2.13k likes | 4.79k Views
3. การดำเนินงานและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย. การตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสีย. 1. การตรวจสอบการออกแบบและแบบแปลนระบบบำบัดน้ำเสีย 1) เอกสารการออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียประกอบด้วย - แผนผังแสดงแหล่งกำเนิดน้ำเสียจากขั้นตอนการผลิตต่างๆ - ลักษณะของน้ำเสียของแหล่งกำเนิดต่างๆ
E N D
3. การดำเนินงานและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย
การตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสีย การตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสีย 1. การตรวจสอบการออกแบบและแบบแปลนระบบบำบัดน้ำเสีย 1) เอกสารการออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียประกอบด้วย - แผนผังแสดงแหล่งกำเนิดน้ำเสียจากขั้นตอนการผลิตต่างๆ - ลักษณะของน้ำเสียของแหล่งกำเนิดต่างๆ - อัตราการไหลของน้ำเสีย - กระบวนการบำบัดน้ำเสีย - รายละเอียดการคำนวณออกแบบระบบบำบัดน้ำเสีย - แบบแปลนการก่อสร้างระบบ (แบบก่อสร้างจริง As-built Drawing) - เอกสารประกอบแบบ : รายละเอียดในการก่อสร้าง (รายการคำนวณ) รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องจักร คู่มือการเดินระบบ
2) แบบแปลนระบบบำบัดน้ำเสีย ควรประกอบด้วย - ที่ตั้งของระบบ (Treatment Plant Location) - ขั้นตอนการบำบัดน้ำเสีย (Flow Diagram) - หน้าตัดชลศาสตร์ (Hydraulic Profile) - ผังบริเวณระบบบำบัดน้ำเสีย (Treatment Plant Layout) - ผังบริเวณระบบท่อ (Piping Layout) - แปลนหน่วยบำบัด (Unit Treatment) - รูปตัดแสดงรายละเอียดของหน่วยบำบัด (Cross section of Unit Treatment)
ที่ตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย (Treatment Plant Location)
ขั้นตอนการบำบัดน้ำเสีย (Flow Diagram)
ผังบริเวณระบบบำบัดน้ำเสีย (Plant Layout)
หน้าตัดชลศาสตร์ (Hydraulic Profile)
ผังบริเวณระบบท่อ (Piping Layout)
รูปตัดแสดงหน่วยบำบัด (Cross Section)
รูปตัดแสดงหน่วยบำบัด (Cross Section)
2. การตรวจสอบภาคสนาม - ผู้ควบคุมจะมีความเข้าใจระบบมากขึ้นเมื่อตรวจสอบภาคสนามควบคู่ กับแบบแปลนก่อสร้าง - ในกรณีที่ไม่มีแบบแปลนก่อสร้าง ต้องทำการสำรวจภาคสนาม - ขั้นตอนการบำบัดน้ำเสีย - หน้าตัดชลศาสตร์ - ขนาดและปริมาตรของหน่วยบำบัดต่าง ๆ : - ถังเติมอากาศ ถังปรับสภาพ ถังตกตะกอน - เครื่องสูบน้ำ เครื่องสูบสลัดจ์ : อัตราการสูบ ขนาดมอเตอร์ - เครื่องจักรกลอื่นๆ เช่น เครื่องเติมอากาศ เครื่องรีดน้ำ เครื่องกวาดตะกอน ขนาดของมอเตอร์ - อุปกรณ์ควบคุมและอุปกรณ์วัดต่าง ๆ เช่น เครื่องวัดค่า DO pH ลูกลอย - อุปกรณ์ไฟฟ้า
