1 / 62

นโยบายและแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน และมาตรการตามกฎหมายฉบับใหม่

นโยบายและแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน และมาตรการตามกฎหมายฉบับใหม่. กฎกระทรวงฉบับใหม่ (พ.ศ.2554) ออกตามความใน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542. บรรยายโดย พ.ต.อ. ดร.สี หนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน.

edmund
Download Presentation

นโยบายและแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน และมาตรการตามกฎหมายฉบับใหม่

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. นโยบายและแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงินนโยบายและแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน และมาตรการตามกฎหมายฉบับใหม่

  2. กฎกระทรวงฉบับใหม่ (พ.ศ.2554) ออกตามความในพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 บรรยายโดย พ.ต.อ.ดร.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

  3. มาตรฐานสากลตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2552

  4. เหตุผลในการประกาศใช้พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2552 เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบอาชญากรรมเกี่ยวกับความผิดมูลฐานได้ใช้ช่องทางจากการประกอบอาชีพบางประเภทซึ่งมิใช่การดำเนินการของสถาบันการเงินเป็นแหล่งในการฟอกเงิน นอกจากนี้ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการแสดงตนของลูกค้าของสถาบันการเงินที่ยังไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและไม่ครอบคลุมถึงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าเพื่อให้มีรายละเอียดของข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบอาชญากรรมนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการฟอกเงินได้โดยง่าย ดังนั้น เพื่อเป็นการตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสมควรกำหนดให้ผู้ประกอบอาชีพบางประเภทมีหน้าที่ต้องรายงานการทำธุรกรรมต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการแสดงตนและการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าของสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพบางประเภทให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

  5. การกำหนดให้ผู้ประกอบอาชีพบางประเภทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต้องรายงานการทำธุรกรรม (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 16 วรรคหนึ่ง) มาตรา 16ให้ผู้ประกอบอาชีพดังต่อไปนี้มีหน้าที่ต้องรายงานการทำธุรกรรมต่อสำนักงานในกรณีเป็นธุรกรรมที่ใช้เงินสดมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ทั้งนี้ ผู้ประกอบอาชีพตาม (2) (3) (4) และ (5) ต้องเป็นนิติบุคคล เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยที่มีพยานหลักฐานอันสมควรว่ามีการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องหรืออาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินกับผู้ประกอบอาชีพตาม (2) (3) (4) และ (5) ที่มิได้เป็นนิติบุคคล ให้สำนักงานมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบอาชีพดังกล่าวรายงานการทำธุรกรรมต่อสำนักงาน

  6. ผู้ประกอบอาชีพ 9 ประเภท มีดังนี้(1)ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการดำเนินการ การให้คำแนะนำ หรือการเป็นที่ปรึกษาในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุนหรือการเคลื่อนย้ายเงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามมาตรา 13(2) ผู้ประกอบอาชีพค้าอัญมณี เพชรพลอย ทองคำ หรือเครื่องประดับที่ประดับด้วยอัญมณี เพชรพลอย หรือทองคำ (3) ผู้ประกอบอาชีพค้าหรือให้เช่าซื้อรถยนต์

  7. (4) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (5) ผู้ประกอบอาชีพค้าของเก่าตามกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า (6) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน

  8. (7) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน(8) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน (9) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์

  9. การรู้จักลูกค้า[KnowYour Customer (KYC)](แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 20 วรรคหนึ่ง)มาตรา 20ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 จัดให้ลูกค้าแสดงตนทุกครั้งก่อนการทำธุรกรรมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งต้องกำหนดมาตรการเพื่อขจัดอุปสรรคในการแสดงตนของคนพิการหรือทุพพลภาพด้วย เว้นแต่ลูกค้าได้แสดงตนไว้ก่อนแล้ว

  10. การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า [Customer Due Diligence (CDD)] (เพิ่มมาตรา 20/1) มาตรา 20/1สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 (1) และ (9) ต้องกำหนดนโยบายการรับลูกค้า การบริหารความเสี่ยงที่อาจเกี่ยวกับการฟอกเงินของลูกค้า และต้องดำเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าเมื่อเริ่มทำธุรกรรมครั้งแรก โดยต้องตรวจสอบเป็นระยะจนสิ้นสุดดำเนินการเมื่อมีการปิดบัญชีหรือยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า

