยค คือ คำหรือกลุ่มคำที่ประกอบไปด้วยบทกริยา บทกรรมและส่วนเติมเต็ม บทกรรมทำหน้าที่เป็นตัวกระทำหรือตัวแสดงของประธาน ส่วนบทกรรมทำหน้าที่เป็นผู้ถูกกระทำ และส่วนเติมเต็มทำหน้าที่เสริมใจความของประโยคให้สมบูรณ์ คือทำหน้าที่คล้ายบทกรรม แต่ไม่ใช้กรรม เพราะมิได้ถูกกระทำ
ชนิดของประโยค ประโยคในภาษาไทยแบ่งเป็น 3 ชนิด ตามโครงสร้างการสื่อสารดังนี้ 1. ประโยคความเดียว คือ ประโยคที่มีข้อความหรือใจความเดียว ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอกรรถประโยค เป็นประโยคที่มีภาคประโยคเพียงบทเดียว และมีภาคแสดงหรือกริยาสำคัญเพียงบทเดียว หากภาคประธานและภาคแสดงเพิ่มบทขยายเข้าไป ประโยคความเดียวนั้นก็จะเป็นประโยคความเดียวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น 2. ประโยคความรวม คือ ประโยคที่รวมเอาโครงสร้างประโยคความเดียวตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไปเข้าไว้ในประโยคเดียวกัน โดยมีคำเชื่อมหรือสันธานทำหน้าที่เชื่อมประโยคเหล่านั้นเข้าด้วยกัน ประโยคความรวมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อเนกกรรถประโยค ประโยคความรวมแบ่งใจความออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
2.1 ประโยคที่มีความคล้อยตามกัน ประโยคความรวมชนิดนี้ประกอบด้วยประโยคเล็กตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไป มีเนื้อความคล้อยตามกันในแง่ของความเป็นอยู่ เวลา และการกระทำ ตัวอย่าง - ทรัพย์ และ สินเป็นลูกชายของพ่อค้าร้านสรรพพาณิชย์ - ทั้ง ทรัพย์ และ สินเป็นนักเรียนโรงเรียนอาทรพิทยาคม - ทรัพย์เรียนจบโรงเรียนมัธยม แล้ว ก็ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยอาชีวศึกษา - พอ สินเรียนจบโรงเรียนมัธยม แล้ว ก็ มาช่วยพ่อค้าขาย สันธานที่ใช้ใน 4 ประโยค ได้แก่ และ, ทั้ง – และ, แล้วก็, พอ – แล้วก็ หมายเหตุ : คำ “แล้ว” เป็นคำช่วยกริยา มิใช่สันธานโดยตรง
2.2 ประโยคที่มีความขัดแย้งกัน ประโยคความรวมชนิดนี้ ประกอบด้วยประโยคเล็ก 2 ประโยค มีเนื้อความที่แย้งกันหรือแตกต่างกันในการกระทำ หรือผลที่เกิดขึ้น ตัวอย่าง - พี่ตีฆ้อง แต่ น้องตีตะโพน - ฉันเตือนเขาแล้ว แต่ เขาไม่เชื่อ 2.3 ประโยคที่มีความให้เลือก ประโยคความรวมชนิดนี้ ประกอบด้วยประโยคเล็ก 2 ประโยคและกำหนดให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่าง - ไปบอกนายกิจ หรือ นายก้องให้มานี่คนหนึ่ง - คุณชอบดนตรีไทย หรือ ดนตรีสากล -
2.4 ประโยคที่มีความเป็นเหตุเป็นผลแก่กัน ประโยคความรวมชนิดนี้ประกอบด้วยประโยคเล็ก 2 ประโยค ประโยคแรกเป็นเหตุประโยคหลังเป็นผล ตัวอย่าง - เขามีความเพียรมาก เพราะฉะนั้น เขา จึง ประสบความสำเร็จ ข้อสังเกต - สันธานเป็นคำเชื่อมที่จ้ำเป็นต้องมีประโยคความรวม และจะต้องใช้ให้เหมาะสมกับเนื้อความในประโยค ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สันธานเป็นเครื่องกำหนดหรือชี้บ่งว่าประโยคนั้นมีใจความแบบใด - สันธานบางคำประกอบด้วยคำสองคำ หรือสามคำเรียงอยู่ห่างกัน เช่น ฉะนั้น – จึง, ทั้ง – และ, แต่ – ก็ สันธานชนิดนี้เรียกว่า “สันธานคาบ” มักจะมีคำอื่นมาคั่นกลางอยู่จึงต้องสังเกตให้ดี - ประโยคเล็กที่เป็นประโยคความเดียวนั้น เมื่อแยกออกจากประโยคความรวมแล้ว ก็ยังสื่อความหมายเป็นที่เข้าใจได้
