250 likes | 493 Views
การวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ ประเทศ CLMV เพื่อรองรับความต้องการนักลงทุนขาออกของไทย. Loas. Myanmar. Thailand. Cambodia. ผศ.ดร. จิตติชัย รุจนกนกนาฏ, ณัช ชา ลิมส ถายุรัตน์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
E N D
การวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของการวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ ประเทศ CLMV เพื่อรองรับความต้องการนักลงทุนขาออกของไทย Loas Myanmar Thailand Cambodia ผศ.ดร. จิตติชัย รุจนกนกนาฏ, ณัชชา ลิมสถายุรัตน์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เป็นองค์ประกอบสำคัญอันหนึ่งในการตัดสินใจเลือกที่ตั้งอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสำหรับการขยายหรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากการเข้าสู่ AEC • นักลงทุนไทยจะเข้าไปลงทุนทางตรงในกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและปริมาณแรงงานในพื้นที่ แต่ CLMV ยังมีระดับการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการคมนาคมขนส่ง การติดต่อสื่อสาร การสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ต่ำกว่าไทย • ผู้ประกอบการไทย (โดยเฉพาะ SME) ยังไม่มีข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอในการตัดสินใจ และยังไม่มีการวิเคราะห์ว่าพื้นที่เหล่านั้นมีความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการประกอบการมากน้อยเพียงใด ความเป็นมาและความสำคัญ
รวบรวมข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของกลุ่มประเทศ CLMV ที่จะรองรับการลงทุนทางตรงของไทย • เข้าใจความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการลงทุนทางตรงของไทยในกลุ่มประเทศ CLMVในมุมมองของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอ, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเกษตรแปรรูป • เปรียบเทียบโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ยุทธศาสตร์กับความต้องการโครงสร้างพื้นฐานของผู้ประกอบการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเลือกพื้นที่และตัดสินใจในการเข้าไปลงทุน วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. รวบรวมข้อมูลฝั่งอุปทาน • รวบรวมข้อมูลในอดีต การสัมภาษณ์เชิงลึกในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การสำรวจ ภาคพื้นที่ (แม่สอด-เมียวดี และเชียงของ-ห้วยทราย) • วิเคราะห์ข้อมูล โดยจะใช้การวิเคราะห์เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานสากลในปัจจัย 7 ด้าน (ถนน/ ท่าเรือ/ท่าอากาศยาน/ รถไฟ/ ระบบไฟฟ้า/ ระบบประปา/ ระบบโทรคมนาคม) • 2. รวบรวมข้อมูลฝั่งอุปสงค์ • สัมภาษณ์เชิงลึกนักลงทุนไทยในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม/ ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า/ เกษตรแปรรูป)เกี่ยวกับแนวโน้มการออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน • สำรวจความคิดเห็นจากแบบสอบถามทั้งหมด 51 ชุด ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย • วิเคราะห์ข้อมูล ใช้การวิเคราะห์เชิงสถิติเพื่อจัดลำดับพื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจ และรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการในการประกอบธุรกิจ • 3. เปรียบเทียบความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานกับความต้องการของนักลงทุน • จัดทำแผนที่ยุทธศาสตร์การลงทุนของแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อเป็นแนวทางให้แก่นักลงทุน ขั้นตอนการดำเนินงาน
เกณฑ์การประเมินโครงสร้างพื้นฐานเกณฑ์การประเมินโครงสร้างพื้นฐาน
