580 likes | 1.29k Views
วิชา สศ 4 02 โภชนศาสตร์และการให้อาหารโค. บทที่ 4 โปรตีนและการใช้ประโยชน์.
E N D
วิชา สศ 402โภชนศาสตร์และการให้อาหารโค
บทที่ 4โปรตีนและการใช้ประโยชน์ ในบทนี้จะกล่าวถึงโครงสร้างทางเคมี การแบ่งประเภทและความสำคัญของโปรตีนในร่างกาย การย่อย และ การใช้ประโยชน์ของโปรตีนในส่วนต่างๆของระบบทางเดินอาหารในสัตว์เคี้ยวเอื้องเนื่องจากโปรตีนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์ต่างๆในร่างกายและเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกายอีกแหล่งหนึ่ง
โปรตีน • เป็นสารประกอบที่สำคัญในเซลล์พืชและสัตว์ ในพืชพบมากขณะเจริญเติบโต คือใบและเมล็ด • พืชสังเคราะห์โปรตีนจากสารประกอบไนโตรเจน และซัลเฟอร์ในดิน (ในรูปของไนเตรทและ ซัลเฟต) • จุลินทรีย์สังเคราะห์โปรตีนจากสารประกอบที่ไม่ใช่โปรตีนได้ • พืชและจุลินทรีย์จึงเป็นแหล่งโปรตีนของสัตว์
โปรตีนเป็นโภชนะที่สำคัญโปรตีนเป็นโภชนะที่สำคัญ :เป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายเช่นกล้ามเนื้อ กระดูก ขน ผม และผิวหนัง : เกี่ยวข้องกับการยืดและหดตัวของกล้ามเนื้อ :ทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันของร่างกาย : เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมน : เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการเมตาบอลิซึม
โปรตีนคืออะไร • เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มี C, H และ Oแต่มี N ประมาณ 16 % นอกจากนี้มี S, P และ Fe ส่วนประกอบของโปรตีน คือ กรดอะมิโน (Amion acid) • กรดอะมิโนจะเชื่อมต่อกันโดยใช้พันธะเปปไทด์ (Peptide bond) ซึ่งเกิดจากการรวมกันระหว่างกลุ่มคาร์บอกซิล (Carboxyl group, -COOH) ของกรดอะมิโนตัวหนึ่งและหมู่อะมิโน (Amino group, -NH2) ของกรดอะมิโนอีกตัวหนึ่ง
กรดอะมิโน • ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติทุกชนิดเป็นแบบL-configuration เป็นรูปที่ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ • กรดอะมิโนสังเคราะห์ มีทั้ง D& L form • ในทางการค้าจึงมักผลิตในรูป L เพื่อให้ร่างกายสัตว์ใช้ได้ • ยกเว้นเมทไธโอนีน ในสัตว์ปีกใช้ได้ทั้งรูป D&L ในทางการค้าจึงผลิตในรูป DL-methionine
ประเภทของกรดอะมิโน • กลุ่มที่มีโครงสร้างเป็นเส้นตรง (aliphatic amino acid) glycine, alanine, valine, leucine, serine, threonine, isoleucine • กลุ่มที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ( methionine, cystine, cysteine) • กลุ่มที่มีสมบัติเป็นกรด(glutamine, aspartine) • กลุ่มที่มีสมบัติเป็นเบส(arginine, lysine, histidine) • กลุ่มที่มีโครงสร้างเป็นวงแหวน(phenyalanine, tyrosine, trytophane, proline)
โครงสร้างของกรดอะมิโนโครงสร้างของกรดอะมิโน HOOC-CH2-NH2 glycine HOOC-CH(NH2)CH2 alanine HOOC-CH(NH2)CH2-SH cysteine HOOC-CH(NH2)CH2- phenylalanine HOOC N H proline
