550 likes | 1.72k Views
ชื่องานวิจัย พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. ผู้จัดทำ 1. นายไก รวิน วงศ์บุญชา 2. นางสาว ธัญญา นนท์ ธิราวัฒน์ 3. นางสาวพิมพ์ ศิริ พิพัฒน์พงศ์ โรงเรียน พะเยาพิทยาคม จังหวัด พะเยา
E N D
ชื่องานวิจัย พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผู้จัดทำ 1. นายไกรวิน วงศ์บุญชา 2. นางสาวธัญญานนท์ ธิราวัฒน์ 3. นางสาวพิมพ์ศิริ พิพัฒน์พงศ์ โรงเรียน พะเยาพิทยาคม จังหวัด พะเยา ครูที่ปรึกษา คุณครู ยิ่งศักดิ์ กระจ่างแจ้ง
การศึกษา เรื่องพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษามีดังนี้
ข้อมูลทั่วไปของผู้สอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้สอบถาม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 53.33 รองลงมาคือเพศชาย จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 ข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ ระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยส่วนมากแล้วอยู่ในระยะเวลา3-5 ชั่วโมงต่อวัน รองลงมาคือ 1-3 ชั่วโมงต่อวัน 0 -1 ชั่วโมงต่อวัน และมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันตามลำดับ พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยมากแล้วกลุ่มตัวอย่างมักใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อความบันเทิง เพื่อความสนุกสนาน มากกว่าที่จะนำไปทำให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง
ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณ คุณครูยิ่งศักดิ์ กระจ่างแจ้ง คุณครูที่ปรึกษาวิจัยที่กรุณาให้คำปรึกษาแนะนำแนวทาง ตลอดจนแก้ข้อบกพร่องต่างๆ ทำให้งานวิจัยมีความถูกต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่ ตลอดจนและเพื่อนๆที่มีส่วนช่วยสนับสนุน และเป็นกำลังใจ ตลอดเวลาที่ทำการศึกษาและทำวิจัยในครั้งนี้ ขอขอบคุณนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 60 คน ที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเพื่อประกอบการวิจัยในครั้งนี้เป็นอย่างดี
บทที่ 1 บทนำ
ในสังคมไทยสมัยโบราณมีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกลายเป็นวิถีชีวิตที่ทุกคนในสังคมต้องปฏิบัติการดำรงชีวิตเป็นไปอย่างเรียบง่ายไม่ยึดติดกับเทคโนโลยีหรือสิ่งอำนวยความสะดวก
สังคมไทยในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงจากสมัยโบราณอย่างมาก อันเนื่องมาจากมีการพัฒนาวิทยาการด้านต่างๆรวมไปถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารหรือโทรศัพท์มือถือที่ขณะนี้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับการดำรงชีวิตในสังคม ทั้งช่วยให้ติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รูปลักษณ์ที่สวยงาม และฟังก์ชันที่ให้ความบันเทิงอีกมากมาย จึงทำให้กลายเป็นที่น่าสนใจของคนในสังคมหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตกอยู่ในวัตถุนิยม ตามแฟชั่นและรักความสะดวกสบายแต่อย่างไรก็ตามโทรศัพท์มือถือก็มีทั้งประโยชน์และโทษ แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะช่วยให้สะดวกต่อการติดต่อสื่อสาร แต่หากใช้ไปในทางที่ผิด หรือใช้ผิดที่ผิดเวลา ผิดวัตถุประสงค์ ก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่างๆตามมาได้
จากที่กล่าวมาแล้ว ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาถึงพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งกลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ซึ่งวัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา เป็นวัยแห่งการเรียนรู้แสวงหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของตน
วัตถุประสงค์ของการวิจัยวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2. เพื่อสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนชั้น ม.5เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. ทราบถึงการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 2. ทราบความคิดเห็นของนักเรียนชั้น ม.5เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ
ขอบเขตการวิจัย - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคม จำนวน 30 คน