อ้างอิง: United Nations (2001) อ้างอิง: Federal Railroad Administration (2011) อ้างอิง:Wilbur Smith Associates (2011) อ้างอิง: เปรียบเทียบกับท่าเรือสิงค์โปร์ โดย สุมาลี สุขดานนท์ (2554)
ตัวอย่าง การประเมินโครงสร้างพื้นฐานทางถนน
สรุปผลการศึกษาโครงสร้างพื้นฐาน (อุปทาน) • โครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยาง 2 ช่องทาง สำหรับกัมพูชา มีคุณภาพดี แต่การจราจรติดขัด พม่าถนนส่วนใหญ่กำลังปรับปรุง ยังไม่พร้อมใช้งาน และสปป.ลาว เป็นถนนลาดยางที่ชำรุดเสียส่วนใหญ่ ด้านรถไฟยังไม่มีแผนที่ชัดเจน และขาดการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ส่วนการผ่านแดนของประเทศเพื่อนบ้านยังมีความไม่โปร่งใสอยู่มาก • ด้านไฟฟ้าและน้ำประปา ยังมีปัญหาอยู่มาก โดยเฉพาะพม่าและกัมพูชา • ด้านการสื่อสาร ลาวและกัมพูชามีประสิทธิภาพดี ส่วนพม่ายังมีปัญหาในบางพื้นที่ • อุตสาหกรรมในแต่ละพื้นที่ • - พม่า นักลงทุนไทยยังไม่นิยมเข้าไปลงทุนนัก เนื่องจากปัญหาด้านกฎระเบียบ ชน กลุ่มน้อย และแรงงานส่วนมากอพยพเข้ามาอยู่ในไทยแล้ว • สปป.ลาว ได้เปรียบด้านเกษตรกรรม เหมาะกับอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป • กัมพูชา มีอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการบริการของนักลงทุนไทยจำนวนหนึ่งแล้ว เพราะมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและแรงงานมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ
การวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทยaการวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทยa 1. รายชื่อหน่วยงานที่ทำการสัมภาษณ์เชิงลึก จาก7 แห่ง ดังนี้ • สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)/ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) / สมาคมผู้ผลิตน้ำตาลและชีวพลังงานไทย /สมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ / สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ / สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป / สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย • 2. จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม จาก 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้ • กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แจก 50 ราย ตอบกลับ 21 ราย • กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แจก 50 ราย ตอบกลับ 25ราย • กลุ่มเกษตรแปรรูป แจก 100 ราย ตอบกลับ 5 ราย • รวมทั้งหมด แจก 200 ราย ตอบกลับ 51 ราย 1. แนวโน้มในการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ผลการวิเคราะห์ ประเด็นที่ 1 พบว่ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีนักลงทุนให้ความสนใจไปลงทุนและอยู่ระหว่างการวางแผนมากที่สุด (52%) ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้านั้น นักลงทุนสนใจแต่ยังไม่ได้ศึกษามากที่สุด (36%)และกลุ่มเกษตรแปรรูปมีนักลงทุนให้ความสนใจแต่ยังไม่ได้ศึกษาเท่ากับสนใจและอยู่ระหว่างการวางแผน (40%)
การวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทย (2) 3. ประเทศที่นักลงทุนสนใจไปลงทุน 2. ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนขาออก พบว่ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีปัจจัยเพื่อลดค่าจ้างแรงงานมากที่สุด (42%)รองลงมาคือ เพื่อขยายธุรกิจ (33%)ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้ามีปัจจัยเพื่อขยายธุรกิจมากที่สุด (33%)รองลงมาคือ ลดค่าจ้างแรงงาน มีแหล่งทรัพยากร และสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งมีคะแนนความสำคัญใกล้เคียงกัน และกลุ่มเกษตรแปรรูป มีปัจจัยเพื่อขยายธุรกิจและมีแหล่งทรัพยากรมากที่สุด (43%) พบว่า ภาพรวมนักลงทุนให้ความสนใจในการออกไปลงทุนใน สหภาพพม่ามากที่สุด รองลงมาเป็นสปป.