480 likes | 734 Views
บทที่ 6 ผังภาพการไหลของข้อมูล 2. อาจารย์เอกบดินทร์ เกตุขาว. การมหาลัยราชภัฏจันทรเกษม. ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แบ่งก่อนมีสิทธิ์เลือกก่อน เรียงลำดับในการส่งรายชื่อ รายชื่อประกอบด้วย รหัส ชื่อ นามสกุล. หัวข้อการมหาลัยราชภัฏจันทรเกษม. ระบบหอพักนักศึกษา ระบบเช่าหนังสือ / วารสาร
E N D
บทที่ 6 ผังภาพการไหลของข้อมูล 2 อาจารย์เอกบดินทร์ เกตุขาว
การมหาลัยราชภัฏจันทรเกษมการมหาลัยราชภัฏจันทรเกษม • ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน • แบ่งก่อนมีสิทธิ์เลือกก่อน เรียงลำดับในการส่งรายชื่อ • รายชื่อประกอบด้วย รหัส ชื่อ นามสกุล
หัวข้อการมหาลัยราชภัฏจันทรเกษมหัวข้อการมหาลัยราชภัฏจันทรเกษม • ระบบหอพักนักศึกษา • ระบบเช่าหนังสือ/วารสาร • ระบบร้านขายเสื้อผ้า • ระบบยืม-คืนหนังสือห้องสมุด • ระบบร้านอาหาร • ระบบคลังยา • ระบบพัสดุ • ระบบร้านขายเบเกอรี่ • ระบบร้านขายดอกไม้
บทที่ 6 ผังภาพการไหลของข้อมูล • การพัฒนาผังการไหลข้อมูล • ผังภาพระดับคอนเท็ค (Context Diagram) • ผังภาพระดับศูนย์ (Level 0) • ผังภาพระดับลูก (Child Diagram) • การเพิ่มระดับในผังภาพการไหลข้อมูล • การตรวจสอบผังภาพการไหลข้อมูล
บทที่ 6ผังภาพการไหลของข้อมูล • ประเภทของผังการไหลข้อมูล • ผังการไหลข้อมูลเชิงตรรกะ (Logical DFD) • ผังการไหลข้อมูลเชิงกายภาพ (Physical DFD) • การสร้างแบบระบบใหม่ (System Modeling) • ผังการไหลข้อมูลเชิงกายภาพของระบบปัจจุบัน • ผังการไหลข้อมูลเชิงตรรกะของระบบปัจจุบัน • ผังการไหลข้อมูลเชิงตรรกะของระบบใหม่ • ผังการไหลข้อมูลเชิงกายภาพของระบบใหม่
บทที่ 6ผังภาพการไหลของข้อมูล • การจัดประเภทการประมวลผล • ประมวลผลด้วยมือ • ประมวลผลแบบอัตโนมัติ • แบบกลุ่ม • แบบทันที • การแบ่งส่วนขบวนการ
การพัฒนาผังการไหลข้อมูลการพัฒนาผังการไหลข้อมูล • การเขียนผังภาพการไหลข้อมูลเปรียบเสมือนการขับรถทางไกลไปยังเมืองที่ไม่คุ้นเคย • การเขียนผังภาพการไหลข้อมูลมีการเขียนจากภาพกว้างๆ ลงสู่รายละเอียดเรียกว่า การวิเคราะห์แบบบนลงล่าง (Top Down) • นักวิเคราะห์ต้องจัดการทำงานภายในองค์กรให้อยู่ใน 4 หมวด ได้แก่ ระบบภายนอก การไหลของข้อมูล ขบวนการ และแหล่งข้อมูล เพื่อช่วยกำหนดขอบเขตการทำงานของระบบ
การพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลโดยวิเคราะห์แบบบนลงล่างการพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลโดยวิเคราะห์แบบบนลงล่าง • แบ่งกิจกรรมในธุรกิจลงเป็นหมวดหมู่ดังนี้ ระบบภายนอก (กิจกรรมภายนอกระบบ) การไหลของข้อมูล ขบวนการ และ แหล่งข้อมูล (แฟ้มข้อมูลต่าง ๆ ) • สร้างผังภาพระดับคอนเท็ค (ContextDiagram)แสดงระบบภายนอกและการไหลของข้อมูลที่เข้าและออกจากระบบ แต่ยังไม่แสดงรายละเอียดอื่นๆ
การพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลโดยวิเคราะห์แบบบนลงล่างการพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลโดยวิเคราะห์แบบบนลงล่าง • เขียนผังภาพระดับศูนย์เพื่อแสดงการทำงานทั่วไปของขบวนการ เริ่มแสดงแหล่งข้อมูลในระดับนี้ • สร้างผังภาพระดับลูกของแต่ละขบวนการที่แสดงในระดับศูนย์ • ตรวจสอบข้อผิดพลาดกำหนดชื่อที่มีความหมายต่อ ขบวนการ เส้นการไหลข้อมูล
การพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลโดยวิเคราะห์แบบบนลงล่างการพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลโดยวิเคราะห์แบบบนลงล่าง • พัฒนาผังการไหลข้อมูลเชิงกายภาพจากผังการไหลข้อมูลเชิงตรรกะแยกแยะขบวนการที่ประมวลผลด้วยมือออกจากการประมวลผลอัตโนมัติ แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูล และ รายงาน พร้อมทั้งเพิ่มการควบคุมเพื่อระบุการทำงานของขบวนการเสร็จสิ้น หรือเกิดข้อผิดพลาด • จัดกลุ่มขบวนการในผังภาพการไหลข้อมูลเชิงตรรกะว่าเป็นการประมวลผลด้วยมือ หรือ อัตโนมัติ ทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการพัฒนาโปรแกรม และการนำไปใช้งาน
ผังภาพระดับคอนเท็ค หรือ ระดับสูงสุด • ผังภาพระดับคอนเท็ค (Context Diagram) คือ ผังภาพระดับสูงสุด (Top Level) ที่ศึกษาถึงลักษณะโดยรวมของระบบ ภาพแสดงขบวนการหลักเพียง 1 ขบวนการ ขบวนการดังกล่าวถือเป็นหัวใจของการทำงานเพราะแทนการทำงานทั้งระบบ • ผังภาพคอนเท็ค เป็นตัวกำหนดขอบเขตการศึกษา สิ่งที่อยู่ภายนอกระบบนักวิเคราะห์ไม่ทำการวิเคราะห์เพราะอยู่นอกเหนือการควบคุม จึงไม่ต้องศึกษาในรายละเอียด หากระบบจำเป็นต้องเกี่ยวข้องเนื่องจากระบบภายนอกเป็นแหล่งต้นทาง (Source) และปลายทาง (Sinks) ของเอกสาร การแสดงในผังภาพควรอยู่นอกระบบ
ผังภาพระดับคอนเท็ค หรือ ระดับสูงสุด • ไม่มีหมายเลขกำกับขบวนการในระดับสูงสุด ระบบภายนอกและเส้นหลักของการไหลข้อมูลบอกแหล่งที่มาที่ไปของข้อมูลเท่านั้นที่ถูกแสดง เพื่อให้ผังภาพเรียบง่าย ดังนั้นแหล่งเก็บข้อมูลจึงไม่ปรากฏในระดับนี้
ผังภาพระดับคอนเท็ค หรือ ระดับสูงสุด ระบบภาย นอก 1 ข้อมูลเข้า 1 ชื่อระบบ ระบบภาย นอก 3 ข้อมูลออก ระบบภาย นอก 2 ข้อมูลเข้า 2 รูปผังภาพระดับคอนเท็ค
ผังภาพระดับศูนย์ LEVEL 0 • ผังภาพระดับศูนย์ (Level 0) บางครั้งเรียกผังภาพระดับแม่ ใช้แสดงรายละเอียดเพิ่มเติมในผังภาพระดับคอนเท็ค สามารถทำได้โดยการแตกขั้นตอนการทำงาน • ขณะที่ข้อมูลเข้าและข้อมูลออกจากผังภาพแรกยังคงเดิมตลอดการแยกขั้นตอน • การแตกขั้นตอนทำให้เห็นการทำงานชัดเจนยิ่งขึ้น ปกติขบวนการอาจแตกย่อยได้ 3-9 ขบวนการ