แบ่งโปรตีนในทางเคมี - Simple protein : ประกอบด้วยกรดอะมิโนต่อกันโดยพันธะเปปไทด์ - Conjugated protein :ที่มีสารอื่นรวมตัวกันแยกออกได้ยาก เช่น ไกลโคโปรตีน (glycoprotein) คือ โปรตีนที่มีคาร์โบไฮเดรต - Derived protein :โปรตีนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนธรรมดาและโปรตีนรวม โดยปฏิกิริยาทางเคมีหรือการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์
คุณสมบัติของโปรตีน • การละลาย ละลายน้ำได้น้อย มีลักษณะเป็น colloid ตกตะกอนในเกลือ • การเป็นบัฟเฟอร์ มีกลุ่มคาร์บอกซิล(ใบกระถิน) • การเสียสภาพ โดยความร้อน กรด ด่าง เกลือ แอลกอฮอล • คุณภาพขึ้นกับกรดอะมิโนที่เป็นองค์ประกอบ กรดอะมิโนที่ขาดเสมอในอาหาร Limiting amino acid เช่นมนสัตว์ปีกขาด Methionine, Lysine ในสุกรขาด Lysine
โปรตีนในอาหารจากพืช ส่วนใหญ่ อยู่ในรูปของ nitrogen ที่มีอยู่ในพืช โปรตีนบางส่วนละลายได้ บางส่วนไม่ละลายและบางส่วนอยู่ในผนังเซลล์ แบ่งตามการละลายได้ (solubility) คือ • True protein(70%) : prolamine, globulin, glutelins • NPN= non protein nitrogen: free amino acid, volatile amine, alkaloids, ammonium salt, nitrate, nitrite
การย่อยโปรตีนในสัตว์เคี้ยวเอื้องการย่อยโปรตีนในสัตว์เคี้ยวเอื้อง - ใช้เอนไซม์จากจุลินทรีย์ เอนไซม์จากระบบทางเดินอาหาร และเอนไซม์จากตับอ่อนในการย่อยอาหาร • มีการหมุนเวียนของไนโตรเจนในร่างกายดีกว่า • ใช้ไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีน (NPN) เป็นแหล่งโปรตีนได้ • จุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมนสังเคราะห์โปรตีนได้เพียงพอต่อความต้องการและเซลล์ถูกใช้เป็นประโยชน์ต่อสัตว์ได้
การย่อยโปรตีนในกระเพาะรูเมนการย่อยโปรตีนในกระเพาะรูเมน โดยจุลินทรีย์ การย่อยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ (1) Hydrolysis (enzyme proteolysis) ที่ peptide bond (2) Deamination อาจมี Decarboxylation และการ Transamination - ขึ้นกับ pH (6-7) ไม่เหมาะคือ pH 4.5, 7.2 ได้ผลผลิต คือ กรดอะมิโน แอมโมเนีย และกรดอินทรีย์
โปรตีนที่เข้ามาในกระเพาะรูเมนโปรตีนที่เข้ามาในกระเพาะรูเมน • คือ Dietary protein + Dietary nitrogenous organic compound+ Mucoprotein • จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องคือ • Gram negative Bacteroides, Selenomonas, Butyrivibrio • Protozoa : Entodonium, Eudiplodium, Ospryocolex
การย่อยโปรตีนในกระเพาะรูเมนการย่อยโปรตีนในกระเพาะรูเมน • โปรตีนในอาหารและน้ำลายถูกย่อยได้เป็นกรดอะมิโนโดยPeptidase (ขบวนการไฮโดรไลซีส)และเกิดการดึงกลุ่มอะมิโนออกได้แอมโมเนีย • ใช้ Endopeptidase และ Exopeptidaseหลั่งออกนอกเซลล์ ดึงมาไฮโดรไลซีสต่อภายในเซลล์ • ไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีนในอาหารและน้ำลายถูกย่อยโดย urease ได้แอมโมเนีย และ ATP
ผลผลิตในกระเพาะรูเมน • กรดอะมิโนที่เกิดจากการย่อยโปรตีน : บางส่วนถูกเปลี่ยนเป็น Short chain fatty acid ซึ่งอาจถูกใช้ไปในการสังเคราะห์เซลล์ของแบคทีเรียโดยตรง : ถูกดูดซึมผ่านผนังกระเพาะรูเมนไปใช้ประโยชน์ • แอมโมเนียที่เกิดขึ้น : บางส่วนถูกจุลินทรีย์ดึง N ไปสังเคราะห์เป็น Microbial protein : ดูดซึมผ่านผนังกระเพาะรูเมนเข้าเส้นเลือดไปที่ตับ
