270 likes | 478 Views
หลักการและสาระสำคัญของอนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิทางการเมือง . ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชัย ศรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนสันติศึกษา สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ขอบเขตและความหมายของ สิทธิพลเมือง . ประเด็นสำคัญของ ICCPR เป็นสนธิสัญญา (ต่างจาก UDHR)- สร้างพันธกรณี
E N D
หลักการและสาระสำคัญของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิทางการเมือง ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชัย ศรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนสันติศึกษา สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ขอบเขตและความหมายของ สิทธิพลเมือง ประเด็นสำคัญของ ICCPR • เป็นสนธิสัญญา (ต่างจาก UDHR)- สร้างพันธกรณี • ICCPR รวมกับ ICESCR ครอบคลุมประเด็นสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทุกด้าน (International Bill of Rights) • มีองค์กรกำกับดูแลมีกระบวนการบังคับใช้ • มีส่วนขยาย Optional Protocols
ขอบเขตและความหมายของ สิทธิพลเมือง (ต่อ) ความสำคัญของสิทธิทาง “การเมือง” ต่อ “สิทธิมนุษยชน” • สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิที่เป็นพื้นฐาน ในฐานนะที่เป็นมนุษย์ (ทำไม สิทธิทางการเมืองจึงสำคัญกับ การเป็นมนุษย์ – มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ความจำเป็น – ที่ไหนมีสังคม ที่นั่นมีการเมือง) • นิทานเรื่อง “ น้ำหนึ่งบ่อ” • ความหมาย “การเมือง (Politics)”การจัดสรรผลประโยชน์ “ใคร ได้อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร” ไม่ใช่เพียงการเลือกรัฐบาล ไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ปกครอง ผู้ถูกปกครอง แต่ เป็นวีถีทางการดำเนินชีวิตในสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม
ขอบเขตและความหมายของ สิทธิพลเมือง (ต่อ) ปรัชญาและแนวคิดทางการเมืองอันเป็นที่มาของสิทธิทางการเมือง • สิทธิมนุษยชนแบบดั้งเดิมเน้นการต่อต้านอำนาจที่ไม่ชอบธรรมจากรัฐ – เช่น มักนา การ์ตา และ English Bill of Rights • ยุค Enlightenment พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองผู้ถูกปกครอง – ผู้ปกครองที่กดขี่ เพื่ออธิบายปรากฏการณ์และเสนอแนวคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิทธิ • งานนิพนธ์สำคัญเช่น The Leviathan, The Two Treaties of Government, Petition of Rights, Social Contract • The influence of political thought in the political struggle and democratization process การเกิดขึ้นของสิทธิทางการเมืองในกระบวนการทางการเมือง (อิทธิพลของความคิดการเมืองต่อการพัฒนาสิทธิมนุษยชน) • ประเด็นปัญหาของนิยามคำว่า “สังคมประชาธิปไตย (Democratic Society)”ในสังคมระหว่างประเทศ • ความเชื่อมโยงของ สิทธิทางการเมือง กับ ICCPR
ขอบเขตและความหมายของ สิทธิพลเมือง (ต่อ) ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิทางการเมืองกับสิทธิพลเมือง • Relationship – เป็นเงื่อนไขซึ่งกัน/ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน • Integration- การปรับใช้ไม่สามารถแบ่งแยกได้ • Condition / Standard- เป็นข้อกำหนดใน ICCPR เช่นในเรื่องการจำกัดสิทธิ Liberties (i.e. Arrest, Movement, Privacy )/ สิทธิในการมีส่วนร่วมในการดำเนินการสาธารณะ / สิทธิในการกำหนดตนเอง
หลักการสำคัญในการดำเนินการคุ้มครอง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หลักการประกันสิทธิโดยรัฐภาคี • Protected by law: how rights recognized are guaranteed • Cores obligations • Horizontal effect vs Vertical effect • Who violates human rights/ • Interpreting the ICCPR – question on interpretative reservation.