3. การตรวจสอบสภาพทั่วไปของระบบ - ตรวจสอบแบบแปลนพร้อมกับตรวจสอบภาคสนาม เพื่อทำการซ่อมปรับปรุงหรือเปลี่ยนทดแทนใหม่ เพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพ - ตรวจสอบสภาพ ความแข็งแรง การชำรุด การทรุดตัว การรั่วซึม ของโครงสร้าง ระบบท่อน้ำเสียและระบบท่อสลัดจ์ - ตรวจสอบสภาพความพร้อมที่จะทำงานของเครื่องสูบน้ำและสลัดจ์ เครื่องจักรกลต่างๆ เช่น เครื่องเติมอากาศ เครื่องรีดน้ำสลัดจ์ เครื่องกวาดตะกอน - ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า และระบบควบคุม
4. ตรวจสอบขนาดของหน่วยบำบัดต่างๆ - เปรียบเทียบข้อมูล ลักษณะและปริมาณน้ำเสียที่ได้จากการสำรวจภาคสนามและข้อมูลที่ใช้ในการออกแบบว่าถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่ - เปรียบเทียบเกณฑ์ที่ใช้ออกแบบขนาดของหน่วยบำบัดต่างๆ กับเกณฑ์ที่ใช้เป็นมาตรฐานออกแบบ - ถังปรับเสมอ : ใหญ่เพียงพอที่จะทำให้ปรับอัตราการไหลเข้าระบบบำบัดได้คงที่ (เวลากักพัก 6 – 24 ชม.) - ถังเติมอากาศ : เวลากักพัก ความลึก - ถังตกตะกอน : พื้นที่ผิว อัตราน้ำล้นผิว ความลึก เวลากักพัก
- ตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นๆ ทำหน้าที่ตามที่ออกแบบไว้ - เครื่องสูบน้ำ เครื่องสูบสลัดจ์ เครื่องสูบสารเคมี: อัตราการสูบกับค่าที่ออกแบบไว้ การควบคุมอัตราการไหล การควบคุมวาวล์ - เครื่องเติมอากาศ : การถ่ายเทออกซิเจนทั่วถึง DO > 2 มก./ล. - อุปกรณ์ควบคุมค่า pH, DO: ทำงานได้ถูกต้อง
การควบคุมดูแลระบบบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพการควบคุมดูแลระบบบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพ การตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบเอเอส - ในช่วงเริ่มเดินระบบควรวิเคราะห์ลักษณะน้ำเสียและตรวจสอบผลการทำงานของระบบ - ทุกวันอย่างน้อย 1 เดือน - เมื่อระบบทำงานได้คงที่ - อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้งอีก 1 เดือน - เมื่อระบบทำงานได้ดีและมีความชำนาญในการควบคุมประสิทธิภาพ - สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบ 1) ลักษณะทางกายภาพ (การสังเกตุ) 2) ลักษณะทางเคมี (การวิเคราะห์ตัวอย่าง) 3) ลักษณะทางชีววิทยา (การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์)
การสังเกต 1) สี-กลิ่น-ตะกอน-ฟองของน้ำเสีย และสลัดจ์ในถังเติมอากาศ - สลัดจ์มีสีน้ำตาลเข้ม ระบบทำงานได้ดี - สลัดจ์มีสีดำ ขาดออกซิเจน - สลัดจ์มีกลิ่นอับคล้ายดิน ให้ออกซิเจนเพียงพอ - สลัดจ์มีกลิ่นก๊าซไข่เน่า ออกซิเจนไม่เพียงพอ - ฟองสีน้ำขาวบนผิวน้ำ จุลินทรีย์อายุและจำนวนน้อยไป - ฟองสีน้ำตาล จุลินทรีย์อายุและจำนวนมากไป 2) ลักษณะการเติมอากาศ ต้องทั่วถึงและสม่ำเสมอ - ค่าออกซิเจนละลาย ต้องไม่ต่ำกว่า 2 มก./ล.
