1 / 28

การเข้าร่วมโครงการ กรอ.

การเข้าร่วมโครงการ กรอ. สถานศึกษาที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ ให้ยื่นความจำนง เพื่อจัดทำ MOU สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ประกาศรายชื่อในบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ

Download Presentation

การเข้าร่วมโครงการ กรอ.

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเข้าร่วมโครงการ กรอ. • สถานศึกษาที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ ให้ยื่นความจำนง เพื่อจัดทำ MOU • สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ประกาศรายชื่อในบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ • ในกรณีสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการไม่ปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และมติคณะกรรมการกองทุน จนอาจก่อให้เกิดความเสียหาย กองทุนจะพิจารณาเพิกถอนชื่อสถานศึกษานั้นออกจากบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ

  2. กองทุน กรอ. • สถานศึกษาต้องจัดการเรียนการสอนในระดับ ปวส. อนุปริญญา และปริญญาตรี • เปิดหลักสูตร/ สาขาวิชา ถูกต้อง และให้กู้ยืมได้ตามสาขาวิชาที่กองทุนประกาศ หากยากจนให้กู้ค่าครองชีพเพิ่มได้ • ผู้รับทุน มีสัญชาติไทย เรียนในสาขาวิชาที่กำหนด อายุไม่เกิน 30 ปี • ชำระหนี้ เมื่อจบการศึกษา/เลิกศึกษา มีรายได้ 16,000 บาทต่อเดือน • ผู้รับทุนต้องแจ้งจำนวนรายได้ที่ธนาคารในเดือนมีนาคม ของทุกปี

  3. การเข้าร่วมโครงการ กยศ. สถานศึกษาที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง และเห็นชอบหลักสูตร จากหน่วยงานที่สถานศึกษาสังกัด ได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุบัญชีจ่ายที่ 1 หรือคณะอนุบัญชีจ่ายที่ 2

  4. การตั้งคณะกรรมการพิจารณาการให้กู้ยืมเงินประจำสถานศึกษาการตั้งคณะกรรมการพิจารณาการให้กู้ยืมเงินประจำสถานศึกษา • องค์ประกอบ 5 คน ดังนี้ • ผู้บริหารสถานศึกษา 1 คน เป็นประธาน • ผู้แทนองค์กรชุมชน 1 คน เป็นกรรมการ (ผู้ที่อยู่ในชุมชน) • อาจารย์ / ครู จำนวน 2 คน เป็นกรรมการ • ประธานแต่งตั้งบุคลากร 1 คน เป็นกรรมการและเลขานุการ

  5. การมอบอำนาจดำเนินงาน กองทุนมอบอำนาจให้ผู้บริหารโรงเรียน สถานศึกษา สถาบันการศึกษา • รับคำขอกู้ยืม พิจารณาคุณสมบัติผู้กู้ยืม • อนุมัติและลงนามในสัญญา - บอกเลิกสัญญา สามารถมอบอำนาจช่วงให้บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งรองลงไป หนึ่งระดับ (คนเดียวหรือหลายคนก็ได้)

  6. การส่งตัวอย่างลายมือชื่อการส่งตัวอย่างลายมือชื่อ • (1) ให้สถานศึกษาส่งลายมือชื่อผู้กระทำการแทนสถานศึกษาฉบับนี้ พร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลดังกล่าวกระทำการแทนสถานศึกษา ให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา 1 ชุด ให้บมจ.ธนาคารกรุงไทย (ฝ่ายบริหารโครงการภาครัฐ) ให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ฝ่ายนโยบายรัฐ) แห่งละ 1 ชุด • (2) กรณีแก้ไขเปลี่ยนแปลงต้องดำเนินการตาม (1)

  7. 1.การพิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้1.การพิจารณาคุณสมบัติของผู้กู้ • เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ • หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน • มีผู้รับรองรายได้ • ไม่เป็นผู้ที่ทำงานประจำ

  8. การพิจารณารายได้ครอบครัวไม่เกิน 200,000 บาท ต่อปี การพิจารณารายได้ครอบครัว ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ รายได้รวมของผู้ขอกู้ยืมรวมกับรายได้ของบิดาและมารดา กรณีที่บิดาและมารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง รายได้รวมของผู้ขอกู้ยืมรวมกับรายได้ของผู้ปกครองในกรณีที่ผู้ใช้อำนาจปกครองไม่ใช่บิดา มารดา รายได้รวมของผู้ขอกู้ยืมรวมกับรายได้ของคู่สมรสในกรณีที่ผู้ขอรับทุนสมรสแล้ว

