230 likes | 747 Views
รหัสชื่อรุ่น TFR. H. P. Y. S. T. F. R. 55. T. C. L. M. อุปกรณ์สำคัญ. แบบหัวเก๋ง P = สเปซแค็บ/ดับเบิลแคม = สปาร์ค. อุปกรณ์พิเศษ* Y= พวงมาลัยเพาเวอร์ S= รุ่นพิเศษ T= เกียร์ออโตเมติก C= ไม่มี Cataiytic Converter L= ไม่มีเครื่องปรับอากาศ M= สีเมทาลิค F = เบรกมือ
E N D
รหัสชื่อรุ่น TFR H P Y S T F R 55 T C L M อุปกรณ์สำคัญ แบบหัวเก๋ง P= สเปซแค็บ/ดับเบิลแคม =สปาร์ค อุปกรณ์พิเศษ* Y=พวงมาลัยเพาเวอร์ S=รุ่นพิเศษ T=เกียร์ออโตเมติก C=ไม่มี Cataiytic Converter L=ไม่มีเครื่องปรับอากาศ M=สีเมทาลิค F = เบรกมือ K=ไฟหน้า, ไฟท้าย, เบรกมือ E=สติ๊กเกอร์ J= ฝาท้าย เบรกมือ X=ไฟหน้าซีนอน Z=Shift on the fly 1= รุ่นใหม่ New Model (2002) ขนาดช่วงฐานล้อ H= ช่วงฐานล้อ รุ่นเครื่องยนต์ 54= 4JA1-TURBO77= 4JH1T 3,000 cc 55=4JB1-TURBO ระบบขับเคลื่อน R= ขับเคลื่อน 2 ล้อ S= ขับเคลื่อน 4 ล้อ น้ำหนักรถบรรทุกรวม F = ตัน ตระกูลรถ T= รถปิกอัพ
ข้อมูลที่สำคัญ ป้ายชื่อ (ป้ายพิสูจน์รถ) ป้ายชื่อ (ป้ายพิสูจน์รถ) ติดอยู่ด้านบนของผนังห้องเครื่องหน้าหม้อน้ำ หมายเลขแชสชีส์ หมายเลขแซสชีส์ตอกไว้ที่ด้านนอกข้างขวาของโครงแซสชีส์ใต้ประตูด้านคนขับ
ข้อมูลที่สำคัญ หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขเครื่องยนต์ตอกไว้ที่ด้านหลังซ้ายของเสื้อสูบ
แผงหน้าปัดและไฟเตือนต่าง ๆ รถยนต์อีซูซุ ตระกูล TF • วิธีการตรวจเช็ก • ในขณะเครื่องยนต์กำลังเดินเครื่อง ให้ตรวจดูว่าไฟเตือนต่าง ๆ ดับไปแล้วทั้งหมดและไม่ติดขึ้นมาอีก • ไฟเตือนสีแดงบนหน้าปัดจะเตือนให้ทราบว่าเป็นอุปกรณืที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการเสียหาย
ไฟเตือนต่าง ๆรถยนต์อีซูซุ ตระกูล TF ไฟเตือนความดันน้ำมันเครื่อง ไฟเตือนไฟชาร์จ ไฟเตือนระดับน้ำมันในกรองดักน้ำ (หม้อแยกน้ำ) ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิง รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ : ไฟเตือนขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฟเตือนระบบเบรก ไฟเตือนไฟสูง เกียร์อัตโนมัติ : ไฟเตือน CHECK TRANS (ตรวจเกียร์) เกียร์อัตโนมัติ : ไฟเตือน POWER DRIVE ไฟเตือนไฟเลี้ยวและไฟสัญญาณฉุกเฉิน
ไฟเตือนต่าง ๆรถยนต์อีซูซุ ตระกูล TF ไฟแสดงตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติและไฟเตือน “ปิด” โอเวอร์ไดรฟ์ ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงในถังน้อย ไฟเตือนตรวจสอบเครื่องยนต์ เกียร์อัตโนมัติ : ไฟเตือนอุณหภูมิน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ P R N D 2 L O/D OFF
