1 / 55

การควบคุมสิ่งรบกวน

การควบคุมสิ่งรบกวน. Telephone. เครือข่ายโทรศัพท์. Telephone. Telephone. การควบคุมเสียงรบกวนโดยผู้ใช้โทรศัพท์อาจบอกให้ ผู้สนทนาทวนซ้ำข้อความ พูดช้าลง พูดดังขึ้น เป็นต้น. การสับเปลี่ยนสวิตช์ที่ชุมสายโทรศัพท์. การเกิดฟ้าแลบ. สัญญาณรบกวน ในระบบสื่อสาร.

buck
Download Presentation

การควบคุมสิ่งรบกวน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การควบคุมสิ่งรบกวน Telephone เครือข่ายโทรศัพท์ Telephone Telephone การควบคุมเสียงรบกวนโดยผู้ใช้โทรศัพท์อาจบอกให้ ผู้สนทนาทวนซ้ำข้อความ พูดช้าลง พูดดังขึ้น เป็นต้น

  2. การสับเปลี่ยนสวิตช์ที่ชุมสายโทรศัพท์การสับเปลี่ยนสวิตช์ที่ชุมสายโทรศัพท์ การเกิดฟ้าแลบ สัญญาณรบกวน ในระบบสื่อสาร การเปลี่ยนแปลงกำลังไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใดๆ สัญญาณรบกวนภายในสายโทรศัพท์

  3. เกิดสัญญาณรบกวนขนาดใหญ่เวลา 0.01 s ส่งข้อมูลด้วยอัตราข้อมูล 2,400 bps ข้อมูลอาจผิดพลาดไปถึง 24 บิต • การแก้ความผิดพลาดอาจใช้วิธีขอให้ผู้ส่งส่งข้อมูลมาอีกครั้งหนึ่ง (Auto-matic ReQuest repeat : ARQ) • หรือใช้วิธีแก้ความผิดพลาดไปหน้า (Forward Error Correction : FEC)

  4. การควบคุมความผิดพลาดของการส่งข้อมูลการควบคุมความผิดพลาดของการส่งข้อมูล • ชั้นดาต้าลิ้งส่งข้อมูลให้ชั้นเน็ตเวอร์ค • ชั้นเน็ตเวอร์คนำไปตรวจสอบและ ส่งการตอบรับกลับมา • ถ้าการตอบรับกลับมาก่อนเวลาที่ตั้งไว้ข้อมูลเฟรมนั้นจะถูก ยกเลิกไป • ถ้าหมดเวลาก่อนที่จะตอบรับกลับมาเนื่องจากเฟรมส่งหรือรับหายไปจะให้ส่งเฟรมเดิมมาอีกครั้ง • การใช้ Timer และหมายเลขลำดับ (Sequence number) ทำให้การส่งเฟรมข้อมูลไม่มีเฟรมหายหรือเกิดการซ้ำกัน

  5. เฟรมข้อมูล A หยุดส่ง n 3 2 1 1 ด้านรับ ด้านส่ง การควบคุมการไหลของข้อมูล (Flow Control) • การควบคุมการไหลของข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้มีการส่ง ข้อมูลเร็วจนเกินไป จนฝั่งรับๆ ไม่ทัน • การควบคุมทำโดยการส่งข้อมูลกลับไปให้ฝั่งส่งทราบว่า ยังสามารถรับข้อมูลต่อไปได้หรือไม่ เฟรมข้อมูล B หยุดส่ง n 3 2 1 3 ด้านรับ ด้านส่ง 2 รับเฟรม A จบแล้ว ส่งเฟรมต่อไปได้

  6. อัตราการเกิดข้อผิดพลาดอัตราการเกิดข้อผิดพลาด -สัญญาณรบกวนกับข้อมูลที่เสียไปขึ้นกับความเร็วในการส่งข้อมูล ผิดพลาด 1 บิต ผิดพลาด 2 บิต ผิดพลาด 20 บิต แสดงให้เห็นถึงสัญญาณรบกวนขนาดเดียวกันจะทำให้ ข้อมูลเสียไปมากหรือน้อยขึ้นกับความเร็วในการส่งข้อมูล

  7. อัตราการเกิดข้อผิดพลาดของข้อมูลอัตราการเกิดข้อผิดพลาดของข้อมูล ตารางแสดงอัตราการเกิดข้อผิดพลาดของข้อมูลขึ้นกับความเร็วในการส่งข้อมูล

