550 likes | 1.97k Views
ระบบต่อมไร้ท่อ. น.ส ปริญ ดา วงศ์เจริญ ม. 4/15 เลขที่ 21. ระบบต่อมไร้ท่อคืออะไร. ระบบต่อมไร้ท่อ เป็น ระบบที่ สำคัญในการควบคุม การทำงานของร่างกาย ระบบ ต่อมไร้ท่อประกอบด้วยกลุ่มเซลล์หรือ อวัยวะที่ มีหน้าที่สร้างและหลั่งสารเคมีที่ เรียกว่า ฮอร์โมน. ฮอร์โมนคืออะไร.
E N D
ระบบต่อมไร้ท่อ น.สปริญดา วงศ์เจริญ ม.4/15 เลขที่ 21
ระบบต่อมไร้ท่อคืออะไรระบบต่อมไร้ท่อคืออะไร • ระบบต่อมไร้ท่อ เป็นระบบที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของร่างกาย ระบบต่อมไร้ท่อประกอบด้วยกลุ่มเซลล์หรืออวัยวะที่มีหน้าที่สร้างและหลั่งสารเคมีที่เรียกว่าฮอร์โมน
ฮอร์โมนคืออะไร • ฮอร์โมน คือ สารเคมีที่หลั่งมาจากต่อมไร้ท่อ แล้วเข้าไปในกระแสเลือด เพื่อไปมีผลต่ออวัยวะหรือเซลล์เป้าหมาย ที่มีตัวรับที่เฉพาะเจาะจงต่อฮอร์โมนนั้น
ต่อมไร้ท่อที่ร่างกายขาดไม่ได้ต่อมไร้ท่อที่ร่างกายขาดไม่ได้ • ต่อมไทรอยด์ (thyroidgland) • ต่อมพาราไทรอยด์ (parathyroid gland) • ต่อมหมวกไตส่วนนอก (adrenal cortex) • ตับอ่อน (pancreas)
ต่อมไพเนียล (Pineal gland) อยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่างรอยต่อของสมองส่วนซีรีบรัมซ้ายและขวา ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมนี้คือ ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) โดยเมลา-โทนินจะไปยับยั้งการเจริญของอวัยวะสืบพันธุ์ และไปยับยั้งการหลั่งโกนาโดโทรฟิน ทำให้การเติบโตเป็นหนุ่มสาวช้า ในสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้าและสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดพบว่าฮอร์โมนเมลาโทนินมีผลทำให้สีผิวของสัตว์มีสีจางลง ในสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด ต่อมนี้ยังทำหน้าที่เป็นกลุ่มเซลล์รับแสงคล้ายเนื้อเยื่อเรตินาของนัยน์ตาอีกด้วย
ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) มีขนาดประมาณ 1 - 1.5 เซนติเมตร เป็นต่อมที่อยู่ติดกับส่วนล่างของสมองส่วนไฮโปทาลามัส แบ่งได้ 3 ส่วน คือ ต่อมใต้สมองส่วนหน้า ต่อมใต้สมองส่วนกลาง ต่อมใต้สมองส่วนหลัง
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนโดยไฮโปทาลามัส และผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ได้แก่ โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) โกนาโดโทรฟิน(Gonadotrophin hormone) โพรแลกทิน (Prolactin) อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟิน(Adrenocorticotrophin) ไทรอยด์สติมิวเลติงฮอร์โมน (Thyroid stimulating hormone) เอนดอร์ฟิน (Endorphin)
โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) เรียกย่อว่า GH หรือ โซมาโตโทรฟริน (Somatotrophin)เรียกย่อว่า STH • อวัยวะเป้าหมาย : อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ได้แก่ กระดูก กล้ามเนื้อที่เป็นส่วนประกอบของร่างกายทั้งหมดโดยฮอร์โมนจะมีผลทำให้เซลล์เพิ่มการนำกรดอะ-มิโนเข้าสู่เซลล์และเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนของเซลล์ • หน้าที่ : ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายทั่วๆไป
