1 / 19

วิโรจน์ ณ ระนอง ศรชัย เตรียมวรกุล สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

การรวมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร: กรณีศึกษาเรื่องยางพาราและข้าวของไทย (Export Cooperation in Agriculture: A case Study of Rubber and Rice in Thailand ). วิโรจน์ ณ ระนอง ศรชัย เตรียมวรกุล สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. หัวข้อนำเสนอ. ความเป็นมา ทฤษฎีเบื้องหลัง กรณีศึกษาเรื่องยางพารา

ewan
Download Presentation

วิโรจน์ ณ ระนอง ศรชัย เตรียมวรกุล สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การรวมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร: กรณีศึกษาเรื่องยางพาราและข้าวของไทย(Export Cooperation in Agriculture: A case Study of Rubber and Rice in Thailand ) วิโรจน์ ณ ระนอง ศรชัย เตรียมวรกุล สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

  2. หัวข้อนำเสนอ • ความเป็นมา • ทฤษฎีเบื้องหลัง • กรณีศึกษาเรื่องยางพารา • บทบาทของ INRO และ TRC • ความร่วมมือเรื่องข้าว • ข้อพิจารณา

  3. ความเป็นมา • คิดกันมานาน • ทำกันมาบ้าง • แทบทุกรัฐบาลเห็นด้วย • แต่รัฐบาลนี้ดูเอาจริง และระบุว่าจะใช้เป็นมาตรการหลัก • ความคาดหวังสูง (ราคายางไม่ต่ำกว่า 30 บาท ราคาข้าวสูงขึ้น 30%)

  4. ทฤษฎีเบื้องหลัง • deterioration of terms of trade ที่เกิดจากอำนาจต่อรองที่ต่างกันของ ปท. พัฒนาแล้ว กับ ปท. กำลังพัฒนา • ปลาใหญ่กินปลาเล็ก (ตปท. กดราคาซื้อ ผู้ส่งออก/พ่อค้ากดราคาเกษตรกร) • นัยของทฤษฎีปลาใหญ่กินปลาเล็ก • เวลาส่งออก ผู้ส่งออกไทยมีการแข่งขันกันมาก (“แย่ง order”) จึงตกเป็นเบี้ยล่างให้ผู้ซื้อกดราคาลงมาเรื่อยๆ • แต่ในการซื้อสินค้าภายในประเทศ ผู้ส่งออกกลับสามารถ “ฮั้ว” กันกำหนดราคาได้ (คำถาม: แล้วทำไมไม่ทำตอนส่งออกด้วย?)

  5. ภาคปฏิบัติของทฤษฎีปลาใหญ่กินปลาเล็กภาคปฏิบัติของทฤษฎีปลาใหญ่กินปลาเล็ก • หลายรัฐบาลที่เชื่อว่าผู้ส่งออก/พ่อค้าร่วมกัน “กดราคา” กับเกษตรกร นอกจากจะไม่ได้ใช้มาตรการ “ลดอำนาจการผูกขาด” ของพ่อค้าแล้ว กลับส่งเสริมให้พ่อค้ารวมตัวกันแทน • บางรัฐบาลเคยบังคับให้ผู้ส่งออกมาร่วมประชุมกันเพื่อกำหนดราคาข้าวส่งออก และประกาศว่าจะไม่ออกใบอนุญาตส่งออกให้ผู้ที่ขายต่ำกว่าราคานี้

  6. รัฐบาลเชื่อว่า เมื่อพ่อค้าสามารถรวมตัวกันขายข้าวไป ตปท. ได้ราคาดีขึ้น พ่อค้าที่แต่เดิมเคยมีอำนาจเหนือเกษตรกรก็จะมีมุทิตาจิตเลิกกดราคากับเกษตรกร • การรวมตัวในระดับประเทศก็ดีอยู่ แต่ถ้าจะให้ดีขึ้นก็ควรรวมตัวกับผู้ผลิตรายอื่นๆ (ซึ่งเป็นประเทศในภูมิภาคนี้ด้วย)

  7. การรวมตัวระหว่างประเทศการรวมตัวระหว่างประเทศ • Cartel เช่น OPEC (กำหนดราคา และ จำกัดการผลิต) • ได้ผลพอสมควร ถึงแม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนการผลิตเพียง 40% (สัดส่วนน้ำมันสำรองมากกว่า 3 ใน 4 ) • UNCTAD ปลาย 1970’s เสนอให้ประเทศผู้ส่งออกและนำเข้ารวมตัวกันเป็นองค์กรรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร 18 ชนิด • ISO (S=Sugar) เคยพยายามกำหนดโควตาการผลิต/ส่งออกน้ำตาลของประเทศต่างๆ แต่ ปัจจุบันเหลือแต่บทบาทด้านวิชาการ/ข้อมูล • INRO (NR=Natural Rubber) ล้มหลังจากไทยถอนตัวในปี 2542