  8. การเกิดคลื่นรบกวนแบบชั่วแล่น (burst) - เปรียบเทียบการผิดพลาดจากการรบกวนแบบชั่วแล่น กับการ ผิดพลาดแบบเกิดทีละบิต (single-bit error) แต่เกิดบ่อยครั้ง • ถ้าบล็อคของบิตข้อมูลมีขนาด 1,000 บิต - แบบชั่วแล่นมีอัตราผิดพลาด 10-3 - แบบเกิดทีละบิตจะมีการผิดพลาดเกือบทุกบล็อค • ถ้าแบบชั่วแล่นเกิดการผิดพลาด 100 บิตติดต่อกัน จะเกิดการ ผิดพลาดเพียงบล็อคเดียว สำหรับการส่งข้อมูล 100 บล็อก • ข้อเสียแบบชั่วแล่น คือ ตรวจหา แก้ไข และวิเคราะห์ข้อมูล ยากกว่าการผิดพลาดแบบเกิดทีละบิต

  9. สายทองแดง ชุมสายโทรศัพท์ Line Conditioning เงื่อนไขของการใช้สายส่ง - Line Conditioning เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนคุณลักษณะของสัญญาณไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสายส่งประเภท สายทองแดง และลดอัตราการเกิดข้อผิดพลาด ทำให้ส่งข้อมูลได้ถึง 9,600 bps

  10. คำถาม ที่ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล 9,600 bps จะเกิดอัตราความผิดพลาดของข้อมูลเท่าไร ก. 0.000005 ข.0.00001 ค.0.00001 – 0.0001 ง.0.0001 – 0.001

  11. เฉลย ที่ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล 9,600 bps จะเกิดอัตราความผิดพลาดของข้อมูลเท่าไร ก. 0.000005 ข.0.00001 ค.0.00001 – 0.0001 ง.0.0001 – 0.001

  12. Multidrop lines อิควอไลเซอร์ Line Conditioning อิควอไลเซอร์ โมเดม อิควอไลเซชัน

  13. การใช้เทคนิคในการสะท้อนกลับ การใช้เทคนิคในการสะท้อนกลับ การส่งตัวอักษร R จากเทอร์มินอลไปยังคอมพิวเตอร์และใช้ระบบตรวจสอบแบบสะท้อนกลับ

  14. ข้อมูล อุปกรณ์ส่งข้อมูล อุปกรณ์รับข้อมูล ข้อมูลที่จะถูกส่งไป ผ่านการคำนวณ ทางคณิตศาสตร์ ได้ค่า FCS เทคนิคในการตรวจสอบข้อผิดพลาดแบบอัตโนมัติ การสร้างรหัสตรวจสอบ Frame Check Sequence: FCS

  15. ข้อมูล FCS อุปกรณ์ส่งข้อมูล อุปกรณ์รับข้อมูล ข้อมูลที่ได้รับ FCS ที่ได้รับมา ในเฟรม ผ่านการคำนวณ ทางคณิตศาสตร์ ค่า FCS ที่ได้รับ จากการคำนวณ เปรียบเทียบ วิธีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่รับโดยใช้ FCS

  16. คำถาม • เทคนิคในการตรวจสอบข้อผิดพลาดแบบอัตโนมัติแบบ Frame Check Sequence : FCS ที่ภาครับจะใช้วิธีการการตรวจสอบข้อผิดพลาดอย่างไร • นำค่า FCS ที่รับมาจากเครื่องส่งเปรียบเทียบกับค่า FCS ที่ได้จากการคำนวณ • นำค่า FCS ที่รับมาจากเครื่องส่งมาคำนวณเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง • นำค่า FCS ที่สร้างขึ้นมาจากเครื่องรับมาตรวจสอบข้อมูลที่รับได้ • ตรวจสอบ FCS ที่รับได้กับบิตข้อมูล

  17. เฉลย • เทคนิคในการตรวจสอบข้อผิดพลาดแบบอัตโนมัติแบบ Frame Check Sequence : FCS ที่ภาครับจะใช้วิธีการการตรวจสอบข้อผิดพลาดอย่างไร • นำค่า FCS ที่รับมาจากเครื่องส่งเปรียบเทียบกับค่า FCS ที่ได้จากการคำนวณ • นำค่า FCS ที่รับมาจากเครื่องส่งมาคำนวณเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง • นำค่า FCS ที่สร้างขึ้นมาจากเครื่องรับมาตรวจสอบข้อมูลที่รับได้ • ตรวจสอบ FCS ที่รับได้กับบิตข้อมูล

  18. การตรวจสอบพาริตี้ 2 แกน (Two-Coordinate Parity Check)