การตรวจความดันลมยาง/ การตรวจความหลวมของนอตล้อ • วิธีการตรวจเช็ก • วัดลมยางขณะที่ยางเย็น คือ • ขับมาไม่เกิน 1.5 กิโลเมตร หรือจอดไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง • ใช้เกจวัดลมยางทุกครั้ง • ตรวจเติมลมยางตามค่ามาตรฐานของแต่ละรุ่นและสภาพการใช้งาน
การตรวจระดับน้ำมันเครื่องการตรวจระดับน้ำมันเครื่อง วิธีการตรวจ • จอดรถให้อยู่ในแนวระดับ ติดเครื่องจนถึงอุณหภูมิทำงาน แล้วดับเครื่องทิ้วไว้ประมาณ 3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงอ่าง แล้วจึงทำการวัด • ระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านเหล็กวัดควรอยู่ระหว่างขีด “Min” และ“Max”
การตรวจระดับน้ำหล่อเย็นการตรวจระดับน้ำหล่อเย็น วิธีการตรวจ • ระดับน้ำหล่อเย็นในถังพัก ต้องอยู่ระหว่างขีด “Min” และ “Max” • ใช้น้ำยาหล่อเย็นชนิดเดียวกับที่เติมอยู่ก่อนและเติมในอัตราส่วนที่เหมาะสมประมาณ 30%-50% ของน้ำหล่อเย็น • ถ้าระดับน้ำหล่อเย็นลดต่ำลงกว่าปกติ ให้ตรวจดูการรั่วซึมของหม้อน้ำ, ท่อน้ำ, ปิดหม้อน้ำ, ก๊อกถ่ายน้ำและปั๊มน้ำ
การตรวจระดับน้ำกลั่นแบเตอรี่การตรวจระดับน้ำกลั่นแบเตอรี่ วิธีการตรวจ • รักษาความสะอาดบริเวณขั้วและหัวต่อสายอย่าให้มีคราบกำมะถัน ขี้เกลือ • ตรวจเช็กระดับน้ำกรดให้ครบทุกช่อง • เติมเฉพาะน้ำกลั่นเท่านั้น ข้อควรระวัง • อย่าสูบบุหรี่หรือจุดไฟบริเวณใกล้กับแบตเตอรี่ • อย่าให้น้ำกรดเข้าตา หรือถูกผิวหนัง
การตรวจระดับน้ำมันเพาวเวอร์การตรวจระดับน้ำมันเพาวเวอร์ รุ่น TF* รุ่น N* รุ่น F* วิธีการตรวจ • ดับเครื่องยนต์ • ตรวจดูระดับน้ำมันในกระปุกน้ำมันเพาเวอร์ ควรอยู่ระหว่าง ขีด MIN และ MAX ข้อควรระวัง • เติมน้ำมันเพาเวอร์ตามเบอร์ที่กำหนดในคู่มือการใช้รถของอีซูซุเท่านั้น
การตรวจระดับน้ำมันเบรก-คลัตช์การตรวจระดับน้ำมันเบรก-คลัตช์ วิธีการตรวจ • ตรวจระดับน้ำมันเบรกและคลัตช์ในกระปุกว่าอยู่ระหว่างเส้น MAX (สูงสุด) กับเส้น (MIN) (ต่ำสุด) ถ้าระดับต่ำกว่าเส้น MIN ให้เติมด้วยน้ำมันเบรกชนิดที่กำหนด ข้อควรระวัง • ถ้าไฟเตือนระดับน้ำมันเบรกติดขึ้นมาในขณะขับรถให้หยุดรถและเติมน้ำมันเบรกจนถึงเส้นบอกระดับสูงสุด (MAX)