  11. การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า [Customer Due Diligence (CDD)] (เพิ่มมาตรา 20/1) (ต่อ)มาตรา 20/1 วรรคสองการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามวรรคหนึ่งจะมีขอบเขตเพียงใดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงเกี่ยวกับการแสดงตนและการพิสูจน์ทราบลูกค้า การตรวจทานบัญชีลูกค้า และการติดตามความเคลื่อนไหวทางบัญชีของลูกค้าที่ได้รับการแจ้งจากสำนักงาน

  12. กำหนดให้ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องเก็บรักษารายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงตนเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีการปิดบัญชีหรือยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า(เพิ่มมาตรา 22 วรรคสอง)มาตรา 22 วรรคสอง “ให้นำความใน (1) มาใช้บังคับกับผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ด้วย”

  13. กำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องเก็บรักษารายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า(เพิ่มมาตรา 22/1)มาตรา 22/1ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 (1) และ (9)เก็บรักษารายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามมาตรา 20/1 เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีการปิดบัญชีหรือยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้สำหรับลูกค้ารายใด ให้เลขาธิการมีอำนาจแจ้งเป็นหนังสือเพื่อให้ขยายเวลาได้ แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบ

  14. กำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 62)มาตรา 62 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 มาตรา 14มาตรา 16มาตรา 20มาตรา 20/1มาตรา 21 มาตรา 22มาตรา 22/1 มาตรา 35 หรือมาตรา 36 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 5,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

  15. สาระสำคัญ 1. หน้าที่ในการรายงานธุรกรรม 2. หน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับการรายงานธุรกรรม 3. บทกำหนดโทษเกี่ยวกับการรายงานธุรกรรม

  16. 1.หน้าที่ในการรายงานธุรกรรม1.หน้าที่ในการรายงานธุรกรรม 1.1ผู้มีหน้าที่รายงานธุรกรรม 1.2ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.3 แบบ ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงาน ธุรกรรม 1.4ธุรกรรมที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรายงาน 1.5 บทคุ้มครองผู้รายงาน

  17. บทนิยามที่สำคัญ มาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 “ธุรกรรม” หมายความว่า กิจกรรมที่เกี่ยวกับการทำนิติกรรม สัญญาหรือการดำเนินการใดๆ กับผู้อื่น ทางการเงิน ทางธุรกิจ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน “ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย” หมายความว่า ธุรกรรมที่มีความซับซ้อนผิดไปจากการทำธุรกรรมในลักษณะเดียวกันที่ทำกันอยู่ตามปกติ ธุรกรรมที่ขาดความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจ ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ากระทำขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ต้องตกอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือธุรกรรมที่เกี่ยวข้องหรืออาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐาน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง

  18. 1.1 ผู้มีหน้าที่รายงานธุรกรรม 1.1.1 สถาบันการเงิน(มาตรา 13 วรรค 1, บทนิยามคำ ว่า “สถาบันการเงิน” (มาตรา 3)) 1.1.2 สำนักงานที่ดิน(มาตรา 15) 1.1.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน (มาตรา 16)

  19. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.1 สถาบันการเงิน มีธุรกรรม 3 ประเภท คือ (1)ธุรกรรมที่ใช้เงินสดมีจำนวนเงินสดตั้งแต่ 2,000,000 บาท ขึ้นไปเว้นแต่ธุรกรรมที่เป็นการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งรวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ให้รายงานเมื่อมีจำนวนเงินสดตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป มาตรา 13(1) ประกอบข้อ 3(1) แห่งกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินสดและมูลค่าทรัพย์สินในการทำธุรกรรมที่สถาบันการเงินต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2554 ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 (มีผลใช้บังคับวันที่ 25 สิงหาคม 2554)