  19. b) แสดงรายละเอียดบิตของกลุ่มข้อมูล การตรวจพาริตี้ 2 แกน

  20. แสดงการตรวจสอบข้อมูลผิดพลาดโดยวิธี Two-Coordinate Parity Check

  21. E T X B C C S S S S S Y Y Y Y T N N N N X ข้อความ ช่วงคำนวณสร้าง BCC S T X E T B B C C S S S S S Y Y Y Y O N N N N H เฮดเดอร์ ข้อความ ช่วงคำนวณสร้าง BCC การสร้าง BCC 2 รูปแบบ

  22. คำถาม • วิธีการแก้การผิดพลาดด้วยการตรวจสอบพาริตี้ 2 แกน (Two-Coordinate Parity Check) มีลักษณะการตรวจสอบอย่างไร • พารีตี้บิตตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ BCC ตรวจสอบตามแนวดิ่ง • พารีตี้บิตตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ FCS ตรวจสอบตามแนวดิ่ง • FCS ตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ BCC ตรวจสอบตามแนวดิ่ง • BCC ตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ FCS ตรวจสอบตามแนวดิ่ง

  23. เฉลย • วิธีการแก้การผิดพลาดด้วยการตรวจสอบพาริตี้ 2 แกน (Two-Coordinate Parity Check) มีลักษณะการตรวจสอบอย่างไร • พารีตี้บิตตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ BCC ตรวจสอบตามแนวดิ่ง • พารีตี้บิตตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ FCS ตรวจสอบตามแนวดิ่ง • FCS ตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ BCC ตรวจสอบตามแนวดิ่ง • BCC ตรวจสอบอักขระตามแนวนอนและ FCS ตรวจสอบตามแนวดิ่ง

  24. / / การเพิ่มค่าตรวจสอบผลรวมโดยไม่คำนึงถึงความยาวของบิต ขบวนการตรวจสอบความถูกต้องแบบ CRC

  25. - ใช้สัญลักษณ์พิเศษเข้าแทนที่ (Symbol Substitution) - การแก้ไขที่เครื่องรับปลายทางด้วยตัวเอง ( Forward Error Correction ) - ให้มีการส่งข้อมูลซ้ำมาใหม่ ( Retransmission ) การแก้ไขข้อผิดพลาดของข้อมูล (Error Correction)

  26. 0 1 0 1 0 0 0 0 1 1 0 1 0 0 0 0 ข้อมูล ข้อมูล พาริตี้บิตคู่ พาริตี้บิตคี่ การควบคุมความผิดพลาดด้วยพาริตี้ (Parity Error Control) พาริตี้อักขระ (CharacterParity) บล๊อคพารีตี้ (Block Parity) พาริตี้อักขระ (CharacterParity) พาริตี้อักขระ ตามคำแนะนำของ ITU – T(V4)

  27. วงจรกำเนิดพารีตี้บิตโดยใช้ EXOR เกท

  28. แสดงสถานะเอ๊าพุทลอจิกของเกททุกตัว โดยเอ๊าพุทที่เกท F เป็นตัวกำหนดพารีตี้บิต

  29. บล๊อคพารีตี้ (Block Parity)

  30. การคำนวณ BCC

  31. การตรวจสอบ cyclic redundancy • ระบบข้อมูลที่ใช้โปรโตคอล HDLC (High-level Data Link Control) นั้นใช้บางรูปแบบในการตรวจสอบความผิดพลาดด้วย cyclic redundancy • HDLC จะส่งข้อมูลเป็นเลขฐานสองยาวติดต่อกัน • ข้อมูลเลขฐานสองที่จะส่ง ขั้นแรกจะถูกหารด้วย modulo-2 ผลจากการหารไม่นำมาใช้ แต่เศษที่เหลือจะถูกนำมาใช้เป็น cyclick check code : CRC • CRC จะถูกส่งไปยังสถานีรับทันทีตามหลังบล็อคของข้อมูล

  32. ที่ภาครับข้อมูลที่เข้ามาจะมีรหัส CRC ส่งมาด้วยและจะถูกหารโดยตัวเลขเดียวกันกับที่ถูกใช้ที่สถานีส่ง และ ถ้าบล๊อคที่ได้รับไม่มีความผิดพลาดเศษที่เหลือจะเป็น “0” • เลขฐานสองที่ใช้เป็นตัวหารอาจจะเรียกชื่อว่า generating polynomial และจะมีความยาวบิตมากกว่า CRC ที่ต้องการ 1 บิต • ถ้า CRC มีความยาว n บิต ข้อมูลเลขฐานสองจะถูกคูณด้วย 2n คือ 0 เท่ากับจำนวน n เพิ่มเข้าที่บิตที่มีนัยสำคัญน้อยที่สุดคือที่ส่วนท้ายของข้อมูล ITU-T V41 แนะนำว่าควรต้องใช้ CRC จำนวน 16 บิตและใช้ generating polynomial เป็น X16 + X12 + X5 + 1 หรือ 10001000000100001

