420 likes | 985 Views
นายเทพพยุง วงศ์สูง ตำแหน่ง นายช่างชลประทาน ชำนาญงาน ทำหน้าที่ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานแพร่ ( รับผิดชอบ อ.เมือง อ.สูงเม่น และอ.เด่นชัย ) วุฒิการศึกษา - ป.การชลประทาน (ร.ร.การชลประทาน) - วศบ.ชลประทาน ( ม.เกษตรศาสตร์ ). หัวข้อการบรรยาย.
E N D
นายเทพพยุง วงศ์สูงตำแหน่ง นายช่างชลประทาน ชำนาญงานทำหน้าที่ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานแพร่ ( รับผิดชอบ อ.เมือง อ.สูงเม่น และอ.เด่นชัย )วุฒิการศึกษา- ป.การชลประทาน (ร.ร.การชลประทาน)- วศบ.ชลประทาน ( ม.เกษตรศาสตร์ )
หัวข้อการบรรยาย • การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น - ขุดสระเก็บน้ำ และขุดลอกหนองน้ำ - ขุดลอกคลองธรรมชาติ - อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ • อัตราราคางาน ( เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานชลประทาน )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดสระเก็บน้ำ และขุดลอกหนองน้ำ สิ่งที่ต้องคำนึงถึง( คำถามที่ต้องตอบให้ได้ ) - ประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น อุปโภค-บริโภค เลี้ยงสัตว์ การเกษตร - สถานที่ดำเนินการ เช่น มีพื้นที่รับน้ำหรือไม่ หรือมีวิธีการผันน้ำเข้าสู่ ที่เก็บน้ำอย่างไร และวิธีการนำน้ำไปใช้ - ลักษณะของดิน เก็บกักน้ำได้หรือไม่ หรือมีวิธีการป้องกันการรั่วซึม อย่างไร - พื้นที่ทิ้งดิน ควรมีขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1.5เท่า (แนะนำ) - ความต้องการใช้น้ำ( เลือกขนาดที่เหมาะสม )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดสระเก็บน้ำ และขุดลอกหนองน้ำ (ต่อ) ความต้องการใช้น้ำ( ข้อมูลพื้นฐาน ) ๑. น้ำอุปโภค-บริโภค - คน ใช้ 200 ลิตร/วัน/คน - สัตว์ ใช้ 50 ลิตร/วัน/คน ๒. น้ำเพื่อการเกษตร - คิดฤดูฝน 1,500ลบ.ม./ไร่ ฤดูแล้ง 800 ลบ.ม./ไร่ ( ฤดูฝนปลูกข้าว ฤดูแล้งพืชไร่พืชผัก )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดสระเก็บน้ำ และขุดลอกหนองน้ำ (ต่อ) แนวทางออกแบบเบื้องต้น - นำความต้องการใช้น้ำมากำหนดขนาดของสระเก็บน้ำ - พิจารณาพื้นที่ทิ้งดิน เพื่อกำหนดปริมาณดินขุด - กำหนดความลาดเอียงของสระ เช่น ดินเหนียวใช้ 1:1 – 1:1.5 ดินร่วนดินปนทราย ใช้ 1:1.5 – 1:2 เป็นต้น -กำหนดความลึก เช่น เลี้ยงปลาไม่ควรเกิน 2.00-3.00 ม. เพื่อการเกษตรควรขุดลึกที่สุด ( น้ำจะเหยประมาณ 60 ซม./ 1 ปี )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดลอกคลองธรรมชาติ สิ่งที่ต้องคำนึงถึง( คำถามที่ต้องตอบให้ได้ ) - วัตถุประสงค์ เช่น เพื่อการระบาย หรือกักเก็บน้ำ - เมื่อดำเนินการแล้วจะส่งผลกระทบให้ดีขึ้น หรือแย่ลง - ปัญหาเรื่องที่ดินข้างเคียง ( ต้องได้รับการยินยอม ) - ปริมาณน้ำนองสูงสุด(คาบน้ำ) และอาคาร(เดิม)ที่อยู่ในคลอง - ต้องไม่กระทบต่อการใช้น้ำ หรือระบายน้ำ ของราษฎร
