1 / 54

1. วิธีการประมาณกระแสเงินสด ที่มีความสัมพันธ์กับโครงการ

11 - 3. บทที่ 11. การประมาณกระแสเงินสดและการวิเคราะห์ความเสี่ยง. 1. วิธีการประมาณกระแสเงินสด ที่มีความสัมพันธ์กับโครงการ. 2. เทคนิคการวัดความเสี่ยง ของโครงการ. 11 - 4. 1. การประมาณกระแสเงินสด. เป็นกระบวนการที่สำคัญแต่ยากที่สุดในการวิเคราะห์

dante-hicks
Download Presentation

1. วิธีการประมาณกระแสเงินสด ที่มีความสัมพันธ์กับโครงการ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. 11 - 3 บทที่ 11 การประมาณกระแสเงินสดและการวิเคราะห์ความเสี่ยง 1. วิธีการประมาณกระแสเงินสด ที่มีความสัมพันธ์กับโครงการ 2. เทคนิคการวัดความเสี่ยง ของโครงการ

  2. 11 - 4 1. การประมาณกระแสเงินสด เป็นกระบวนการที่สำคัญแต่ยากที่สุดในการวิเคราะห์ งบลงทุน : ต้องประมาณเงินลงทุนเริ่มแรก และกระแส เงินสดสุทธิจากการลงทุนในโครงการ ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ

  3. 11 - 5 2. กระแสเงินสดที่มีความสัมพันธ์กับโครงการ 1. กระแสเงินสดไม่ใช่กำไรทางบัญชี 2. ต้องเป็น กระแสเงินสดส่วนเพิ่ม เท่านั้น 3. ช่วงเวลาที่เกิดกระแสเงินสด

  4. 11 - 6 ( 1 ) กระแสเงินสดไม่ใช่กำไรทางบัญชี กระแสเงินสดอิสระคำนวณได้อย่างไร ตอบ กำไรจากการดำเนินงานหลังภาษี XXX ค่าเสื่อมราคาXX รายจ่ายลงทุน ( XX) บวก หัก การเปลี่ยนแปลงของ เงินทุนหมุนเวียนใน (XX) การดำเนินงาน(สุทธิ) * * กระแสเงินสดอิสระ XXX สินทรัพย์หมุนเวียน หนี้สินที่เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ

  5. 1. ต้นทุนของสินทรัพย์ถาวร ( - ) ( ราคาทุน + ค่าขนส่ง + ค่าติดตั้ง ) 2. ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด เช่น ค่าเสื่อมราคา ( + ) 3. การเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินงาน ( สุทธิ ) ( - ) 4. ดอกเบี้ยจ่าย ( 0 ) 11 - 7 กระแสเงินสดสุทธิ

  6. 11 - 8 กระแสเงินสดของโครงการรวมดอกเบี้ยจ่าย และเงินปันผลหรือไม่ เพราะเหตุใด ถาม ไม่รวม เพราะกระแสเงินสดของโครงการซื้อลดด้วย ต้นทุนของเงินทุน ( WACC ) k% ได้ถัวเฉลี่ย ถ่วงน้ำหนักต้นทุนของหนี้สิน หุ้นบุริมสิทธิ และหุ้นสามัญ ( ซึ่งปรับให้เหมาะสมกับ ความเสี่ยงของโครงการ )ไว้แล้ว ถ้านำดอกเบี้ย จ่ายมารวมอีกจะเป็นการคิดต้นทุนซ้ำซ้อน

  7. 11 - 9 ( 2 ) กระแสเงินสดส่วนเพิ่ม กระแสเงินสดสุทธิที่เกิดขึ้นเมื่อรับโครงการเท่านั้น เป็น ต้นทุน ส่วนเพิ่ม หรือไม่ 1. ต้นทุนจม ( 0 ) 2. ต้นทุนเสียโอกาส ( - ) ( + ) 3. Externalities ( - )

  8. กระแสเงินสดที่จ่ายไปแล้วกระแสเงินสดที่จ่ายไปแล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ไม่ว่า จะรับโครงการหรือไม่ ไม่เป็นต้นทุนส่วนเพิ่ม 11 - 10 ต้นทุนจม (Sunk Costs)