  20. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.1 สถาบันการเงิน (ต่อ) (2) ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีมูลค่าทรัพย์สินตั้งแต่ 5,000,000 บาทขึ้นไปเว้นแต่ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้รายงานเมื่อมีมูลค่าทรัพย์สินตั้งแต่ 700,000 บาทขึ้นไป มาตรา 13(2) ประกอบข้อ 3(2) แห่งกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินสดและมูลค่าทรัพย์สินในการทำธุรกรรมที่สถาบันการเงินต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2554 ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 (มีผลใช้บังคับวันที่ 25 สิงหาคม 2554)

  21. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.1 สถาบันการเงิน (ต่อ) (3) ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมตาม (1) หรือ (2)หรือไม่ก็ตาม( มาตรา 13(3))

  22. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.1สถาบันการเงิน (ต่อ) มีหน้าที่ต้องรายงานธุรกรรมเพิ่มเติม ในกรณีที่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงใดที่เกี่ยวข้องหรืออาจจะเป็นประโยชน์ในการยืนยันหรือยกเลิกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกรรมที่ใช้เงินสด ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน และธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ที่สถาบันการเงินได้รายงานไปแล้วข้างต้นให้สำนักงาน ปปง. ทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ปรากฏข้อเท็จจริงนั้น มาตรา 13 วรรคสอง ประกอบกับ วรรคสองของข้อ 2(2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

  23. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.1สถาบันการเงิน (ต่อ) มีหน้าที่ต้องรายงานธุรกรรมย้อนหลังในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าธุรกรรมใดที่ได้กระทำไปแล้ว โดยมิได้มีการรายงาน เป็นธุรกรรมที่ใช้เงินสด ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยที่สถาบันการเงินต้องรายงาน ไปยังสำนักงาน ปปง. ภายใน 7 วันนับแต่วันที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าธุรกรรมใดที่ได้กระทำไปแล้วโดยมิได้มีการรายงานเป็นธุรกรรมที่ต้องรายงานด้วย มาตรา 14 ประกอบกับข้อ 3 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

  24. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน (ต่อ) 1.2.2 สำนักงานที่ดินมีธุรกรรม 3 ประเภท คือ (1) ธุรกรรมการขอจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินมิได้เป็นคู่กรณีเมื่อมีการชำระด้วยเงินสดเป็นจำนวนตั้งแต่ 2,000,000 บาทหรือกว่านั้นขึ้นไป มาตรา 15(1) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542ประกอบข้อ 1(1) แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ.2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

  25. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.2 สำนักงานที่ดิน (ต่อ) (2)ธุรกรรมการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินมิได้เป็นคู่กรณีเมื่ออสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าตามราคาประเมินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตั้งแต่ 5,000.000 บาทหรือกว่านั้นขึ้นไปเว้นแต่เป็นการโอนในทางมรดกให้แก่ทายาทโดยธรรม มาตรา 15(2) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบข้อ 1(2) แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ.2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

  26. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.2 สำนักงานที่ดิน (ต่อ) (3) ธุรกรรมการขอจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินมิได้เป็นคู่กรณีเมื่อเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย มาตรา 15 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

  27. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน (ต่อ) 1.2.3 ผู้ประกอบอาชีพ(9 ประเภท)ที่มิใช่สถาบันการเงิน (มาตรา 16) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท (1) ธุรกรรมที่ใช้เงินสด มาตรา 16 วรรคหนึ่ง (1)(2)(3)(4)(5) และ (8) ตั้งแต่ 2,000,000 บาท ขึ้นไป ความในข้อ 2(1) แห่งกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินในการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสดซึ่งผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2554

  28. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.3 ผู้ประกอบอาชีพ(9 ประเภท)ที่มิใช่สถาบันการเงิน (มาตรา 16) (ต่อ) (1) ธุรกรรมที่ใช้เงินสด - มาตรา 16 วรรคหนึ่ง (6) ตั้งแต่500,000บาท ขึ้นไป ความในข้อ 2(2) แห่งกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินในการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสดซึ่งผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2554

  29. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.3 ผู้ประกอบอาชีพ(9 ประเภท)ที่มิใช่สถาบันการเงิน (มาตรา 16) (ต่อ) (1) ธุรกรรมที่ใช้เงินสด - มาตรา 16 วรรคหนึ่ง (7)และ(9) ตั้งแต่ 100,000 บาท ขึ้นไป ความในข้อ 2(3) แห่งกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินในการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสดซึ่งผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2554

