1 / 20

การนำเสนอการวิจัย

การนำเสนอการวิจัย. เรื่อง พฤติกรรมการคุมกำเนิดแบบต่างๆ ของสตรีช่วงอายุ 15-4 4 ปี ที่เข้ามารับการรักษาที่ OPD นรีเวชกรรม. ทบทวนวรรณกรรม.

cale
Download Presentation

การนำเสนอการวิจัย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การนำเสนอการวิจัย เรื่อง พฤติกรรมการคุมกำเนิดแบบต่างๆ ของสตรีช่วงอายุ 15-44 ปี ที่เข้ามารับการรักษาที่ OPD นรีเวชกรรม

  2. ทบทวนวรรณกรรม พบว่า 80% ของผู้หญิงอเมริกัน นิยมใช้ OCP ในลักษณะเป็นครั้งคราว จากการสำรวจของ 1995 National Survey of Family Growth โดยสำรวจจากช่วงอายุ 15-44 ปี พบว่า ทำหมันหญิง 28% ทำหมันชาย 11% ใช้ยาคุมกำเนิด 27% ใช้ถุงยางอนามัย(ผู้ชาย) ประมาณ 20% น้อยกว่า 5% เลือกใช้วิธีอื่นๆ เช่น ห่วงอนามัย ฉีดยาคุม ฝังยาคุม โดย Ann J.Davis,MD:Advance in contraception

  3. ในวรรณกรรมนี้ได้กล่าวถึงการคุมกำเนิดในวัยรุ่นอเมริกา โดยพบว่า วัยรุ่นมีการคุมกำเนิดมากขึ้น (ส่วนใหญ่ใช้ถุงยางอนามัย) ซึ่งผลที่ได้คือการลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น คิดเป็น 80% ของอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่ลดลง โดยการใช้ถุงยางอนามัย และ ยาคุมกำเนิด เป็นการคุมกำเนิดที่วัยรุ่นเลือกใช้มากที่สุด ส่วนการคุมกำเนิดในวิธีอื่นๆ ไม่นิยมใช้ โดยการคุมกำเนิดแต่ละวิธีมีข้อดี และข้อเสียต่างกันไป เช่น ในถุงยางมีข้อดีคือสามารถป้องกัน STD ได้ด้วย และคาดว่าแนวโน้มการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน STD น่าจะมีมากขึ้นจากการให้การศึกษาเรื่อง AIDS ในยาคุมกำเนิดผลข้างเคียงที่วัยรุ่นกังวลคือ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อีกปัญหาคือการลืมกินยา โดย Ann J. Davis,MD: Adolescent contraception and the clinician: An emphasis on counseling and communication.

  4. คำถามการวิจัย พฤติกรรมการใช้ วิธีการคุมกำเนิดแบบต่างๆ เป็นอย่างไร ในแต่ละช่วงอายุ

  5. คำถามรอง • ในแต่ละช่วงอายุผู้มารับการบริการมีเหตุผลในการเลือกวิธีการคุมกำเนิดแต่ละชนิดอย่างไร • ผู้มารับบริการมีความเข้าใจในวิธีคุมกำเนิดที่เลือกใช้อย่างไร • มีเหตุผลอย่างไรในการเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิด • ความสัมพันธ์ระหว่างเงื่อนไขต่างๆ เช่นสภาวะเศรษฐกิจ ระดับการศึกษา และช่วงอายุ กับการเลือกวิธีคุมกำเนิด • ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ และปัญหาของหญิงวัยเจริญพันธุ์เกี่ยวกับการเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิด

  6. วัตถุประสงค์ • เปรียบเทียบความสัมพันธ์ของการเลือกวิธีคุมกำเนิด กับระดับการศึกษา อายุ และรายได้ • ศึกษาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดที่เลือกใช้ของหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่เข้ามารับการบริการที่ OPD นรีเวชกรรม

  7. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดบริการให้ความรู้เรื่องคุมกำเนิด และการวางแผนครอบครัว

  8. ระยะเวลาการวิจัย 2 สัปดาห์ รูปแบบการวิจัย Qualitative study เกณฑ์การคัดเลือก หญิงวัยเจริญพันธุ์อายุระหว่าง 15-44 ปี ที่มาเข้ารับบริการที่ OPD นรีเวชกรรม โดยใช้วิธีการสุ่มเลือกในแต่ละช่วงอายุ

  9. อคติในการวิจัย (Bias) • การวิจัยใช้การสุ่มตัวอย่างผู้ป่วยที่มารับการบริการที่ OPD นรีเวชกรรมทำให้มีโอกาสที่จะสุ่มพบความเข้าใจผิดในการเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดเพราะว่ากลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มว่าจะได้รับความรู้เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิด และผลข้างเคียงจากบุคลากรทางการแพทย์แล้วเนื่องจากผู้ป่วยที่มารับการตรวจที่ OPD นรีเวชกรรม ส่วนใหญ่เป็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ ซึ่งควรที่จะมาพบ

  10. ชนิดการคุมกำเนิด • นับระยะปลอดภัย • ยาคุมกำเนิด • ยาฉีด • ห่วงอนามัย • ถุงยางอนามัย • ยาฝังคุมกำเนิด ไม่เคยมีบุตร มีบุตรแล้ว วัยใกล้หมดประจำเดือน การคุมกำเนิดในอดีต ปัจจุบันและอนาคต • ปัจจัยอื่น • อายุ • ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ • ระดับการศึกษา • เศรษฐานะ