โกรทฮอร์โมนมากเกินไป ผู้ใหญ่:ร่างกายไม่สูงใหญ่กว่าปกติมากนักแต่ส่วนที่เป็นกระดูกตามแขน ขา คาง กระดูกขากรรไกรและกระดูกแก้ม ยังตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้อยู่ทำให้เกิดความผิดปกติของกระดูกตามบริเวณใบหน้า นิ้วมือ นิ้วเท้า เรียกอาการดังกล่าวนี้ว่า อะโครเมกาลี (Acromegaly) วัยเด็ก:ทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายสูงผิดปกติเรียกว่า ไจแกนทิซึม (Gigantism) พบในวัยรุ่นไม่ค่อยพบในวัยเด็ก
โกรทฮอร์โมนน้อยเกินไปโกรทฮอร์โมนน้อยเกินไป วัยเด็ก:ทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายน้อยผิดปกติเกิดลักษณะเตี้ยแคระเรียกว่า Dwarfism ผู้ใหญ่:ไม่มีอาการปรากฏเด่นชัดแต่พบว่าระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดจะต่ำกว่าคนปกติทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อความเครียดต่างๆทางอารมณ์ได้
โกนาโดโทรฟิน(Gonadotropin) เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ และควบคุมลักษณะทางเพศ ต่อมใต้สมองส่วนหน้าจะเริ่มต้นหลั่งโกนาโดโทรฟินเมื่อเริ่มเข้าวัยหนุ่มสาว โดยไฮโปรทาลามัสจะเริ่มต้นหลั่งโกนาโดโทรฟินรีลิสซิงฮอร์โมน ซึ่งจะกระตุ้นต่อมใต้สมองให้หลั่งโกนาโดโทรฟิน โกนาโดโทรฟินประกอบด้วยฮอร์โมนที่สำคัญ 2 ชนิด คือ ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมน ลูทิไนซิงฮอร์โมน
ฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมน (Follicle stimulating hormone) เรียกย่อว่า FSH เป็นฮอร์โมนที่ไปมีผลต่ออวัยวะเป้าหมายโดยตรงไม่ได้กระตุ้นให้อวัยวะเป้าหมายสร้างฮอร์โมน ในผู้ชาย อวัยวะเป้าหมาย : อัณฑะ และ หลอดสร้างอสุจิหน้าที่ : กระตุ้นการเจริญของอัณฑะ และ หลอกสร้างอสุจิให้สร้างอสุจิ ในผู้หญิง อวัยวะเป้าหมาย : ฟอลลิเคิล ( follicle ) ที่อยู่ในรังไข่หน้าที่ : กระตุ้นให้ฟอลลิเคิลแบ่งเซลล์และสร้าง ฮอร์โมนอีสโทรเจน (estrogen)
ลูทิไนซิงฮอร์โมน(Luteinizing hormone) • เรียกย่อว่า LH • ในผู้ชาย อวัยวะเป้าหมาย : กลุ่มเซลล์อินเตอร์สติเชียล (Interstitial cell) หรือ เซลล์เลย์ดิก (Leydig cell) ที่แทรกอยู่ระหว่างหลอดสร้างอสุจิให้หลั่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) • ในผู้หญิง อวัยวะเป้าหมาย : ฟอลลิเคิล ( follicle ) ในรังไข่หน้าที่ : กระตุ้นการตกไข่จากฟอลลิเคิลและกระตุ้นให้เกิดคอปัสลูเทียมและสร้างฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนทำหน้าที่ร่วมกับฮอร์โมนเอสโทรเจน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่รังไข่และมดลูกเพื่อรอรับการฝังตัวของเอ็มบริโอ
โพรแลกทิน(Prolactin) เรียกย่อว่า PRL • อวัยวะเป้าหมาย: เซลล์ต่อมน้ำนม • หน้าที่ : กระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนมในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และขณะเลี้ยงทารกและพบว่าขณะที่ทารกดูดนมแม่จะมีการกระตุ้นให้หลั่ง ฮอร์โมนนี้เพิ่มมากขึ้นทำให้มีน้ำนมเลี้ยงทารกตลอดเวลาแต่ถ้ามารดาที่ไม่ให้นมทารกการหลั่งฮอร์โมนนี้จะน้อยลงมีผลทำให้ต่อมน้ำนมหยุดสร้างน้ำนม