ผังภาพระดับศูนย์ LEVEL 0 • ขณะเดียวกันยังแสดงแหล่งเก็บข้อมูล และเส้นการไหลข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในระดับรองลงมา • ผังภาพที่แตกขั้นตอนควรบรรจุลงในหนึ่งหน้ากระดาษ ภายหลังแตกผังภาพการไหลข้อมูลเป็นขบวนการย่อย • นักวิเคราะห์สามารถเติมรายละเอียดการเคลื่อนไหวของข้อมูล ส่วนเรื่องของการจัดการหรือข้อยกเว้นไม่ถูกดำเนินการใน 2 ถึง 3 ระดับแรกของผังภาพ
ผังภาพระดับศูนย์ LEVEL 0 • ผังภาพระดับศูนย์เกิดจากการขยายการทำงานของผังภาพระดับคอนเท็ค แต่ละขบวนการมีหมายเลขกำกับ เช่น 1 2 3 ตามลำดับ เริ่มจากบนซ้ายไปล่างขวา • แหล่งเก็บข้อมูลหลัก ๆ (เช่น แฟ้มหลัก) และระบบภายนอกที่แสดงในระดับคอนเท็ครวมอยู่ในผังภาพระดับศูนย์
ผังภาพระดับลูกChild Diagram • แต่ละขบวนการในผังภาพระดับแม่ หรือ ระดับศูนย์ สามารถแตกขั้นตอนเพื่อเพิ่มรายละเอียดในระดับลูกได้ ขั้นตอนที่ถูกแตกเรียกว่าขบวนการแม่ (Parent Process) และ ขบวนการย่อยลงมาเรียกว่าผังภาพระดับลูก (Child Diagram) • กฎการสร้างผังภาพระดับลูกมีว่าผังภาพระดับลูกไม่สามารถผลิตหรือรับข้อมูลที่ขบวนการแม่ไม่ได้ผลิตหรือรับ เส้นการไหลข้อมูลไม่ว่าเข้าหรือออกที่แสดงในขบวนการแม่ต้องแสดงในผังภาพระดับลูก
ผังภาพระดับลูกChild Diagram • การกำหนดหมายเลขให้กับผังภาพระดับลูก อาศัยหมายเลขจากขบวนการแม่ มีจุดทศนิยมกำกับขบวนการที่แตกย่อย เช่น ขบวนการ 1.1 1.2 1.3 เป็นขบวนการลูกของขบวนการ 1 ในผังภาพระดับลูกหากมีการเพิ่มระดับอีกหมายเลขในขบวนการจะเพิ่มจุดทศนิยมอีกไปเรื่อยๆ เช่น 1.1.1 1.2.1 หรือ 1.3.1 • ระบบภายนอกไม่แสดงในผังภาพระดับลูก
ผังภาพระดับลูกChild Diagram • เส้นการไหลข้อมูลที่ตรงกันระหว่างระดับแม่และระดับลูกเรียกว่าเส้นเชื่อมโยงข้อมูล (Interface Data Flow) แสดงด้วยเส้นลูกศรขีดออกหรือเข้าจากพื้นที่ว่างไปยังผังภาพระดับลูก • หากผังภาพระดับแม่แสดงแหล่งข้อมูลผังภาพระดับลูกต้องแสดงเช่นกัน
ผังภาพระดับลูกChild Diagram • ผังภาพระดับล่างสามารถแสดงแหล่งข้อมูลที่ไม่ปรากฏในผังภาพระดับแม่ได้ เช่น การคำนวณภาษีในระดับลูกสามารถมีแฟ้มอัตราภาษีได้ สำหรับเส้นแสดงข้อผิดพลาด (Error Line) หรือเส้นควบคุมต่าง ๆ สามารถปรากฏในผังภาพระดับลูก โดยที่ผังภาพระดับแม่ไม่ปรากฏ • ขบวนการอาจมีหรือไม่มีการแตกขั้นตอนอีก ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของระบบ เมื่อสิ้นสุดการแตกขั้นตอนแต่ละขบวนการต้องทำหน้าที่ง่าย ๆ เพียงอย่างเดียวเรียกว่าขบวนการเบื้องต้น (Primitive Process)