อายุสลัดจ์มาก อายุสลัดจ์น้อย
การวิเคราะห์ตัวอย่าง 1) วิเคราะห์ลักษณะของน้ำเสียก่อนเข้าระบบและออกจากระบบบำบัด - ค่า BOD, COD, pH, SS, TKN, TP และค่าโลหะหนัก - เปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานน้ำทิ้ง 2) วิเคราะห์ตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณควบคุมระบบ - ค่า DO, MLSS, MLVSS, SV30และ SVI 3) ตรวจสอบอัตราการไหลของน้ำเสีย - อัตราการไหลควรมีค่าคงที่ตลอด 24 ชม. 4) วิเคราะห์ตัวแปรที่ใช้ควบคุมระบบในถังเติมอากาศ - ค่า F/M, BOD:N:P:Fe, HRT และ SRT(อายุสลัดจ์)
การตรวจสอบลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์การตรวจสอบลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์ SV30 MLSS จากถังเติมอากาศ 1 ลิตร ปริมาตรสลัดจ์ ทิ้งไว้ 30 นาที
การทดสอบการตกตะกอนของสลัดจ์การทดสอบการตกตะกอนของสลัดจ์
ลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์ลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์ ตกตะกอนช้า ตกตะกอนได้ดี ตกตะกอนเร็ว ปริมาตรสลัดจ์ (มล.) เวลาในการตกตะกอน (นาที)
ลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์ลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์ สลัดจ์ตกตะกอนอย่างรวดเร็วใน 10 นาทีแรก เวลาในการตกตะกอน (นาที)
ลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์ลักษณะการตกตะกอนของสลัดจ์ ระยะเวลาตกตะกอน 30 นาที สิ่งที่เห็น ผลสรุป การแก้ไข 1) สลัดจ์สีน้ำตาลอ่อน ตกตะกอนช้า น้ำขุ่น เกิดฟองสีขาวในถังปฏิกรณ์ อายุสลัดจ์ต่ำ เป็นธรรมดาสำหรับระยะเริ่ม เดินระบบ . . . . . 2) สลัดจ์สีน้ำตาลเข้ม ตกตะกอนเร็ว น้ำใสมาก ปริมาตรสลัดจ์ 100-200 มล. ระบบทำงานปกติ 3) สลัดจ์สีน้ำตาลเข้มมาก ปริมาตรสลัดจ์ 200-300 มล. ระบบทำงานปกติ มีสลัดจ์มากเกินไปในถังเติม อากาศ ต้องสูบสลัดจ็ส่วนเกินออกมากขึ้น ให้เหลือสลัดจ์ 100-200 มล. เมื่อทดสอบ SV30 4) สลัดจ์สีน้ำตาลเข้ม ตกตะกอนเร็ว ตั้งทิ้งไว้ 1-2 ชม. สลัดจ์ลอยขึ้นผิวน้ำ เกิดดีไนตริฟิเคชัน อาจมีการสะสมของสลัดจ์ก้นถังเติมอากาศ สูบสลัดจ์ส่วนเกินออกมากขึ้น ให้เหลือสลัดจ์ 100-200 มล. เมื่อทดสอบ SV30 5) สลัดจ์สีน้ำตาล ตกตะกอนช้า น้ำขุ่น น้ำเสียอาจเข้าระบบมากเกินไป การกวนอาจไม่พียงพอ ลดการสูบสลัดจ์ส่วนเกินเพื่อเพิ่มสลัดจ์ ตรวจสอบอุปกรณ์เติมอากาศ . . . . .
การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ 1) ตรวจสอบชนิดของจุลินทรีย์ที่ทำงานอยู่ภายในถังเติมอากาศ - โปรโตซัวชนิดซิลิเอท - โรติเฟอร์ - ถ้าพบทั้งสองชนิดระบบเอเอสทำงานได้อย่างดี 2) ตรวจสอบในกรณีที่สลัดจ์ไม่จมตัว (Bulking Sludge) สลัดจ์อืด - จุลินทรีย์เส้นใย (Filamentous Microorganisms)
ฟล็อกแบบต่างๆ ในระบบเอเอส
กลุ่มแบคทีเรียที่ตกตะกอนได้ดีกลุ่มแบคทีเรียที่ตกตะกอนได้ดี
โปรโตซัวชนิดซิลิเอท (stalk)
ซิลิเอท ซิลิเอท ซิลิเอท โรติเฟอร์ โรติเฟอร์