อะดรีโนคอร์ติโคโทรฟิกฮอร์โมน(Adrenocorticotrophic hormone) เรียกย่อว่า ACTH • อวัยวะเป้าหมาย : ต่อมหมวกไตส่วนนอก • หน้าที่ : กระตุ้นต่อมหมวกไตส่วนนอกให้สร้างและหลั่งฮอร์โมนตามปกติ
ไทรอยด์สติมิวเลติงฮอร์โมน (Thyroid stimulating hormone) เรียกย่อว่า TSH • อวัยวะเป้าหมาย : ต่อมไทรอยด์ • หน้าที่ : กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้างและหลั่งฮอร์โมนตามปกติ
เอนดอร์ฟิน (Endorphin) เป็นสารที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีนพบว่ามีแหล่งสร้างจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า และอาจสร้างจากเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆอีกด้วย เป็นสารที่ทำหน้าที่ระงับความเจ็บปวดและเชื่อกันว่าเอนดอร์ฟีนยังเป็นสารที่ทำให้เรามีความคิดในทางสร้างสรรค์ ช่วยเพิ่มความตื่นตัวมีชีวิตชีวาและความสุข ซึ่งสารนี้จะหลั่งเมื่อเราออกกำลังกายหรือเมื่อเรามีอารมณ์แจ่มใส จึงเรียกสารที่หลั่งมานี้ว่า สารแห่งความสุข
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนกลางฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนกลาง จะมีความสำคัญและหน้าที่เด่นชัดเฉพาะในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังบางชนิดเท่านั้น โดยทำหน้าที่ผลิตและหลั่งเมลาโนไซต์สติมิวเล-ติงฮอร์โมน (Melanocyte-stimulating hormone) ในสัตว์จำพวกปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดสามารถเปลี่ยนสีผิวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่อการพรางตัวได้อย่างรวดเร็ว ในคนต่อมใต้สมองส่วนกลางจะมีขนาดเล็กมาก และจัดเป็นส่วนหนึ่งของต่อมใต้สมองส่วนหน้า ทำหน้าที่ผลิตและหลั่ง MSH ซึ่งมีสูตรโครงสร้างคล้ายกับ ACTH มาก แต่ไม่มีบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลังฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง เจริญมาจากเนื้อเยื่อประสาท ต่อมใต้สมองส่วนหลังเป็นที่เก็บฮอร์โมนสองชนิดที่หลั่งจากของใยประสาทแอกซอน (Axon) ของนิวโรซีครีทอรีเซลล์ที่ตัวเซลล์อยู่ที่สมองส่วนไฮโพทาลามัสฮอร์โมนจะเคลื่อนที่ตามเส้นประสาทแอกซอนและมาเก็บไว้ที่ต่อมใต้สมองส่วนหลัง และผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ได้แก่ • แอนตี้ไดยูเรติกฮอร์โมน (Antidiuretic hormone) • ออกซิโทซิน (Oxytocin)
วาโซเพรสซินหรือแอนตี้ไดยูเรติกฮอร์โมน (Antidiuretic hormone) เรียกย่อว่า ADH • อวัยวะเป้าหมาย: ท่อหน่วยไตและหลอดเลือดแดง • หน้าที่: กระตุ้นการดูดน้ำกลับเข้าสู่ท่อหน่วยไตเมื่อปริมาณน้ำในเลือดลดลงจึงควบคุมการเกิดน้ำปัสสาวะ • ความผิดปกติ : ถ้าขาดจะเป็นโรคเบาจืด จะปัสสาวะบ่อยเนื่องจาก ท่อหน่วยไตดูดน้ำกลับเข้าสู่ท่อได้น้อย
ออกซิโทซิน(Oxytocin) • อวัยวะเป้าหมาย : กล้ามเนื้อมดลูกและกล้ามเนื้อรอบๆต่อมน้ำนม • หน้าที่ : กระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูกให้บีบหรือหดตัวเป็นระยะๆเพื่อให้ทารกคลอด กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อรอบๆต่อมน้ำนมทำให้มีการหลั่งน้ำนมเพื่อเลี้ยงทารก
ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนธัยรอยด์ ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก สมองและระบบประสาท ในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต และยังควบคุมอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายและผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ได้แก่ • ฮอร์โมนไทรอกซิน (thyroxin) • ฮอร์โมนคัลซิโตนิน (calcitonin)
ไทรอกซิน(thyroxin) แหล่งที่สร้าง : ไทรอยด์ฟอลลิเคิลอวัยวะเป้าหมาย : อวัยวะในร่างกายทั่วไป • ฮอร์โมนไทรอกซินมากเกินไปในผู้ใหญ่ : เกิดอาการที่เรียกว่าไทรอยด์เป็นพิษหรือโรคคอพอกเป็นพิษ (Toxic goiter) จะทำให้ร่างกายมีอัตราการเกิดเมแทบอลิซึมสูงกว่าปกติ ทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงที่ผิวหนังมากเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้กินจุ น้ำหนักลด มีการเคลื่อนไหวของลำไส้มาก ตัวอุ่นชื้นเนื่องจากเส้นเลือดแดงคลายตัว ตาโปน เนื่องจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหลังลูกตาอ่อนกำลังลง • วิธีรักษา : ทำได้โดย กินยายับยั้งการสร้างฮอร์โมน ผ่าตัดเอาบางส่วนของต่อมออก กินไอโอดีนที่เป็นสารกัมมันตรังสีเพื่อทำลายเซลล์ที่สร้างฮอร์โมน อาการตาโปน
อาการขาดฮอร์โมนไทรอกซินอาการขาดฮอร์โมนไทรอกซิน วัยเด็ก:การเจริญเติบโตของสมองพัฒนาการทาง ด้านสติปัญญาด้อยมาก ปัญญาอ่อน แขน ขาสั้น หน้าและมือบวม ผิวหยาบแห้ง ผมบาง ไม่เจริญเติบโต รูปร่างเตี้ยแคระซึ่งแตกต่างจากเด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมน เรียกกลุ่มอาการนี้ว่า โรคเอ๋อหรือเครทินิซึม (Cretinism) ผู้ใหญ่:อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย เคลื่อนไหวช้า กล้ามเนื้ออ่อนแรงติดเชื้อได้ง่าย หัวใจเต้นช้า ทนหนาวไม่ได้ มีคอเลสเทอรอลสูง อ้วน ทำให้น้ำหนักเพิ่ม ผมและผิวแห้ง สมองจะทำงานช้าลง ประจำเดือนผิดปกติ เรียกกลุ่มอาการดังกล่าวนี้ว่า มิกซีดีมา(Myxedema)
แคลซิโทนิน(calcitonin) • แหล่งที่สร้าง : สร้างจากเซลล์พาราฟอลลิคิวลาร์หรือเซลล์ซี • อวัยวะเป้าหมาย : กระดูก, ท่อหน่วยไต และ ลำไส้เล็ก • หน้าที่ : ลดระดับแคลเซียมในเลือดให้ต่ำลงถ้าในเลือดมีระดับแคลเซียมสูงกว่าปกติ ทำได้โดย การเพิ่มการสะสมแคลเซียมที่กระดูกและการลดการดูดแคลเซียมกลับจากท่อหน่วยไต (ขับแคลเซียมทิ้งทางน้ำปัสสาวะ) • แคลซิโทนิน จะทำหน้าที่ร่วมกับฮอร์โมน จากต่อม พาราไทรอยด์ และวิตตามิน D ในการรักษาสมดุล ของแคลเซียมและฟอสเฟสในร่างกาย
ต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid gland) ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญชื่อพาราธอร์โมน ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการ ควบคุมเมตาบอลิซึมของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย การสร้างกระดูกและควบคุมบทบาท ของวิตามินดีในร่างกาย