หลักการสำคัญในการดำเนินการคุ้มครอง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ต่อ) หลักการแบ่งแยกไม่ได้และการพึ่งพิงกันของสิทธิทั้งปวง • Indivisible and inter-dependence(ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิพลเมืองสิทธิทางการเมืองและ สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม)
หลักการสำคัญในการดำเนินการคุ้มครอง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ต่อ) หลักการจำกัดสิทธิโดยชอบธรรม (legitimate limitations and restrictions ) • เกณฑ์ การจำกัดสิทธิเสรีภาพ โดยชอบธรรมเปรียบเทียบระหว่าง ICCPR/ UDHR และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย • ตราสารระดับภูมิภาค/ เปรียบเทียบร่างปฏิญญาอาเซียน • แนวคำพิพากษาคำวินิจฉัยที่สำคัญ ไทย และต่างประเทศ
หลักการสำคัญในการดำเนินการคุ้มครอง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ต่อ) หลักความเสมอภาค “การไม่เลือกปฏิบัติvs มาตรการพิเศษ” (discrimination v affirmative action/measure) • Criteria for determination of “discrimination”เกณฑ์การพิจารณาเรื่อง การเลือกปฏิบัติ • “discriminatory practice” - different treatment, selective, favored treatment , privilege, special grant etc. • Purpose / aim • Period
หลักการสำคัญในการดำเนินการคุ้มครอง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ต่อ) หลักกฎหมายเกี่ยวกับการระงับการประกันสิทธิชั่วคราว (Derogation) • Criteria เกณฑ์การพิจารณา • Emergency /Special Situation สถานการณ์ฉุกเฉิน • Measures taken มาตรการที่ใช้กับประชากร • Mandate of the Monitoring Organs อำนาจขององค์กรตรวจสอบ
หลักกฎหมายเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิเสรีภาพอันชอบธรรมหลักกฎหมายเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิเสรีภาพอันชอบธรรม ผ.ศ. วิชัย ศรีรัตน์ ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
การจำกัดสิทธิเสรีภาพ • ทำไมเราต้องศึกษาเรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพ • สิทธิ เสรีภาพคู่กับความรับผิดชอบเหมือนเหรียญสองด้าน เพราะมนุษย์เป็นสมาชิกของสังคมการใช้สิทธิอาจกระทบถึงสิทธิของบุคคลอื่น ถ้ามนุษย์ทุกคนมีเหตุผลเท่ากัน คิดเหมือนกัน และ จัดการผลประโยชน์ของตนเองเหมือนกัน อาจจะไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะต้องมีข้อกำหนดสิทธิ ความรับผิดชอบ นอกจากนั้นการที่มนุษย์เป็นสมาชิกของรัฐ (เช่น การจัดการทรัพยากรรัฐ การใช้มาตรการด้านสังคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของรัฐ) ดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 • ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนข้อ 29 (จงใจ หรือ ไม่ ที่มาตราเดียวกัน)
การจำกัด กับการยกเว้นพันธกรณี • การจำกัดขอบเขต (Restriction / Limitation) เป็นคนละเรื่องกับการยกเว้นการประกันสิทธิตามพันธกรณีในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนบางประการใน กรณี สถานการณ์ฉุกเฉิน (Derogation)
ทฤษฎีทางกฎหมาย: • ทฤษฎีเป็นเครื่องมือทางการให้เหตุผลเพื่ออธิบายปัญหา • ทฤษฎี ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิที่ “ไม่สมบูรณ์” (inherent limitation) • ทฤษฎีว่าด้วยเป้าหมายของรัฐ มนุษย์เกิดมามีอิสรภาพพร้อมกับพันธนาการ – ความจำเป็นของรัฐของสังคม Locke “Social Contract” • *** ไม่สามสารถใช้ทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งได้เด็ดขาด****