  30. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.3 ผู้ประกอบอาชีพ(9 ประเภท)ที่มิใช่สถาบันการเงิน (มาตรา 16) (ต่อ) (2) ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย

  31. 1.2 ประเภทของธุรกรรมที่ต้องรายงาน 1.2.3 ผู้ประกอบอาชีพ(9 ประเภท)ที่มิใช่สถาบันการเงิน (มาตรา 16) (ต่อ) ให้ผู้ประกอบอาชีพมีหน้าที่ต้องรายงานธุรกรรมเพิ่มเติม ในกรณีที่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงใดที่เกี่ยวข้องหรืออาจจะเป็นประโยชน์ในการยืนยันหรือยกเลิกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกรรมที่ใช้เงินสด และธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยที่ผู้ประกอบอาชีพได้รายงานไปแล้วข้างต้นให้สำนักงาน ปปง.ทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ปรากฏข้อเท็จจริงนั้นด้วย มาตรา 16 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบ ข้อ 7 วรรคสาม แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ.๒๕๔๓) อออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 12 (พ.ศ.2554) ออกตามความในพระราชพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

  32. 1.3 แบบ ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานธุรกรรม 1.3.1 สถาบันการเงิน 1.3.1.1 แบบรายงานของสถาบันการเงิน (๑) ธุรกรรมที่ใช้เงินสด ตามมาตรา ๑๓ (๑) ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑ – ๐๑ (๒) ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ตามมาตรา ๑๓ (๒) ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑ – ๐๒ (๓) ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ตามมาตรา ๑๓ (๓) ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑ – ๐๓ ข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒

  33. 1.3.1.1 แบบรายงานของสถาบันการเงิน (ต่อ) สถาบันการเงินที่เป็นบริษัทประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑ - ๐๔ – ๑(แบบรายงานธุรกรรมที่ใช้เงินสด(ธุรกิจประกันชีวิต)) แบบ ปปง. ๑ - ๐๔ - ๒(แบบรายงานการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน) และแบบ ปปง. ๑ - ๐๔ - ๓ (แบบรายงานการทำธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย) ในกรณีที่การทำธุรกรรมใดไม่สามารถรายงานโดยใช้แบบดังกล่าวได้ ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑ - ๐๑ แบบ ปปง. ๑ - ๐๒ และแบบ ปปง. ๑ - ๐๓ ได้โดยอนุโลม

  34. 1.3.1.1 แบบรายงานของสถาบันการเงิน (ต่อ) สถาบันการเงินอาจใช้แบบรายงานการทำธุรกรรมรูปแบบอื่นที่มีข้อมูลเดียวกันกับแบบรายงานข้างต้นโดยใช้แบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนก็ได้ การรายงานการทำธุรกรรมตามมาตรา ๑๓ (๑) และ (๒) ที่มีการทำธุรกรรมเพื่อการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์รวมอยู่ด้วย ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑ - ๐๕ - ๙ หรือใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์แทน

  35. 1.3.1.2 ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานของสถาบันการเงิน (๑) การรายงานการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสดและธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สินตามมาตรา ๑๓ (๑) และ (๒) ให้สถาบันการเงินรายงานโดยการส่งแบบรายงานที่ทำขึ้นในระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๑๕ และที่ทำขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๖ ถึงวันสิ้นเดือน ไปยังสำนักงาน ปปง.ภายใน ๗ วันนับแต่วันถัดจากวันที่ ๑๕ และวันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการทำธุรกรรมนั้น (๒) การรายงานการทำธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ตามมาตรา ๑๓ (๓) ให้สถาบันการเงินรายงานโดยการส่งแบบรายงานไปยังสำนักงาน ปปง.ภายใน ๗ วันนับแต่วันที่มีเหตุอันควรสงสัย (๓) การรายงานการทำธุรกรรมที่เป็นการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้รายงานทุกครั้งเมื่อมีการโอนเงิน หรือชำระเงิน หรือรับการโอนเงินของลูกค้า ข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบ ข้อ ๗/๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ (มีผลใช้บังคับวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔)