การเพิ่มระดับในผังการไหลข้อมูลการเพิ่มระดับในผังการไหลข้อมูล • การเพิ่มระดับหรือการแตกขั้นตอน สิ้นสุดที่ขบวนการหนึ่ง ๆ ทำหน้าที่เฉพาะ และมีข้อมูลเข้าและออกจากขบวนการไม่มากมาย ขบวนการที่เพิ่มในแต่ระดับควรเขียนพอดีในหนึ่งหน้ากระดาษ (ประมาณ 2-9 ขบวนการ) • สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับมีดังนี้ • ความคงที่ระหว่างขบวนการ ข้อมูลเข้าและออกในระดับคอนเท็คต้องเหมือนกับข้อมูลเข้าและออกในระดับล่าง การแตกขั้นตอนมีความคงที่จะไม่มีข้อมูลใหม่เข้าหรือออกขบวนการที่ไม่เหมือนกับผังระดับสูงขึ้นไป
สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ (ต่อ) • การจัดระดับ คือ การจัดการกับแฟ้มข้อมูลเฉพาะที่ (Local File) อันได้แก่แฟ้มข้อมูลที่ใช้ในขบวนการใดขบวนการหนึ่ง แหล่งข้อมูลและการไหลข้อมูลที่เกี่ยวข้องภายในขบวนการถูกปกปิดจนกว่าจะมีการแตกขบวนการลงไปอีก • การเพิ่มข้อมูลควบคุมในระดับล่าง สำหรับผังภาพการไหลข้อมูลระดับคอนเท็คจะไม่ปรากฏข้อมูลที่ใช้ควบคุม (ข้อความแสดงข้อผิดพลาดหรือข้อยกเว้น) เช่น ใบกำกับอาจไม่ถูกต้อง ผังภาพสามารถแสดงข้อมูลควบคุมได้ในระดับลูก (ระดับ 2 หรือระดับ 3)
สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ)สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ) • การตั้งชื่อฉลากอย่างมีความหมาย การกำหนดชื่อเส้นการไหลข้อมูลและขบวนการต่างๆนั้น ชื่อที่ตั้งควรบอกผู้อ่านว่าเกิดอะไรขึ้น ชื่อควรแสดงการทำงานที่ถูกต้อง • ชื่อที่ตั้งไม่ควรเป็นชื่อเอกสาร เช่น ใบกำกับเพราะในใบกำกับมีข้อมูลหลายอย่าง นักวิเคราะห์จึงสนใจหมายเลขจำนวนเงิน ฯลฯ แต่ไม่สนใจตัวกระดาษ เพราะเวลาวิเคราะห์ใช้แต่ข้อมูลส่วนแบบฟอร์มกระดาษไม่ได้รับความสนใจ
สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ)สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ) • การกำหนดชื่อให้กับขบวนการ ชื่อขบวนการบ่งบอกถึงลักษณะหรือ กิจกรรมของขบวนการนั้น ๆ เช่น ควบคุมสินค้า (Inventory Control)การซื้อ (Purchasing)และ ขาย (Sale)เป็นชื่อสามัญ ๆ เกินไปในผังภาพการไหลข้อมูลเชิงตรรกะควรใช้ชื่อ การปรับปรุงสินค้าในมือ ( Adjust Quantity On Hand) เตรียมการสั่งซื้อ ( Prepare Purchase Order)หรือ การปรับปรุงยอดขาย (Adjust Sale Order) เพื่อบอกลักษณะการประมวลผลได้ชัดขึ้น • แนวทางในการกำหนดชื่อขบวนการ
แนวทางในการกำหนดชื่อขบวนการ(ต่อ)แนวทางในการกำหนดชื่อขบวนการ(ต่อ) • เลือกชื่อที่แสดงถึงกิจกรรมที่กระทำใช้คำกริยาและวัตถุประสงค์ที่ได้ร่วมกับกิจกรรม เช่น ปรับปรุงยอดขาย • ชื่อแสดงถึงการทำงานที่สมบูรณ์ เช่น ขบวนการทำงาน 2 อย่าง คือ ตรวจสอบและแก้ไข การตั้งชื่อขบวนการว่าการตรวจสอบใบกำกับอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะแสดงการทำงานเพียงอย่างเดียว • เลือกชื่อขบวนการที่แสดงถึงการเชื่อมระหว่างข้อมูลเข้าและออก • หลีกเลี่ยงชื่อที่คลุมเครือ เช่น ขบวนการ(Process) ทบทวน(Review) หรือจัดการ( Handle)หรือ จัดระบบ (Organize)
สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ)สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ) • ใช้ชื่อขบวนการในระดับต่ำที่ชัดเจนมาช่วยกำหนดชื่อขบวนการที่เกี่ยวข้องกันในระดับสูง • การประเมินความถูกต้องของผังภาพการไหลข้อมูล หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของการออกแบบคือ การตรวจสอบความถูกต้องของ ผังภาพการไหลข้อมูลข้อผิดพลาด การหดหาย และการไม่คงที่ของระบบ เกิดได้หลายสาเหตุ รวมถึงการเขียนผังรูปที่ไม่ถูกต้อง การผิดพลาดอาจแสดงถึงการไม่มีประสิทธิภาพของระบบ หรือสถานะการณ์ที่ผู้ใช้ไม่ได้ระวังถึงการทำงานของขบวนการ
สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ)สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ) • คำถามต่อไปนี้ช่วยในการประเมินผล ผังภาพการไหลข้อมูล • มีส่วนไหนของ ผังภาพการไหลข้อมูลที่ไม่มีชื่อ • มีที่เก็บข้อมูลใดที่ข้อมูลเข้าไม่เคยอ้างอิงถึง • มีขบวนการใดที่ไม่รับข้อมูลเข้า • มีขบวนการใดที่ไม่ผลิตข้อมูลออก • มีขบวนการใดที่ทำกิจกรรมมากกว่าหนึ่ง หากมีต้องแยกย่อยขบวนการลงไป • มีแหล่งข้อมูลใดที่ไม่เคยใช้อ้างอิง
สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ)สิ่งที่ต้องคำนึงระหว่างการเพิ่มระดับ(ต่อ) • คำถามต่อไปนี้ช่วยในการประเมินผล ผังภาพการไหลข้อมูล(ต่อ) • มีการใช้ข้อมูลที่คลุมเครือในขบวนการใด • มีข้อมูลที่เกินจำเป็นในแหล่งข้อมูลหรือไม่ • มีข้อมูลเข้าในขบวนการมากเกินกว่าการใช้ผลิตข้อมูลออก • มีเอเลี่ยน (Aliases) หรือ ข้อมูลแปลกปลอมเข้ามาในระบบหรือไม่ หากมีชื่อเอเลี่ยนเหล่านี้ต้องแสดงในพจนานุกรมข้อมูล(Data Dictionary)หรือไม่ การมีชื่อแปลกปลอมแสดงถึงความไม่คงที่ • แต่ละขบวนการเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน แต่ละขบวนการขึ้นกับข้อมูลที่รับเท่านั้น
ประเภทผังภาพการไหลข้อมูลประเภทผังภาพการไหลข้อมูล • ผังภาพการไหลข้อมูลมี 2 ประเภท คือ เชิงตรรกะ ,เชิงกายภาพ • ผังภาพการไหลข้อมูลเชิงตรรกะ แสดงถึงนโยบายการทำงานของธุรกิจ อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงข้อมูลที่ต้องการ และการทำงานของแต่ละขบวนการโดยไม่คำนึงถึงอุปกรณ์ สถานที่ หรือบุคคล • ผังภาพการไหลข้อมูลเชิงกายภาพ เน้นการทำงานของระบบด้านกายภาพมากกว่า การทำงานของระบบจึงรวมถึง อุปกรณ์ โปรแกรม แฟ้มข้อมูล และบุคคลที่เกี่ยวข้องในระบบ
ประเภทผังภาพการไหลข้อมูลประเภทผังภาพการไหลข้อมูล • หากบริษัทมีการส่งข้อมูลจากบุคคลในแผนกหนึ่ง มีการเก็บสมุดแฟ้มโดยบุคคลต่าง ๆ นักวิเคราะห์สามารถเปลี่ยน ผังภาพเชิงกายภาพ เชิงตรรกะ • แผนก การไหลข้อมูล • บุคคล จุดเริ่มต้น / จบ • สมุด/แฟ้ม แหล่งข้อมูล / สื่อบันทึก • สถานที่, ตึก, ห้อง - • ภารกิจ/กิจกรรม ขบวนการ