  9. ค่าจ้างที่ปรึกษาวิเคราะห์โครงการ 50,000 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายปี 2545 แล้ว เมื่อเริ่มโครงการ ปี 2546 ต้นทุนนี้นำมารวมด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด ถาม ไม่ต้องนำต้นทุนนี้มารวม ด้วย เพราะเป็น ต้นทุนจม พิจารณาเฉพาะต้นทุน ส่วนเพิ่มเท่านั้น ตอบ 11 - 11

  10. ผลตอบแทนสูงสุดที่ ไม่ได้รับ จากทางเลือกหนึ่ง เมื่อเลือกทางเลือกอีกทางหนึ่ง 11 - 12 ต้นทุนเสียโอกาส (Opportunity Costs) คือ

  11. การลงทุนใช้อาคารโรงงานที่ให้เช่าได้ปีละการลงทุนใช้อาคารโรงงานที่ให้เช่าได้ปีละ 250,000 บาท ต้องนำต้นทุนนี้มารวมด้วย หรือไม่ เพราะเหตุใด ( อัตราภาษี 40% ) ถาม ต้องนำต้นทุนนี้มารวมด้วย เพราะการลงทุนใน โครงการจะขาดรายได้ปีละ 250,000 บาทซึ่งเป็น ต้นทุนเสียโอกาส จึงคิดเป็นต้นทุนของโครงการ ต้นทุนเสียโอกาสหลังภาษี = 250,000 ( 1 - T ) = 250,000 ( 0.6 ) = 150,000 บาท ต่อปี ตอบ 11 - 13

  12. Externalities มีทั้ง บวก(Positive) และ ลบ(Negative) 11 - 14 Externalities คือ ผลกระทบของโครงการที่มีต่อการดำเนินงานเดิมของกิจการ

  13. 11 - 15 ถาม โครงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ เดิมลดลง ต้องนำผลกระทบนี้มาวิเคราะห์ด้วยหรือไม่ ต้องนำมาวิเคราะห์ด้วย เรียกว่า ตอบ Cannibalization กระแสเงินสดจากผลิตภัณฑ์เดิม ที่ลดลงจะเป็นต้นทุนของ โครงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่

  14. (3) ช่วงเวลาที่เกิดกระแสเงินสด 11 - 16 กำหนดข้อสมมติว่ากระแสเงินสดเกิดขึ้นทุกสิ้นปี แต่บางโครงการอาจกำหนดให้กระแสเงินสดเกิดขึ้น กลางปี ทุกไตรมาส หรือทุกเดือนก็ได้

  15. 1. โครงการใหม่ เพื่อการขยายงาน 2. โครงการใหม่ ทดแทนโครงการเก่า New Expansion Project Replacement Project 11 - 17 3. การประเมินโครงการลงทุน

  16. 1. เงินลงทุนเริ่มแรก 2. กระแสเงินสดจากการ ดำเนินงานตลอดอายุโครงการ 3. กระแสเงินสดปีสุดท้าย ( สิ้นสุด ) โครงการ การวิเคราะห์กระแสเงินสด 11 - 18 แบ่งเป็น 3 ส่วน

  17. ขายสินค้าได้ปีละ 20,000 หน่วย @ 3,000 บาท ลงทุน : อาคาร 12 ล้านบาท ( คิดค่าเสื่อมราคา 39 ปี ) เครื่องจักร 8 ล้านบาท ( คิดค่าเสื่อมราคา 5 ปี ) ค่าเสื่อมราคาวิธี MACRS อายุโครงการ 4 ปี เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานสุทธิ 6 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักร 31 ธ.ค. 2003 กระแสเงินสด จากการดำเนินงานปีแรก 31 ธ.ค. 2004 11 - 19 ตัวอย่าง โครงการใหม่เพื่อการขยายงาน

  18. 11 - 20 ตัวอย่าง โครงการใหม่เพื่อการขยายงาน (ต่อ) เมื่อสิ้นสุดโครงการ ราคาตลาด ราคาตามบัญชี อาคาร 7.5 เครื่องจักร 2.0 10.908 ล้านบาท 1.360 ล้านบาท ต้นทุนผันแปร หน่วยละ 2,100 บาท ต้นทุนคงที่ไม่รวมค่าเสื่อมราคาปีละ 8 ล้านบาท อัตราภาษี 40% ต้นทุนของเงินทุน ( k ) = 12%