  36. 1.3.1.3 วิธีการส่งแบบรายงานของสถาบันการเงิน การส่งแบบรายงานการทำธุรกรรมไปยังสำนักงาน ปปง. อาจทำได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้ (๑) ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงาน ปปง. (๒) ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ (๓) ส่งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมาย ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบ ข้อ ๖ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒

  37. 1.3.1.4การรายงานธุรกรรมเป็นภาษาอังกฤษของสถาบันการเงิน1.3.1.4การรายงานธุรกรรมเป็นภาษาอังกฤษของสถาบันการเงิน สถาบันการเงิน อาจรายงานการทำธุรกรรมเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่เมื่อได้รับแจ้งจากสำนักงาน ปปง. ให้แปลรายงานหรือข้อมูลการทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นภาษาไทย สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบอาชีพที่มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม จะต้องจัดทำคำแปลพร้อมมีหนังสือรับรองความถูกต้อง และจัดส่งไปยังสำนักงาน ปปง. ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ข้อ ๘/๑ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเพิ่มโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ (มีผลใช้บังคับวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔)

  38. 1.3 แบบ ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานธุรกรรม 1.3.2 สำนักงานที่ดิน 1.3.2.1 แบบรายงานของสำนักงานที่ดิน แบบรายงานการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานที่ดินต้องรายงานต่อสำนักงาน ปปง.ตามมาตรา ๑๕ (๑) (๒) และ (๓) ให้ใช้สำเนาคำขอจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรมที่รับรองถูกต้อง หรือ แบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีข้อมูลตามคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมดังกล่าว ข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒

  39. 1.3.2.2 ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานธุรกรรมของสำนักงานที่ดิน (ข้อ ๕ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒) (๑) การรายงานการทำธุรกรรมการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินมิได้เป็นคู่กรณีเมื่อมีการชำระด้วยเงินสดเป็นจำนวนตั้งแต่สองล้านบาทหรือกว่านั้นขึ้นไปตามมาตรา ๑๕ (๑) และการรายงานการทำธุรกรรมการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินมิได้เป็นคู่กรณีเมื่ออสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าตามราคาประเมินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตั้งแต่ห้าล้านบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป เว้นแต่เป็นการโอนในทางมรดกให้แก่ทายาทโดยธรรมตามมาตรา ๑๕(๒) ให้สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงานที่ดินสาขา หรือสำนักงานที่ดินอำเภอ รายงานโดยการส่งสำเนาคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรรมที่รับรองถูกต้องที่ทำขึ้นในระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันสิ้นเดือน ไปยังสำนักงานภายใน ๕ วันนับแต่วันถัดจากวันสิ้นเดือนที่มีการทำธุรกรรมนั้น • (๒) การรายงานการทำธุรกรรมการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการเงินมิได้เป็นคู่กรณีเมื่อเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยตามมาตรา ๑๕ (๓) ให้ส่งสำเนาคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่รับรองถูกต้อง พร้อมทั้งบันทึกเหตุอันควรสงสัยไปยังสำนักงานภายใน ๕ วันนับแต่วันที่มีเหตุอันควรสงสัย

  40. 1.3.2.3 วิธีการส่งแบบรายงานธุรกรรมของสำนักงานที่ดิน การส่งแบบรายงานการทำธุรกรรมไปยังสำนักงาน ปปง. อาจทำได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้ (๑) ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงาน ปปง. (๒) ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ (๓) ส่งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒

  41. 1.3 แบบ ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานธุรกรรม 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.1 แบบการรายงานธุรกรรม ข้อ ๖ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ (ก.) ธุรกรรมที่ใช้เงินสดมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนด (๑) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการดำเนินการ การให้คำแนะนำ หรือการเป็นที่ปรึกษาในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุนหรือการเคลื่อนย้ายเงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑-๐๕-๑ (๒) ผู้ประกอบอาชีพค้าอัญมณี เพชรพลอย ทองคำ หรือเครื่องประดับที่ประดับด้วยอัญมณี เพชรพลอย หรือทองคำให้รายงานโดยใช้ แบบ ปปง. ๑-๐๕-๒