ตกตะกอนได้ดี จำนวน จุลินทรีย์ เวลา น้อย SRT มาก มาก น้อย F/M
สภาวะของจุลินทรีย์ สารอินทรีย์ จุลินทรีย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของระบบเอเอส ธาตุอาหาร ระยะเวลาในการบำบัด การกวน อัตราการไหล อุณหภูมิ DO สารพิษ pH สภาวะทางสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของระบบเอเอส ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของระบบเอเอส 1) สารอินทรีย์ : อัตราส่วนของสารอาหารต่อจุลินทรีย์(F/M) - ถ้า F/M สูง - จุลินทรีย์เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว กระจัดกระจายไม่รวมตัว - ตกตะกอนได้ไม่ดี น้ำที่ผ่านการบำบัดมีความขุ่น ค่าบีโอดีสูง - ถ้า F/M ต่ำ - จุลินทรีย์เจริญเติบโตน้อยลง ตกตะกอนได้แต่ไม่หมด ลักษณะเป็นก้อนเล็กกระจัดกระจาย (pin floc) - น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมีความขุ่น
F/M ต่ำ F/M สูง
F/M สูง F/M ต่ำ
2) ธาตุอาหาร : ธาตุอาหารที่ต้องการนอกจากสารอินทรีย์ - ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) เหล็ก (Fe) - อัตราส่วนที่เหมาะสม BOD : N : P : Fe = 100 : 5 : 1 : 0.5 - การขาดธาตุอาหารทำให้แบคทีเรียเส้นใยเจริญเติบโต ทำให้สลัดจ์ไม่จมตัว สลัดจ์อืด (Bulking sludge) - N เติมด้วยยูเรียP เติมด้วยกรดฟอสฟอริก Fe เติมด้วยเฟอร์ริกคลอไรด์
3) ออกซิเจนละลาย (DO) - ในถังเติมอากาศ : DO 2 มก./ล. - การละลายน้ำของออกซิเจนขึ้นกับอุณหภูมิ - ออกซิเจนละลายน้ำได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิสูง
4) ระยะเวลาในการบำบัด : (HRT, DT) -ระยะเวลาที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียในถังเติมอากาศต้องมากพอ - มลสารบางชนิดย่อยสลายยาก - ระยะเวลากักพักในถังตกตะกอน - น้อยไป : สลัดจ์ตกตะกอนไม่ดี - มากไป : สลัดจ์ขาดออกซิเจน เน่าได้
5) พีเอช(pH) - ค่า pH ที่เหมาะสม = 6.5 – 8.5 - ถ้าค่า pH ต่ำกว่า 6.5 เชื้อราเจริญได้ดี สลัดจ์ตกตะกอนไม่ดี 6) สารพิษ * สารพิษเฉียบพลันทำให้จุลินทรีย์ตายหมดในเวลาสั้น เช่น ไซยาไนด์ กรด ด่าง สารเคมีอื่น ๆ * ไขมันเคลือบเซลจุลินทรีย์ทำให้ไม่ได้รับออกซิเจน
7) อุณหภูมิ - ทุก 10 OC ที่เพิ่มขึ้น จุลินทรีย์เจริญเติบโตเพิ่มขี้นเท่าตัว การเจริญเติบโตสูงสุดที่ 37 OC - ออกซิเจนละลายน้ำได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น - อุณหภูมิต่ำสลัดจ์ตกตะกอนได้ดี - อุณหภูมิแตกต่างเกิน 2 OC อาจเกิดการไหลวนในถังตกตะกอน น้ำอุณหภูมิสูงจะขึ้นสู่ด้านบน
8) การกวน - ป้องกันการตกตะกอนของจุลินทรีย์ - ทำให้จุลินทรีย์สัมผัสน้ำเสียอย่างทั่วถึง ไม่เกิดการไหลลัดวงจร - การกวนอย่างสมบูรณ์ทำให้ทุกจุดในถังเติมอากาศมีความเข้มข้นเท่ากัน 9) อัตราการไหล - อัตราการไหลที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อ - ถังเติมอากาศ : ระยะเวลาบำบัดลดลง สารอินทรีย์เพิ่มขึ้น - ถังตกตะกอน : ระยะเวลาการตกตะกอนลดลง - อัตราการไหลควรมีค่าสม่ำเสมอ