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดลอกคลองธรรมชาติ แนวทางออกแบบเบื้องต้น กรณี เพื่อการระบาย - จะต้องพิจารณาออกแบบจากปลายน้ำมาก่อน ( ปลายน้ำ > ต้นน้ำ ) - กรณีมีอาคารที่ก่อสร้างในลำคลอง ต้องนำแบบอาคารดังกล่าวมาใช้ ประกอบในการออกแบบ (ถ้ามี) หรือถ้าไม่มั่นใจควรเว้นระยะหน้า ท้ายอาคารนั้น ในระยะพอสมควร(ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ออกแบบ) - ออกแบบคลอง ให้สามารถระบายน้ำได้ไม่น้อยกว่าปริมาณน้ำนอง สูงสุด(ให้ดูจากคาบน้ำที่เคยท่วมสูงสุด)
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดลอกคลองธรรมชาติ แนวทางออกแบบเบื้องต้น ( ต่อ ) กรณี เพื่อการเก็บกัก - จะต้องมีอาคารบังคับน้ำ ( เพื่อใช้เก็บกักน้ำ ) และอาคารดังกล่าว จะต้องสามารถระบายน้ำได้ทันในช่วงฤดูน้ำหลาก ทั้งนี้: ไม่ว่าจะขุดลอกคลองเพื่อวัตถุประสงค์ เก็บกักน้ำ หรือระบายน้ำ สิ่งสำคัญจะต้องรู้ว่ามีปริมาณน้ำเท่าไร จึงจะสามารถดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดลอกคลองธรรมชาติ สูตรที่เกี่ยวข้อง ; Q คือ อัตราการไหลของน้ำ มีหน่วยเป็น ลบ.ม./วิ ; A คือ พื้นที่หน้าตัดลำน้ำ มีหน่วยเป็น ตร.ม. ; V คือ ความเร็วของน้ำ มีหน่วยเป็น ม./วิ ; n ( คลองดิน = 0.35 , คลองดาด = 0.025 ) ; S คือ ค่าความลาดของลำน้ำ ; R = ; P คือ เส้นขอบเปียก
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดลอกคลองธรรมชาติ สูตรที่เกี่ยวข้อง ; Q คือ อัตราการไหลของน้ำ มีหน่วยเป็น ลบ.ม./วิ ; A คือ พื้นที่หน้าตัดลำน้ำ มีหน่วยเป็น ตร.ม. ; V คือ ความเร็วของน้ำ มีหน่วยเป็น ม./วิ ; C = ค่าสัมประสิทธิ์ความขรุขระ( 0.7 - 0.8 ) ; g คือ ค่าความโน้มถ่วง ( 9.81 ) ; H = ค่าความสูงต่างของระดับน้ำ
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดลอกคลองธรรมชาติ สูตรที่เกี่ยวข้อง ; Q คือ อัตราการไหลของน้ำ มีหน่วยเป็น ลบ.ม./วิ ; W คือ ความกว้างของบาน มีหน่วยเป็น ม. ; D คือ ความสูงของน้ำ มีหน่วยเป็น ม. ; C = ค่าสัมประสิทธิ์ความขรุขระ( 0.65 ) ; g คือ ค่าความโน้มถ่วง ( 9.81 )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • ขุดลอกคลองธรรมชาติ ; V คือ ความเร็วของน้ำ มีหน่วยเป็น ม./วิ ; C = ค่าสัมประสิทธิ์ความขรุขระ ( 0.65 ) ; g คือ ค่าความโน้มถ่วง ( 9.81 ) ; H = ค่าความสูงต่างของระดับน้ำ
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ - อ่างเก็บน้ำ มีหน้าที่ ในการเก็บกักน้ำ - ฝายทดน้ำ มีหน้าที่ ในการทดน้ำ(ยกระดับน้ำ) เข้าพื้นที่เพาะปลูก สิ่งที่ต้องคำนึงถึง( คำถามที่ต้องตอบให้ได้ ) - ประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น อุปโภค-บริโภค เลี้ยงสัตว์ การเกษตร - มีจุดที่ตั้งที่เหมาะสมหรือไม่ - มีปัญหาเรื่องการใช้ที่ดินหรือไม่ - ควรพิจารณาเป็นอ่างเก็บน้ำ หรือฝายทดน้ำ
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) การพิจารณาโครงการเบื้องต้น - คำนวณหาความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ - กำหนดจุดที่ตั้งจากแผนที่ 1:50,000 - คำนวณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี - คำนวณน้ำหลากสูงสุด