  42. 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.1 แบบการรายงานธุรกรรม (ก.) ธุรกรรมที่ใช้เงินสดมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนด (ต่อ) (๓) ผู้ประกอบอาชีพค้าหรือให้เช่าซื้อรถยนต์ ให้รายงานโดยใช้ แบบ ปปง. ๑-๐๕-๓ (๔) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑-๐๕-๔ (๕) ผู้ประกอบอาชีพค้าของเก่าตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่าให้รายงานโดยใช้ แบบ ปปง. ๑-๐๕-๕

  43. 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.1 แบบการรายงานธุรกรรม (ก.) ธุรกรรมที่ใช้เงินสดมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนด (ต่อ) (๖)ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ให้รายงานโดยใช้ แบบ ปปง. ๑-๐๕-๖ (๗) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินให้รายงานโดยใช้ แบบ ปปง. ๑-๐๕-๗

  44. 1.3 แบบ ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานธุรกรรม 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.1 แบบการรายงานธุรกรรม (ก.) ธุรกรรมที่ใช้เงินสดมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนด (ต่อ) (๘) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑-๐๕-๘ (๙) ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้รายงานโดยใช้ แบบ ปปง. ๑-๐๕-๙

  45. 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.1 แบบการรายงานธุรกรรม (ข.) ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ให้รายงานโดยใช้ แบบ ปปง. ๑ - ๐๕ – ๑๐

  46. 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.1 แบบการรายงานธุรกรรม อนึ่ง ผู้ประกอบอาชีพที่มิใช่สถาบันการเงิน อาจใช้การรายงานการทำธุรกรรมโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนได้ สำหรับผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยให้รายงานโดยใช้แบบ ปปง. ๑ - ๐๕ - ๙ หรือรายงานโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์แทน

  47. 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.2 ระยะเวลา หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานธุรกรรม (๑) การรายงานการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสด ให้ผู้ประกอบอาชีพที่มิใช่สถาบันการเงินรายงานโดยการส่งแบบรายงานหรือส่งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสำนักงานภายในเดือนถัดไปของเดือนที่มีการทำธุรกรรมนั้น (๒) การรายงานการทำธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ให้ผู้ประกอบอาชีพที่มิใช่สถาบันการเงิน รายงานโดยการส่งแบบรายงานหรือส่งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังสำนักงานภายใน ๗ วันนับแต่วันที่มีเหตุอันควรสงสัย (๓) การรายงานการทำธุรกรรมที่เป็นการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้รายงานทุกครั้งเมื่อมีการโอนเงิน หรือชำระเงิน หรือรับการโอนเงินของลูกค้า ข้อ ๗ และข้อ ๗/๑ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒

  48. 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.3วิธีการส่งรายงานธุรกรรม การส่งแบบรายงานการทำธุรกรรมไปยังสำนักงาน ปปง. อาจทำได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้ (๑) ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงาน ปปง. (๒) ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ (๓) ส่งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ประกอบ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒

  49. 1.3.3 ผู้ประกอบอาชีพ (9 ประเภท) ที่มิใช่สถาบันการเงิน 1.3.3.4 การรายงานธุรกรรมเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ประกอบอาชีพที่มิใช่สถาบันการเงิน อาจรายงานการทำธุรกรรมเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่เมื่อได้รับแจ้งจากสำนักงาน ปปง. ให้แปลรายงานหรือข้อมูลการทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นภาษาไทย สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบอาชีพที่มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม จะต้องจัดทำคำแปลพร้อมมีหนังสือรับรองความถูกต้อง และจัดส่งไปยังสำนักงาน ปปง. ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ข้อ ๘/๑ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ (มีผลใช้บังคับวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔)

  50. 1.4ธุรกรรมที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรายงาน1.4ธุรกรรมที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรายงาน พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๘ กำหนดยกเว้นไว้ว่าธุรกรรมตามมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๖ ที่รัฐมนตรีเห็นสมควรให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรายงานให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ปัจจุบัน ได้แก่ ธุรกรรมที่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒

More Related