  19. 1. ข้อมูล Input 2. ตารางค่าเสื่อมราคา 3. มูลค่าซาก ( สุทธิ ) 4. ประมาณกระแสเงินสดสุทธิ ของโครงการ 5. ผลลัพธ์ที่ได้และการประเมินโครงการ 11 - 21 แนวทางการวิเคราะห์ แบ่งเป็น 5 ส่วน

  20. ผลลัพธ์ : NPV = 5,166 อาคาร (ราคาทุน) 12,000 เครื่องจักร (ราคาทุน) 8,000 เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ (NWC) 6,000 ขายปีละ (หน่วย) 20,000 อัตราการเพิ่มของปริมาณการขาย 0.0% ราคาขายต่อหน่วย 3.00 ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย 2.10 ต้นทุนคงที่ทั้งสิ้น 8,000 ราคาตลาดของอาคารปี 2007 7,500 ราคาตลาดเครื่องจักรปี 2007 2,000 อัตราภาษี 40% ต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 12% ของเงินทุน (WACC) เงินเฟ้อ : ราคาขายเพิ่มขึ้น 0.0% เงินเฟ้อ : ต้นทุนผันแปร 0.0% ต่อหน่วยเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อ : ต้นทุนคงที่เพิ่มขึ้น 0.0% 11 - 22 ส่วนที่ 1 ข้อมูล Input( หน่วย -พันบาท )

  21. ปี ค่าเสื่อมราคา สะสม 4 ปี 0 1 2 3 4 อาคาร (ราคาทุน) 12,000 - อัตราค่าเสื่อมราคา ค่าเสื่อมราคา - อาคาร ราคาตามบัญชี (ราคาทุน - ค่าเสื่อมราคาสะสม) 1.3% 156 2.6% 312 2.6% 312 2.6% 312 1,092 10,908 8,000 เครื่องจักร (ราคาทุน) - 20.0% 1,600 32.0% 2,560 19.0% 1,520 12.0% 960 อัตราค่าเสื่อมราคา ค่าเสื่อมราคา-เครื่องจักร ราคาตามบัญชี 6,400 3,840 2,320 (ราคาทุน - ค่าเสื่อมราคาสะสม) 6,640 1,360 ส่วนที่ 2 11 - 23 ตารางค่าเสื่อมราคา(หน่วย-พันบาท)

  22. อาคาร เครื่องจักร รวม ประมาณราคาตลาดปี 2007 7,500 2,000 ราคาตามบัญชีปี 2007(a) 10,908 1,360 กำไร/ขาดทุนที่คาดว่าจะได้รับ(b) -3,408 640 Taxes paid or tax credit (40%) -1,363 256 กระแสเงินสดสุทธิจากมูลค่าซาก(c)8,863 1,744 10,607 11 - 24 ส่วนที่ 3 มูลค่าซาก (สุทธิ) ปี 2007 (หน่วย-พันบาท)

  23. เงินลงทุน ค่าเสื่อม เริ่มแรก ราคาสะสม (a) ราคาตามบัญชีของอาคาร = 12,000 - 1,092 = 10,908 ราคาตามบัญชีเครื่องจักร = 8,000 - 6,640 = 1,360 (b)อาคารราคาตามบัญชี 10,908 ราคาตลาด 7,500 ขาดทุน 3,408 เครื่องจักรราคาตามบัญชี 1,360 ราคาตลาด 2,000 กำไร 640 (c) กระแสเงินสดสุทธิของมูลค่าซาก = ราคาตลาดของมูลค่าซาก - ภาษี อาคาร : 7,500 - (-1,363) = 8,863 เครื่องจักร : 2,000 - 256 = 1,744 ราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ถาวร = 11 - 25 ส่วนที่ 3 มูลค่าซาก (สุทธิ) ปี 2007 (หน่วย-พันบาท) ต่อ

  24. เส้นเวลากระแสเงินสดของโครงการโดยไม่เขียนจำนวนเงินเส้นเวลากระแสเงินสดของโครงการโดยไม่เขียนจำนวนเงิน 2 0 3 4 1 OCF1 OCF3 OCF2 OCF4 เงินลงทุน เริ่มแรก (CF0) + CF สิ้น สุดโครงการ NCF0 NCF1 NCF2 NCF3 NCF4 11 - 26