ความผิดปกติของฮอร์โมนพาราทอร์โมนความผิดปกติของฮอร์โมนพาราทอร์โมน • ระดับฮอร์โมนต่ำเกินไป : จะเกิดสภาวะเรียกว่าไฮโปพาราไทรอยดิสซึม (Hypoparathyroidism) ทำให้การดูดแคลเซียมกลับที่ท่อของหน่วยไตลดน้อยลง มีฟอสฟอรัสมากขึ้น ทำให้เกิดตะคริวชักกระตุก กล้ามเนื้อเกร็ง • ระดับฮอร์โมนสูงเกินไป : จะเกิดสภาวะที่เรียกว่าไฮเปอร์พาราไทรอยด์ดิสซึม (Hyperparathyroidism) มีผลให้มีการดึงฟอสฟอรัสออกจากเลือดแคลเซียมถูกดึงออกจากกระดูกและฟันเข้าสู่กระแสเลือด แคลเซียมในเลือดสูงกว่าปกติ กระดูกผิดปกติ กระดูกบาง ฟันหักและผุง่าย
ตับอ่อน(pancreas) เป็นต่อมที่มีท่อและไร้ท่อ ส่วนที่เป็นต่อมไร้ท่อทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเส้นเลือดนั่นคือ • อินซูลิน (Insulin) • กลูคากอน (Glucagon)
ฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อนฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ฮอร์โมนอินซูลิน(lnsulin) แหล่งสร้าง : จากเบต้าเซลล์ อวัยวะเป้าหมาย : ตับ , กล้ามเนื้อ หน้าที่ : ลดระดับน้ำตาลในเลือด ความผิดปกติ : ทำให้เกิดโรคเบาหวาน( diabetes mellitus)โรคนี้เกิดจากตับอ่อนสร้าง ฮอร์โมนอินซูลิน(lnsulin) ได้น้อยหรือไม่ได้เลย ฮอร์โมนกลูคากอน(Glucagon) แหล่งที่สร้าง : จากแอลฟาเซลล์ อวัยวะเป้าหมาย : ตับ , กล้ามเนื้อ หน้าที่ : กระตุ้นให้เซลล์ตับและเซลล์กล้ามเนื้อเปลี่ยนไกลโคเจนให้เป็นกลูโคสปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดและเพิ่มการสังเคราะห์กลูโคสจากกรดอะมิโนและกรดไขมัน
ต่อมหมวกไต(ADRENAL GLAND) ต่อมหมวกไตอยู่ด้านบนของไตทั้งสองข้าง แต่ละต่อมประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชั้น ซึ่งทั้งสองส่วนจะผลิตฮอร์โมนพวกสารสเตอรอยด์ที่ทำหน้าที่ต่างกันคือ • ต่อมหมวกไตด้านนอก (Adrenal cortex) • ต่อมหมวกไตด้านใน (Adrenal medulla)
ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอกฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนนอก 1.ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ (Glucocorticoids) ฮอร์โมนที่สำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่คอร์ติซอล (Cortisol) • อวัยวะเป้าหมาย : เซลล์ตับ • หน้าที่ : เพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือด • ความผิดปกติ : ถ้ามีฮอร์โมนกลุ่มนี้มากเกินไปจะทำให้เกิด โรคคูชชิง ( Cushing’s syndrome) เกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิงโดยมีความผิดปกติเกี่ยวกับเมทาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีนทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น กล้ามเนื้อ อ่อนแรงเนื่องจากมีการสลายโปรตีนและไขมันตามบริเวณแขนขา โรคคูชชิง
