1 / 60

การพัฒนาระบบราชการเพื่อส่งเสริม การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

การพัฒนาระบบราชการเพื่อส่งเสริม การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี. เป้าหมายของการบริหารประเทศ. “เป้าหมายของการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารแบบไหนก็แล้วแต่” ต้องอยู่ที่ความผาสุกของประชาชน อยู่ที่ความก้าวหน้าของประเทศ ที่สำคัญต้องเป็นวิธีการที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง.

emilie
Download Presentation

การพัฒนาระบบราชการเพื่อส่งเสริม การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การพัฒนาระบบราชการเพื่อส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีการพัฒนาระบบราชการเพื่อส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

  2. เป้าหมายของการบริหารประเทศเป้าหมายของการบริหารประเทศ “เป้าหมายของการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารแบบไหนก็แล้วแต่” ต้องอยู่ที่ความผาสุกของประชาชน อยู่ที่ความก้าวหน้าของประเทศ ที่สำคัญต้องเป็นวิธีการที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

  3. ก้าวข้ามผ่านให้พ้นความเป็นระบบราชการ(Beyond Bureaucracy) ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen-Centered) และ ยึดประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลัก  คิดเชิงยุทธศาสตร์ มุ่งไปข้างหน้า (Future-Oriented) และเปิดมุมมองให้กว้าง (Outside-In Approach)  บริหารงานบนฐานขององค์ความรู้และข้อมูลสารสนเทศ  ทำงานเชิงรุก กล้าคิด กล้าทำ ท้าทาย ไม่ยึดติดกับรูป แบบเดิม เพื่อ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

  4. ก้าวข้ามผ่านให้พ้นความเป็นระบบราชการ(Beyond Bureaucracy) ต่อ... • ยึดหลักบูรณาการไร้พรมแดนของหน่วยงาน (Boundaryless) • มีเป้าหมายในการทำงาน สามารถวัดผลสำเร็จได้ อย่างชัดเจน • เน้นความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ (Economy of Speed) • เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ปรับตัวให้ทันโลกทันสมัย • แสวงหาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี่สมัยใหม่

  5. การปฏิรูประบบราชการ วิธีปฏิบัติราชการ โครงสร้าง ยุทธศาสตร์ อัตรากำลัง - พรฎ. ตามมาตรา 3/1 - E-Procurement - E-Government - GFMIS - ลดคน - ลดงบประมาณ ด้านบุคลากร - 20 กระทรวง - กลุ่มภารกิจ - องค์การมหาชน

  6. พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ฯ (ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2545) มาตรา 3/1 “การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อ ประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจาย อำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนอง ความต้องการของประชาชน ทั้งนี้โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผล ของงาน”

  7. ระบบราชการแนวใหม่ที่ควรเป็นระบบราชการแนวใหม่ที่ควรเป็น สภาพการณ์ที่เป็นอยู่ ( As Is) เปลี่ยนแปลง (CHANGE) สิ่งที่ควรเป็น (TO BE) • ระบบราชการเสื่อมถอย • ขาดธรรมาภิบาลอย่างเป็นธรรม • มีประสิทธิภาพ • บริหารองค์กรแบบสมัยใหม่ • ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง • ยึดภารกิจเป็นตัวตั้ง • คนในองค์กรมีส่วนร่วม • ยึดผลลัพธ์การทำงาน • มีความโปร่งใส • องค์กรสมัยใหม่ • ระบบธรรมาภิบาล

  8. การบริหารภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management :NPM) • เน้นการบริหารงานในแบบมืออาชีพ (professional management) • กำหนดวัตถุประสงค์และตัวชี้วัดผลการดำเนินงานอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม ให้ความสำคัญต่อการรับผิดชอบต่อผลงาน (accountability for results) • ให้ความสำคัญต่อการควบคุมผลสัมฤทธิ์ และการเชื่อมโยงให้เข้ากับการจัดสรรทรัพยากรและการให้รางวัล • ปรับปรุงโครงสร้างองค์การให้มีขนาดเล็กลงเหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน มีการจ้างเหมางานบางส่วนออกไป (contract out) • เปิดให้มีการแข่งข้นในการให้บริการสาธารณะ (contestability) เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น • ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารงานให้มีความทันสมัย อิงแบบของภาคเอกชน (business like approach) • เสริมสร้างวินัยในการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน ความประหยัดและคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากร

  9. การจัดแบ่งประเภทของ NPM ตามกระแสแนวคิดเกี่ยวกับการปฏิรูประบบบริหารงานภาครัฐ • การปรับปรุงประสิทธิภาพ(efficiency drive) •  ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารงานให้ทันสมัย •  เลียนแบบการบริหารงานเชิงธุรกิจมากขึ้น •  มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน • การลดขนาดและการกระจายอำนาจ(downsizing and decentralization) •  เปิดให้กลไกตลาดเข้ามาแทนภาครัฐ •  จัดกลุ่มประเภทภารกิจงานหลัก/งานรอง (core function/ • non-core function) • เปิดให้มีการทดสอบตลาด (market – testing) •  เปิดให้มีการแข่งขัน (contestability) •  แยกผู้ซื้อบริการและผู้ให้บริการออกจากกัน (purchaser – provider split) •  ใช้ระบบการทำสัญญาข้อตกลง (contractualism) •  การจัดตั้งองค์การบริหารงานอิสระของฝ่ายบริหาร (agencification)

  10. 3. การมุ่งสู่ความเป็นเลิศ(in search of excellence)  ให้ความสำคัญเรื่องวัฒนธรรมองค์การ ค่านิยม จรรยาบรรณวิชาชีพ การบริหารความเสี่ยง 4. การให้ความสำคัญต่อการบริการประชาชน(public service orientation)  มุ่งเน้นคุณภาพการดำเนินงาน  ให้ความสำคัญต่อความพึงพอใจของลูกค้าผู้รับบริการ  การมีส่วนร่วมของประชาชน  ประสิทธิภาพ  ประสิทธิผล  คุณภาพการให้บริการ  ความคุ้มค่า NPM ให้ความสำคัญกับ

  11. แผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาระบบราชการไทย พ.ศ. 2546 – 2550 (ตามมติ ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 19พฤษภาคม 2546)

  12. เป้าประสงค์หลัก (ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์) ยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ที่ 1 1. พัฒนาคุณภาพการให้ บริการประชาชนที่ดีขึ้น พัฒนาระบบราชการ ไทยให้มีความเป็นเลิศ สามารถรองรับกับการ พัฒนาประเทศในยุค โลกาภิวัตน์โดยยึด หลักธรรมาภิบาล และประโยชน์สุข ของประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ที่ 3 2. ปรับบทบาทภารกิจ และ ขนาดให้มีความเหมาะสม ยุทธศาสตร์ที่ 4 3. ยกระดับขีดความสามารถและ มาตรฐานการทำงานให้อยู่ใน ระดับสูงและเทียบเท่าเกณฑ์สากล ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยุทธศาสตร์ที่ 6 4. ตอบสนองต่อการบริหาร ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยุทธศาสตร์ที่ 7

  13. ยุทธศาสตร์ 1 : การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน • ยึดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ • บริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ • ลดต้นทุนตรวจสอบความคุ้มค่า • มีข้อตกลงว่าด้วยผลงาน • บริการโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง • ลดความผูกขาดของส่วนราชการ • ปรับปรุงขั้นตอน/ แก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย • ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

  14. ยุทธศาสตร์ 2 : การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน • เน้นการร่วมบริหารเชิงบูรณาการโดยมีกลไกประสานการทำงานร่วมกัน • ทบทวนการจัดโครงสร้างให้มีความเหมาะสมมากขึ้น • วางยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตพื้นที่ในเชิงบูรณาการและการจัดสรรทรัพยากรในลักษณะแบบอิงพื้นที่ • จัดระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารราชการในระดับต่าง ๆ