ส่วนประกอบภายในกระเพาะรูเมนส่วนประกอบภายในกระเพาะรูเมน Protein in feedNPN hydrolysis peptides+ amino acids deamination NH3 + short chain fatty acids + microbial cells (protein) Absorbed to liver To small intestine
ปัจจัยที่มีผลต่อการย่อยปัจจัยที่มีผลต่อการย่อย • คุณสมบัติของโปรตีนหรือการละลายได้ของโปรตีนในอาหาร(protein solubility) • วิธีการให้อาหาร มีผลต่อ retention time และ rate of passage ขนาดของชิ้นอาหารมีผลเช่นกัน • ปัจจัยที่เกิดจากตัวสัตว์ เช่นชนิดของจุลินทรีย์ในรูเมน โคมี retention time สูงกว่าแกะ (แกะมีการเคี้ยวมากครั้งกว่า)
เกิดอะไรขึ้นกับแอมโมเนียที่ตับเกิดอะไรขึ้นกับแอมโมเนียที่ตับ • แอมโมเนียจัดเป็นสารพิษชนิดหนึ่งถ้ามีปริมาณมากเกินไปในเลือด ร่างกายต้องมีกลไกในการกำจัด หรือทำให้มีความเป็นพิษลดลง • จึงเกิดการเปลี่ยน NH3 urea เกิดขึ้นที่เซลล์ตับ • ยูเรียที่เกิดขึ้นจะถูกกำจัดออกจากร่างกายทางปัสสาวะ แต่บางส่วนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
วัฏจักรของยูเรีย (Urea cycle) คืออะไร คือ วงจรการสังเคราะห์และการหมุนเวียนของ urea ในร่างกาย Urea in saliva NH3 urea Urea in urine NH3 in rumen Urea in blood liver
การใช้ประโยชน์ของ Urea เป็นอย่างไร • บางส่วนจะดูดซึมกลับเข้ากระแสเลือด เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ • ที่ผนังกระเพาะรูเมน Urea จะถูกดูดซึมกลับเข้าในกระเพาะ จุลินทรีย์มี Urease ได้แอมโมเนีย • ที่ต่อมน้ำลาย urea จะถูกเก็บสะสมไว้ และกลับเข้าสู่กระเพาะอีกครั้งเมื่อมีการกินอาหารหรือเคี้ยวเอื้อง จุลินทรีย์จะใช้ประโยชน์จาก N ที่เป็นส่วนประกอบใน urea ได้ดี
ข้อดีของการมีวัฏจักรของยูเรียข้อดีของการมีวัฏจักรของยูเรีย • มีแหล่งไนโตรเจนสำรองให้จุลินทรีย์ในการสังเคราะห์โปรตีน โดยไม่ต้องใช้ไนโตรเจนจากอาหารเพียงอย่างเดียว แหล่งของไนโตรเจนในร่างกายได้แก่ • ไนโตรเจนจากอาหาร • ไนโตรเจนจาก Urea ที่กลับเข้ากระเพาะรูเมน 95 % N- recycle • ไนโตรเจนจาก NPN (urea) ในน้ำลาย 60-70 % N ในน้ำลาย • ไนโตรเจนจากเซลล์ในระบบทางเดินอาหาร
แบคทีเรียและ โปรโตซัว ใช้ประโยชน์จากโปรตีนต่างกัน - แบคทีเรีย หลั่งเอนไซม์ออกจากเซลล์ hydrolysis จึงเกิดภายนอกเซลล์ amino acids + peptides ถูกนำเข้าในเซลล์ deamination เกิดภายในเซลล์ Amino acid เป็นโปรตีนของจุลินทรีย์ บางส่วน amino acid เป็น straight or branch chain VFA, fatty acids, NH3, CO2, CH4 + heat - โปรโตซัวhydrolysis และ deamination เกิดขึ้นภายในเซลล์ เนื่องจากลักษณะการกินอาหารเป็นแบบเขมือบ (engulfment)
ข้อดีของการมีจุลินทรีย์ข้อดีของการมีจุลินทรีย์ ทำให้สัตว์เคี้ยวเอื้องใช้ประโยชน์จากอาหารที่มีโปรตีนต่ำได้ • จุลินทรีย์สามารถสังเคราะห์กรดอะมิโน ได้เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะ lysine และ methionine • เมื่อจุลินทรีย์ถูกย่อยในกระเพาะแท้และลำไส้เล็กได้กรดอะมิโน ซึ่งจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เนื่องจากโปรตีนในจุลินทรีย์เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับโปรตีนที่ร่างกายของสัตว์ต้องการ
