1 / 46

การปลูกพืชผักสวนครัว

การปลูกพืชผักสวนครัว. สำนักงานเกษตรอำเภอผาขาว จังหวัดเลย. ประโยชน์ของการปลูกผักสวนครัว.  ปลูกเป็นรั้วบ้าน ( รั้วกินได้ ) ได้แก่ กระถินบ้าน ชะอม ตำลึง ผักหวาน ผักปลัง ต้นแค ถั่วพู มะระ ฯลฯ  สามารถใช้ประดับตกแต่งบริเวณบ้าน เช่น จัดสวนผักสวนครัว การนำผัก

Download Presentation

การปลูกพืชผักสวนครัว

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การปลูกพืชผักสวนครัว สำนักงานเกษตรอำเภอผาขาว จังหวัดเลย

  2. ประโยชน์ของการปลูกผักสวนครัวประโยชน์ของการปลูกผักสวนครัว ปลูกเป็นรั้วบ้าน (รั้วกินได้) ได้แก่ กระถินบ้านชะอมตำลึงผักหวาน ผักปลัง ต้นแคถั่วพูมะระฯลฯ สามารถใช้ประดับตกแต่งบริเวณบ้านเช่นจัดสวนผักสวนครัว การนำผัก สวนครัวที่ปลูกในกระถางแบบแขวน-ห้อยมาตกแต่งบริเวณรอบๆบ้านใช้พื้นที่ส่วนที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาประกอบอาหารประจำวันครอบครัวได้รับประทานผักที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและ ปลอดภัยจากสารเคมีสร้างความสัมพันธ์และสานสายใยรักที่ดีในครอบครัวและใช้เวลาว่าง ให้เป็นประโยชน์

  3. ข้อควรพิจารณาก่อนปลูกผักสวนครัวข้อควรพิจารณาก่อนปลูกผักสวนครัว • การเลือกสถานที่หรือทำเลปลูก • - อยู่ใกล้แหล่งน้ำ • - ไม่ไกลจากที่พักอาศัยมากนัก: สะดวกในการดูแลรักษาและเก็บมาประกอบอาหาร • 2. การเลือกประเภทผักสำหรับปลูก • - ควรเลือกปลูกผักให้มากชนิดที่สุดเพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารที่หลากหลาย เป็นผักที่สมาชิกในครอบครัวชอบบริโภค และเลือกปลูกผักให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และปลูกให้ตรงกับฤดูกาล

  4. การเลือกทำเลการปลูกผักการเลือกทำเลการปลูกผัก • ที่ตั้งของสถานที่ปลูก • 1.1 พื้นดินในบริเวณบ้าน • 1.2 ไม่มีพื้นดินในบริเวณบ้าน: กระถาง/ภาชนะใส่ดินปลูกวางบน พื้นหรือแขวน

  5. 2. สภาพแสงและร่มเงา 2.1 สภาพที่ไม่ได้รับแสงตลอดทั้งวัน: ควรปลูกพืชที่สามารถเจริญเติบโตในที่ร่มได้  สะระแหน่, ตะไคร้, โหระพา, ขิง, ข่า, กะเพรา เป็นต้น 2.2 สภาพที่ได้รับแสงตลอดทั้งวัน: ควรปลูกพืชที่สามารถเจริญเติบโตในแสงปกติ ถั่วฝักยาว, คะน้า, กวางตุ้ง, พริก เป็นต้น

  6. ประเภทของดินและการจัดการประเภทของดินและการจัดการ

  7. ฤดูการปลูก ผักที่ควรปลูกในต้นฤดูฝน คือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม หอมแบ่ง, ผักกาดเขียว, กวางตุ้ง, ผักบุ้ง, คะน้า, พริกต่างๆ, มะเขือต่างๆ, ผักกาดหัว, ผักกาดหอม, บวบ, มะระ, แตงกวา ฯลฯ

  8. ผักที่ควรปลูกในปลายฤดูฝน คือ ผักที่ปลูกได้ผลดีในฤดูฝนและปลูกในฤดูหนาวได้อีกด้วย  กะหล่ำปลี, กะหล่ำดอก, ผักชี, มะเขือเทศ, ขึ้นฉ่าย, ฟักทอง ฯลฯ

  9. ผักที่ควรปลูกในต้นฤดูร้อน ได้แก่ ผักที่ทนร้อนได้ดี และทนแล้งพอสมควร  บวบ, มะระ, น้ำเต้า, ถั่วฝักยาว, คะน้า, แฟง, ฟักทอง ฯลฯ