3. ประโยคความซ้อน ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีใจความสำคัญเพียงใจความเดียว ประกอบด้วยประโยคความเดียวที่มีใจความสำคัญ เป็นประโยคหลัก (มุขยประโยค) และมีประโยคความเดียวที่มีใจความเป็นส่วนขยายส่วนใดส่วนหนึ่งของประโยคหลัก เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยคหลัก (อนุประโยค) โดยทำหน้าที่แต่งหรือประกอบประโยคหลัก ประโยคความซ้อนนี้เดิม เรียกว่า สังกรประโยค อนุประโยคหรือประโยคย่อยมี 3 ชนิด ทำหน้าที่ต่างกัน ดังต่อไปนี้
3.1 ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่แทนนาม (นามานุประโยค) อาจใช้เป็นบทประธานหรือบทกรรม หรือส่วนเติมเต็มก็ได้ ประโยคย่อยนี้เป็นประโยคความเดียวซ้อนอยู่ในประโยคหลักไม่ต้องอาศัยบทเชื่อมหรือคำเชื่อม ตัวอย่างประโยคความซ้อนที่เป็นประโยคย่อยทำหน้าที่แทนนาม - คนทำดีย่อมได้รับผลดี คน...ย่อมได้รับผลดี : ประโยคหลัก คนทำดี : ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็นบทประธาน - ครูดุนักเรียนไม่ทำการบ้าน ครูดุนักเรียน : ประโยคหลัก นักเรียนไม่ทำการบ้าน : ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็นบทกรรม
3.2 ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่เป็นบทขยายประธานหรือบทขยายกรรมหรือบทขยายส่วนเติมเต็ม (คุณานุประโยค) แล้วแต่กรณี มีประพันธสรรพนาม (ที่ ซึ่ง อัน ผู้) เชื่อมระหว่างประโยคหลักกับประโยคย่อย ตัวอย่างประโยคความซ้อนที่ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็นบทขยาย - คนที่ประพฤติดีย่อยมีความเจริญในชีวิต ที่ประพฤติ ขยายประธาน คน - คน...ย่อมมีความเจริญในชีวิต : ประโยคหลัก - (คน) ประพฤติดี : ประโยคย่อย - ฉันอาศัยบ้านซึ่งอยู่บนภูเขา ซึ่งอยู่บนภูเขา ขยายกรรม บ้าน - ฉันอาศัยบ้าน : ประโยคหลัก - (บ้าน) อยู่บนภูเขา : ประโยคย่อย
3.3 ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่เป็นบทขยายคำกริยา หรือบทขยายคำวิเศษณ์ในประโยคหลัก (วิเศษณานุประโยค) มีคำเชื่อม (เช่น เมื่อ จน เพราะ ตาม ให้ ฯลฯ) ซึ่งเชื่อมระหว่างประโยคหลักกับประโยคย่อย ตัวอย่างประโยคความซ้อนที่ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็นบทกริยาหรือบทขยาย วิเศษณ์ - เขาเรียนเก่งเพราะเขาตั้งใจเรียน เขาเรียนเก่ง : ประโยคหลัก (เขา) ตั้งใจเรียน : ประโยคย่อยขยายกริยา - ครูรักศิษย์เหมือนแม่รักลูก ครูรักศิษย์ : ประโยคหลัก แม่รักลูก : ประโยคย่อย (ขยายส่วนเติมเต็มของกริยาเหมือน)
หน้าที่ของประโยคประโยคต่างๆที่ใช้ในการสื่อสารย่อมแสดงถึงเจตนาของผู้ส่งสาร เช่น บอกกล่าว เสนอแนะ อธิบายซักถาม ขอร้อง วิงวอน สั่งห้าม เป็นต้นหากจะแบ่งประโยคตามหน้าที่หรือลักษณะที่ใช้ในการสื่อสาร
ประโยคความรวม ประโยคความรวม คือ การนําประโยคความเดียวตังแต่ 2 ประโยคขึ้นไปมารวมเข้าไว้ในประโยคเดียวกันโดยมีสันธานเป็นตัวเชื่อม
ประโยคความรวมที่ซับซ้อน 1.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความคล้อยตามกันโดยใช้ สันธาน และ ทั้ง.........และ แล้ว..........ก็ แล้ว........จึง เมื่อ........ก็ พอ......ก็ ฯลฯ เช่น -ละครเรื่องนี้ให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ไทยและให้ข้อคิดเกี่ยวกับความรักชาติ บ้านเมือง 2.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความคล้อยตามกันและแย้งกันโดยใช้สันธาน แต่ แต่ทว่า แต่ถ้า.........ก็ กว่า......ก็ ถึง.....ก็ ฯลฯ -คนเราลองได้ทําชั่วครั้งหนึ่งกว่าจะรู้สึกตัวความชั่วนั้นก็ติดเป็นนิสัยเสียแล้วและไม่อาจกลับตัวได้อีก