ข้อเสียของการมีจุลินทรีย์ข้อเสียของการมีจุลินทรีย์ ในการสังเคราะห์โปรตีนโดยจุลินทรีย์จำเป็นต้องใช้แหล่งพลังงานด้วย เช่น คาร์โบไฮเดรตที่ย่อยได้ง่าย • ถ้ามีพลังงานไม่เพียงพอจุลินทรีย์จะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโปรตีนในอาหารได้หมด โปรตีนบางส่วนจึงถูกขับออกทางปัสสาวะ • โปรตีนที่กินถูกใช้โดยจุลินทรีย์ก่อน
โปรตีนไหลผ่าน (Bypass protein) คืออะไร คือ โปรตีนที่ไม่ถูกย่อยโดยเอนไซม์จากจุลินทรีย์หรือไม่ถูกย่อยในกระเพาะรูเมน แต่สามารถถูกย่อยเมื่อไหลผ่านเข้าไปในกระเพาะแท้หรือลำไส้เล็ก • โปรตีนไหลผ่านจะถูกย่อยโดยเอนไซม์จาก กระเพาะแท้ , ลำไส้เล็ก และตับอ่อน • ได้ผลผลิตคือ amino acidsซึ่งดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ในร่างกายโดยตรง
โปรตีนไหลผ่านใช้ประโยชน์อย่างไรโปรตีนไหลผ่านใช้ประโยชน์อย่างไร ต้องไม่ให้จุลินทรีย์เข้าใช้ประโยชน์ • วิธีการป้องกันไม่ให้โปรตีนถูกย่อยสลายในกระเพาะรูเมน (protected protein และ protected amino acids) เช่น การเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของอาหาร - ใช้ความร้อน หรือ ใช้สารเคมีในการลดอัตราการย่อยสลายของโปรตีน
การใช้ความร้อนและสารเคมีการใช้ความร้อนและสารเคมี - การใช้ความร้อน เช่นการสกัดน้ำมันจากเมล็ดพืช การอัดเม็ดอาหารด้วยความร้อน ทำให้เกิด protein denature จึงทำให้ N-solubility ลดลง หรือ ทำให้เกิดขบวนการ maillard reaction (carbohydrate+ protein) - การใช้สารเคมี ทำให้เกิด linkage between protein molecule • Formaldehyde, Tannin , Glutaraldehyde, Glyxal • และ Hexa methelene tetranine
โปรตีนที่เข้าสู่กระเพาะแท้ประกอบด้วยโปรตีนที่เข้าสู่กระเพาะแท้ประกอบด้วย • โปรตีนในอาหารที่ไม่ถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ • เซลล์ของจุลินทรีย์ • เซลล์ของเยื่อบุทางเดินอาหารที่หลุดลอกออกมา การย่อยโปรตีนในกระเพาะจะใช้เอนไซม์จากตัวสัตว์ เช่น pepsin + HCl ได้กรดอะมิโนที่สามารถดูดซึมผ่านผนังกระเพาะแท้ได้
โปรตีนที่เข้ามาในลำไส้เล็กโปรตีนที่เข้ามาในลำไส้เล็ก • : โปรตีนในอาหารที่ไม่ถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ • : เซลล์ของจุลินทรีย์ • : เซลล์ของเยื่อบุทางเดินอาหารที่หลุดลอกออกมา • : เอนไซม์จากกระเพาะแท้ เอนไซม์ที่ใช้ย่อยผลิตจากตับอ่อนและลำไส้เล็กเท่านั้น • เอนไซม์ที่สำคัญ : trypsin, chymotrypsin, carboxypeptidase, nuclease และ phosphodiesterase
การย่อยโปรตีนในลำไส้เล็กการย่อยโปรตีนในลำไส้เล็ก Abomasum undigested protein+ microbial protein +endogenous protein+ enzyme proteolytic enzyme amino acids Small intestine Absorbed amino acids to portal vein To large intestine
