120 likes | 313 Views
N. S. P. MD SAYS ต้อนรับปีใหม่. 7 ยุทธศาสตร์หลักการค้า ปี 2553. ความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากร. การเตรียมความพร้อมของภาคเอกชนเพื่อรองรับ FTA. สินค้านำเข้าทางแอร์เสียหายจะทำอย่างไรดี. ท่านที่ต้องเดินทางเข้า - ออกประเทศควรทราบ. จีนถล่มไทยแม้ช่วงปีใหม่. ข้อควรทราบในการส่งออกไปยังเคนยา.
E N D
N S P MD SAYS ต้อนรับปีใหม่ 7 ยุทธศาสตร์หลักการค้า ปี 2553 ความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากร การเตรียมความพร้อมของภาคเอกชนเพื่อรองรับ FTA สินค้านำเข้าทางแอร์เสียหายจะทำอย่างไรดี ท่านที่ต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศควรทราบ จีนถล่มไทยแม้ช่วงปีใหม่ ข้อควรทราบในการส่งออกไปยังเคนยา ระบบตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมไก่ส่งออก ข่าวสาร SNP ฉบับที่ 106 WWW.SNP.CO.TH
S S ต้อนรับปีใหม่ 2553 ทุกครั้งที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ภาพและข่าวที่ประชาชนชาวไทยได้เห็นจนชินตาคือ คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ นับล้าน ๆ คน ออกเดินทางไปต่างจังหวัด บางกลุ่มก็เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ในขณะที่บางกลุ่มก็ถือเป็นการท่องเที่ยว ทุกเทศกาลวันหยุดยาวเหล่านี้ ภาพและข่าวที่สำนักข่าวต่าง ๆ ช่วยกันนำเสนอ เป็นภาพของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและการเสียชีวิตจำนวนมาก บางคนขับรถด้วยความประมาท เมาสุรา คึกคะนอง ในขณะที่บางคนขับด้วยความระมัดระวังแต่ก็ไม่วายประสบอุบัติเหตุจากคนที่ขับด้วยความประมาทจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็มี อุบัติเหตุแต่ละเทศกาลที่พบ จะมีตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหลายพันราย จำนวนผู้บาดเจ็บแต่ละเทศกาลก็มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น และมีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายร้อยราย หลายคนกล่าวว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะโชคชะตาของแต่ละคนได้กำหนดเอาไว้ กล่าวคือ คนทุกคนต้องทำงานประกอบอาชีพ โดยยึดเมืองหลวงหรือเมืองเศรษฐกิจเป็นสถานที่ประกอบอาชีพมากที่สุด การทำงานทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสหยุดงานยาว ๆ ได้ ดังนั้นหากพวกเขาไม่ใช้วันหยุดเทศกาลที่มีจำนวนหลายวันกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องหรือไปเที่ยว ไปพักผ่อน เขาคงไม่มีโอกาสไปเที่ยวได้ง่าย ๆ แม้จะรู้ว่าคนมาก แออัด แย่งกันใช้ถนน ก็ต้องจำยอม เปรียบเหมือนมีโชคชะตาคอยกำหนดให้เขาเหล่านั้นต้องเป็นไปตามนั้นจริง ๆ และกลุ่มคนที่ประสบอุบัติเหตุก็เป็นไปตามโชคชะตาลิขิตของแต่ละคน ตามความคิดของคนกลุ่มนี้ ในขณะที่อีกหลายคนมีแนวคิดว่า ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถป้องกันได้ สามารถแก้ไขได้ โดยไม่ปล่อยให้โชคชะตามากำหนดเพียงฝ่ายเดียว เช่นการวางแผนเดินทางที่ปลอดภัย หรือการละเว้นการเดินทางในช่วงเวลาดังกล่าว N N P P ต่อหน้า 2