การตรวจความตึงของสายพานการตรวจความตึงของสายพาน วิธีการตรวจ • ตรวจความตึงของสายพานโดยการใช้หัวแม่มือกดลงตรงกลางด้วยแรงกด 10 กก. (ดังภาพ) • สายพานหย่อนลงไปได้ประมาณ 10-15 มม. แสดงว่ามีความตึงพอดีให้ตรวจการแตกลุ่ยและการชำรุดของสายพานด้วย ข้อควรระวัง • การเปลี่ยนสายพาน ต้องเปลี่ยนพร้อมกันทั้งสองเส้นเสมอ (ในกรณีใช้สายพาน 2 เส้น)
การตรวจระยะฟรีและความหลวมของพวงมาลัยการตรวจระยะฟรีและความหลวมของพวงมาลัย วิธีการตรวจ • ตรวจวัดระยะฟรีของพวงมาลัยในตำแหน่งวิ่งทางตรง • หมุนพวงมาลัยไปทางใดทางหนึ่งจนกว่าล้อหน้าจะเริ่มเคลื่อนที่ (จัดระยะฟรีที่ขอบนอกของพวงมาลัยและต้องวัดทั้ง 2 ทิศทาง) ข้อควรระวัง • ระยะฟรีมาตรฐาน 10-60 มม. • ในกรณีที่รถใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ ให้ตรวจระยะฟรีของพวงมาลัยขณะติดเครื่องยนต์ • ตรวจความหลวมของพวงมาลัยโดยการโยกพวงมาลัยไปทางด้านหน้า-หลังและด้านซ้าย-ขวา
การตรวจระยะดึงของคันเบรกมือการตรวจระยะดึงของคันเบรกมือ วิธีการตรวจ • ออกแรงดึงเบรกมือจากตำแหน่งปลดสุดจนถึงตำแหน่งตึงสุด โดยใช้แรงดึงประมาณ 30 กก. ต้องได้ยินเสียงดัง 3 – 8 แกร็ก ข้อควรระวัง • ให้ปรับเบรกมือใหม่ ถ้าระยะดึงของคันเบรกมือมากกว่า 15 แกร็ก • ก่อนออกรถทุกครั้ง ต้องปลดเบรกมือและตรวจดูไฟเตือนดับ
การตรวจการทำงานของระบบคลัตช์ (เกียร์ธรรมดา)
การตรวจการทำงานของระบบคลัตช์ (เกียร์ธรรมดา) วิธีการตรวจ • ตรวจระยะฟรี และการทำงานของคันเหยียบคลัตช์ • ค่อย ๆ ใช้มือกดคันเหยียบคลัตช์ลงเบา ๆ และสังเกตดูว่าระยะฟรีน้อยหรือมากกว่าปกติหรือไม่ • ใช้เท้าเหยียบคลัตช์ สังเกตดูว่าระยะเหยียบคลัตช์มากหรือน้อยกว่าปกติหรือไม่ ถ้าผิดปกติให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อปรับตั้ง ข้อควรระวัง • รถยนต์อีซูซุตระกูล TF : 5-15 มม. • รถยนต์อีซูซุตระกูล N :15-45 มม. • รถยนต์อีซูซุตระกูล F :45-65 มม.
การตรวจการทำงานของระบบเบรกการตรวจการทำงานของระบบเบรก 1 = ระยะฟรี 2 = ความสูง 3 = ช่วงต่ำสุด
การตรวจการทำงานของระบบเบรกการตรวจการทำงานของระบบเบรก วิธีการตรวจ • ติดเครื่องยนต์เดินเบาไว้และทำการย้ำเบรกหลาย ๆครั้ง จากนั้นกดคันเหยียบเบรกลงไปเบา ๆ จนถึงจุดที่เกิดแรงต้านทาน • ถ้ามีไฟเตือนระบบเบรกติดขึ้น หรือรู้สึกว่าระยะที่ย้ำเบรกลงไปสูงหรือต่ำกว่าปกติ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไข • เริ่มออกรถด้วยเกียร์ 1 แล้วลองเหยียบเบรกสังเกตว่ามีการเบรกของตัวรถผิดปกติหรือไม่ ถ้าผิดปกติ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไข
การตรวจการทำงานของระบบเบรกการตรวจการทำงานของระบบเบรก