2.ฮอร์โมนมินเนอราโลคอร์ติคอยด์ (Mineralocorticoid) ฮอร์โมนที่สำคัญในกลุ่มนี้ ได้แก่ แอลโดสเตอโรน (Aldosterone) ทำหน้าที่ในการควบคุมความสมดุลของน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย • อวัยวะเป้าหมาย : ไต (ท่อหน่วยไต) • หน้าที่ : ช่วยในการทำงานของไตในการดูดน้ำและNa+ กลับเข้าสู่ท่อหน่วยไต ขับ K+ ออกจากท่อหน่วยไต และควบคุมความสมดุลของฟอสเฟต • ความผิดปกติ : ถ้าขาด แอลโดสเตอโรน จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและโซเดียมไปพร้อมกับปัสสาวะส่งผลให้เลือดในร่างกายลดลงจนอาจทำให้ผู้ป่วยตายเพราะความดันเลือดต่ำ
3.ฮอร์โมนเพศ (Sex hormone) ซึ่งสร้างปริมาณเพียงเล็กน้อย เท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับที่สร้างจาก อวัยวะเพศดังนั้น ในวัยผู้ใหญ่ เมื่อหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมามากจะไม่พบความผิดปกติแต่ในวัยเด็กถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้เป็นหนุ่มเร็วกว่ากำหนดส่วนในเพศหญิงเนื่องจากต่อมหมวกไตส่วนนอกนี้ผลิตแอนโดรเจน (androgen) ถ้ามีการผลิตฮอร์โมนนี้มากซึ่งอาจเกิดจากมีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต จะทำให้เกิดลักษณะของเพศชายได้ ถ้าต่อมหมวกไตด้านนอก ถูกทำลายจะไม่สามารถสร้างฮอร์โมนทำให้เป็น โรคแอดดิสัน (Addison’s disease) ผู้ที่เป็นโรคนี้ร่างกายจะซูบผอม ผิวหนังตกกระ ร่างกายไม่สามารถรักษาสมดุลของแร่ธาตุได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยโรคแอดดิสัน
ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนในฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนใน ฮอร์โมนเอพิเนฟริน (Epinephrine hormone) หรือ อะดรีนาลิน (Adrenalin hormone) • แหล่งที่สร้าง : ต่อมหมวกไตด้านในหรืออะดรีนัลเมดัลลา (Adrenal medulla) • อวัยวะเป้าหมาย : ตับ, หลอดเลือดแดงขนาดเล็ก, หัวใจ • หน้าที่ : เปลี่ยนไกลโคเจนในตับให้เป็นกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดทำมีระดับกลูโคสเพิ่มขึ้นในกระแสเลือด ฮอร์โมนนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine hormone) หรือ นอร์อะดรีนาลิน (Noradrenalin hormone) • แหล่งที่สร้าง : ต่อมหมวกไตด้านในหรืออะดรีนัลเมดัลลา (Adrenal medulla) • อวัยวะเป้าหมาย : ตับ, หลอดเลือดแดงขนาดเล็ก, หัวใจ • หน้าที่ : ฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาจากปลายประสาทซิมพาเทติกได้ด้วย ฮอร์โมนชนิดนี้คล้ายกับอะดรีนาลินมากคือเปลี่ยน ไกลโคเจนในตับให้เป็นกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดทำมีระดับกลูโคสเพิ่มขึ้นในกระแส
ต่อมเพศ (GONAD) แหล่งสร้างฮอร์โมนจากอวัยวะเพศ ได้แก่ • รังไข่ • อัณฑะ
รังไข่ รังไข่ เป็นต่อมไร้ท่อที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ไปมากที่สุด มีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วอยู่ 2 ข้างของมดลูก ฮอร์โมนที่สำคัญมี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ • เอสโตรเจน (estrogen) • โปรเจสเตอโรน (progesterone)