ลาว และกัมพูชา ตามลำดับ โดยกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และกลุ่มเกษตรแปรรูป ให้ความสนใจไปลงทุนในสหภาพพม่ามากที่สุด ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า ให้ความสนใจไปลงทุนใน สปป.ลาวมากที่สุด 4.พื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจในการไปลงทุน พบว่า พื้นที่ที่นักลงทุนสนใจในภาพรวมคือ เวียงจันทน์ และย่างกุ้ง รองลงมาคือ พนมเปญ พิจารณากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ให้ความสนใจในการออกไปลงทุนที่เกาะกง/สีหนุวิลล์ และสะหวันนะเขตมากที่สุด กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้าให้ความสนใจในการลงทุนที่เวียงจันทน์มากที่สุด รองลงมาคือ ย่างกุ้ง ส่วนกลุ่มเกษตรแปรรูปให้ความสนใจในการลงทุนที่ย่างกุ้งมากที่สุด รองลงมาได้แก่ สีหนุวิลล์/เกาะกง และเวียงจันทน์ ตามลำดับ
การวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทย (5) การวิเคราะห์ประเด็นที่ 2 : ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจ ประเมินผลจากแบบสอบถามโดย “ สมการค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ” (เรียงลำดับคะแนน 1= ไม่สำคัญเลย ไปจนถึง 4= สำคัญมาก) กำหนดให้ := จำนวนกลุ่มตัวอย่าง , x =ระดับความคิดเห็นตั้งแต่ 1 ถึง 4 แบ่งระดับความสำคัญของปัจจัยออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ สำคัญมากที่สุด (ช่วงคะแนน 3.5-4.0) สำคัญมาก (ช่วงคะแนน 2.5-3.5) สำคัญปานกลาง (ช่วงคะแนน 1.5-2.5) สำคัญน้อยพบว่า (ช่วงคะแนน 0.5-1.5) สำคัญน้อยมากหรือไม่สำคัญเลย (ช่วงคะแนน 0.0-0.5) โดยจะพิจารณาเฉพาะปัจจัยที่อยู่ในระดับสำคัญมาก หรือปัจจัยที่มี คะแนนมากกว่า 3.5 คะแนนขึ้นไป
การวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทย (6) ผลการวิเคราะห์ประเด็นที่ 2 : ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจ
การวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทย (8) ผลการวิเคราะห์ประเด็นที่ 3 : ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานในการประกอบธุรกิจ จากการวิเคราะห์พบว่า ปัจจัยที่มีความสำคัญ (ได้คะแนนมากกว่า 3.50 ขึ้นไป) สำหรับทั้ง 3 อุตสาหกรรม คือ ระบบไฟฟ้าที่เพียงพอและได้มาตรฐาน ระบบประปาและสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพ ระบบสื่อสารไร้สายครอบคลุม และการเชื่อมโยงกับชายแดนไทยได้อย่างสะดวก ส่วนปัจจัยที่อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และกลุ่มเกษตรแปรรูปให้ความสำคัญคือ เส้นทางถนนที่ได้มาตรฐาน ผลการวิเคราะห์ประเด็นที่ 4 : ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาลไทย จากการวิเคราะห์พบว่า กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มให้ความสำคัญกับการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุน ส่วนนักลงทุนกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แลไฟฟ้า และกลุ่มเกษตรแปรรูป ให้ความสำคัญต่อนโยบายการให้ความคุ้มครองแก่นักลงทุน เช่น การประกันการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากที่สุด รองลงมาได้แก่ การเร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในด้านกฎระเบียบ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับเอกชนไทยในการศึกษาวางแผนการลงทุนในต่างประเทศ ตามลำดับ
สรุปการวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทยสรุปการวิเคราะห์อุปสงค์ของนักลงทุนไทย • อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า อุตสาหกรรมนี้เริ่มได้รับความสนใจในการออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขยายธุรกิจ โดยให้ความสนใจไปที่ เวียงจันทน์ สปป.ลาว มากที่สุด เพราะมีพื้นที่ที่เชื่อมติดกับไทย และมีการเชื่อมโยงทางถนนกับไทยค่อนข้างดี สามารถเดินทางมายังท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวก ส่วนนโยบายภาครัฐนักลงทุนให้ความสำคัญกับการสนับสนุนด้านการให้ความคุ้มครองแก่นักลงทุนไทยในการออกไปลงทุนในต่างประเทศ ในลักษณะของ G2G/การทำสนธิสัญญา MOU รวมถึงการให้ความร่วมมือในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ บริษัทหลายแห่งได้เริ่มลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เช่น เมืองปอยเปต-ศรีโสภณ และกรุงพนมเปญ โดยมีปัจจัยด้านค่าจ้างแรงงานเป็นหลัก มีพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนคือ ย่างกุ้ง ประเทศพม่า เพราะมีแรงงานจำนวนมาก ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลผลิตจากโรงงาน ได้แก่ ไฟฟ้าและน้ำประปา นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลในการจัดตั้งหน่วยงานหรือศูนย์ข้อมูลในไทยเพื่อให้ข้อมูลการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน • อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เดิมมีการเชื่อมโยงธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว เช่น ธุรกิจอาหารทะเล จากการนำเข้าวัตถุดิบจากพม่า นิยมให้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเพียงอุตสาหกรรมต้นน้ำ จากนั้นจึงส่งกลับมาประเทศไทยเป็นกลางน้ำถึงปลายน้ำ โดยนักลงทุนให้ความเห็นว่าปัจจัยจากการมีแหล่งทรัพยากร และขยายธุรกิจเป็นปัจจัยหลักในการออกไปลงทุนให้ความสนใจที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีเมืองมะริด และมัณฑะเลย์ ที่ได้รับความสนใจ ทั้งนี้ นักลงทุนต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และแหล่งเงินทุนในการออกไปลงทุน
การเปรียบเทียบระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานการเปรียบเทียบระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพิจารณาความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานต่อความต้องการของนักลงทุน พร้อมกับพิจารณาพื้นที่ที่ควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จากนั้นจึงทำแผนที่ยุทธศาสตร์การลงทุนสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม สมการ 1 • เ= คะแนนรวมของแต่ละพื้นที่ / = ค่าน้ำหนักของแต่ละปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน • = คะแนนด้านโครงสร้างพื้นฐาน • คะแนน ≥2.5 แสดงด้วยหมายถึง พื้นที่ที่ มีความพร้อมมาก • 2.0 ≤ คะแนน <2.5 แสดงด้วย หมายถึง พื้นที่ที่ มีความพร้อมปานกลาง • คะแนน <2.0 แสดงด้วยหมายถึง พื้นที่ที่ ยังไม่พร้อมต่อการลงทุน สมการ 2 เกณฑ์การพิจารณา แบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่ 0 หมายถึง โครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อมในระดับ ดีมาก -1 0 หมายถึง โครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อมในระดับ ดี -2 -1 หมายถึง โครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อมในระดับ พอใช้ -2 หมายถึง โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม หรือ ยังมีปัญหาอยู่ เกณฑ์การพิจารณา
การเปรียบเทียบระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (2) • อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ระดับความพร้อม
การเปรียบเทียบระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (3) • แผนที่ระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีความพร้อมมาก : C1 = เกาะกง-สีหนุวิลล์ C2 = ปอยเปต-ศรีโสภณ C3 = พนมเปญ M1 = ทวาย L1 = เวียงจันทน์ มีความพร้อมปานกลาง : M2 = ย่างกุ้ง L2 = สะหวันนะเขต L3 = บ่อแก้ว L4 = ปากเซ ยังไม่พร้อมในการลงทุน : M3 = เมียวดี หมายเหตุ : ตัวเลขใน () หมายถึง อันดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
การเปรียบเทียบระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (5) • แผนที่ระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า มีความพร้อมมาก : C1 = เกาะกง-สีหนุวิลล์ C2 = ปอยเปต-ศรีโสภณ C3 = พนมเปญ M1 = ทวาย L1 = เวียงจันทน์ L2 = สะหวันนะเขต L4 = ปากเซ มีความพร้อมปานกลาง : M2 = ย่างกุ้ง L3 = บ่อแก้ว ยังไม่พร้อมในการลงทุน : M3 = เมียวดี หมายเหตุ : ตัวเลขใน () หมายถึง อันดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
การเปรียบเทียบระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (7) • แผนที่ระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีความพร้อมมาก : C1 = เกาะกง-สีหนุวิลล์ C2 = ปอยเปต-ศรีโสภณ C3 = พนมเปญ M1 = ทวาย L1 = เวียงจันทน์ มีความพร้อมปานกลาง : M2 = ย่างกุ้ง L2 = สะหวันนะเขต L3 = บ่อแก้ว L4 = ปากเซ ยังไม่พร้อมในการลงทุน : M3 = เมียวดี หมายเหตุ : ตัวเลขใน () หมายถึง อันดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
สรุปพื้นที่ที่ควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสรุปพื้นที่ที่ควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
สรุปและข้อเสนอแนะ (1) • ข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน • หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) • การสนับสนุนด้านไฟฟ้าและพลังงาน และระบบประปาในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษที่นักลงทุนไทยนิยมไปตั้งโรงงาน อาจทำโดยสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า ขายไฟฟ้าให้แก่พื้นที่เหล่านั้น เดินสายไฟฟ้า ระบบท่อประปา เป็นต้น • พัฒนาจัดสรรพื้นที่ด่านชายแดนให้เป็นสัดส่วน แยกช่องทางการจราจรระหว่างรถท่องเที่ยวและรถบรรทุก พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการทำพิธีการทางศุลกากรแบบครบวงจร (One Stop Service) • รัฐบาลควรสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมระหว่างพื้นที่ชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางการค้าและสิทธิประโยชน์ในการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมให้แก่นักลงทุนทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับแรงงานในพื้นที่ เช่น พื้นที่แม่สอด จ.ตาก-เมียวดี พื้นที่คลองใหญ่ จ.ตราด-เกาะกง เป็นต้น • รัฐบาลไทยควรให้เงินช่วยเหลือหรือเงินกู้ยืมแก่ประเทศเพื่อนบ้านในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
สรุปและข้อเสนอแนะ (4) • ข้อเสนอแนะนโยบายภาครัฐ • นักลงทุนต้องการนโยบายคุ้มครองจากภาครัฐในการออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การประสานงานระหว่างภาครัฐ (G2G) เพื่อเจรจาด้านกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับเอกชนในขั้นตอนการศึกษาวางแผนเพื่อลงทุนในต่างประเทศ เป็นต้น • รัฐบาลควรจัดตั้งหน่วยงานหรือศูนย์ข้อมูลทั้งในไทยและในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อบริการข้อมูล คำปรึกษา และแนะนำการลงทุนที่มีประสิทธิภาพแก่นักลงทุนไทย • การสนับสนุนด้านเงินกู้ยืมเพื่อการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีโอกาสออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน • นอกจากนี้ ภาครัฐควรอนุญาตให้พื้นที่สามารถจัดทำนโยบายบางส่วนให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ชายแดนและกิจกรรมการค้าที่อาจจะแตกต่างกันไป เช่น เวลาทำการเปิด-ปิดด่านชายแดนที่ไม่พร้อมกับประเทศเพื่อนบ้าน ยกเว้นกฎระเบียบบางอย่างในพื้นที่ • แนวทางวิจัยในขั้นต่อไป • ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจ นอกจาก 10 พื้นที่ศึกษา เช่น มะริด มัณฑะเลย์ • เมาะละแหม่ง เสียมเรียบ รวมถึงประเทศเวียดนามซึ่งกำลังเป็นประเทศที่น่าสนใจ • ควรให้ความสำคัญในการศึกษาความต้องการของอุตสาหกรรมใช้แรงงานอื่น ๆ ที่นิยมออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นต้น