  8. กรณีศึกษาที่ 1 ยางพารา • ยางพาราต่างกับสินค้าเกษตรอื่นตรงที่ไทยเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก (ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีผลผลิตรวมกันสองในสามของโลก) • การใช้ยางมักผสมยางธรรมชาติกับยางสังเคราะห์ให้ได้คุณสมบัติต่างๆ ที่ต้องการ (สัดส่วนการผสมเปลี่ยนแปลงได้ประมาณ 10%) • สัดส่วนการใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปขึ้นกับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงราคาของยางทั้งสองประเภท • ปัจจุบันสัดส่วนของยางธรรมชาติที่ใช้อยู่ตกประมาณร้อยละ 40 ถ้าสัดส่วนนี้ลดกลับไปเป็นเหลือร้อยละ 30 (เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน) ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติก็อาจลดลงถึงหนึ่งในสี่

  9. การดำเนินการของ INRO • เน้นการรักษาเสถียรภาพราคา (ลดความผันผวนของราคา) • ระดมเงินจากประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้าฝ่ายละครึ่ง (ตามสัดส่วนการส่งออกหรือนำเข้า) • กองทุนกำหนดราคาอ้างอิง (อิงแนวโน้มราคาในอดีต) เพื่อนำมากำหนดราคาที่จะซื้อหรือขาย • ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่าที่กำหนด และขายเมื่อราคาสูงกว่ากำหนด (รูปที่ 1)

  10. รูปที่ 1 การกำหนดระดับราคาต่างๆ ของ INRO เพื่อใช้แทรกแซงตลาด • ราคาประกันสูงสุด (Upper Indicative Price) • ราคาที่ต้องขาย (Upper Trigger Action Price) บวกจากราคาเสถียรภาพร้อยละ 20 • ราคาที่อาจขาย (Upper Intervention Price) บวกจากราคาเสถียรภาพร้อยละ 15 • ราคาเสถียรภาพกลาง (Reference Price) อิงสถานการณ์แนวโน้มของราคายางในตลาดโลก • ราคาที่อาจซื้อ (Lower Intervention Price) ลบจากราคาเสถียรภาพร้อยละ 15 • ราคาที่ต้องซื้อ (Lower Trigger Action Price) ลบจากราคาเสถียรภาพร้อยละ 20 • ราคาประกันต่ำสุด (Lower Indicative Price)

  11. ผลการดำเนินการของ INRO • ช่วง INRA I (ตค.2523-30) มีกำไรเบื้องต้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วขาดทุน แต่เมื่อรวมรายได้จากการลงทุนและค่าปรับแล้ว INRO มีเงินเหลือมาแบ่งคืนให้สมาชิก (ไทยได้กำไร 71 ล้านบาท) • ในช่วง INRA II (ธค. 2531-38) มีกำไร (ไทยได้กำไร 90 ล้านบาท) • INRA III (กพ. 2540 – ตค. 2542) ขาดทุนเนื่องจากต้องขายยางเพื่อชำระบัญชีในช่วงยางราคาต่ำ (ไทยขาดทุน 94 ล้านบาท) • ตลอดช่วง 20 ปี ไทยจ่ายค่าบริหารรวม 75 ล้านบาท • รวมค่าใช้จ่ายหยาบๆ 8 ล้านบาทในช่วง 20 ปี (ยังไม่รวมดอกเบี้ย)

  12. ผลการดำเนินงานของ INRO • ดึงยางออกจากตลาดในช่วงราคาต่ำและปล่อยกลับเข้ามาช่วงราคาสูง ---ราคาน่ามีเสถียรภาพมากขึ้น • มีกำไรจากกระบวนการซื้อถูกขายแพง (ยกเว้นช่วงล้มโครงการเนื่องจากการถอนตัวของไทย) • การดำเนินงานมีกติกาชัดเจนและค่อนข้างโปร่งใส

  13. ปํญหาของ INRO • ผลประโยชน์เฉพาะหน้าที่ขัดกันระหว่างประเทศผู้ส่งออกกับผู้นำเข้า • เห็นผลไม่ชัดเจน (เพราะการซื้อทำในช่วงที่ราคาตกต่ำอยู่แล้ว ยิ่งในกรณีที่ INRO ไปซื้อยางในประเทศอื่น) • ราคายางหลังแทรกแซงอาจจะยังต่ำกว่าความคาดหวังในยุคฟองสบู่ • ไทยเริ่มแทรกแซงตลาดเองในปี 36 และมีปัญหา “ซื้อแพง ขายถูก” และไม่โปร่งใส ปี 36-42 ขาดทุนรวมกว่า 8,192 ล้านบาท

  14. ความร่วมมือระหว่างประเทศผู้ผลิตหลัง INRO • ตั้งแต่ปี 42 รัฐบาลเริ่มเจรจากับมาเลเซีย • รมช. เกษตร (อาคม) ลงนาม MOU กับ ก. Primary Ind ของมาเลย์ • พยายามดึงอินโดมาร่วมด้วย • ได้ข้อสรุปเรื่อง TRC สมัยรัฐบาลทักษิณ • ลงนามที่อินโด สค. 45

  15. ข้อเสนอมาตรการของ TRC (ITRCO) • ลดปริมาณการส่งออก 10% • ลด พท. เพาะปลูกปีละ 4% • ลงทุน US$ 225 ล้าน (สัดส่วนไทย:อินโดนีเซีย:มาเลเซีย 4:3:2) (สามารถสร้าง buffer stock ขนาด 300,000 ตัน) • ปัจจุบันไทยลงทุนจริง 2 ล้านเหรียญ (จะตั้งสำนักงานที่ไทย) และให้อินโดนีเซียและมาเลเซียนำสต๊อกยางมาเป็นทุนจดทะเบียนได้ • ยังไม่ชัดเจนว่าแต่ละประเทศจะ commit จริงๆ แค่ไหน และดูเหมือนว่ามีมาเลเซียประเทศเดียวที่ทำตามแนวทางของข้อตกลงนี้

  16. ความร่วมมือในเรื่องข้าวความร่วมมือในเรื่องข้าว • พูดกันมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน โดยพยายามดึงเวียดนาม มาเป็นพันธมิตร • ต่อมาพยายามดึงประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นๆ ในเอเชีย (หกประเทศ รวมประเทศไทย) เข้ามาร่วม • 9 ตุลาคม 45 กระทรวงพาณิชย์ของไทยจัดประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือค้าข้าวรวม 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม ปากีสถาน อินเดีย และจีน • ที่ประชุมเตรียมจัดตั้งคณะมนตรีว่าด้วยความร่วมมือค้าข้าว (CRTC) ซึ่งประกอบด้วย 3 ระดับ คือ การประชุมระดับรัฐมนตรีปีละครั้ง การประชุมหารือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และฝ่ายเลขานุการร่วม

  17. ลักษณะความร่วมมือ • หารือในการกำหนดราคาข้าวร่วมกัน หลีกเลี่ยงการตัดราคา • ราคาแต่ละประเทศต่างกันตามคุณภาพและต้นทุน ตามที่แต่ละประเทศเห็นว่าเหมาะสมและคุ้มทุนของตน • ไม่ลดการผลิต (ปชก. โลกยังเพิ่ม ยังมีความต้องการ) • ไม่ลดพื้นที่เพาะปลูก • รมต. พาณิชย์ไทยเชื่อว่าความร่วมมือนี้จะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น 30%

  18. ข้อพิจารณา ปัจจัยกำหนดความสำเร็จของ cartel • ลักษณะของสินค้า ต้องมีคุณลักษณะเฉพาะ ไม่มีสินค้าที่ทดแทนกันได้ดีที่มีราคาไม่ต่างกันมากนัก • ควบคุมผลผลิตและการส่งออกในตลาดโลกได้ดีพอสมควร • สินค้าเก็บได้นาน+ต้นทุนการกักเก็บต่ำ • ใครเป็นเจ้าของสินค้า (รัฐบาล หรือพ่อค้าและเกษตรกร) • สัดส่วนของสินค้าที่ขายในตลาดโลกต่อผลผลิตรวม ตย. ตลาดข้าวบางมากจนแทบจะทำนายไม่ได้เลยว่าการลดปริมาณการผลิตของไทย (ถ้าทำได้) จะทำให้ราคาข้าวปีนั้นสูงขึ้นหรือไม่

  19. ถ้าเพิ่มราคาในระยะยาวได้จริงถ้าเพิ่มราคาในระยะยาวได้จริง • มีแนวโน้มว่าจะส่งออกต้องลดลง (จึงจะรักษาราคาไว้ได้) • แต่ราคาที่ดีขึ้นจะจูงใจให้ผลิตมากขึ้น ดึงราคาในประเทศให้ต่ำลง ทำให้ผู้ส่งออกมีแรงจูงใจที่จะหากำไรเพิ่มขึ้น โดยการส่งออกมากขึ้น (โดยใช้วิธี “ตัดราคา”) • ถ้าจำกัดโควตาการส่งออก ราคาในประเทศก็จะตกลง (ถึงแม้ว่าจะส่งออกได้ราคาดีขึ้นก็ตาม) • ประเทศ “พันธมิตร” ก็ประสบปัญหาทำนองเดียวกัน เมื่อราคาดีขึ้นทุกฝ่ายก็มีแรงจูงใจที่จะเพิ่มผลผลิตและพยายามส่งออกเพิ่มขึ้น

More Related