  10. ผักและพืชบางอย่างที่ควรปลูกไว้รับประทานตลอดปี ได้แก่ พืชที่ทนทาน ปลูกครั้งเดียวรับประทานได้ตลอดปี  สะระแหน่, ผักชีฝรั่ง, หอมแบ่ง, แมงลัก, โหระพา, กะเพรา, ตำลึง, กระชาย, ข่า, ตะไคร้, มะเขือพวง, พริกชี้ฟ้า, พริกขี้หนู, มะเขือต่างๆ

  11. วิธีการปลูกผักสวนครัววิธีการปลูกผักสวนครัว 1. การปลูกผักในแปลงปลูก 1.1  การพรวนดินใช้จอบขุดดินลึกประมาณ 6 นิ้ว เพื่อให้ดินมีโครงสร้างดีขึ้น กำจัดวัชพืช กำจัดไข่แมลงหรือโรคพืชที่อยู่ในดิน โดยการพรวนดินตากทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน 1.2  การยกแปลงยกแปลงสูงประมาณ 4-5 นิ้ว จากผิวดิน โดยมีความกว้างประมาณ 1-1.20 เมตร ส่วนความยาวควรเป็นตามลักษณะของพื้นที่หรือตามความเหมาะสม ความยาวของแปลงควรอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ เพื่อให้ผักได้รับแสงแดดทั่วทั้งแปลง

  12. 1.3  การปรับปรุงเนื้อดินดินทรายหรือดินเหนียว จำเป็นต้องปรับปรุงให้เนื้อดินดีขึ้น โดยการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตรา 2-3 กิโลกรัม ต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตร คลุกเคล้าให้เข้ากัน 1.4  การกำหนดหลุมปลูกผักแต่ละชนิดจะใช้ระยะปลูกที่แตกต่างกัน เช่น พริก ควรใช้ระยะ 75 x 100 เซนติเมตร ผักบุ้งจะเป็น  5 x 5 เซนติเมตร เป็นต้น

  13. การปลูกผักในแปลงปลูก

  14. ไม่ต้องก่อปูนเลยเพียงไปซื้อแผ่นปูนสำเร็จรูปจากร้านขายพวกวัสดุก่อสร้างไม่ต้องก่อปูนเลยเพียงไปซื้อแผ่นปูนสำเร็จรูปจากร้านขายพวกวัสดุก่อสร้าง

  15. แปลงผักกว้างเท่าไรยาวเท่าไรสามารถยืดหยุ่นได้แล้วแต่ว่าที่บ้านจะมีพื้นที่เท่าไรในภาพใช้แผ่นปูนขนาด..กว้าง 1.5 เมตรและยาว 2.5 เมตร

  16. ใช้แผ่นปูนทำทางเดินเข็นรถขนของไปมาได้สะดวก ไม่ต้องมาคอยถอนวัชพืช เสร็จแล้วก็ผสมดินใส่ลงไปถ้าไม่อยากผสมเอง.. ก็ซื้อดินถุงๆสำเร็จ..มาเท... ...

  17. ซื้อเมล็ดผักมาโรยในแปลงเดียวสองสามวันต่อมา..ก็งอกเป็นต้นกล้าเล็กๆ ถอนย้ายต้นกล้ามาปลูกลงในอีกแปลงแล้วก็รดน้ำเช้า-เย็น

  18. ขวามือเป็นแปลงผักตรงกลางเป็นทางเดินด้านซ้ายมือ.... ยังเหลือที่อีก...ปลูกฟักทองและถั่วพุ่มไว้

  19. 2. การปลูกผักในภาชนะ พืชผักที่หยั่งรากตื้นสามารถปลูกได้ดีในภาชนะปลูกชนิดต่างๆ และภาชนะชนิดห้อยแขวนที่มีความลึกไม่เกิน 10 เซนติเมตร ภาชนะปลูกอาจดัดแปลงจากสิ่งที่ใช้แล้ว เช่น ยางรถยนต์เก่า กะละมัง ปลอกซีเมนต์ เป็นต้น สำหรับภาชนะแขวนอาจใช้ กาบมะพร้าว กระถาง หรือเปลือกไม้