  25. ส่วนที่ 4 ประมาณกระแสเงินสดสุทธิของโครงการ (หน่วย-พันบาท) 11 - 27 ปี 0 1 2 3 4 เงินลงทุนปี 0 : อาคาร (12,000) เครื่องจักร (8,000) เงินทุนหมุนเวียนสุทธิที่ต้องการเพิ่มขึ้น (6,000) กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ( ตลอดอายุโครงการ ) : ขาย ( หน่วย ) 20,000 20,000 20 ,000 20,000 ราคาขายต่อหน่วย 3.00 3.00 3.00 3.00 รายได้จากการขาย 60,000 60,000 60,000 60,000 ต้นทุนผันแปร 42,000 42,000 42,000 42,000 ต้นทุนคงที่ 8,000 8,000 8,000 8,000 ค่าเสื่อมราคา ( อาคาร ) 156 312 312 312 ค่าเสื่อมราคา ( เครื่องจักร ) 1,600 2,560 1,520 960 กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี ( EBIT) 8,244 7,128 8,168 8,728 2003 2004 2005 2006 2007 - 51,756

  26. ปี 0 1 2 3 4 2003 2004 2005 2006 2007 EBIT (ยอดยกมา) 8,244 7,128 8,168 8,728 ภาษี (40%) 3,298 2,851 3,267 3,491 NOPAT 4,946 4,277 4,901 5,237 บวก ค่าเสื่อมราคา 1,756 2,872 1,832 1,272 กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 6,702 7,149 6,733 6,509 กระแสเงินสดเมื่อสิ้นสุดโครงการ : เงินทุนหมุนเวียนสุทธิได้รับเมื่อสิ้นสุดโครงการ (a) 6,000 มูลค่าซาก(สุทธิ) 10,607 16,607 กระแสเงินสด (สุทธิ) (26,000) 6,702 7,149 6,733 23,116 (a)เงินทุนหมุนเวียนสุทธิจากการขายและเก็บเงินจากลูกหนี้ เมื่อสิ้นสุดโครงการ + 11 - 28 ส่วนที่ 4 ประมาณกระแสเงินสดสุทธิของโครงการ(หน่วย-พันบาท) ต่อ

  27. 11 - 29 ส่วนที่ 5 ผลลัพธ์ที่ได้และการประเมินโครงการ (หน่วย-พันบาท ) NPV (12%) 5,166 IRR 19.33% 17.19% MIRR ปี 2 0 1 3 4 Cumulative cash flow for payback (26,000) (19,298) (12,149) (5,416) 17,700 Cum. CF>0, hence Payback Year: FALSE FALSE FALSE FALSE 3.23 See note below for an explanation of the Excel calculation. 3.23 Payback found with Excel function = 3.23 Check : Payback = 3+5,416/23,116 = Manual calculation for the base case.

  28. ต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของเงินทุนต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของเงินทุน 12% NPV = 5,166 ( พันบาท ) NPV เป็น บวก จึง รับโครงการลงทุน IRR และ MIRR สูงกว่าต้นทุนถัวเฉลี่ย ถ่วงน้ำหนักของเงินทุน 12% ตัดสินใจ เหมือนวิธี NPV 11 - 30 สรุป

  29. 11 - 31 ข้อสรุปดังกล่าวไม่ได้พิจารณาความเสี่ยง ถ้าผู้บริหารนำความเสี่ยงมาพิจารณาด้วย โดยการเพิ่มต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ เงินทุน ( WACC ) ผลตอบแทนของโครงการ อาจไม่เพียงพอชดเชยกับความเสี่ยง และ ปฏิเสธโครงการได้

  30. 4. การวิเคราะห์ความเสี่ยง ความเสี่ยงมี 3 ประเภท ความเสี่ยงเฉพาะ ( Stand - alone risk ) ( 1 ) ความเสี่ยงของบริษัท ( Corporate risk ) ( 2 ) ความเสี่ยงทางตลาด ( Market risk ) ( 3 ) 11 - 32

  31. 11 - 33 ( 1 ) ความเสี่ยงเฉพาะ ( Stand - alone risk ) คือ ความเสี่ยงของโครงการแต่ละโครงการ เช่น เป็นเพียงโครงการ โครงการ ก. หนึ่งที่บริษัท ลงทุนไว้ บริษัท A ความเสี่ยงของแต่ละโครงการ วัดจากความไม่แน่นอนของผลตอบแทนที่ คาดว่าจะได้รับจากโครงการนั้น โครงการ ก. โครงการ ก.