  9. ผู้รับรองรายได้ • เจ้าหน้าที่ของรัฐ • เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับบำเหน็จบำนาญ • สมาชิกสภาเขต สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร/ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร • หัวหน้าสถานศึกษาที่ผู้ขอกู้ยืมศึกษาอยู่

  10. “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า (1) ข้าราชการการเมือง (2) ข้าราชการกรุงเทพมหานคร (3) ข้าราชการครู (4) ข้าราชการตำรวจ (5) ข้าราชการทหาร (6) ข้าราชการฝ่ายตุลาการ

  11. (7) ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (8) ข้าราชการฝ่ายอัยการ (9) ข้าราชการพลเรือน (10) ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย (11) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา (12) สมาชิกสภาท้องถิ่นและหรือผู้บริหารท้องถิ่น (13) ข้าราชการหรือพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

  12. (14) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (15) เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐ หรือองค์การมหาชน (16) ข้าราชการ พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่อื่นซึ่งมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

  13. “เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับบำเหน็จบำนาญ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งออกจากราชการ หรือพ้นจากตำแหน่ง โดยมีสิทธิได้รับ บำเหน็จบำนาญ

  14. ผู้ที่ทำงานประจำหมายความว่าผู้ที่ทำงานประจำหมายความว่า • ผู้ที่มีงานทำหรือรับจ้างในงานที่จ้างโดยเฉลี่ยวันละ 8-9 ชั่วโมง • งานต้องมีลักษณะประจำ ไม่เป็นงานจรเฉพาะคราว หรือเป็นไปตามฤดูกาล • สามารถทำงานตามข้อตกลงหรือที่ว่าจ้าง ไปจนกว่าจะปลดเกษียณ หรือถูกให้ออก

  15. คุณสมบัตินักเรียน นักศึกษา กยศ. เฉพาะข้อที่สำคัญ เป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีหรือผ่านเกณฑ์การวัดและประเมินผลของสถานบันการศึกษา เป็นผู้ที่มีความประพฤติดี ไม่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสถานศึกษาขั้นร้ายแรง เช่น หมกมุ่นในการพนัน เสพยาเสพติดให้โทษ ดื่มสุราเป็นอาจิณหรือเที่ยวเตร่ในสถานบันเทิงเริงรมย์เป็นอาจิณ เป็นต้น ไม่เป็นผู้ที่ทำงานประจำในระหว่างศึกษา ไม่เคยเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมาก่อน ต้องมีอายุในขณะที่ขอกู้ โดยเมื่อนับรวมกับระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี และระยะเวลาผ่อนชำระ 15 ปี รวมกันแล้วไม่เกิน 60 ปี

  16. อายุผู้กู้ • อายุขณะยื่นกู้ +2+15 < 60 • เงื่อนไขอื่น ๆ เช่น ระดับความยากจน ภาระของครอบครัว เคยเป็นหนี้กองทุนแล้วไม่ชำระคืน เป็นต้น

  17. 2. ตรวจสอบสัญญากู้ยืม/สัญญาค้ำประกัน • ลายมือชื่อผู้กู้ • ลายมือชื่อผู้แทนโดยชอบธรรม/ผู้ปกครอง • ลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน • ผู้รับรองลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน • การเปลี่ยนตัวผู้ค้ำประกัน • พยาน ฝ่ายผู้กู้และฝ่ายสถานศึกษา

  18. 3. เก็บสำเนาหลักฐานการส่งสัญญากู้ให้ธนาคาร4. เก็บแบบคำขอกู้ + หลักฐานของผู้กู้ไม่ได้รับอนุมัติให้กู้ 60 วันได้รับอนุมัติให้กู้ เมื่อชำระหนี้ครบ5. จัดทำทะเบียนผู้กู้แต่ละปี