  20. วิธีการปลูกผักในภาชนะวิธีการปลูกผักในภาชนะ 2.1หว่านเมล็ดแล้วถอนแยกหรือหยอดเป็นแถวแล้วถอนแยก ผักบุ้งจีน, ผักชี, กระเทียมใบ, กะเพรา, ผักกาดหอม, แมงลัก, โหระพา,ผักชีฝรั่ง ฯลฯ 2.2 ปักชำด้วยต้น และด้วยหัว  หอมแบ่ง (หัว),หอมแดง (หัว),สะระแหน่ (ยอด),ผักชีฝรั่ง,ชะพลู (ต้น),กะเพรา (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน),กระเทียมหัว (ใช้หัวปลูก),ตะไคร้ (ต้น),โหระพา (กิ่งอ่อน),แมงลัก (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน)ฯลฯ

  21. ยางรถยนต์เก่า

  22. การปลูกผักในภาชนะ

  23. ผักปลูกครั้งเดียวรับประทานได้ตลอดปี และปลูกเป็นรั้วบ้าน (รั้วกินได้) ได้แก่ ชะอมตำลึงผักหวานต้นแคฯลฯ การปลูกตำลึง การปลูกและการขยายพันธุ์ ตำลึงมีการปลูกและขยายพันธุ์ได้ 2 วิธีคือ • เพาะเมล็ด • ปักชำด้วยเถา

  24.  การเพาะเมล็ด • เตรียมดินเหมือนปลูกผักทั่วไปผสมปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยคอกก็ได้ • นำผลตำลึงแก่สีแดงแกะเอาเมล็ดออกมาโรยบนดินที่เตรียมไว้โรยดินกลบหรือใช้ใบไม้แห้งกลบบางๆรดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็น • เมื่อต้นงอกขึ้นมาสักประมาณ 5 ซม. เริ่มมีมือเกาะให้ทำค้าง (เนื่องจากตำลึงเป็นไม้เลื้อยจำเป็นต้องใช้ค้างเพื่อให้ตำลึงไต่ขึ้นสู่ที่สูงเพื่อรับแสงแดด) เหมาะที่สุดคือความสูงระดับ 1 เมตร แต่ไม่ควรสูงเกิน3 เมตรเพราะจะไม่สะดวกในการเก็บยอดตำลึงโดยใช้ไม้ไผ่ต้นเล็ก 3 ต้นปักเป็น 3 เส้าผูกด้วยเชือกหรือหากมีรั้วไม้ระแนงก็ถือโอกาสใช้ประโยชน์โดยโรยเมล็ดไปตามริมรั้วเลยทีเดียว

  25. ปักชำด้วยเถา • ตำลึงจะเจริญเติบโตเร็วกว่าการเพาะด้วยเมล็ด • วิธีการปักชำ • - ให้นำเถาที่แก่พอสมควรมาตัดให้ยาว 15 – 20 ซม. ปักชำในหลุม • ปลูกที่ได้เตรียมไว้แล้ว(การปลูกเหมือนกับการเพาะเมล็ด) • อายุประมาณ 1 เดือนก็สามารถเก็บยอดมาปรุงอาหารได้ • เพื่อให้ตำลึงแตกยอดใหม่ทยอยออกมาตลอดปีต้องหมั่นเก็บมา บริโภคอยู่เสมอให้ใส่ปุ๋ยคอกประมาณเดือนละครั้งต้องหมั่นรดน้ำสม่ำเสมอในหน้าแล้งและหน้าหนาว

  26. ปลูกครั้งเดียวรับประทานได้ตลอดปี และปลูกเป็นรั้วบ้าน

  27. ผักแพว ปลูกง่ายๆด้วยการชำกิ่งเท่านั้นเพราะบริเวณข้อลำต้นรากจะงอกได้ง่ายต้นสูงสักคืบสองคืบเท่านั้นเป็นไม้ล้มลุกมีอายุลำต้นเพียงปีเดียว โตเร็วชอบอากาศเย็นจึงเจริญเติบโตดีในฤดูหนาวและยุบตัวในฤดูร้อนจัดๆแต่ถ้าหมั่นรดน้ำให้อยู่ในที่แดดรำไรหรืออยู่ตามโคนต้นไม้ใหญ่เราก็สามารถปลูกผักแพวให้กินกันได้ทั้งปี