  32. 11 - 34 ( 2 ) ความเสี่ยงของบริษัท ( Corporate risk ) คือ ความเสี่ยงของโครงการต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อบริษัท บริษัท A ความเสี่ยงนี้สามารถกระจายได้บางส่วน เพราะ ลงทุนไว้หลายโครงการ บริษัท A โครงการ ก,ข,ค,ฯลฯ ความเสี่ยงนี้วัดจาก ผลกระทบจากโครงการที่มีต่อ ความไม่แน่นอนของรายได้ในอนาคตของบริษัท

  33. 11 - 35 ( 3 ) ความเสี่ยงทางตลาด ( Market risk ) คือ ความเสี่ยงของโครงการ ที่ยังเหลืออยู่

  34. ผู้ลงทุน กระจายความเสี่ยงดีแล้ว นายวุฒิ เมื่อลงทุนซื้อ หลักทรัพย์ บริษัท A เป็นโครงการหนึ่งของ โครงการ ก. บริษัท A หลักทรัพย์ บริษัท A ถือไว้เป็น ที่ นายวุฒิ ส่วนหนึ่งของ portfolio ของ นายวุฒิ ความเสี่ยงทางตลาดวัดโดยผลกระทบของ โครงการที่มีต่อค่าเบต้า ( b ) ของบริษัท 11 - 36 ตัวอย่าง

  35. 11 - 37 นายวุฒิ ( ผู้ลงทุน ) กระจายความเสี่ยงดีแล้ว โครงการ ก หุ้นสามัญบริษัท A บริษัท A หุ้นบุริมสิทธิ บริษัท ข. หุ้นสามัญ บริษัท ค. หุ้นกู้แปลงสภาพ บริษัท ง. Portfolio บริษัท A พันธบัตรรัฐบาล โครงการ

  36. ความเสี่ยงประเภทใดสำคัญที่สุด เพราะเหตุใด ถาม ความเสี่ยงทางตลาดสำคัญที่สุด ตอบ เนื่อง จาก ความ เสี่ยง นี้ มีผลกระทบต่อต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ของเงินทุน b WACC มีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร b Profitability มีผลกระทบต่อราคาหุ้นสามัญ b ราคาหุ้นสามัญ 11 - 38

  37. 11 - 39 5. เทคนิคการวัดความเสี่ยงเฉพาะ ( Stand - alone risk ) เหตุใดความเสี่ยงเฉพาะจึงมีความสำคัญ ถาม 1 เมื่อเปรียบเทียบการวัดความเสี่ยง ทั้ง 3 แบบ ตอบ การประมาณ ความเสี่ยงของ บริษัท ง่ายกว่า การประมาณ ความเสี่ยงเฉพาะ ของโครงการ ยิ่งง่ายกว่า การประมาณความ เสี่ยงทางตลาด คำตอบข้อ 2 หน้าถัดไป

  38. 11 - 40 2 ความเสี่ยงทั้ง 3 มีความสัมพันธ์กันสูง เพราะถ้า ภาวะเศรษฐกิจดี บริษัทจะมีผลการดำเนินงานดี โครงการต่างๆ จะดี กิจการจึงใช้ความเสี่ยงเฉพาะเป็นตัวแทน ในการวัดความเสี่ยงของบริษัทและ ความเสี่ยงทางตลาดโดยประมาณได้ สรุป

  39. 11 - 41 การประเมินความเสี่ยงเฉพาะ 3 วิธี ( 1 ) Sensitivity Analysis ( 2 ) Scenario Analysis Monte Carlo Simulation ( 3 )

  40. การวิเคราะห์ว่าเมื่อปัจจัยหนึ่ง การวิเคราะห์ว่าเมื่อปัจจัยหนึ่ง ( Input Variable ) เปลี่ยนแปลงไป ปัจจัย อื่นๆ คงที่ จะทำให้ NPV เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร 11 - 42 ( 1 ) Sensitivity Analysis คือ