  19. 6. แจ้งการไม่ลงทะเบียบเรียนของผู้กู้ ภายใน 7 วัน 7. รายงานผลการศึกษา(แบบกยศ. 110) ทุกสิ้นปีการศึกษา 8. แจ้งการพ้นสภาพนักศึกษา(แบบกยศ. 109) ภายใน 15 วัน 9. ทำทะเบียน / สำรวจข้อมูลที่อยู่ของผู้กู้ที่สำเร็จการศึกษา /เลิกศึกษา / พ้นสภาพการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา แต่ละปีและส่งให้ธนาคาร

  20. 10.ห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะนำกองทุน ไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้บุคคลอื่นเข้ามาศึกษา 11. ให้ตรวจสอบและถอนเงินออกจากบัญชี กยศ. ของสถานศึกษา ตามจำนวนเงินที่ผู้กู้ลงทะเบียนเรียนจริงเท่านั้น (ให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เป็นค่าเล่าเรียนเท่านั้น)

  21. ผู้กู้ยืมจะได้รับการพิจารณาให้กู้ตามจำนวนปีที่กำหนดไว้ในหลักสูตร กล่าวคือ - ผู้ที่ศึกษาในหลักสูตร 4 ปี จะมีสิทธิ์กู้ได้ไม่เกิน 4 ครั้ง - ผู้ที่ศึกษาในหลักสูตร 5 ปี จะมีสิทธิ์กู้ได้ไม่เกิน 5 ครั้ง - ผู้ที่ศึกษาในหลักสูตร 6 ปี จะมีสิทธิ์กู้ได้ไม่เกิน 6 ครั้ง ผู้กู้ยืมที่ไม่สามารถจบการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนด คณะกรรมการกองทุนฯ ได้กำหนดคุณสมบัติผู้ขอกู้ยืมเกินกว่าหลักสูตรไว้ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 ผู้กู้ยืมประสบเหตุสุดวิสัย เช่น เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องลาพักการศึกษา กรณีที่ 2 ผู้กู้ยืมเรียนมาตลอดหลักสูตร แต่ไม่สำเร็จการศึกษาตาม ระยะเวลาที่กำหนด

  22. ผู้กู้ยืมต้องเรียนในคณะ สาขา/วิชา เดิมตลอดหลักสูตรในสถาบันการศึกษา และ • ต้องสำเร็จการศึกษาภายใน 1 ภาคการศึกษา หรือ 1 ปีการศึกษา • สถานศึกษาต้องเสนอรายชื่อนิสิต นักศึกษาที่สมควรจะให้กู้ยืมเกินกว่าจำนวนปีที่กำหนดและวงเงินในการให้กู้ยืม พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลประกอบการพิจารณาให้คณะอนุกรรมการบัญชีจ่ายที่หนึ่ง หรือสองพิจารณาเป็นรายๆไป

  23. การชำระหนี้คืน 1. มีความรับผิดชอบในการกู้ยืมเงิน 2. มีความตระหนักเห็นคุณค่า ประโยชน์ในการส่งต่อโอกาสในแก่รุ่นน้อง 3. มีความเข้าใจในหลักเกณฑ์การชำระเงินอย่างถูกต้อง 4. มีการติดตามข้อมูล ข่าวสารจากกองทุนฯ อย่างต่อเนื่อง 5. มีความพร้อมในการชำระเงินคืน

  24. เมื่อจบการศึกษา หรือเลิกการศึกษาแล้วเป็นเวลา 2 ปี ชำระคืนทุกวันที่ 5 กรกฎาคม ของทุกปี

  25. ตัวอย่าง ผู้กู้ยืมเงินสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2555 มีระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี ผู้กู้ยืมครบกำหนดชำระหนี้คืน ภายในวันที่ 5 ก.ค.2558 ปีการศึกษา 2555 ระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี

  26. ความร่วมมือระหว่างองค์กรความร่วมมือระหว่างองค์กร • เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2556 กองทุนและ 24 องค์กร ได้ลงนามใน MOU เพื่อสนับสนุนงานกองทุน ดังนี้ • ด้านการรณรงค์และสร้างจิตสำนึกในการชำระหนี้ เพื่อประโยชน์ในการติดตามหนี้ เช่น องค์กรนายจ้าง องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ศูนย์คุณธรรม • ด้านการสนับสนุนองค์ความรู้ในการสร้างรายได้ และสนับสนุนการมีงานทำ เช่น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กรมการจัดหางาน • การนำข้อมูลลูกหนี้เข้าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด

More Related