ด้วยแนวคิดที่แยกเป็น 2 กลุ่มนี้เอง ผมจึงเห็นวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ที่ผ่านมา ท้องถนนในกรุงเทพฯ แม้ปริมาณยานพาหนะจะลดน้อยลงไปมาก แต่ก็ยังมีอยู่ให้เห็น ขณะเดียวกันหลายครอบครัวก็พาสมาชิกออกเที่ยวในกรุงเทพฯ ในสถานที่ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเที่ยวชมมาก่อน ได้ไปรับประทานอาหารในย่านที่ไม่เคยได้ไปมาก่อน พอเปิดสำนักงานในวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2553 อันถือเป็นวันทำงานวันแรก เกือบทุกสำนักงานมีคนมาทำงานเกินครึ่งไปไม่เท่าไร ส่วนที่เหลือยังไม่พร้อมทำงาน ต้องหยุดต่ออีก 1 วัน โดยคนทำงานส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้ว่า การทำงานในปี 2553 กำลังจะเกิดความแตกต่างจากปี 2552 และมีผลต่อตนเอง ด้วยผลของข้อตกลง AFTA (Asean Free Trade Area) ผู้ประกอบการที่ซื้อขายกันในกลุ่มจะได้รับการลดหน่อยภาษีเหลือ 0% เกือบทุกรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ผลของการซื้อขายสินค้าที่ไม่มีภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง จะทำให้สินค้าบางประเภทขายได้มากขึ้น มีการนำเข้า การส่งออกมากขึ้น ผู้ที่ทำงานอยู่ในกลุ่มสินค้าประเภทนี้ ย่อมมีเศรษฐกิจดีตามไปด้วย อาจได้เงินเดือนขึ้น และแน่นอนย่อมมีความสุขมากขึ้นในปี 2553 นี้ ส่วนผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสินค้าประเภทที่ต้องถูกกระทบจากภาษี 0% ก็ย่อมรับผลในทางตรงกันข้าม กิจการอาจลดขนาดลง เศรษฐกิจของคนทำงานก็ย่อมลดลงไป บางกิจการอาจต้องปิดตัวลงจนส่งผลให้คนทำงานต้องตกงานตามไปด้วย รายละเอียดของสินค้าประเภทไหนมีแนวโน้มไปในทิศทางใด ผมคิดว่าไม่ยากเกินที่จะหาอ่านกันตามหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อทุกท่านเดินทางกลับจากวันหยุดเทศกาลปีใหม่พบกับข่าวการเปลี่ยนแปลงทางการค้าแล้ว ผมก็ขอให้ท่านผู้ประกอบการทุกท่าน สามารถฝ่าฝันเศรษฐกิจของปี 2553 ไปได้อย่างปลอดภัย และขอให้ท่านเริ่มงานได้อย่างถูกทิศ ถูกทาง ตามการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ่โดยผมและทีมงานจะพยายามนำเสนอข่าวสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อท่านต่อไป S N P สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2553 สิทธิชัย ชวรางกูร กรรมการผู้จัดการ กลับเข้าสู่หน้าหลัก
7 ยุทธศาสตร์หลักการค้าปี 2553 S รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ได้สรุปเกี่ยวกับผลของการประชุมยุทธศาสตร์การค้าโลกว่า ในปี 2553 นั้น การพัฒนาการค้าไทยจะมุ่งเน้นไปยัง 7 ยุทธศาสตร์หลัก 7 ยุทธศาสตร์ โดยจะมีการมุ่งเน้นทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศด้วยการประชุมเรื่องการบริโภค การลงทุนการท่องเที่ยว และบริการควบคุมไปกับการรักษาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งทางกระทรวงพานิชย์ได้มีการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจการพานิชย์เพื่อวิเคราะห์การค้าของแต่ละประเทศและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าไทย ซึ่งหากสามารถทำได้ตาม 7 ยุทธศาสตร์หลักนี้จะสามารถกระตุ้น GDP ของไทยในปี 2553 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 100,000 - 200,000 ล้านบาท ทางด้านปลัดกระทรวงพานิชย์ได้กล่าวว่าแผนยุทธศาสตร์นี้ จะมีการจัดทำรายละเอียดเพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ศึกษาและผลักดันการค้าของประเทศให้เป็นรูปธรรม โดยการดึงภาคเอกชนและบุคลากรในส่วนภูมิภาคให้เข้ามามีส่วนร่วมและจัดยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาด้านการค้าชายแดน ในที่ประชุมเชื่อว่าหากมีการจัดทำอย่างจริงจังแล้ว ประเทศไทยจะสามารถขยายมูลค่าการค้าชายแดนได้จากปีละ 700,000 ล้านบาท เป็น 1,000,000 ล้านบาทต่อปี N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
ความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากร S การหลีกเลี่ยงภาษีอากรหมายถึง การนำของที่ต้องชำระค่าภาษีอากรเข้ามาหรือส่งของออกไปนอกประเทศไทยโดยนำมา ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง แต่ใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่มีเจตนาเพื่อมิให้ต้องชำระค่าภาษีอากร หรือชำระในจำนวนที่น้อยกว่าที่จะต้องชำระ เช่น สำแดงปริมาณ น้ำหนัก ราคา ชนิดสินค้า หรือพิกัดอัตราศุลกากรเป็นเท็จ เป็นต้น ดังนั้นผู้นำเข้าหรือส่งออกที่มีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรจึงมีความผิด ฐานสำแดงเท็จอีกฐานหนึ่งด้วย กฎหมายศุลกากรได้กำหนดโทษผู้กระทำผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรไว้สูงสุดคือ ให้ริบของที่หลีกเลี่ยงภาษีอากรและปรับเป็นเงิน 4 เท่าของของราคารวมค่าภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับและจำ แต่ในกรณีที่มีการนำของซุกซ่อนมากับของที่สำแดงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากร สำหรับของซุกซ่อน โทษสำหรับผู้กระทำผิด คือ ปรับ 4 เท่าของอากรที่ขาดกับอีก 1 เท่าของภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต และภาษีเพื่อมหาดไทยที่ขาด (ถ้ามี) และให้ยกของที่ซุกซ่อนมาให้เป็นของแผ่นดิน N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
การเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน เพื่อรองรับ FTA S การที่ประเทศไทยจะเปิดสัญญา FTA กับประเทศต่างๆนั้น แน่นอนว่าย่อมมีทั้งผลดี และผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมา แต่หากผู้ประกอบการสามารถศึกษา และวางแผนการณ์สำหรับการดำเนินธุรกิจไว้ล่วงหน้าได้แล้วนั้น ย่อมได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ไม่ได้เตรียมตัวรับในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก FTA ไว้เลย ดังนั้น ในฉบับนี้ทางทีมงาน FTA จึงขอนำเสนอหลัก 7 ข้อสำหรับเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ FTA เบื้องต้น 1. ภาคเอกชนจำเป็นจะต้องมีการปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้สามารถแข่งขันและใช้สิทธิประโยชน์จากการทำเขตการค้าเสรีหรือ FTA ได้อย่างเต็มที่ 2. เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การจัดการ การบริหารต้นทุน ปรับใช้เทคนิคการบริหารสมัยใหม่ และลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ตลอดจนการลงทุนพัฒนาเครื่องจักรโรงงานและอุปกรณ์ 3. พัฒนาบุคลากร เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับระดับเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงไป 4. พัฒนารูปแบบและคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะการสร้าง Brand Name ของสินค้าตนสู่ตลาด 5. พัฒนาและขยายตลาดเชิงรุก โดยใช้ตลาดเป็นตัวนำ ผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ขยายช่องทางการตลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้น มีกระบวนการผลิตและการส่งมอบสินค้าอย่างรวดเร็ว 7. พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนไทยกับภาคเอกชนของประเทศที่ร่วมจัดทำเขตการค้าเสรี จากหลักทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมา อาจจะมีบางข้อที่ผู้ประกอบการไม่สามารถกระทำได้โดยลำพัง แต่หากต้องอาศัยความช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งหากผู้ประกอบการมีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งเพื่อแสดงถึงจุดยืนที่ถูกต้อง และเหมาะสม เชื่อว่าทางภาครัฐย่อมไม่เมินเฉยต่อข้อเรียกร้องนั้นแน่นอน N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