ผลผลิตจากการย่อยในลำไส้เล็กผลผลิตจากการย่อยในลำไส้เล็ก คือ กรดอะมิโนชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์ตามส่วนต่างๆของร่างกาย มีการใช้ประโยชน์ คือ : สังเคราะห์เป็นโปรตีนในร่างกาย : เปลี่ยนรูปไปเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน : สังเคราะห์เป็นกรดอะมิโนชนิดอื่นๆผ่านขบวนการ transamination : สังเคราะห์เป็นกลูโคส หรือไขมัน
การใช้ประโยชน์จากกรดอะมิโนการใช้ประโยชน์จากกรดอะมิโน • : เริ่มจากดึงกลุ่มอะมิโน (deamination)ออกจากกรดอะมิโน โดยการ oxidative, non oxidative deamination ,transamonation • N ที่เป็นองค์ประกอบของ amino group จะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยการ deamination แล้วเปลี่ยนให้เป็นurea • ร่างกายขับ urea ออกทางปัสสาวะ • โครงสร้างอื่นที่เป็นองค์ประกอบจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ เช่น นำไปสังเคราะห์เป็นคาร์โบไฮเดรต เปลี่ยนเป็นไขมัน หรือ เปลี่ยนเป็นน้ำคาร์บอนไดออกไซด์ และพลังงาน เป็นต้น
ประเภทของกรดอะมิโน 1. Glucogenic amino acids : กรดอะมิโนที่สามารถเปลี่ยนเป็น pyruvate, alpha ketoglutarate, succinyl CoA, fumarate oxaloacetate ซึ่งเป็นตัวกลางในวิถีไกลโคไลซีส และ วัฏจักรเครบส์ได้ 2. Ketogenic amino acids : กรดอะมิโนที่สามารถเปลี่ยนเป็น acetate, acetyl CoA เพื่อให้พลังงานหรืออาจเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน และ สารคีโตนได้
โปรตีนที่เข้ามาในลำไส้ใหญ่ประกอบด้วยโปรตีนที่เข้ามาในลำไส้ใหญ่ประกอบด้วย • โปรตีนจากอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะรูเมนและ ลำไส้เล็ก • เซลล์ของจุลินทรีย์ที่ไม่ได้ถูกย่อยในลำไส้เล็ก • เซลล์เยื่อบุของระบบทางเดินอาหาร • น้ำย่อยจากลำไส้เล็ก ตับอ่อน และน้ำดีบางส่วน
ผลผลิตจากการย่อยโปรตีนในลำไส้ใหญ่ผลผลิตจากการย่อยโปรตีนในลำไส้ใหญ่ คือ NH3 , volatile fatty acid, microbial cell NH3: ดูดซึมกลับไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้บางส่วน : บางส่วนถูกนำไปสร้างเป็น urea : บางส่วนนำไปสังเคราะห์เป็นจุลินทรีย์ volatile fatty acid: ดูดซึมกลับไปใช้ได้บางส่วน microbial cell: ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
กรดอะมิโนนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรกรดอะมิโนนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร เมื่อดูดซึมเข้าไปในเลือด จากนั้นจะถูกนำไปส่วนต่างๆของร่างกาย ใช้ประโยชน์คือ : สังเคราะห์โปรตีน : ใช้เป็นพลังงาน : ใช้สังเคราะห์กลูโคส : ใช้สังเคราะห์ไขมัน
กรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการ • กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้จากสารประกอบอื่น และสารตัวกลาง (intermediate)ในขบวนการ glycolysis และ kreb’s cycle เช่น กลูตาเมท ออกซาโลอะเซทเตทและไพรูเวท • การสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็น ใช้ขบวนการ transamination