  28. การปฏิบัติดูแลรักษา • การให้น้ำ:ต้องให้น้ำอย่างเพียงพอ ควรรดน้ำในช่วงเช้า-เย็น ไม่ควรรดตอนแดดจัด และรดน้ำแต่พอชุ่ม • การให้ปุ๋ย มี 2 ระยะ คือ • 2.1 การใส่ปุ๋ยรองพื้น:ใส่ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก ตอนเตรียมดินหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก เพื่อปรับโครงสร้างดินให้โปร่ง ร่วนซุย ช่วยอุ้มน้ำและรักษาความชื้นของดิน

  29. การปฏิบัติดูแลรักษา 2.2 การใส่ปุ๋ยบำรุง: ควรใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ แบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรก ตอนย้ายกล้าไปปลูกจนกล้าตั้งตัวได้ ครั้งที่ 2 หลังจากใส่ครั้งแรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยโรยบางๆระหว่างแถว จากนั้นพรวน ดินและรดน้ำทันที  ยูเรีย หรือแอมโมเนียมซัลเฟต บำรุงต้นและใบ  ปุ๋ยสูตร 15-15-15 และ 12-24-12 เร่งการออกดอกและผล

  30. การปฏิบัติดูแลรักษา 3. การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช หากมีโรคและแมลงระบาดควรใช้สารธรรมชาติในการป้องกันกำจัด เช่น หนอนต่างๆ ใช้มือจับออก, ใช้น้ำคั้นจากใบหรือเมล็ดสะเดา/พริกไทยป่นผสมน้ำฉีดพ่น เพลี้ยอ่อน, เพลี้ยแป้ง, เพลี้ยหอย ใช้น้ำยาล้างจาน 15 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใต้ใบเวลาเย็น มด, หอย, ทาก ใช้ปูนขาวโรยบางๆบริเวณพื้นดิน

  31. เทคนิคการปลูกผักสวนครัวชนิดต่างๆเทคนิคการปลูกผักสวนครัวชนิดต่างๆ ตระกูลพริก มะเขือ ได้แก่ พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า มะเขือเปราะ มะเขือพวงมะเขือยาว มะเขือเทศ -  ผักตระกูลนี้ควรมีการเพาะกล้าก่อนย้ายลงปลูกในแปลง -  การเพาะกล้า เตรียมดินในกะบะหรือในถุงพลาสติก -  หยอดเมล็ดในถุงเพาะ ถุงละ 3-5 เมล็ด ถ้าเพาะในกะบะเพาะ ควรเว้นระยะ ระหว่างต้น 5 ซม. ระหว่างแถว 10 ซม. -  เมื่อมีใบจริง 2-3 ใบ ถอนแยกเหลือต้นแข็งแรงสมบูรณ์ไว้ 2 ต้น -  เมื่อกล้ามีใบจริง 5-6 ใบ หรือหลังเพาะกล้าประมาณ 30 วัน ย้ายกล้าลงแปลงปลูก -  เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้ หรือเริ่มเจริญเติบโต ใส่ปุ๋ยยูเรีย 1 ครั้ง -  เมื่อต้นเริ่มออกดอกใช้ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 12-24-12 -  อายุเก็บเกี่ยว มะเขือเทศประมาณ 50-60 วัน หรือประมาณ 60-75 วัน หลังย้ายกล้า

  32. โหระพา กะเพรา แมงลัก ผักชีฝรั่ง -  เตรียมดินให้ละเอียด หว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง ใช้ฟางกลบหรือปุ๋ยคอก ที่ย่อยสลายดีแล้วโรยทับบางๆ รดน้ำตามทันทีด้วยบัวรดน้ำตาถี่ -  เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้าภายใน 7 วัน -  เมื่อกล้าอายุ 1 เดือน ถอนแยกจัดระยะต้นให้โปร่ง หรือใช้ระยะระหว่างต้น ประมาณ 20-30 เซนติเมตร -  โหระพา กะเพรา แมงลัก เก็บเกี่ยวได้หลังหยอดเมล็ด 45-50 วัน ผักชีฝรั่ง เก็บเกี่ยวได้หลังหยอดเมล็ด 60 วัน -  สำหรับโหระพา กะเพรา และแมงลัก ในระหว่างการเจริญเติบโต ให้หมั่น เด็ดดอกทิ้งเพื่อให้ลำต้นและใบเจริญเติบโตได้เต็มที่ -  ผักชีฝรั่ง ตัดใบไปรับประทาน เหลือลำต้นทิ้งไว้จะสามารถเจริญเติบโตได้อีก

  33. ตระกูลผักชีและตระกูลผักบุ้ง ได้แก่ ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักบุ้ง - ควรนำเมล็ดแช่น้ำก่อนปลูก นำเมล็ดที่จมน้ำมาเพาะ - หว่านเมล็ดในแปลง โดยจัดแถวให้ระยะห่างกัน 15-20 เซนติเมตร กลบดินทับ บางๆ ประมาณ 1 ซม. สำหรับขึ้นฉ่ายไม่ต้องกลบเมล็ด เพราะเมล็ดะเล็กมาก หากเตรียมดินละเอียดเมล็ดจะแทรกตัวลงไปในระหว่างเม็ดดินได้เอง - ผักบุ้งจะงอกใน 3 วัน ผักชีประมาณ 4-8 วัน และขึ้นฉ่าย 4-7 วัน - เมื่อกล้างอกมีใบจริง ถอนแยก และพรวนดินให้โปร่งเสมอจนเก็บเกี่ยว - ผักบุ้งจีนเก็บเกี่ยวได้ภายใน 15-20 วัน ผักชี 45-60 วัน และขึ้นฉ่าย 60-70 วัน - สำหรับผักชีและขึ้นฉ่ายไม่ชอบแสงแดดจัด อาจปลูกในที่ๆ มีร่มเงาได้ แต่ สำหรับผักบุ้งจีน ต้องการแสงแดดตลอดวัน

  34. ชื่อผัก พริกขี้หนู โหระพา สะระแหน่ คะน้า ต้นหอม ใบแมงลัก ตำลึงใบ 2.3 โปรตีน (กรัม) 4.1 1.6 4.1 3.3 3.0 4.9 59 173 194 56 194 76 165 แคลเซียม (มก.) 1.4 3.0 เหล็ก (มก.) 1.6 3.9 3.8 3.8 2.2 11,100 10,000 18,608 วิตามินเอ (หน่วยสากล) 8,778 4,000 10,000 3,600 12 51 64 32 19 31 140 วิตามินซี (มก.) คุณค่าอาหารผักสวนครัวและผักพื้นเมือง ในส่วนที่บริโภคได้ 100 กรัม

  35. หลังบ้านสวยด้วยผักสวนครัวหลังบ้านสวยด้วยผักสวนครัว

  36. สำนักงานเกษตรอำเภอผาขาว จังหวัดเลย

  37. วิธีการใช้สะเดา - กำจัดและไล่ศัตรูพืช • หนอนกระทู้ฯ • หนอนใยผัก • ด้วงปีกแข็ง • หนอนเจาะสมอฝ้าย • ตั๊กแตน • แมลงวันทอง • และเพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว

  38. ใบสด • ใช้ใบสะเดาสดแก่ 1 กก. ตำให้ละเอียด แช่ในน้ำสะอาด 5 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืน • กรองเอาแต่น้ำไปฉีดพ่น...เวลาเย็น เมล็ดแก่ • ใช้เมล็ดแก่ 1 กิโลกรัม มาบดและแช่น้ำ 20 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืน • กรองเอาน้ำไปฉีดพ่นพืช

  39. สาบเสือ สาบเสือมีชื่อเรียกอื่นว่า ช้าผักคราด ยี่สุนเถื่อน เบญจมาศ หญ้าฝรั่งเศส หญ้าดอกขาว หญ้าเหม็น ฯลฯ เป็นวัชพืชพบเจริญงอกงามอยู่โดยทั่วไปในพื้นที่ที่ไม่มีการพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืช เป็นไม้ล้มลุกเจริญงอกงามได้รวดเร็ว จึงเหมาะที่จะนำมาสกัดเป็นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช

  40. สารเคมีที่พบ สารที่ออกฤทธิ์ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชที่พบในสาบเสือซึ่งพบทั้งในส่วนของดอกและในใบ แต่ในใบจะมีปริมาณของสารมากกว่าในดอก สรรพคุณ ใช้ได้ผลกับหนอนชนิดต่างๆ เช่น หนอนใยผักหนอนกระทู้ผัก เพลี้ยอ่อน และด้วงเขียว

  41. วิธีการใช้ -ใช้ใบสาบเสือแห้ง 400 กรัม ตำให้ละเอียดผสมกับน้ำ 3 ลิตร ต้ม 10 นาที ทำให้เย็นแล้วกรองเอากากทิ้ง และนำไปพ่นในแปลงมะเขือเปราะ สามารถกำจัดเพลี้ยอ่อนได้ดี และพ่นในแปลงผักสามารถป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ผักได้ดี

More Related