  33. การหาร Modulo-2 กฎการหารmodulo-2 ของเลขไบนารี (a)ถ้าตัวหารมีเลขเหมือนกันกับตัวถูกหาร ผลลัพธ์จะเป็น 1 ถ้าตัวหารมีบิตน้อยกว่าตัวถูกหารผลลัพธ์ คือ 0 (b)ไม่มีการทดเลข โดย 1-1 = 0 , 0- 0 = 0 , 1- 0 = 1 และ 0-1 = 1 การหารเลขไบนารีที่มีเศษเกิดขึ้น จะมีบิตที่สั้นกว่าตัวหารอยู่ 1 บิต

  34. ตัวอย่างวิธีทำ พิจารณาตัวเลขข้อมูลที่ให้มาคือ 1010110101 และสมมุตว่า CRC มีความยาว 4 บิต ตัวหารจะต้องมีความยาว 5 บิตจะต้องมีบิตที่มีความสำคัญน้อยที่สุด และบิตที่มีความสำคัญมากที่สุดเท่ากับ 1 ถ้าให้ตัวหารเป็น 11001 หรือ X4+X3+1 ข้อมูลต้องคูณด้วย 24, คือ 0 สี่ตัว เพิ่มเข้าที่ด้านบิตตัวที่มีความสำคัยน้อยที่สุด ดังนี้

  35. 1100000110 11001 ) 10101101010000 11001 1100 11001 11001 010100 11001 1101 11010 11001 0110 เศษที่เหลือ

  36. การสร้างสัญญาณ ITU-T CRC

  37. การแก้ไขความผิดพลาดไปข้างหน้า (Forward Error Correction) รหัสแฮมมิง (Hammingcode)

  38. ข้อมูลที่รับได้ไม่มีการผิดพลาดผลบวกจะเท่ากับศูนย์

  39. การหาความผิดพลาดแบบบิตเดียว และการแก้ไข

  40. คำถาม • การแก้ไขความผิดพลาดไปข้างหน้า (Forward Error Correction) มีลักษณะตามข้อใด • ใช้พารีตี้บิต (Parity bit) ที่บิตที่มีนัยสำคัญต่ำสุด • ใช้รหัสแฮมมิง (Hamming code) ที่ตำแหน่งบิต 2n • ใช้ cyclic check code (CRC) ด้วยการหาร Modulo-2 • ใช้ block check character (BCC) ที่ส่วนท้ายของข้อมูล

  41. เฉลย • การแก้ไขความผิดพลาดไปข้างหน้า (Forward Error Correction) มีลักษณะตามข้อใด • ใช้พารีตี้บิต (Parity bit) ที่บิตที่มีนัยสำคัญต่ำสุด • ใช้รหัสแฮมมิง (Hamming code) ที่ตำแหน่งบิต 2n • ใช้ cyclic check code (CRC) ด้วยการหาร Modulo-2 • ใช้ block check character (BCC) ที่ส่วนท้ายของข้อมูล

  42. ITU-T V42 - คำแนะนำของ ITU – T V42 กล่าวอ้างถึงการใช้เทคนิคการแปลง non – synchronous to – synchronous สำหรับการตรวจสอบความผิดพลาดที่โมเดมด้านรับการสนับสนุนนี้เป็นการยอมรับกันระหว่างโปโตรคอลแก้ไขความผิดพลาดทั้ง 2เรียกว่า MNP ( Microcom networking protocol ) โดยแบ่งเป็นคลาสต่างๆ - การทำงาน V42 bis ให้อัตราส่วนการบีบอัด 4 : 1 เมื่อ V42 และ V42 bis ถูกใช้ด้วยกัน มันสามารถเพิ่มความเร็วของ V32 bismodem จาก 14400 bits/s เป็น 57600 bits/s คือ ใช้ factor เท่ากับ 4

  43. แอมปลิจูด-เพสโมดูเลชั่น (AM-PM) หรือ Quadri PSK : QPSK

  44. Modem

  45. Bandwidth for Telephone Line

  46. Bell Modems

More Related