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) คำนวณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี ( เป็นการคำนวณหาศักยภาพของลุ่มน้ำ นั้น ) - หาพื้นที่รับน้ำฝน ( คิดพื้นที่ลุ่มน้ำจากแผนที่ 1:50,000) - ฝนเฉลี่ยทั้งปี ( ข้อมูลจากอุตุนิยมวิทยา ) - สัมประสิทธิ์น้ำท่า ( ดูจากตาราง )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น - หาพื้นที่รับน้ำฝน ( คิดพื้นที่ลุ่มน้ำจากแผนที่ 1:50,000) ตัวอย่าง
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น - สัมประสิทธิ์น้ำท่า ( ดูจากตาราง ) A – พื้นที่รับน้ำฝน ลาดชันมาก ต้นน้ำลำธาร B – พื้นที่รับน้ำฝน ลาดชันปานกลางถึงมาก ป่าค่อนข้างสมบูรณ์ C – พื้นที่รับน้ำฝน ค่อนข้างราบ ป่า-ต้นไม้น้อย ดินปนทราย
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น คำนวณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี จากตัวอย่าง มีพื้นที่รับน้ำฝน 13 ตร.กม.(วัดพื้นที่ลุ่มน้ำจากแผนที่ 1:50,000) ฝนเฉลี่ยทั้งปี 1,200 ม.ม.(ข้อมูลจากอุตุนิยมวิทยา)สัมประสิทธิ์น้ำท่า 30 % ( ดูจากตารางใช้ A ) สูตร น้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี = สัมประสิทธิ์น้ำท่า x ฝนเฉลี่ย x พื้นที่ลุ่มน้ำ หรือ Q=CIA = 30 x 1,200 x13 x 1,000,000 1,000 100 = 4,680,000 ลบ.ม.
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) คำนวณปริมาณน้ำหลากสูงสุด ( ใช้ประกอบการคำนวณขนาดความยาวของสันฝาย และอาคารระบายน้ำล้น ) สมการ รีเกรชชั่น ( regression equation ) ; A คือ พื้นที่ลุ่มน้ำ มีหน่วยเป็น ตารางกิโลเมตร หมายเหตุ : เป็นค่าที่ได้จากผลการศึกษาลุ่มน้ำยม ( ลุ่มน้ำยมเท่านั้น )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น คำนวณปริมาณน้ำหลากสูงสุด ( ใช้ประกอบการคำนวณขนาดความยาวของสันฝาย และอาคารระบายน้ำล้น ) จากตัวอย่าง มีพื้นที่รับน้ำฝน 13 ตร.กม.(วัดพื้นที่ลุ่มน้ำจากแผนที่ 1:50,000) ใช้รอบเกิดซ้ำ 50 ปี ได้ค่าจากตารางคือ k = 38.764 , n = 0.4608แทนค่าในสูตร
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) กรณี พิจารณาก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ การเลือกสถานที่สร้างอ่างเก็บน้ำ 1. มีเนินเขาสูงขนาบสองข้าง ( สำหรับก่อสร้างตัวเขื่อน ) 2. มีพื้นที่รับน้ำฝน (พื้นที่ลุ่มน้ำ) มาก 3. มีพื้นที่สำหรับเก็บกักน้ำ(พื้นที่ของอ่างเก็บน้ำ) มาก 4. ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้ที่ดิน
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) กรณี พิจารณาก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ การกำหนดขนาดของอ่างเก็บน้ำ 1. ถ้าความต้องการใช้น้ำ น้อยกว่า ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี - กำหนดขนาดอ่างเก็บน้ำ เท่ากับ ปริมาณความต้องการใช้น้ำ 2. ถ้าความต้องการใช้น้ำ มากกว่า ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี 2.1 กำหนดขนาดอ่างเก็บน้ำ เท่ากับ ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี( เมื่อเขื่อนสูงไม่มาก ) 2.2 กำหนดขนาดอ่างเก็บน้ำ เท่ากับ 0.8 x ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี( เขื่อนมีความสูงมาก ) 2.3 กำหนดขนาดอ่างเก็บน้ำ เท่ากับ 1.3 x ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี( เพื่อบรรเทาอุทกภัยด้วย )