  15. ยุทธศาสตร์ 3 : การปรับรื้อระบบการเงินและการงบประมาณ • ปรับระบบการจัดสรรงบประมาณ ให้มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และสามารถแสดงผลสัมฤทธิ์ได้ • เปิดโอกาสให้แต่ละส่วนราชการทำความตกลงล่วงหน้าเก็บเงินเหลือจ่ายไว้ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์กร/ฝึกอบรมข้าราชการได้ • ปรับปรุงระบบบัญชีให้สามารถคำนวณตุ้นทุนในการจัดบริการสาธารณะได้

  16. ยุทธศาสตร์ 4 : การสร้างระบบบริหารงนบุคคลและค่าตอบแทนใหม่ • เร่งสร้างระบบสรรหาบุคลากรผู้มีความสามารถสูง หรือระดับหัวกะทิ เข้าสู่ระบบราชการไทย โดยมุ่งเน้นให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของการพัฒนาระบบราชการไทย • นำระบบเปิดมาใช้กับผู้บริหารระดับสูง • ทบทวนและปรับเปลี่ยนระบบการจำแนกตำแหน่ง (P.C.) และค่าตอบแทน • ให้เงินเดือนค่าตอบแทนตามความเป็นจริง • เพิ่มผลิตภาพ (Productivity)ของข้าราชการ • เชื่อมโยงผลงานเข้ากับการสร้างแรงจูงใจ

  17. ยุทธศาสตร์ 5 : การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม ของระบบราชการ • สร้างรูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริหารระดับสูงจากประสบการณ์ปฏิบัติจริง • เสนอแนะการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ • สร้างการมีส่วนร่วมในการแสวงหากระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยมใหม่ที่เอื้อต่อการพัฒนาระบบราชการ

  18. กระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม กระบวนทัศน์=กรอบความคิด / วิธีคิด (Paradigm) วัฒนธรรม = ความคิด ประเพณี ทักษะ ศิลป (Culture) ค่านิยม = ความเชื่อถาวรเกี่ยวกับสิ่งที่เหมาะสม/ (Value) มาตรฐานความเชื่อ

  19. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรมและค่านิยมของระบบราชการ • สร้างรูปแบบกระบวนการเรียนรู้ • จากประสบการณ์จริงให้เกิดขึ้นในภาครัฐ ข้าราชการยุคใหม่ 2. เสนอแนะการจัดสภาพแวดล้อม ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ 3. เปิดโอกาสให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วม การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ฯ

  20. ยุทธศาสตร์ที่ 1 : สร้างรูปแบบกระบวนการเรียนรู้จาก • ประสบการณ์จริงให้เกิดขึ้นในภาครัฐ • เปลี่ยนกระบวนทัศน์ของข้าราชการ โดยวิธีการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง • (Action Learning) • พัฒนายุทธวิธี และประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ • นำรูปแบบการสร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยน • กระบวนทัศน์ใหม่ในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักการเมือง • สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Champion) • สร้างตัวอย่างต้นแบบการปรับเปลี่ยนให้เห็นเป็นรูปธรรม • (Pilot and Demonstration Case) ข้าราชการยุคใหม่

  21. ยุทธศาสตร์ที่ 2 : เสนอแนะการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อ • ต่อการเรียนรู้ • ปรับปรุงกฎ ระเบียบ ให้เกื้อกูลต่อการทำงานเพื่อปลูกฝัง • กระบวนทัศน์ใหม่ • ส่งเสริมการปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์ • วิธีการ การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี • สร้างระบบการให้รางวัล และลงโทษ (Carrot and Stick) • เพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยน ข้าราชการยุคใหม่

  22. ยุทธศาสตร์ที่ 3. เปิดโอกาสให้สังคมเข้ามามีส่วนเร่งรัด • การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ฯ • สร้างวาระแห่งชาติ โดยการดึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน • ในสังคมให้รับรู้และมีบทบาทต่างๆในการกระตุ้นเร่งเร้า • ให้การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์เกิดขึ้นได้จริง • รณรงค์ เผยแพร่กระบวนทัศน์ใหม่ให้ประชาชนเข้าใจ • เพื่อให้เป็นแนวทางในการตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการ • สร้างกลไกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและติดตามงานปรับเปลี่ยน • กระบวนทัศน์ • ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของงานปรับเปลี่ยน • กระบวนทัศน์อย่างต่อเนื่อง

  23. ยุทธศาสตร์ 6 : การเสริมสร้างความทันสมัย (รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์) • ปรับปรุงระบบการทำงานให้เป็นสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (e-office) • ให้ส่วนราชการเปิดให้บริการประชาชนทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทางระบบ internet และ website • วางระบบการรายงานผลสัมฤทธิ์ (performance track system) ของส่วนราชการต่าง ๆ ให้เชื่อมโยงเข้าสู่ศูนย์ปฏิบัติการระดับกระทรวง (MOC) และศูนย์ปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรี (PMOC) • วางระบบแลกเปลี่ยน แบ่งปันการใช้ระบบสารสนเทศร่วมกัน

  24. ยุทธศาสตร์ 7 : การเปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม • จัดให้มีระบบการปรึกษาหารือกับประชาชนการสำรวจหรือประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน • ให้ทุกส่วนราชการนำเสนอข้อมูลสารสนเทศที่มีความจำเป็นต่อการแสดงภาระรับผิดชอบ ความโปร่งใสและเปิดเผยเกี่ยวกับการปฏิบัติงานใน Website • เปิดโอกาสให้มีอาสาสมัครภาคประชาชนเข้ามาร่วมปฏิบัติงาน • กับข้าราชการ

  25. เครื่องมือในการนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ • การตราและบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ • และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี • การสร้างแรงจูงใจให้กับส่วนราชการและข้าราชการ • เป็นตัวเงิน • ไม่เป็นตัวเงิน • การสร้างกระแสแรงกดดันจากบุคคลภายนอก • การติดตามและประเมินผล

  26. พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการ บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546

  27. พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ฯ (ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2545) มาตรา 3/1 “การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อ ประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจาย อำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนอง ความต้องการของประชาชน ทั้งนี้โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผล ของงาน”

  28. มาตรา 3/1 (ต่อ) “ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการ บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึง ความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของ ประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ตามความเหมาะสม ของแต่ละภารกิจ”

  29. หมวด 1 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี(ม. 6) เป้าหมายการบริหารราชการ เกิดประโยชน์สุข ของประชาชน ประเมินผลการปฏิบัติ ราชการอย่างสม่ำเสมอ ผลสัมฤทธิ์ต่อ ภารกิจของรัฐ การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ประชาชนได้รับ ความสะดวก ตอบสนองความต้องการ มีประสิทธิภาพ และเกิดความคุ้มค่า ในเชิงภารกิจของรัฐ ปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ ให้ทันต่อสถานการณ์ ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงาน เกินความจำเป็น

  30. หมวด 2 การบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน ม.7 การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุก และความเป็นอยู่ ที่ดีของประชาชน ความสงบและปลอดภัยของสังคมส่วนรวม ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของประเทศ แนวทาง ม.8 (1) การกำหนดภารกิจต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ตาม ม. 7 / นโยบายแห่งรัฐ / นโยบายของ ค.ร.ม. • หลักการ • ประชาชนเป็นศูนย์กลาง • - โปร่งใส • การมี ส่วนร่วมของประชาชน (2) ปฏิบัติภารกิจโดยซื่อสัตย์สุจริต ตรวจสอบได้ เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น (3) ศึกษาวิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้ครบทุกด้าน มีขั้นตอนการดำเนินงานที่โปร่งใส มีกลไกการตรวจสอบ รับฟังความคิดเห็น/ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน (4) คอยรับฟังความคิดเห็นและความพึงพอใจของสังคมโดยรวมและประชาชนผู้รับบริการเพื่อปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการให้เหมาะสม (5) แก้ไขปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินการภายในหน่วยงานโดยเร็ว หรือแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขปรับปรุงโดยเร็ว

  31. หมวด 3 การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ (ต่อ) การบริหารราชการแบบบูรณาการ (ม.10) องค์การแห่งการเรียนรู้ (ม.11) ม. 16,17 ม. 12, 13,14 ม. 19 ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์และเป้าหมาย - ข้อตกลง แผนปฏิบัติราชการ (4 ปี) แผนการบริหาร ราชการแผ่นดิน (4 ปี) แผนปฏิบัติราชการประจำปี ทบทวน/ เตรียมการ รัฐธรรมนูญ ประมาณการรายได้-รายจ่ายระยะปานกลาง แผนนิติบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี ม. 18 ม. 15

  32. รายงานสรุปสภาวะของประเทศรายงานสรุปสภาวะของประเทศ • รายงานสรุปผลการปฏิบัติงาน คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา แผนการบริหารราชการแผ่นดิน (พ.ศ. 2548-2551) • Thailand Milestone (Benchmarking) • Vision 2010/2020 ประมาณการการคลัง (รายรับ/รายจ่าย) ล่วงหน้า (Medium-term Fiscal Forward Estimation) • ยุทธศาสตร์ • รายสาขา แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี กระทรวง กรม กลุ่มจังหวัด จังหวัด แผนปฏิบัติราชการ ประจำปี งบประมาณรายจ่าย ประจำปี

  33. มติ ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2548 เห็นชอบ แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-2551 ได้กำหนดยุทธศาสตร์การบริหารราชการแผ่นดิน ไว้ 9 ยุทธศาสตร์ 0 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การขจัดความยากจน ระดับมหภาค ระดับชุมชน ระดับบุคคล

  34. ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาคนและสังคมที่มีคุณภาพ การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต การถ่ายทอด พัฒนา วัฒนธรรม ภูมิปัญญาที่ดี การเสริมสร้างสุขภาวะ ประชาชน การเสริมสร้างความมั่นคงของชีวิตและสังคม การเตรียมความพร้อมผู้สูงอายุ

  35. ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุลและแข่งขันได้ การปรับโครงสร้างภาคการเกษตร การปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม การปรับโครงสร้างภาคบริการและการท่องเที่ยว สนับสนุน SMEs และผู้ประกอบการใหม่ การบริหารการเงิน และการคลัง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม

  36. ประเด็นที่ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การสร้างสมดุลของการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การเข้าถึงประโยชน์ทางชีวภาพ การฟื้นฟูทรัพยากรดิน การบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ควบคุมมลพิษ

  37. ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การดำเนินนโยบายต่างประเทศเชิงรุก การส่งเสริมความสัมพันธ์ในมิติต่าง ๆ กับนานาประเทศ ความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคี และการสร้างบทบาท ในเวทีโลก ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การทูตเพื่อประชาชน

  38. ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนากฎหมายและส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การพัฒนาระบบราชการ การป้องกันและปราบปรามทุจริต การเสริมสร้างธรรมาภิบาล

  39. ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 7 การส่งเสริมประชาธิปไตยและกระบวนการประชาสังคม ประชาธิปไตยและกระบวนการประชาสังคม สิทธิมนุษยชน กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

  40. ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 8 การรักษาความมั่นคงของรัฐ การป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงของรัฐ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 9 การรองรับการเปลี่ยนแปลงและพลวัตโลก

  41. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดทำแผนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดทำแผน การบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2547 1 เมื่อคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งให้มีคณะกรรมการ 2 คณะ (ข้อ 3) คณะกรรมการจัดทำรายงานสรุปสภาวะของประเทศ เลขาฯ สภาพัฒน์ฯ เป็นประธาน มีหน้าที่สรุป และจัดทำรายงานสภาวะทางเศรษฐกิจ มหภาค สถานการณ์การเงิน การคลัง จัดทำตัวเลข ประมาณการแนวโน้มทางเศรษฐกิจ และสังคม อย่างน้อยสี่ปีข้างหน้าของประเทศ เพื่อเสนอต่อ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ สำหรับเป็นข้อมูลประกอบ การพิจารณาวางนโยบายของรัฐบาล

  42. คณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เลขาฯ ค.ร.ม. เป็นประธาน มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการตาม แผนการบริหารราชการแผ่นดินฉบับที่ผ่านมาและ ผลการดำเนินการตามแผนงานและโครงการต่าง ๆ ของทุกส่วนราชการเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ 2 ให้ปลัดกระทรวงทุกกระทรวงจัดทำรายงานสรุปผล การปฏิบัติราชการของกระทรวงและรวบรวมข้อมูล ส่งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อมูล(ข้อ 4)

  43. แผนนิติบัญญัติ คือ แผนการจัดทำกฎหมายที่สอดคล้อง กับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินการตาม ประเด็นยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ใน แผนการบริหารราชการแผ่นดินแต่ ละเรื่อง สามารถดำเนินการได้โดย มีกฎหมายรองรับพอเพียงกับการ ปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลสำเร็จหรือไม่ ถ้าการปฏิบัติงานในเรื่องใดจำเป็น ต้องจัดให้มีกฎหมายสนับสนุนการ ปฏิบัติงานด้วย ก็จะกำหนดเป็นแผน การดำเนินการด้านกฎหมายเพื่อ สนับสนุนนโยบายของรัฐขึ้น

  44. แนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีจัดทำ และเสนอแผนนิติบัญญัติต่อ คณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันที่แผนการบริหารราชการแผ่นดินประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา (ข้อ 6) ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะต้องแจ้งให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบในเรื่องดังต่อไปนี้ (ข้อ 7)

  45. หมวด 4 การบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ (ต่อ) การคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่าย ประเมินความคุ้มค่า ในการปฏิบัติภารกิจของรัฐ ม. 21 ม. 22 ม. 23 การจัดซื้อจัดจ้าง มาตรฐานการปฏิบัติงาน ม. 24, 25, 26

  46. หมวด 5 การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน ม. 29 ม. 30, 31, 32 ม. 27, 28 กระจายอำนาจการตัดสินใจ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ศูนย์บริการร่วม เทคโนโลยีสารสนเทศ

  47. หมวด 6 การปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ ม. 33, 34 ม. 35, 36, 42 • การทบทวนความจำเป็นความคุ้มค่าภารกิจ การทบทวน ปรับปรุง กฎหมาย กฎ ระเบียบให้เหมาะสม การปรับโครงสร้าง อัตรากำลังให้เหมาะสม สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา

  48. แผนพัฒนากฎหมาย คณะรัฐมนตรีในการประชุมวันที่ 28 ธันวาคม 2547 มีมติ ให้ ก.พ.ร. กำหนดตัวชี้วัดในการพัฒนากฎหมายไว้ ในข้อตกลงคำรับรองการพัฒนาการปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. 2548 ของทุกกระทรวง และกรม และให้ ก.พ.ร. ร่วมกับคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนากฎหมายร่วมกันเป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติ ตามข้อตกลงดังกล่าว

  49. กรอบแนวทางการพัฒนากฎหมายกรอบแนวทางการพัฒนากฎหมาย สอดคล้องกับกรอบนโยบายการพัฒนากฎหมาย 3 หลักการ (ตามมติ ค.ร.ม. 28 ธ.ค. 47) ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามนโยบายพิเศษของรัฐบาล พัฒนากฎหมายเชิงกระบวนการ

  50. สอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2548-2551) (ตามมติ ค.ร.ม. 11 ม.ค. 48) ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์เพิ่มมูลค่าภาคเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ ยุทธศาสตร์เพิ่มมูลค่าภาคอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์ขยายฐานภาคบริการ ยุทธศาสตร์พัฒนาสังคมเชิงรุก ยุทธศาสตร์ความมั่นคงและการต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ปรับปรุงประสิทธิภาพภาครัฐ

More Related