  41. ทำให้ทราบว่าตัวแปรใดมีผล กระทบต่อความสามารถในการ ทำกำไรสูง ซึ่งฝ่ายบริหารจะ ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ตอบ 11 - 43 Sensitivity Analysis มีข้อดีอย่างไร ถาม มีข้อดี คือ

  42. NPV AT DIFFERENT DEVIATIONS FROM BASE (พันบาท) DEVIATION FROM SALES VARIABLE GROWTH YEAR 1 FIXED BASE CASE PRICE COST/UNIT RATE UNITS SOLD COST WACC -30% (27,637) 28,129 (5,847) (4,675) 9,540 8,294 -15 (11,236) 16,647 (907) 246 7,353 6,674 0 5,166 5,166 5,166 5,166 5,166 5,166 15 21,568 (6,315) 12,512 10,087 2,979 3,761 30 37,970 (17,796) 21,269 15,007 792 2,450 Range 65,607 45,925 27,116 19,682 8,748 5,844 ข้อมูลนี้นำมาพล็อตกราฟได้ตามหน้าถัดไป 11 - 44 การประเมินความเสี่ยงวิธี Sensitivity Analysis

  43. ราคาขาย 30,000 อัตราการเจริญ เติบโต 20,000 ปริมาณการขาย 10,000 WACC 0 ต้นทุนคงที่ -10,000 ต้นทุนผันแปร -20,000 -30,000 -30 -15 0 15 30 Deviation from Base- Case Value (%) 11 - 45 NPV (บาท)

  44. 11 - 46 ( 2 ) Scenario Analysis คือ การวิเคราะห์ความเสี่ยงตามสภาวะ ของเหตุการณ์ที่คาดว่าจะมีโอกาส เกิดขึ้น โดยนำการกระจายความน่า จะเป็นของตัวแปรต่างๆมาพิจารณา

  45. Scenario ราคาขาย ขาย VCGrowth NPV Prob NPV X Prob. ต่อหน่วย (หน่วย) ต่อหน่วย Rate Best Case 3.90 26,000 1.47 30% 144,024 0.25 36,006 Base Case 3.00 20,000 2.10 0 5,166 0.50 2,583 Worst Case 2.10 14,000 2.73 -30 (38,315) 0.25 (9,579) Expected NPV = ผลบวกของ (NPV X Prob) 29,010 SD 68,735 CV = SD / Expected NPV 2.37 คำนวณประกอบหน้าถัดไป 11 - 47 ตัวอย่าง Scenario Analysis (หน่วย-พันบาท )

  46. Expected NPV= 0.25 (144,024) + 0.5 (5,166) + 0.25 (-38,315) = 29,010 พันบาท ? NPV [0.25 (144,024-29,010)2+ 0.5 (5,166-29,010)2 +0.25 (-38,315-29,010)2] = 68,735 พันบาท CV NPV= 68,735 / 29,010 = 2.37 = คำนวณประกอบ : 11 - 48

  47. 11 - 49 ถาม ถ้าธุรกิจโดยเฉลี่ยมี CV = 1.25 - 1.75 โครงการนี้ CV = 2.37 มีความเสี่ยง สูง ปานกลาง ต่ำ มีความเสี่ยงสูง

  48. a . Probability Graph Probability (%) 50 25 NPV 29,010 (38,315) 0 144,024 5,166 Most likely Mean of distribution 11 - 50 Scenario Analysis (พันบาท)

  49. b. Continuous Approximation Probability density NPV 144,024 0 29,010 (38,315) 5,166 11 - 51 Scenario Analysis ( พันบาท )

  50. 11 - 52 ( 3 ) Monte Carlo Simulation คือ การวิเคราะห์ความเสี่ยงโดยการสุ่มตัวแปรแล้วใช้ คอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์ NPV และบันทึกไว้ ทำซ้ำๆ กันเช่นนี้แล้วจึงหาค่าเฉลี่ย SD (หรือ CV) ของ NPV เพื่อวัดความสามารถในการทำกำไรและ ความเสี่ยงของโครงการ

More Related