สินค้านำเข้าทางแอร์เสียหายจะทำอย่างไรดี ? S ผู้นำเข้าทุกท่านโปรดทราบ ในกรณีท่านนำเข้าสินค้าทางแอร์ และสินค้าของท่านลงคลังสินค้าที่ 1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และต้องตกใจในวันที่ต้องนำสินค้าออก พบว่า สินค้าของท่านชำรุด หรือเสียหาย ขอเรียนให้ทราบว่ามีวิธีการในการแก้ไขคือ ตัวแทนออกของจะต้องยื่นเอกสารต่อฝ่ายคลังสินค้า TAGS ในการขอให้จัดทำรายงานสินค้าชำรุด (Damage Cargo Report) หรือเรียกย่อ ๆว่า DMC โดยส่งรูปถ่ายสินค้าที่ต้องถ่ายรูปในวันรับสินค้าออกเท่านั้น และผู้นำเข้า (Consignee) ต้องประสานงานกับผู้ส่งออก (Shipper) เพื่อนำใบ survey จากโรงงาน มายืนยันจำนวนสินค้าและมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ภายใน 14 วันทำการ นับจากวันที่ยื่นเอกสารให้คลังสินค้า TAGS ถ้ายื่น Survey เกินกว่าที่กำหนดจะถือว่าการจัดทำ DMC ไม่สมบูรณ์ เมื่อตัวแทนออกของ หรือผู้รับสินค้ายื่นเอกสารครบเรียบร้อย บริษัทฯ จะออกใบ DMC ให้ ภายในไม่เกิน 14 วัน นับจากวันที่นำสินค้าออก N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
ท่านที่ต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศ ควรทราบ S สำหรับผู้ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่ หากมีการนำเข้าสินค้าหรือเงินตราจำนวนเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต ต้องเสียภาษีหรือสำแดงรายการให้ถูกต้อง กฎหมายศุลกากรได้ยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร กำหนดดังนี้ 1. ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร สำหรับของใช้ส่วนตัว หรือใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ ราคารวมไม่เกิน 10,000.00 บาท - ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร สำหรับของที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรที่ตั้งอยู่ในท่าอากาศยานฯ นั้น มีราคา รวมไม่เกิน 20,000.00 บาท - ต้องชำระภาษีศุลกากร หากซื่อของจากร้านค้าปลอดอากรในเมือง จะต้องนำออกไปยังต่าง ประเทศ หากนำกลับเข้าอีก - ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร สำหรับบุหรี่นำติดตัวเข้ามาได้ปริมาณไม่เกิน 200 มวน หรือซิการ์ หรือยาเส้นปริมาณไม่เกินอย่างละ 250 กรัม สุราปริมาณไม่เกิน 1 ลิตร โดยนักท่องเที่ยวจะต้องแสดงหนังสือเดินทาง (Passport) และต้องใช้สิทธิภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 2. เงินตราต่างประเทศ บุคคลที่ถือเงินตราต่างประเทศเข้าเข้าประเทศไทย มีมูลค่ารวมกันเกินกว่าสองหมื่นดอลลาร์สหรัฐ (USD 20,000.00) หรือเทียบเท่า ต้องสำแดงรายการเงินตราต่างประเทศนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ขณะผ่านด่านศุลกากร 3. ส่วนเงินตราไทย ผู้เดินทางออกนอกประเทศไทยสามารถนำออกได้ไม่เกิน 50,000.00บาท เว้นแต่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงกับประเทศไทย (พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และเวียดนาม) สามารถนำเงินตราไทยออกไปนอกประเทศได้ไม่เกิน 500,000.00บาท หมายเหตุ กรณีที่มีการนำเงินตราไทยออกนอกประเทศมากกว่าจำนวนที่กำหนด ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน และนำต้นฉบับเอกสาร ท.ต.5 ทาแสดงต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรขณะผ่านด่านศุลกากรทุกแห่ง หวังว่าผู้เดินทางต่างประเทศคงได้ความรู้และมีการเตรียมตัวในการนำของเข้า-ออกประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้เป็นอย่างดี N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