ฮอร์โมนจากอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงฮอร์โมนจากอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง อิสโทรเจน (Estrogen) : ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่กระตุ้นและควบคุมลักษณะขั้นที่สองของเพศหญิง โดยกระตุ้นให้ต่อมน้ำนมเจริญเติบโตขึ้น กระตุ้นการเจริญของอวัยวะเพศ กระตุ้นมดลูก ท่อนำไข่ เมื่อปริมาณอิสโทรเจนสูงขึ้น จะมีผลให้ LH สูงขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการตกไข่ โพรเจสเทอโรน (Progesterone) : สร้างมาจากคอร์พัสลูเทียม (Corpus luteum) ของรังไข่ เมื่อไข่ตกแล้ว ผนังของฟอลิเคิลที่ไข่ตกจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อสีเหลือง โดยการกระตุ้นของ LH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าเนื้อเยื่อสีเหลืองคือ คอร์พัสลูเทียม ฮอร์โมนนี้มีผลในการกระตุ้น ผนังในมดลูกให้หนาขึ้น (ร่วมกับอิสโทรเจน)
ฮอร์โมนจากอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายฮอร์โมนจากอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ฮอร์โมนเพศชายสร้างมาจากอัณฑะ (Testis) ภายในอัณฑะมีกลุ่มเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างฮอร์โมนคือ อินเตอร์สติเชียลเซลล์ออฟเลย์ติก อยู่ระหว่างหลอดสร้างอสุจิจะสร้างฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า แอนโดรเจน (Androgen) ตัวที่สำคัญที่สุด คือ เทสโทสเตอโรน (Testosterone) มีหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ และควบคุมลักษณะชั้นที่สองของเพศชาย ซึ่งได้แก่ การมีเสียงแตก นมขึ้นพาน มีหนวดเครา มีขนที่อวัยวะเพศ มีความต้องการทางเพศ มีผลในการกระตุ้นให้มีการสร้างโปรตีนมากขึ้น และเกิดการสะสมของโปรตีนในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ
ต่อมไทมัส(Thymus gland) ต่อมไทมัสเป็นต่อมขนาดเล็ก เป็นพูของเนื้อเยื่อที่คล้ายกับต่อมน้ำเหลือง มี 2 พู อยู่ที่ขั้วหัวใจ มีความสำคัญในช่วงอายุน้อย ในผู้ใหญ่ต่อมาจะฝ่อสลายไป จึงเป็นต่อมไร้ท่อที่มีเฉพาะในเด็กเท่านั้น สร้างฮอร์โมนไทโมซิน ( thymosin ) เพื่อกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีจากพลาสมาเซลล์ในม้าม และต่อมน้ำเหลือง • อวัยวะเป้าหมาย : เนื้อเยื่อต่อมไทมัส • หน้าที่ : กระตุ้นให้เนื้อเยื่อต่อมไทมัสเอง ซึ่งเป็นอวัยวะน้ำเหลืองสร้าง T-lymphocyte หรือ T-cell ซึ่งเป็นเซลล์ที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และพัฒนา T-lymphocyte หรือ T-cell ซึ่งเป็นเซลล์ที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ไทโมซิน(Thymosin) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมไทมัส ซึ่งมีโครงสร้างเป็นสาย พอลิเปปไทด์ ที่มีกรดอะมิโนต่อกัน เป็นสาย มีโครงสร้างหลายแบบ เช่น ไทโมซินแอลฟาหนึ่ง และไทโมซินเบตาสี่ เป็นต้น • หน้าที่ : กระตุ้นการแบ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวประเภทลิมโฟไซท์ (Lymphocyte หรือ T-cell) ที่ยังอ่อนอยู่ (Immature lymphocyte) แล้วปรับสภาพไปเป็นลิมโฟไซท์ที่เจริญเต็มที่ (Mature lymphocyte)ลิมโฟไซท์ที่เจริญเต็มที่แล้วจะออกจากต่อมไทมัสไปอยู่บริเวณม้ามและ ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคเนื่องจากการกระทำของเซลล์ (Cellular immunity)