3.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งโดยใช้สันธาน หรือ มิฉะนั้น มิฉะนั้นก็ มิฉะนั้น.......ก็ ฯลฯ -นางบิฮูหยินตัดสินใจโจนลงบอน้าตาย มิฉะนั้นอาเต๊า หรือจูลงจะต้องถูกทหารโจโฉจับได้ 4.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความเลือกเอาอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่งและคล้อยตามกัน -พระร่วงหรือพ่อขุนรามคําแหงทรงสร้างพระกำแพงเขย่งและใช้เป็นสิ่งเตือนใจคนไทยเกี่ยวกับความก้าวหน้า
5.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งและแย้งกัน -พระปิดทวารไม่ได้ช่วยให้อยู่ยงคงกระพัน หรือฟันไม่เข้ายิงไม่ออก แต่จะช่วยปกป้องความชั่ว 6.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความเป็นเหตุผลแก่กันและคล้อยตามกันโดยใช้สันธาน จึง เพราะ..........จึง ฉะนั้น.......จึง และ พอ........จึง -ในสมัยก่อนหนังสือธรรม ไม่แพร่หลายอย่างในปัจจุบันคนโบราณ จึงนิยมสร้างพระกันมาก และใช้พระเป็นสิ่งเตือนใจคอยควบคุมความประพฤติ
7.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความเป็นเหตุผลแก่กันและแย้งกัน -เขามีพระรอดห้อยคอ เพราะฉะนั้นเขาจึงรอดพ้นจากภัยพิบัติได้ แต่ที่จริงพระรอดช่วยเตือนใจให้รอดพ้นจากการประพฤติชั่วร้ายเท่านั้น 8.ประโยคความรวมซับซ้อนที่มีใจความเป็นเหตุผลแก่กันและเลือกเอาอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่ง -เขาทําความดีเพราะฉะนั้น ความดี หรือ พระ จึงอยู่กับเขา
ประโยคความรวมซับซ้อน มีลักษณะดังนี้ 1.ประโยความเดียวซับซ้อนมารวมกัน - แม้เขาจะเรียนไม่เก่งเหมือนเพื่อนๆ แต่เขาก็พยายามเพิ่มพูนความรู้ด้วยการอ่านหนังสือเสมอ ( ประโยคความเดียวซับซ้อน 2 ประโยครวมกัน แต่ เป็นคำเชื่อม ) 2.ประโยคความรวมมารวมกัน - เขาไม่ได้ร้องเพลงสากล และเพลงไทย เก่งเท่านั้นแต่เขายังเล่นกีฬาทั้งทางน้ำและทางบกเก่งด้วย ( ประโยคความรวม 2 ประโยครวมกัน แต่ เป็นคำเชื่อม ) 3.ประโยคความซ้อนกับประโยคอื่นๆ - เขาเป็นหมอหนุ่มไฟแรง ที่ทั้งชำนาญการผ่าตัดและชำนาญการแต่งเพลงไทยสากล
สรุป การเรียบเรียงถ้อยคำเป็นประโยคความเดียว ประโยคความรวม และประโยคความซ้อนสามารถขยายให้เป็นประโยคยาวขึ้นได้ด้วยการใช้คำ กลุ่มคำ หรือประโยค เป็นส่วนขยายยิ่งประโยคมีส่วนขยายหรือองค์ประกอบมากส่วนเพียงใดก็จะยิ่งทำให้การสื่อสารเกิดความเข้าใจต่อกันมากขึ้นเพียงนั้น ข้อสำคัญ คือต้องเข้าใจรูปแบบประโยค การใช้คำเชื่อมและคำขยายทั้งนี้ต้องคำนึงถึงเจตนาในการส่งสารด้วยผู้มีทักษะในการเรียบเรียงประโยคสามารถพัฒนาไปสู่การเขียน เล่าบอกเรื่องราวที่ยืดยาวได้ตามเจตนาของการสื่อสารดังนั้นผู้ใช้ภาษาจึงต้องศึกษาและทำความเข้าใจโครงสร้างประโยคและวิธีการสร้างประโยคให้แจ่มแจ้งชัดเสียก่อนจะทำให้การสื่อสารเกิดประสิทธิผลและสามารถใช้ภาษาสื่อสารให้เกิดความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
เสนอคุณครูศิริมา เจนจิตมั่น
อ้างอิงhttp://vatchara.rwb.ac.th/U-03/307.htm http://www.ds.ru.ac.th/download/sat54/thai/th_1-54-2_8-9.pdf http://www.oknation.net/blog/thai-lord/2007/05/16/entry-1