รายการที่ปรากฏในผังเชิงกายภาพ • ผังภาพเชิงกายภาพสามารถแสดงสิ่งต่อไปนี้ • แยกแยะการประมวลผลด้วยมือหรืออัตโนมัติ • อธิบายรายละเอียดขบวนการมากกว่าผังเชิงตรรกะ • แสดงลำดับการทำงานของขบวนการ • แสดงแหล่งข้อมูลชั่วคราว • ระบุชื่อแฟ้มข้อมูล และอุปกรณ์การพิมพ์ • มีการเพิ่มเส้นควบคุมเพื่อประกันการทำงานของขบวนการ
รายการที่ปรากฏในผังเชิงกายภาพรายการที่ปรากฏในผังเชิงกายภาพ • การประมวลผลด้วยมือ เช่น การเปิดเมล์ คีย์ข้อมูลแบ็ทไฟล์ การตรวจสอบแบบฟอร์ม ฯลฯ • ขบวนการ เพิ่ม ลบ เปลี่ยนแปลง และปรับปรุงแก้ไขเรคอร์ด • การคีย์ข้อมูลและขบวนการตรวจสอบ • ขบวนการจัดลำดับของเรคอร์ด • ขบวนการผลิตเอาต์พุต
รายการที่ปรากฏในผังเชิงกายภาพรายการที่ปรากฏในผังเชิงกายภาพ • ขบวนการจัดลำดับของเรคอร์ด • ขบวนการผลิตเอาต์พุต • แฟ้มพักข้อมูล หรือ แฟ้มชั่วคราว • ชื่อแฟ้มที่เก็บข้อมูล • การควบคุมแสดงการสิ้นสุดงาน หรือข้อผิดพลาด
System Modelingการสร้างแบบของระบบใหม่ • การสร้างแบบของระบบใหม่ (System Modeling) คือ การสร้างแบบจำลองผังการไหลข้อมูลบนกระดาษ เพื่อให้เห็นลักษณะการทำงานของระบบใหม่ และทำการแก้ไขปรับปรุงในสิ่งที่บกพร่องก่อนที่ระบบใหม่จะถูกพัฒนาและใช้งานจริง กระบวนการสร้างแบบของระบบใหม่ทำให้ประหยัดต้นทุน และ เพิ่มความมั่นใจว่าระบบใหม่มีประสิทธิภาพดีกว่าระบบปัจจุบัน
System Modelingการสร้างแบบของระบบใหม่ • การวิเคราะห์ระบบเริ่มจากการศึกษากิจกรรมที่เกิดขึ้นจริงในระบบปัจจุบัน • สร้างแบบเชิงกายภาพของระบบปัจจุบัน (Current PhysicalModel) • จากนั้นจึงสร้างแบบเชิงตรรกะของระบบปัจจุบัน (Current Logical Model) • พร้อมเพิ่มระบบใหม่หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าในผังเชิงตรรกะของแบบระบบใหม่ (New LogicalModel) • ทำการปรับปรุงจนได้รูปแบบที่เหมาะสมจึงสร้างแบบเชิงกายภาพของระบบใหม่ (New PhysicalModel)
System Modelingการสร้างแบบของระบบใหม่ • การพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลเชิงตรรกะในระบบปัจจุบัน ช่วยให้เห็นการทำงานที่ชัดเจนและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลของระบบใหม่ ขบวนการใดที่ไม่จำเป็นถูกตัดออก ส่วนข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับกิจกรรม ข้อมูลเข้า ข้อมูลออก และแหล่งข้อมูลถูกเพิ่มเติมเข้าในระบบใหม่ การดำเนินการเช่นนี้สร้างความมั่นใจว่าสิ่งจำเป็นในระบบเก่ายังคงอยู่ในระบบใหม่ เมื่อการสร้างแบบเชิงตรรกะจากระบบใหม่แล้วเสร็จ แบบเชิงกายภาพของระบบใหม่จึงถูกพัฒนา