จีนถล่มไทย...แม้ในช่วงปีใหม่จีนถล่มไทย...แม้ในช่วงปีใหม่ S “นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยและของตกแต่งบ้าน เปิดเผยถึงยอดจำหน่ายสินค้าช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ว่า บรรยากาศซบเซาผิดจากที่คาดไว้ ทั้งที่ปกติช่วงปลายเดือน พ.ย. ต่อเนื่องถึง ธ.ค. ยอดคำสั่งซื้อของขวัญของชำร่วยจะคึกคักมาก แต่ปีนี้ยอดลดลงไม่ต่ำกว่า 15-20% เพราะสินค้าราคาถูกจากจีนและฮ่องกงตีตลาด ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ร้านค้านิยมสั่งนำเข้า เพราะได้ราคาถูกกว่าซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศ เช่น สำเพ็ง หรือร้านกิฟต์ชอปในห้างสรรพสินค้า แทบจะเห็นของนำเข้าจากฮ่องกงหรือจีนวางขายไม่ต่ำกว่า 80% และราคายังถูกกว่าของไทยมาก” การที่สินค้าจากประเทศจีน ฮ่องกง หรือเกาหลีทะลักเข้าไทยมากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะค่าแรงที่ค่อนข้างต่ำของประเทศเหล่านี้ จึงทำให้ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าต่ำลงตามไปด้วย ซึ่งใรปัญหาข้างต้นนี้จำเป็นที่จะต้องให้ภาครัฐกำหนดมาตรฐานนำเข้าสินค้า เพราะสินค้าจีนมีปัญหาด้านคุณภาพสุขอนามัย แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องการรณรงค์ให้คนไทยซื้อและใช้สินค้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าโอทอป ที่กำลังประสบปัญหาด้านการตลาด สินค้าของไทยมีคุณภาพที่ดีไม่แพ้ชาติใด แต่ความชาตินิยมของคนไทยนั้น ดูท่าจะเป็นรองในอีกหลายๆประเทศอีกหลายขุมนัก. N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
ข้อควรทราบเกี่ยวกับการส่งออกไปยังเคนยาข้อควรทราบเกี่ยวกับการส่งออกไปยังเคนยา เอกสารแนบสินค้า นอกจากเหนือจากเอกสารทั่วไปๆ ในการส่งออก เช่น Commercial Invoice , Bill of Lading, Packing List แล้ว เคนยากำหนดให้สินค้าบางชนิดที่นำเข้าเคนยาต้องได้รับการตรวจสอบ ณ ประเทศผู้ส่งออกและได้รับ CERTIFICATE OF CONFORMITY(COC) ก่อนส่งมายังเคนยา การตรวจสอบสินค้าดังกล่าวเรียกว่า Pre-Export Verification of Conformity to Standards Program หรือ PVOC ซึ่งกำหนดขึ้นโดย Kenya Bureau of Standards (KEBS) และการตรวจสอบนี้ต้องกระทำโดยตัวแทนที่ได้รับมอบหมายจาก Kenya Bureau of Standards (KEBS) เท่านั้น วัตถุประสงค์ของ PVOC การกำหนดให้มีตรวจสอบสินค้าก่อนส่งออกมาเคนยามีวัตถุประสงค์เพื่อ - รับรองว่าสินค้าที่นำมาจำหน่ายในเคนยาเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ถูกสุขอนามัยและมีความปลอดภัยต่อการบริโภค - รักษาและคุ้มครองสภาพแวดล้อมของเคนยา - ปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศจากการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการได้รับการยกเว้นจาก KEBS ไม่ต้องผ่านกระบวนการ Pre-Exort Verification of Conformity (PVOC) to Standards Program เช่นกัน ตัวแทนตรวจสอบสินค้าที่ Kenya Bureau of StandardsBS มอบหมาย Intertek เป็นตัวแทนตรวจสอบสินค้าที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการจาก Kenya Bureau of Standards (KEBS) ให้ดำเนินการตรวจสอบสินค้า (PVOC) และออกใบรับรองที่เรียกว่า Certificate of Conformity แก่สินค้าที่จะนำเข้าเคนยา Intertek มีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศต่างๆ ที่ประเทศไทยสามารถสอบถามได้จากe-mail : info.government@interek.com หมายเหตุ รายชื่อสินค้าที่ต้องตรวจสอบและรายชื่อที่ไม่ต้องตรวจสอบดูได้จาก http//www.kebs.org S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
ระบบตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมไก่ส่งออกระบบตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมไก่ส่งออก S กรณีที่สินค้าส่งออกถูกส่งกลับคืนมา หรือกรณีการขายสินค้าในประเทศซึ่งอยู่ในข่ายได้รับการชดเชยค่าภาษีอากรเช่นเดียวกับการส่งสินค้าออกซึ่งยกเลิกการซื้อขายและต้องคืนค่าสินค้าให้แก่ ผู้ซื้อแล้วแต่กรณี ผู้ที่ได้ใช้สิทธิขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรไปแล้ว ต้องคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรเป็นจำนวนตามส่วนของสินค้าที่มีการส่งกลับหรือส่งสินค้าคืนนั้นให้กรมศุลกากร ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่นำสินค้าเข้ามาหรือนับตั้งแต่วันที่ได้รับสินค้าคืนดังกล่าว ถ้าผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยค่าภาษีอากร มิได้คืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรภายในระยะเวลาที่กำหนดจะต้องชำระเงินเพิ่มในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของเงินชดเชยค่าภาษีอากรที่ต้องคืน เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือนไปจนกว่าจะคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากรครบถ้วน การคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากร รวมตลอดถึงกรณีจะต้องชำระเงินเพิ่ม จะชำระด้วยเงินสดก็ได้ หรือถ้าใช้บัตรภาษีชำระแทนต้องปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้ด้วย N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก
ระบบตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมไก่ส่งออกระบบตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมไก่ส่งออก S นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงประสบผลสำเร็จในการส่งออกไก่ปีนี้ โดยยอดส่งออกไก่ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. 52 ทำได้ทั้งสิ้น 42,542 ล้านบาท จากปี 50 ส่งออกได้ 37,311 ล้านบาท และปี 51 ส่งออกได้ 54,560 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากผลสำเร็จของโครงการระบบตรวจสอบย้อนกลับอุตสาหกรรมไก่ไทยของกรมปศุสัตว์ โครงการระบบตรวจสอบย้อนกลับอุตสาหกรรมไก่ไทยของกรมปศุสัตว์ เป็นโครงการที่กระทรวงเกษตรฯเริ่มเปิดใช้เพื่อให้ผู้ซื้อสินค้า หรือหน่วยงานที่กี่ยวข้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับสายการผลิตได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง โดยเริ่มตั้งแต่การเลี้ยง, การให้อาหาร, กระบวนการผลิต, กระบวนการจัดเก็บ, การแปรรูป จนถึงการส่งต่อไปยังผู้บริโภค ทำให้สามารถสืบค้นย้อนกลับถึงต้นเหตุของปัญหา และสามารถเรียกกลับสินค้าที่มีปัญหาได้อย่างรวดเร็วขึ้น จึงเป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยอาหารให้แก่ผู้บริโภคได้โดยที่ประเทศไทยเปิดให้บริการเป็นแห่งแรกของเอเชีย ซึ่งช่วยรับประกันความเป็นผู้นำด้าน มาตรฐานการผลิต ความปลอดภัย และได้คุณภาพของอุตสาหกรรมไก่ไทยต่อผู้บริโภคทั่วโลก เป็นการสร้างโอกาสเชิงรุกให้กับการส่งออกสินค้าด้านปศุสัตว์ รวมทั้งช่วยเพิ่มปริมาณและมูลค่าการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้น N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก