3.46k likes | 10.16k Views
ความหลากหลายทางชีวภาพ. องค์ประกอบของความหลากหลายทางชีวภาพ. ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ( SPECIES DIVERSITY) ความหลากหลายทางพันธุกรรม ( GENETIC DEVERSITY) ความหลากหลายของระบบนิเวศ ( ECOLOGICAL DIVERSITY). ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ( SPECIES DIVERSITY) ในรูปใดมีมากกว่ากัน.
E N D
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
องค์ประกอบของความหลากหลายทางชีวภาพองค์ประกอบของความหลากหลายทางชีวภาพ • ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต (SPECIES DIVERSITY) • ความหลากหลายทางพันธุกรรม (GENETIC DEVERSITY) • ความหลากหลายของระบบนิเวศ (ECOLOGICAL DIVERSITY)
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต (SPECIES DIVERSITY) ในรูปใดมีมากกว่ากัน
สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ มีลักษณะแตกต่างกันหลากหลาย เท่าที่รู้จักแล้วในขณะนี้มีกว่าล้านห้าแสนชนิด และยังจะรู้จักเพิ่มขึ้นอีก การที่จะศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่มีมากมายถึงเช่นนี้ได้ ก็เพราะใช้วิธีการจัดจำแนกหมวดหมู่เข้ามาช่วยนั่นเอง นักวิทยาศาสตร์มีวิธีการหลายแนวทางในการจำแนกหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต เช่น ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous key) อนุกรมวิธาน (Taxonomy) เป็นต้น
ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous key) เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มย่อย โดยพิจารณาจากโครงสร้างทีละลักษณะที่แตกต่างกันเป็นคู่ ๆ สัตว์ที่จะจำแนก ได้แก่ จิงโจ้ วัว แมงมุม ผึ้ง มีโครงร่างแข็งภายใน ไม่มีโครงร่างแข็งภายใน มีกระเป๋าหน้าท้อง (จิงโจ้) ไม่มีกระเป๋าหน้าท้อง (วัว) มีหกขา (ผึ้ง) ไม่ได้มีหกขา (แมงมุม)
ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous key) 1ก มีโครงร่างแข็งภายใน………………….…………ดูข้อ 2 1ข ไม่มีโครงร่างแข็งภายใน…………………………ดูข้อ 3 2ก มีกระเป๋าหน้าท้อง………………….…………….จิงโจ้ 2ข ไม่มีกระเป๋าหน้าท้อง…………………………….วัว 3ก มีหกขา……………………………………………ผึ้ง 3ข ไม่ได้มีหกขา…………………………………….แมงมุม
ตัวอย่างจากสัตว์มีกระดูกสันหลัง ซึ่งประกอบด้วย ปลากระดูกอ่อน ปลากระดูกแข็ง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนี้ 1ก มีขน ..................................... ดูข้อ 2 1ข ไม่มีขน.................................... ดูข้อ 3 2ก ขนเป็นเส้น...................... สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 2ข ขนเป็นแผงแบบนก................... นก 3ก มีครีบคู่ ................................... ดูข้อ 4 3ข ไม่มีครีบคู่ .............................. ดูข้อ 5
4ก มีแผ่นปิดช่องเหงือก ............... ปลากระดูกแข็ง 4ข ไม่มีแผ่นปิดช่องเหงือก............. ปลากระดูกอ่อน 5ก ผิวหนังมีเกล็ด ........................ สัตว์เลื้อยคลาน 5ข ผิวหนังไม่มีเกล็ด ........... สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
จัดจำแนกสิ่งมีชีวิตต่อไปนี้ ตามวิธีไดโคโตมัสคีย์งูเห่า นกยูง ปลาดุก ผีเสื้อ สิงโต เหยี่ยว จิงโจ้
การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ • นักชีววิทยาศึกษาโดยอาศัยหลักฐานทางซากดึกดำบรรพ์ ที่สามารถคำนวณอายุได้ และแสดงเป็นตารางธรณีกาล (The geologic time scale) • Era (มหายุค) • Period (ยุค) • Epoch (สมัย)
การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ สายวิวัฒนาการ (phylogeny) ซากดึกดำบรรพ์ ชีวโมเลกุล กายวิภาคเปรียบเทียบ ลักษณะทางสัณฐานวิทยา ลักษณะทางนิเวศวิทยา พฤติกรรม ระบบการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต(systematics) อนุกรมวิธาน (taxonomy)
เกณฑ์โดยทั่วไปที่ใช้ในการจัดจำแนกสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน ได้แก่ • เปรียบเทียบโครงสร้างที่เด่นชัดทั้งลักษณะภายนอกและลักษณะภายใน โครงสร้างที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน (homologous structure) แม้จะทำหน้าที่ต่างกันก็ควรจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ในขณะที่โครงสร้างซึ่งมีต้นกำเนิดต่างกัน (analogous structure) แม้จะทำหน้าที่เหมือนกันก็ควรจะอยู่คนละกลุ่มกัน
ลักษณะที่ใช้จัดจำแนกสิ่งมีชีวิตลักษณะที่ใช้จัดจำแนกสิ่งมีชีวิต 2. แบบแผนของการเจริญเติบโต และโครงสร้างที่เกิดขึ้นในระยะที่เป็นตัวอ่อน โดยใช้หลักที่ว่า "สิ่งมีชีวิตใดที่มีลักษณะของตัวอ่อนคล้ายคลึงหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ย่อมมีความสัมพันธ์ทางเชื้อสายและวิวัฒนาการมากด้วย
3. ซากดึกดำบรรพ์ ซึ่งอาศัยหลักที่ว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ ดังนั้นสิ่งมีชีวิตใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันย่อมมีซากดึกดำบรรพ์ที่พบในชั้นหินต่าง ๆ คล้ายคลึงกันและอาจทำให้ทราบถึงบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ 4. โครงสร้างของเซลล์และออร์แกเนลเป็นการศึกษาในระดับเซลล์และส่วนประกอบของเซลล์ เช่นการแบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็นพวกที่ไม่เป็นเซลล์ เช่น ไวรัส และพวกที่เป็นเซลล์เช่นสิ่งมีชีวิตทั่วไป 5. สรีรวิทยาและการสังเคราะห์สารเคมี 6. ลักษณะทางพันธุกรรม
อนุกรมวิธาน (taxonomy) อนุกรมวิธานเป็นวิชาที่ว่าด้วยกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ • การจัดจำแนกสิ่งมีชีวิต (classification) ออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ • การกำหนดชื่อสากลของหมวดหมู่และชนิดของสิ่งมีชีวิต (nomenclature) • การตรวจสอบชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific Name) ของสิ่งมีชีวิต (identification)
ประวัติการจัดจำแนกสิ่งมีชีวิตประวัติการจัดจำแนกสิ่งมีชีวิต
There are at least 50 common names for the animal shown on the previous 7 slides. • Common names vary according to region. • Soooo……why use a scientific name?
การตั้งชื่อสิ่งมีชีวิต (nomenclature) คาโรลัสลินเนียส(Corolus Linnaeus) นักชีววิทยาชาวสวีเดนเป็นผู้ริเริ่มในการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้กับสิ่งมีชีวิต เมื่อ พ.ศ. 2310 โดยเสนอให้ใช้ 2 ชื่อ (binomial nomenclature)
การตั้งชื่อสิ่งมีชีวิต ในการเรียกชื่อสิ่งมีชีวิต มีเรียกกัน 2 ชนิด คือ • ชื่อสามัญ (Common name)เป็นชื่อเรียกสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันไปตามภาษาและท้องถิ่น • ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name)เป็นชื่อเฉพาะเพื่อใช้เรียกสิ่งมีชีวิตเป็นแบบสากล ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ไม่ว่าชาติใดภาษาใดรู้จักกันโดยใช้ภาษาลาติน สำหรับตั้งชื่อวิทยาศาสตร์
หลักการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์หลักการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ • ใช้ชื่อภาษาละติน • ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของพืชและสัตว์จะเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน • ชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชและสัตว์แต่ละหมวดหมู่จะมีชื่อที่ถูกต้องที่สุดเพียงชื่อเดียว • ชื่อหมวดหมู่ในลำดับขั้น Family ลงไป ต้องมีตัวอย่างต้นแบบของสิ่งมีชีวิตนั้นประกอบการพิจารณา เช่น ชื่อ Family ในพืช จะลงท้ายด้วย aceaeแต่ในสัตว์ จะลงท้ายด้วย idae
ชื่อในลำดับขั้น Genus จะใช้ตัวอักษรตัวใหญ่นำหน้า และตามด้วยอักษรตัวเล็ก • ชื่อในลำดับขั้น Species จะประกอบด้วย 2 คำ โดยคำแรกจะดึงเอาชื่อ Genus มา แล้วคำที่สองจึงเป็นชื่อระบุชนิด หรือเรียกว่า Specific epithet ซึ่งจะขึ้นต้นด้วยอักษรตัวเล็ก • ชื่อในลำดับขั้น Species จะเขียนตัวเอน หรือ ขีดเส้นใต้
ชื่อวิทยาศาสตร์ในลำดับชนิดต้องประกอบด้วยชื่อวิทยาศาสตร์ในลำดับชนิดต้องประกอบด้วย • ชื่อสกุล (generic name) ซึ่งขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่ • specific epithet ซึ่งมักจะแสดงลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น และเขียนด้วยอักษรตัวเล็ก • อาจมีชื่อบุคคลผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ (author name) นั้นกำกับไว้ด้วยก็ได้ แต่ไม่ต้องเขียนตัวเอนหรือขีดเส้นใต้ • ตัวอย่างเช่น ช้าง ElephasmaximusLinn.อรพิม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bauhinia winitiiCraib.
สำหรับ specific epithet นั้นแสดงลักษณะเด่นของสิ่งมีชีวิตได้หลายลักษณะ เช่น สีสัน : alba = สีขาว , rubra = สีแดงfla = สีเหลือง, versicolor = หลายสี รูปร่าง : giganavtea = ขนาดยักษ์, grandis = ขนาดใหญ่nana = แคระ, repens = เลื้อย การใช้ประโยชน์ : sativus = เป็นอาหาร, edulis = รับประทานได้hortensis = ปลูกประดับ, toxicaria = เป็นพิษ สถานที่ : indica = อินเดีย, siamensis = ไทยchinensis = จีน, brasiliensis = บราซิล
ไส้เดือนดิน Lumbricusterrestristerrestrisหมายถึง อาศัยอยู่บนบกหรือในดิน
มะม่วง Mangiferaindicaindicaหมายถึง ประเทศอินเดีย
ปูเจ้าฟ้า Phricothalphusasirindhornsirindhornมาจากพระนามของสมเด็จพระเทพฯ
การจัดจำแนกกลุ่มของสิ่งมีชีวิตการจัดจำแนกกลุ่มของสิ่งมีชีวิต ออเดอร์ (Order) วงศ์ (Family) สกุล (Genus) สปีชีส์ (Species) • โดเมน (Domian) • อาณาจักร (Kingdom) • ไฟลัม (Phylum)/ ดิวิชัน (Division) • คลาส (Class)