การจัดประเภทการประมวลผลการจัดประเภทการประมวลผล • ประเภทการประมวลผล (Data Processing) • การประมวลผลด้วยมือ (Manual Data Processing) • การประมวลผลอัตโนมัติ (Automatic Data Processing) • แบบกลุ่ม (Batch Processing) คำนึงถึง Job Stream • แบบทันที (Online Processing) • การแบ่งส่วนขบวนการ (Partition Process) คือการระบุว่าขบวนการใดในผังภาพการไหลข้อมูลที่ต้องใช้โปรแกรมแยกหรือร่วมกัน
การแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผลการแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผล • สาเหตุที่ต้องแบ่งส่วนขบวนการ • เนื่องจากมีผู้ใช้ระบบหลายกลุ่มอยู่ต่างที่กัน จึงต้องแยกการทำงานของโปรแกรมออกจากกัน เช่น ขบวนการรับคืนสินค้า และการรับเงินจากลูกค้า ทั้ง 2 ขบวนการต่างก็ปรับปรุงการเงินของลูกค้า แต่การปฏิบัติเกิด 2 แหล่งต่างผู้ใช้ • เนื่องจากเวลา หากสองขบวนการมีการปฏิบัติการต่างระยะเวลากัน ควรแยกการประมวลผลออกจากกัน
การแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผลการแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผล • สาเหตุที่ต้องแบ่งส่วนขบวนการ(ต่อ) • ลักษณะงานที่คล้ายกัน เมื่อขบวนการมีลักษณะการทำงานเหมือนกันและมีการประมวลผลแบบกลุ่ม ขบวนการเหล่านี้ควรทำงานภายในโปรแกรมเดียวกัน เช่น การปรับปรุงยอดลูกค้าทุก ๆ สิ้นเดือน มีการทำยอดจากขบวนการคืนสินค้า หักออกจากยอดขบวนการซื้อ เพื่อแสดงยอดดุลปัจจุบัน การอ่านขบวนการทั้ง 2 นี้สามารถรวมเป็น 1 โปรแกรม
การแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผลการแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผล • สาเหตุที่ต้องแบ่งส่วนขบวนการ(ต่อ) • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยการรวมการทำงานของการประมวลผลแบบกลุ่มหลายกลุ่มเข้าด้วยกัน เช่น การทำรายงานหลาย ๆ ฉบับที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก อาจผลิตรายงานในโปรแกรมเดียวกัน เพื่อประหยัดเวลาดำเนินการ (Runtime)
การแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผลการแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผล • สาเหตุที่ต้องแบ่งส่วนขบวนการ(ต่อ) • ความถูกต้องของข้อมูล การจัดการประมวลผลทำให้ข้อมูลมีความถูกต้อง เช่น แผนกลูกหนี้ต้องออกรายงานแสดงยอดรับชำระจากลูกหนี้ ขณะที่ยอดดังกล่าวต้องแสดงในใบเสร็จเพื่อให้แก่ลูกค้า หากรายงานถูกประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ต่างเครื่องกัน และเป็นเวลาเดียวกับอีกเครื่องทำการปรับปรุงแฟ้มหลักลูกค้าแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คงที่ ขาดความคงที่ของระบบ
การแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผลการแบ่งส่วนขบวนการเพื่อการประมวลผล • สาเหตุที่ต้องแบ่งส่วนขบวนการ(ต่อ) • ความปลอดภัย ขบวนการบางอย่างอาจต้องแยกโปรแกรมเพื่อลักษณะความปลอดภัย เช่น โปรแกรมเพิ่มลูกค้า ควรแยกออกจากโปรแกรมปรับปรุงการเงินลูกค้า เนื่องจากการเพิ่มข้อมูลลูกค้ามีพนักงานหลายคนดำเนินการได้ แต่การเงินเฉพาะพนักงานที่มีอำนาจเท่านั้นที่ดำเนินการ ดังนั้นการใช้รหัสผ่านจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอ • บริษัทเช่าวีดีโอมีนโยบายให้ยืมวีดีโอฟรี เป็นโบนัส สำหรับสมาชิกที่มียอดสะสมการเช่าวีดีโอในปริมาณมากกว่าที่กำหนด เพื่อจะได้ส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้น ดังนั้นโปรแกรมการให้โบนัสถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบเช่าวีดีโอ การพัฒนาผังภาพการไหลข้อมูลเชิงตรรกะ
ตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอ • การสร้างผังภาพเชิงตรรกะระดับคอนเท็คของบริษัทเช่า วีดีโอ • ก่อนเขียนผังภาพระดับบนสุดได้นั้น นักวิเคราะห์ต้องสรุปกิจกรรมภายในร้าน ข้อสรุปได้จากการสัมภาษณ์เจ้าของร้าน และรายการที่สรุปได้มีดังนี้
ตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอ • ลูกค้าต้องสมัครเป็นสมาชิกโดยกรอกข้อมูลลงในใบสมัคร บริษัทจึงออกบัตรสมาชิก • ทุกครั้งที่ใช้บริการสมาชิกต้องแสดงบัตรและวีดีโอที่ต้องการยืมให้พนักงาน เพื่อรวมเงินและออกใบเสร็จพร้อมกำหนดวันที่คืนวีดีโอ แต่ละเรคอร์ดถูกบันทึกสำหรับแต่ละรายการที่ยืมวีดีโอ • เมื่อลูกค้าคืนวีดีโอ หากช้าเกินกำหนด หมายเหตุและค่าปรับถูกบันทึกในเรคอร์ด
ตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอ • ลูกค้าสามารถจ่ายค่าปรับในการยืมครั้งต่อไป • ทุกสิ้นเดือนยอดการยืมวีดีโอถูกทบทวน สำหรับลูกค้าที่มียอดสะสมเกินระดับโบนัสประจำเดือนที่กำหนด เช่นมากกว่า 1,000.- บาท บริษัทส่งจดหมายขอบคุณที่ใช้บริการพร้อมคูปองเพื่อยืมวีดีโอฟรี ขึ้นอยู่กับยอดยืมในแต่ละเดือน • ทุกสิ้นปีข้อมูลเช่าวีดีโอของสมาชิกถูกตรวจสอบ ลูกค้าที่มียอดสะสมระหว่างปีเกินโบนัสประจำปี จะได้รับจดหมายขอบคุณ คูปองยืมวีดีโอฟรีและใบรับวีดีโอฟรี (หากมีการรับโบนัสประจำเดือนเกิน 3 ครั้ง)
ตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอ • การเขียนผังภาพระดับคอนเท็คแสดงภาพโดยรวมจึงเรียบง่าย เนื่องจากระบบติดต่อกับลูกค้าและเก็บยอดยืมอยู่เสมอ ดังนั้นระบบจึงมีลูกค้าเป็นระบบภายนอก
ตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอตัวอย่างการสร้างแบบระบบใหม่ของบริษัทเช่าวีดีโอ • ผังภาพเชิงตรรกะระดับศูนย์ของบริษัทเช่าวีดีโอ • ผังภาพระดับศูนย์หรือระดับแม่ แสดงกิจกรรมหลักของบริษัทโดยขบวนการหนึ่ง ๆ แทนกิจกรรมหลักเพียงกิจกรรมเดียว แต่ละขบวนการถูกวิเคราะห์เพื่อหาสิ่งนำเข้าที่จำเป็นเพื่อผลิตสิ่งนำออกที่ต้องการ