  11. คำนิยามเชิงปฏิบัติการคำนิยามเชิงปฏิบัติการ • OCP (Oral contraceptive pill) หมายถึง ยาเม็ดคุมกำเนิด • STD (Sexual transmitted disease)หมายถึง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ • ยาฉีดคุมกำเนิด (Injectable contraception)หมายถึง การฉีด Long- acting progestogen ที่มีกลไกยับยั้งการตกไข่ และทำให้ปากมดลูกข้นเหนียว • ยาฝังคุมกำเนิด (Norplant)หมายถึง ยาคุมกำเนิดชนิดฝังใต้ผิวหนัง • Postcoital pillหมายถึง ยาคุมกำเนิดชนิดป้องกันที่ต้องรับประทานภายใน 72 ชม.หลังมีเพศสัมพันธ์ • การทำหมันหญิง (Female Sterilization)หมายถึง เป็นการที่ทำให้ท่อนำไข่ตีบตันทั้งสองข้าง

  12. ห่วงอนามัย (Intrauterine device) หมายถึง เป็นวัสดุที่ทำให้ภาวะการฝังตัวของตัวอ่อนไม่เหมาะสม • Postcoital pillหมายถึง ยาคุมกำเนิดชนิดป้องกันที่ต้องรับประทานภายใน 72 ชม.หลังมีเพศสัมพันธ์ • การทำหมันหญิง (Female Sterilization)หมายถึง เป็นการที่ทำให้ท่อนำไข่ตีบตันทั้งสองข้าง • ถุงยางอนามัย (condom) หมายถึง เครื่องกีดขวางป้องกันไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปผสมกับไข่

  13. วิธีการดำเนินการวิจัยวิธีการดำเนินการวิจัย ระเบียบวิธีการวิจัย เป็นการศึกษาทางคุณภาพ (Qualitative study)

  14. ประชากรที่ใช้ในการวิจัยประชากรที่ใช้ในการวิจัย ประชากรเป้าหมาย(Target Population) หมายถึง สตรีอายุ 15-44 ปี ที่เข้ารับการบริการที่ OPD นรีเวชกรรม Inclusion Criteria สตรีที่มี active sexual intercourse และต้องใช้การคุมกำเนิดอย่างน้อย 1 วิธี Exclusion Criteria สตรีที่ inactive sexual intercourse ,menopause และหญิงตั้งครรภ์

  15. ขนาดตัวอย่าง (Sample size) แบ่งตัวอย่างเป็นช่วงอายุเป็น 3 กลุ่มช่วงอายุดังต่อไปนี้ 15-24 ปี, 25-34 ปี, 35- 44 ปี โดยสุ่มตัวอย่างมาช่วงละ 5 คน ทำการเก็บ ข้อมูลแบบ Focus group discussion และทำการสัมภาษณ์เชิงลึก (In depth interview) โดยการนำตัวอย่างที่น่าสนใจจากแต่ละช่วงอายุมาช่วงอายุละ 1 ตัวอย่าง

  16. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย (Instrument) ใช้แบบสัมภาษณ์ในการเก็บข้อมูลเบื้องต้นเพื่อคัดเลือกผู้ร่วมสนทนากลุ่ม ประเด็นสนทนากลุ่ม Focus group discussion และแบบสัมภาษณ์ In depth Interview

  17. การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล • เข้าหากลุ่มตัวอย่างที่มารับการบริการที่ OPD นรีเวชกรรมโดยเข้าไปขอความสมัครใจ ให้สัมภาษณ์ ระยะเวลาการสัมภาษณ์ 30 นาทีโดยรูปแบบการสัมภาษณ์เป็นลักษณะ ผู้ถูกสัมภาษณ์ 5 คนต่อผู้สัมภาษณ์ 1 คนในแต่ละกลุ่มซึ่งเป็นตามช่วงอายุได้ 3 กลุ่มดังที่กล่าวข้างต้น เมื่อสัมภาษณ์ครบ ผู้สัมภาษณ์จะเลือกผู้ที่มีปัญหาที่น่าสนใจมากที่สุดในแต่ละกลุ่ม เช่น ไม่สามารถรับประทานยาฮอร์โมนได้เนื่องจากมีข้อบ่งห้าม เป็นต้น มาสัมภาษณ์เชิงลึกและนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงคุณภาพ

  18. จริยธรรมการวิจัย มีเรื่องที่ต้องตระหนักในการทำวิจัยชิ้นนี้คือ งานวิจัยชิ้นนี้ใช้การสัมภาษณ์แบบกลุ่ม ซึ่งทำให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลเป็นความลับได้ และการคิดคำถามที่นำมาใช้ในการสนทนาบางอย่าง เช่นประวัติการมีเพศสัมพันธ์ อาจทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เสียความรู้สึกได้ และไม่ให้ความร่วมมือ

  19. เอกสารอ้างอิง • ธีรพร วุฒยวนิช. วิจัยทางการแพทย์ Medical research. เชียงใหม่:โครงการตำราคณะแพทยศาสคร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2542:หน้า 1-24 • ธีระ ทองสง. นรีเวชวิทยา ฉบับสอบบอร์ด. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ,พี บีฟอเรน บุ๊คเซ็นเตอร์. 2539,หน้า 519,553,579 • Ponzias S. Alan. Obstetrics and gynecology clinics of North America. Advance in contraception, USA.:W.B.Saunders company, 2000:p.597-611

  20. Hatcher A. Robert. The essential of contraceptive Technology,Baltimore:The Johns Hopkins School of Public Health,1997 • Ann J. Davis,MD. Adolescent contraception and the clinician. Clinical Obstetrics and Gynecology. 2001 ;114- 119 • Ann J. Davis,MD.Advance in contraception . Clinics in perinatology. 2000 ;598-599 • www.engenderhealth.org

More Related