NPN= non protein nitrogen • สารประกอบที่มีธาตุ C,H,O,N เช่นเดียวกับโปรตีน แต่ไม่ใช่โปรตีน เป็นสารประกอบที่พบได้ทั้งในพืชและสัตว์ เช่น amides, nitrate, alkaloids, ammonium salts • ปกติใช้สารประกอบนี้ในอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องได้สารประกอบ amides ในพืชที่พบมากคือ glutamine, asparagines
สารที่นิยมใช้มาก คือ ยูเรีย(urea) ไบยูเรท ( biuret) เกลือแอมโมเนีย (ammonium salts=(NH4)2HPO4) และมูลสัตว์ - starea(ธัญพืชบดละเอียดผสมยูเรียแบบextrude) • ยูเรีย(urea) เป็น diamides เป็นผลผลิตที่ได้จากขบวนการ catabolism ของร่างกาย มีไนโตรเจน 46 % คิดเป็นโปรตีน 288% • ไม่ควรใช้ในสัตว์กระเพาะเดี่ยว เพราะย่อยได้แอมโมเนียอย่างเร็ว จะเป็นพิษ จุลินทรีย์ที่ไส้ติ่งใช้ได้แต่โปรตีนที่เกิดขึ้นใช้ประโยชน์ไม่ได้ในตัวสัตว์
การใช้สารประกอบไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีนการใช้สารประกอบไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีน • Urea เมื่อเข้ากระเพาะถูกย่อยโดยเอนไซม์ureaseได้เป็นammonia (มีการสลายตัวอย่างรวดเร็ว) • Ammoniaจะถูกจุลินทรีย์นำไปทำปฏิกิริยากับ keto-acidที่ผลิตได้จากคาร์โบไฮเดรต ได้เป็นกรดอะมิโน นำไปสร้างเป็นโปรตีนในเซลของจุลินทรีย์ จะสร้างได้มากหรือน้อยขึ้นกับพลังงานที่มีอยู่ในอาหาร(NFE) โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย (ready fermentable carbohydrate, RFC)
การสลายตัวของ NPN ในกระเพาะรูเมน Urea + H2Ourease 2NH3+ CO2 CHO enz จุลินทรีย์ VFA+ keto acids amino acids microbial protein free amino acids absorbed
การใช้สารประกอบไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีนการใช้สารประกอบไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีน • ยูเรียสลายตัวเป็นแอมโมเนียได้เร็ว ถ้าจุลินทรีย์ใช้ไม่ทัน จะมีความเข้มข้นสูงในกระเพาะรูเมน • การดูดซึมแอมโมเนียไปที่ตับ เพื่อลดความเป็นพิษโดยเปลี่ยนเป็นยูเรีย กระเพาะที่มีค่าความเป็นด่างสูงจะดูดซึมได้เร็ว ดังนั้นจึงทำให้ยูเรียสลายตัวให้ช้าลง โดยเปลี่ยนเป็นไบยูเรทเพื่อความปลอดภัยของสัตว์
วิธีการใช้สารประกอบไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีนวิธีการใช้สารประกอบไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีน • Urea molasses liquid • Urea molasses block • ใส่ในอาหารข้น ไม่ควรเกิน 3% หรือ คิดเป็น 30%ของไนโตรเจนในอาหาร • ทำฟางอบยูเรีย หรือฟางหมักยูเรีย 4-6 %
ข้อควรระวังในการใช้ยูเรียข้อควรระวังในการใช้ยูเรีย • ใช้กับสัตว์ที่กระเพาะพัฒนาแล้วเท่านั้น • รสชาติยูเรียไม่ดีควรใส่อาหารที่มีรสชาติผสมเช่น กากน้ำตาล • จุลินทรีย์จะต้องใช้เวลาในการปรับตัว • ไม่ควรให้ยูเรียที่เป็นก้อน ใช้ไม่ควรเกิน 3% ของอาหารข้นหรือ 1%ของวัตถุแห้งที่กิน (30g:100kgBW) ไม่เกิน 30%total N • ไม่มีฟอสฟอรัส กำมะถัน พลังงาน ควรเสริม • ให้มีสัดส่วน N:S=12-15:1 ในโค 10:1 ในแกะ
การคิดเทียบหน่วยของโปรตีนเพื่อต้นทุนค่าอาหารการคิดเทียบหน่วยของโปรตีนเพื่อต้นทุนค่าอาหาร