การควบคุมการทำงานของระบบเอเอสการควบคุมการทำงานของระบบเอเอส ถังปรับสภาพ ถังเติมอากาศ ถังตกตะกอน น้ำเสีย สลัดจ์หมุนเวียนกลับ สลัดจ์ส่วนเกิน เครื่องรีดน้ำสลัดจ์ ถังย่อยสลัดจ์ ถังทำข้น สลัดจ์แห้ง
ตัวแปรที่ใช้ออกแบบระบบเอเอสแบบกวนสมบูรณ์ตัวแปรที่ใช้ออกแบบระบบเอเอสแบบกวนสมบูรณ์ ถังเติมอากาศ ถังตกตะกอน • - อัตราส่วนอาหารต่อจุลินทรีย์ (F/M) • 0.2 – 0.6 กก.บีโอดี/กก.MLVSS-วัน • - อัตราภาระบีโอดีต่อปริมาตรถัง • 0.8 – 1.9 กก. บีโอดี/ลบ.ม.-วัน • - MLSS 2,500 – 4,000 มก./ล. • - อายุสลัดจ์ 5 - 15 วัน • เวลาเก็บพักน้ำเสีย 3 – 5 ชม. • อัตราส่วนสูบสลัดจ์กลับ 0.25 – 1.0 • ออกซิเจนละลาย 2.0 มก./ล. • pH 6.5 – 7.5 • BOD:N:P 100:5:1 - อัตราน้ำล้น 16 – 33 ลบ.ม/ตร.ม..-วัน - อัตราภาระของแข็ง 3 – 6 กก./ตร.ม.-ชม. - อัตราน้ำล้นฝาย 250 ลบ.ม./ม.-วัน - ดัชนีปริมาตรสลัดจ์ (SVI) 100 – 200 มล./กรัม
การควบคุมปริมาณสลัดจ์ในถังตกตะกอนการควบคุมปริมาณสลัดจ์ในถังตกตะกอน ชั้นสลัดจ์(Sludge Blanket) สลัดจ์ถูกเก็บอยู่ภายในถังตกตะกอนเป็นชั้นสลัดจ์
การควบคุมปริมาณสลัดจ์ในถังตกตะกอนการควบคุมปริมาณสลัดจ์ในถังตกตะกอน ชั้นสลัดจ์ที่เก็บภายในถังมีปริมาณมากเกินไป
การควบคุมปริมาณสลัดจ์ในถังตกตะกอนการควบคุมปริมาณสลัดจ์ในถังตกตะกอน ระดับความสูงของชั้นสลัดจ์ปกติ สลัดจ์ที่เก็บไว้ควรสูงไม่เกิน 1 ใน 3 ของความจุถัง (โดยควบคุมระดับความสูงของชั้นสลัดจ์ 0.3-1.0 ม.)
การดูแลและบำรุงรักษาเครื่องกวาดตะกอนการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องกวาดตะกอน - ตรวจสอบการสั่นสะเทือน การติดขัดของเครื่อง ประจำวัน - กรณีถังสี่เหลี่ยมให้ตรวจสอบสภาพโซ่ ประจำวัน - เติมน้ำมันหล่อลื่น อัดจารบี ประจำสัปดาห์ - ตรวจสอบการสึกหรอของตลับลูกปืน ปลอกเพลา ประจำปี และใบกวาดตะกอน - ล้างทำความสะอาดและตรวจสอบสนิมโครงสร้าง ประจำปี ของเครื่องกวาด - ในกรณีที่หยุดเครื่องกวาดตะกอนเป็นเวลานาน ควรถ่ายสลัดจ์ออกก่อนเริ่มเดินเครื่องกวาดตะกอน และให้ตรวจสอบแรงบิด
1) การควบคุมดูแลเครื่องสูบน้ำ - การดูแลและบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำ 2) การควบคุมดูแลเครื่องเติมอากาศ - การวัดค่า DO ในถังเติมอากาศ - การดูแลและบำรุงรักษาเครื่องเติมอากาศ - เครื่องเติมอากาศผิวน้ำ - เครื่องเติมอากาศแบบหัวฟู่กระจายอากาศ - หัวฟู่กระจ่ายอากาศ - เครื่องเป่าอากาศ
การควบคุมดูแลเครื่องจักรอื่น ๆ 1) การดูแลและบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำ - ตรวจสอบการไหลว่าสม่ำเสมอ ประจำวัน - ตรวจสอบการสั่นสะเทือน / เสียงผิดปกติ ประจำวัน - ตรวจสอบรอยรั่วไหล ประจำวัน - เติมน้ำมันหล่อลื่น ประจำสัปดาห์ - ตรวจสอบการสึกหรอของตลับลูกปืน ปลอกเพลา ประจำปี และใบพัด - ตรวจสอบการสึกหรอของประเก็นกันน้ำ (รอยต่อ) ทุก 6 เดือน - ตรวจสอบมอเตอร์ไฟฟ้าและเติมน้ำมันหล่อลื่น ทุก 6 เดือน