ทฤษฎีทางกฎหมาย (ต่อ) • ความจำเป็นที่ต้องมี ทฤษฎี • กฎหมายต้องมีเหตุผล มนุษย์ทุกคนเป็นผู้มีเหตุผล มนุษย์ยอมรับกฎหมายเพราะเห็นว่ากฎหมายนั้นมีเหตุผล • กฎหมายต้องการความชัดเจน • กฎหมายใช้ทั่วไป จึงต้องหาหลัก และวิธีการเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือ
หลักกฎหมายที่เกี่ยวกับการจำกัดสิทธิ • ศึกษาแนวคำวินิจฉัยขององค์กรสิทธิมนุษยชน สรุป สามคำ • legality, • legitimacy และ • Proportionality “สะท้อนอยู่ในรัฐธรรมนูญของไทยหรือไม่”
หลักความชอบด้วยกฎหมาย Legality • ชอบด้วยกฎหมาย จำกัดด้วยกฎหมาย (หลักLegality) • ทำไมต้อง “ตามกฎหมาย - เป็นไปตามกฎหมาย - สอดคล้องกับกฎหมาย - เท่าที่ไม่ขัดกับกฎหมาย ฯลฯ” • อะไรคือกฎหมาย ? กฎ ระเบียบ คำสั่ง เอกชนออกกฎหมายได้หรือไม่ (ระเบียบแพทยสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์/ ระเบียบสภาทนายความว่าด้วยฯลฯ /ระเบียบนิติบุคคคุลว่าด้วยการเข้าออกหมู่บ้าน และ ฯลฯ
วัตถุประสงค์ที่ชอบธรรม (หลัก legitimacy) • กฎหมายต้องมีความชอบธรรมในสังคมประชาธิปไตยเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ที่ยอมรับกันในสังคมประชาธิปไตย (Legitimacyfor pursuing democratic society aims) • วัตถุประสงค์ของสังคมประชาธิปไตย (กว้าง) • เศรษฐกิจ เช่น กฎหมายห้ามฮั้วกัน ห้าม กฎหมายประกันภัย กฎหมายห้ามนำเข้ารถยนตร์ของใช้จากต่างประเทศ การจดทะเบียนต้งกองทุน การห้ามเล่นหวยเปียร์แชร์ การห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา การขอใบอนุญาตตั้งสถาบันการเงิน
วัตถุประสงค์ที่ชอบธรรม (ต่อ) • สังคม / ศีลธรรม เช่น กฎหมายห้ามเล่นการพนัน (เสรีภาพใน กฎหมายกำหนดให้เด็กทุกคนเข้าเรียน (สิทธิในความเป็นส่วนตัว สิทธิเด็กกับครอบครัว) กฎจราจร (เสรีภาพในการเดินทาง) ออกนอกประเทศ ต้องขอวีซ่า (เสรีภาพในการเดินทาง) กฎหมายกำหนดห้ามพูด /พิมพ์ ดูหมิ่นเกลียดชังศาสนา เชื้อชาติ (เสรีภาพในการพูด) • การเมือง พรรคการเมืองต้องจดทะเบียน (เสรีภาพในการรวมกลุ่มสมาคม) กำหนดให้เกณฑ์ ทหาร • คุ้มครองสิทธิของผู้อื่น • *การแบ่งแยกประเภท ในความเป็นจริงลำบาก ไม่จำเป็น
หลักความได้สัดส่วน (proportionality) • การจำกัดต้องได้สัดส่วนกับเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุ • เช่น การดูหมิ่นศาสนา จำกัดได้ แต่การลงโทษถ้าประหารชีวิต- อาจถือว่ารุนแรงเกินไป • การค้ายาเสพติด กฎหมายจำกัดได้ แต่การลงโทษประหารชีวิต อาจถือว่ารุนแรงเกินไป
หลักความได้สัดส่วน (ต่อ) • การชุมนุมในที่สาธารณะบางแห่ง อาจห้ามได้ เช่น แจ้งให้ออก ถ้าไม่ออกอาจใช้กำลังบังคับ หรืออาจกำหนดโทษปรับ แต่การจำคุก อาจถือว่าเกินความจำเป็น ไม่ได้สัดส่วน • ปัญหาคือ “สัดส่วน” ซึ่งต้องอาศัย คุณค่าสังคม > มาตรฐานระหว่างประเทศที่พัฒนาขึ้นโดยหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งที่เป็นทางการ และ NGOs อาจใช้อ้างอิงได้บางกรณี สิ่งสำคัญคือสังคมต้องวิพากษณ์ วิจารณ์เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการ “ Weight and Balance”
