การจัดบุคลากร ลงกรอบอัตรากำลัง ใน สพท.

1. การจัดบุคลากรลงกรอบอัตรากำลังใน สพท.

2. ข้อมูลบุคลากรตาม ม. 38 ค (2) ใน 175 สพท. 1. เขตที่มีบุคลากรเกินกรอบ จำนวน 64 เขต รวม 1,080 คน 2. เขตที่มีบุคลากรพอดีกรอบ จำนวน 2 เขต 3. เขตที่มีบุคลากรต่ำกว่ากรอบ จำนวน 97 เขต รวม 2,437 คน 4. ตำแหน่งว่างที่มีเงิน จำนวน 437 ตำแหน่ง

3. ข้อมูลบุคลากรตาม ม. 38 ค (2) ใน 175 สพท. 5. จำนวนบุคลากรตาม ม.38 ค (2) ที่ได้รับข้อมูลทั้งหมด 9,996 คน 6. จำนวนบุคลากรที่จัดลงกรอบได้ตามหลักเกณฑ์ กคศ. 20% = 2,435 คน 7. จำนวนบุคลากรที่จัดลงกรอบไม่ได้ตามหลักเกณฑ์ กคศ. 80%=7,561 คน หมายเหตุ: (ข้อมูล 163 เขต)

4. หลักเกณฑ์ ก.ค.ศ. โดยสรุป ขั้นตอนที่ 1 1. การจัดลงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มมาไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึง 9 ส.ค. 49 ชื่อตำแหน่งตรง ระดับตำแหน่งตรง

5. 2. การจัดลงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน  ต้องปฏิบัติหน้าที่ใน สพท. นั้น อยู่ ณ วันที่ 9 ส.ค. 49 ชื่อตำแหน่งตรง  ระดับตำแหน่งตรง

6. เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 เสร็จแล้ว ให้จัดทำบัญชี ผู้ที่จัดลงไม่ได้ ส่ง สพฐ. เพื่อดำเนินการในขั้นตอนที่ 2

7. ก.ค.ศ. กำหนดให้ สพฐ. แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกับสำนักงาน ก.ค.ศ. มาร่วมพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ แนวทางการจัดบุคคลที่เหลือลงกรอบ ขั้นตอนที่ 2 ผลการดำเนินการ สพท. จัดลงได้ประมาณ 20 % ส่งให้ สพฐ. 80 %

8. สภาพปัญหา 1. บุคลากรได้รับสิทธิในการพิจารณาไม่เท่าเทียมกัน (บุคลากร สป. และ สศ.) • ความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม 3. แต่ละ สพท. ตีความแนวทางที่ ก.ค.ศ. กำหนดต่างกัน 4. ไม่จัดตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด

9. แนวทางแก้ปัญหา 1. ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม 1.1. ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ หรือเคยปฏิบัติหน้าที่หัวหน้า กลุ่ม/ฝ่าย ทุกสายงาน ได้รับการพิจารณาในคราว เดียวกัน 1.2.เกณฑ์การพิจารณา พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนดโดยเคร่งครัด

10. แนวทางแก้ปัญหา 2. กรณีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 2.1. จัดผู้ปฏิบัติงานอยู่ ณ 9 ส.ค. 49 ลงตำแหน่ง ในคราวเดียวกัน ทั้งชื่อตำแหน่งตรง และไม่ตรง แต่ปฏิบัติงานอยู่ในกลุ่ม 2.2. ให้เปลี่ยนชื่อตำแหน่ง โดยใช้ ว 16 ของ ก.ค.ศ.

11. แนวทางแก้ปัญหา 2. กรณีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 2.3. ใช้เกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนดโดยเคร่งครัด 2.4.กรณีไม่มีคนลง ตำแหน่ง 3-5/6 ว และ 2-4/5 ให้จัดผู้ที่มีตำแหน่งต่ำกว่าลงได้

12. แนวทางแก้ปัญหา 3. ใน สพท. ที่มีคนมากกว่ากรอบ เมื่อจัดแล้วมีคนเหลือกำหนดมาตรการจูงใจ ดังนี้ (1) จัดให้ย้ายไป สพท. ที่มีผู้ปฏิบัติงานต่ำกว่ากรอบที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนไปกำหนดสูงขึ้นกว่าตำแหน่งเดิม 1 ระดับ เป็นกรณีเฉพาะตัว

13. เช่น (1.1.) ผู้ดำรงตำแหน่ง 6ว/7ว ไปกำหนดเป็น 7ว/8ว (1.2.) ผู้ดำรงตำแหน่ง 3-5/6ว ไปกำหนดเป็น 6ว/7ว (1.3.) ผู้ดำรงตำแหน่ง 1-3/4/5 และ ผู้ดำรงตำแหน่ง 2-4/5 ไปกำหนดเป็น 3-5/6ว

14. แนวทางแก้ปัญหา 3. ใน สพท. ที่มีคนมากกว่ากรอบ เมื่อจัดแล้วมีคนเหลือ กำหนดมาตรการจูงใจ ดังนี้ (2) จัดไปสถานศึกษาที่มีนักเรียนตั้งแต่ 800-1499 คน ร.ร. ละ 1 ตำแหน่ง (เพิ่มเติมจากเดิม กำหนด 1500 คน ขึ้นไป ร.ร. ละ 2 ตำแหน่ง

15. แนวทางแก้ปัญหา 3. ใน สพท. ที่มีคนมากกว่ากรอบ เมื่อจัดแล้วมีคนเหลือ กำหนดมาตรการจูงใจ ดังนี้ (3) กรณีดำเนินการตาม (1) และ (2) แล้ว ยังมีผู้ปฏิบัติงาน ที่มีความจำเป็นไม่ประสงค์ขอย้ายไปที่ใด ให้จัดลงตำแหน่งเดิม ระดับเดิม เป็นการเฉพาะตัว เมื่อว่างลงให้รายงาน สพฐ. เพื่อ เกลี่ยไปให้ สพท.อื่น

16. แนวทางแก้ปัญหา 4. ใน สพท. ที่มีคนปฏิบัติงานน้อยกว่ากรอบ เมื่อดำเนินการแล้วยังมีผู้ปฏิบัติงานที่ดำรงตำแหน่ง ระดับสูงกว่าตำแหน่งตามกรอบที่ ก.ค.ศ.กำหนด และมี ตำแหน่งว่างแต่ไม่สามารถจัดลงได้ให้ดำเนินการ ดังนี้ 4.1 ให้จัดลงในตำแหน่งระดับเดิมตามที่ผู้นั้น ดำรงตำแหน่งอยู่ เป็นการเฉพาะตัว

17. แนวทางแก้ปัญหา 4.2 กรณียังมีตำแหน่งว่างหรืออยู่อีก ให้ดำเนินการดังนี้ (1) จัดข้าราชการพลเรือนที่ได้รับอนุมัติให้ช่วยราชการอยู่ ที่ สพท. ลงตำแหน่งโดยตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือน ตามตัวมากำหนด

18. แนวทางแก้ปัญหา 4.2 กรณียังมีตำแหน่งว่างหรืออยู่อีก (2) จัดทำบัญชีตำแหน่งว่างแจ้ง สพฐ. เพื่อประกาศ ไปยังทุก สพท. รับย้ายผู้ดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค (2) และข้าราชการ ก.พ. ในสังกัด สพฐ. ตามมาตรการจูงใจโดยตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนตามตัวมากำหนด

19. สวัสดี