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) กรณี พิจารณาก่อสร้างฝายทดน้ำ การเลือกสถานที่สร้างฝายทดน้ำ 1. สร้างในบริเวณที่สามารถทดน้ำเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายได้ 2. ลำน้ำบริเวณสร้างฝายควรมีแนวตรง 3. ควรสร้างฝายในบริเวณพื้นลำน้ำที่เป็นหินพืดหรือดิน ไม่ควรสร้างบริเวณ พื้นลำน้ำที่เป็นหินก้อน
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) กรณี พิจารณาก่อสร้างฝายทดน้ำ การกำหนดขนาดของฝายทดน้ำ 1. ระดับของสันฝายต้องสามารถทดน้ำเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายได้ และควรต่ำกว่า ระดับตลิ่งไม่น้อยกว่า 0.50 ม. ทั้งนี้ ไม่ควรก่อสร้างฝายสูงมากกว่า 2.00 ม. หากสูงเกินกว่า 2.00 ม. ควรมอบให้วิศวกรซึ่งมีความชำนาญเป็นผู้ออกแบบ และควบคุมการก่อสร้าง 2. การกำหนดความยาวของสันฝาย ขึ้นอยู่ระดับสันฝายว่าอยู่ต่ำกว่าระดับตลิ่ง เท่าไหร่ และมีปริมาณน้ำนองสูงสุดเท่าใด
การพิจารณา(แหล่งน้ำ) และแนวทางออกแบบเบื้องต้น • อ่างเก็บน้ำ และฝายทดน้ำ ( ต่อ ) สูตรที่ใช้ในการกำหนดขนาดความยาวของฝายทดน้ำ ; Qmax คือ ค่าปริมาณน้ำหลากสูงสุด ( k A n ) ; C คือ ค่าสัมประสิทธิ์ ใช้ 1.57 – 1.82 ( ฝายสันกว้าง ) ; L คือ ความยาวสันฝาย ; H คือ กำหนดค่าความสูงของน้ำเหนือสันฝาย ( ไม่สูงกว่าค่าต่างระหว่างระดับสันฝายกับตลิ่ง )
อัตราราคางาน ( เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานชลประทาน ) • ในส่วนที่กรมชลประทาน ถ่ายโอนให้ อปท. - งานซ่อมแซม และบำรุงรักษาโครงการชลประทานขนาดเล็ก - งานดูแลรักษาทางน้ำ - งานดูแล รักษา ปรับปรุง โครงการชลประทานระบบท่อ - งานบำรุงรักษาทางชลประทาน - โครงการขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ - การสูบน้ำนอกเขตชลประทาน - โครงการถ่ายโอนการสูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า
อัตราราคางาน ( เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานชลประทาน ) จำแนกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ • งานก่อสร้าง ( ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลประทาน งานขุดลอก ) คิดคำนวณตามแบบ และใช้อัตราราคางาน ตามแนวทางการคำนวณราคากลาง ของสำนักงบประมาณ 2. งานบำรุงรักษา ( บำรุงรักษาหัวงาน คลองชลประทาน ทางชลประทาน งานกำจัดวัชพืช ) ใช้อัตราราคางานที่กรมชลประทานได้ทำข้อตกลงกับสำนักงบประมาณ
อัตราราคางาน ( เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานชลประทาน ) อัตราราคางานบำรุงรักษา งานบำรุงรักษาหัวงาน ไร่ละ 1,800.- บาท งานบำรุงรักษาคลองชลประทาน ก.ม.ละ 6,010.- บาท งานบำรุงรักษาทางชลประทาน - F4 (ลาดยางบนหินคลุก หนา 0.15 ม. กว้าง 5.50 ม. ไหล่ทาง 1.25 ม.) กม.ละ 100,700.- บาท - F5 (ทางลำเลียงใหญ่ ลูกรัง หนา 0.40 ม. กว้าง 7.00 ม. ไหล่ทาง 1.00 ม.) กม.ละ 126,830.- บาท - F6 (ทางลำเลียงย่อย ลูกรัง หนา 0.25 ม. กว้าง 6.00 ม. ไม่มีไหล่ทาง) กม.ละ 79,360.- บาท - ทางต่ำกว่ามาตรฐาน กม.ละ 43,720.- บาท งานกำจัดวัชพืช ไร่ละ 2,580.- บาท
ขอบคุณครับ มีปัญหา หรือ ต้องการคำแนะนำ โทร 081-8876552 โทรสาร 054-530792