หลักความได้สัดส่วน (ต่อ) • ดูรัฐธรรมนูญไทยเหมือนหลักการของสิทธิมนุษยชนหรือไม่ • มาตรา ๒๙ การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้ • กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป และไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง ทั้งต้องระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายนั้นด้วย
หลักความได้สัดส่วน (ต่อ) • ดูรัฐธรรมนูญไทยเหมือนหลักการของสิทธิมนุษยชนหรือไม่ นอกจากนั้น ยังปรากฏในหลายๆ มาตราเช่น • มาตรา ๓๓ เสรีภาพในการเดินทาง • มาตรา ๓๔ เสรีภาพในการสื่อสาร • มาตรา ๓๘การเกณฑ์แรงงาน • มาตรา ๔๒ การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ • มาตรา ๔๓เสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพ • มาตรา ๔๕เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น (เกี่ยวกับเราโดยตรง)
นิทานเรื่องน้ำหนึ่งบ่อนิทานเรื่องน้ำหนึ่งบ่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชัย ศรีรัตน์ ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา สาขาวิชานิติศาสตร มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
นิทานเรื่องบ่อน้ำหนึ่งบ่อนิทานเรื่องบ่อน้ำหนึ่งบ่อ มีบ่อน้ำหนึ่งบ่อ มีผู้ใช้หนึ่งคน เขาห่วงอะไรไหมในการใช้น้ำ มีบ่อน้ำหนึ่งบ่อ มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน รวมเป็นสองคน บังเอิญคนหนึ่งฉลาดคิดระหัดวิดน้ำได้ คนหนึ่งมีมือเปล่า เขาทำอย่างไร บ่อน้ำบ่อเดิม คราวนี้มีคนมากขึ้นเป็นหมู่บ้านทุกคนอยากใช้น้ำ และถ้าทะเลาะกัน จากการใช้น้ำใครจะตัดสิน ปัญหามากไปกว่านั้นถ้าคนหนึ่งเมื่อคนหนึ่งมีกำลังมาก อีกคนมีกำลังน้อย บ่อน้ำบ่อเดิม เกิดฝนแล้ง น้ำแห้งหมู่บ้านนี้จะจัดการอย่างไร หมู่บ้านจะทำอย่างไรเพื่อให้ใช้น้ำเกิดประโยชน์ที่สุด ในเมื่อทุกคนอยากใช้ประโยชน์สำหรับตนเอง ครอบครัวมากที่สุดเช่นเดียวกัน ในยามที่ครอบครัวหนึ่งเจ็บป่วยพ่อแม่ มีหมู่บ้านอื่นเขาจะมาแย่งน้ำ เขาจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้คนถิ่นอื่นมาแย่งน้ำ
นิทานเรื่องบ่อน้ำหนึ่งบ่อนิทานเรื่องบ่อน้ำหนึ่งบ่อ บ่อน้ำบ่อเดิม เกิดฝนแล้ง น้ำแห้งหมู่บ้านนี้จะจัดการอย่างไร หมู่บ้านจะทำอย่างไรเพื่อให้ใช้น้ำเกิดประโยชน์ที่สุด ทุกคนอยากใช้ประโยชน์สำหรับตนเอง และครอบครัวของตัวเองมากที่สุด ในยามที่ครอบครัวหนึ่งพ่อแม่เจ็บป่วยลูกเล็ก งอแง ไร้ความสามารถที่จะเดินไปเอาน้ำ ใครจะบอกว่าสังควรควรช่วยเหลือครอบครัวนี้ มีหมู่บ้านอื่นเขาจะมาแย่งน้ำ เขาจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้คนถิ่นอื่นมาแย่งน้ำ ในทางกลับกันถ้าเรามีน้ำ เหลือเฟือ แต่หมู่บ้านอื่นที่ขัดสนขาดแคลน เราจะแบ่งให้เขาหรือไม่ ใครเป็นคนตัดสิน หามติอย่างไร
นิทานเรื่องบ่อน้ำหนึ่งบ่อนิทานเรื่องบ่อน้ำหนึ่งบ่อ แล้วถ้าเปลี่ยนจากบ่อน้ำเป็นป่าไม้ เป็นเหมืองถ่านหิน บ่อก๊าซ เป็นถนนหนทาง ลองเปลี่ยนจาก บ่อน้ำ เป็นศิลปวัฒนธรรม ความมั่นคงผาสุกของสังคม เปลี่ยนจากบ่อน้ำบ่อเดิมเป็น ระบบเศรษฐกิจ การเงินของรัฐ เราคิดว่า เหมือนกันหรือต่างกัน หรือไม่อย่างไร ปัญหาว่าใครเป็นคนตัดสิน จัดการแบ่งผลประโยชน์เหล่านี้ และคนที่มาแบ่งผลประโยชน์เหล่านี้จะกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆบังคับเราได้อย่างไร และถ้ากระทบต่อสิทธิที่เราเคยมีอยู่เดิมจะขัดขืนได้หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น เราใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการคิดพิจารณาประเด็นปัญหาเหล่านี้