นิยามศัพท์เฉพาะ โทรศัพท์มือถือคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่านโทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีโดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการ จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์พกพาจะถูกกล่าวถึงในชื่อสมาร์ตโฟน
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 1. แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมวัยรุ่น 2. แนวคิดเกี่ยวกับการสื่อสาร 3. แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรม 4. งานวิจัยที่เกี่ยว
แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมวัยรุ่น วัยรุนมาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Adolescence หมายถึง การเจริญเติบโตไปสู่วุฒิภาวะเมื่อกล่าวถึงวัยรุ่น คนทั่วไปมักนึกถึงผู้ที่อยู่ในช่วง ๑๓ – ๑๙ ปีโดยประมาณ หรือหากแบ่งตามชั้นเรียนก็จะนึกถึงผู้เรียนที่เรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาตอนปลาย จนไปถึงระดับอุดมศึกษาปีต้นๆ กุญชรีค้าขาย (๒๕๔๒: ๑) Dusek(อ้างถึงใน กุณฑลมีชัย ๒๕๕๐: ๕) หมายถึง วัยที่เชื่อมระหว่างการเป็นการเป็นผู้ใหญ่ อันเป็นระยะที่ต้องปรับพฤติกรรมวัยเด็กไปสู่พฤติกรรมแบบผู้ใหญ่ที่สู่เด็กวัยรุ่นจึงไม่ใช่เป็นเพียงการเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย แต่หมายถึงการเจริญเติบโตทางสังคมซึ่งอยู่ในกรอบของวัฒนธรรมแต่ละที่
ลักษณะที่สำคัญของวัยรุ่น 1. เป็นวัยแห่งหัวเลี้ยวหัวตอของชีวิต ผลลัพธ์ของพฤติกรรมในวัยนี้จะมีผลต่อบุคคลยาวในช่วงวัยอื่นต่อมา ทั้งด้านการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตคู่ เจตคติที่มีต่อสิ่งต่างๆ สับสนในบทบาทที่ไม่ชัดเจนของตนเอง เช่น ไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ความคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นเด็กกับความเป็นผู้ใหญ่นี้ มีผลต่อความรู้สึกนึกคิดของเด็กมาก เด็กจะรู้สึกวางตัวยาก ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างจึงจะถูกต้องและเหมาะสม 2. เป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเจตคติในวัยรุนจะควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงความสนใจ ความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถและความถนัดของตนเอง
3. เป็นวัยแห่งปัญหา อาจกล่าวได้ว่าวัยรุ่นเป็นวัยเจ้าปัญหามากที่สุด ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายนั่นเอง ภาวะความว้าวุ่นใจ ไม่สบายตัวไม่สบายใจ ทำให้เกิดความหงุดหงิด วิตกกังวล อารมณ์เสียงาย ไม่อยากพูดคุยกับใคร หรือพูดจายียวน จนทำให้เกิดความไม่เขาใจกันในกลุ่มเพื่อนหรือพี่นอง เกิดเป็นปัญหาทางอารมณ์และปัญหาสังคมของเด็กวัยนี้ 4. เป็นวัยที่ต้องการเรียนรู้ ความเป็นตัวของตัวเอง เด็กจะแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการ การยอมรับจากกลุ่ม และถือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม แต่กระนั้นเด็กเองยังไม่แน่ใจในบทบาทของตน เขาต้องการรู้วาเขาต้องแสดงบทบาทใดในสังคมของตัวเอง คือ การพยายามหาเอกลักษณ์ของตัวเอง จากการแต่งกาย จากการใช้คำพูดที่เข้าใจกันเฉพาะในกลุ่มวัยรุนเท่านั้น
5. เป็นช่วงวัยแห่งจินตนาการ วัยรุ่นชอบฝันสร้างวิมานในอากาศ จินตนาการตนเอง เป็นสิ่งต่างๆ หรือบุคคลต่างๆ ที่ตนเองชอบ เด็กสามารถแสดงออกในรูปของการประพันธ์เพลง เขียนบท กลอนประกอบเพลง หรือแม้กระทั่งการแต่งกายตามแบบบุคคลในสังคมที่ตนเองชื่นชอบและต้องการเอาอย่าง
แนวคิดเกี่ยวกับการสื่อสารแนวคิดเกี่ยวกับการสื่อสาร กระบวนการของการถ่ายทอดสาร (massage) จากบุคคลฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้สงสาร (source) ไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้รับสาร (receiver) โดยผ่านสาร (channel) การสื่อสารนั้นจัดได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอีกปัจจัยหนึ่งในชีวิตมนุษย์นอกเหนือจากปัจจัยที่สี่ที่เป็นความจําเป็นเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม แม้การสื่อสารจะไม่มีความเกี่ยวของโดยตรงกับความเป็นความตายของมนุษย์เหมือนกับปัจจัยสี่ของตนแต่การที่จะให้ได้มาซึ่งปัจจัยทั้งสี่นั้นย่อมตองอาศัยการสื่อสารเป็นเครื่องมือแน่นอนมนุษย์อาศัยการสื่อสารเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการดําเนินกิจกรรมใดๆ ของตนและเพื่ออยู่รวมกับคนอื่นในสังคมการสื่อสารเป็นพื้นฐานของการติดต่อของมนุษย์และเป็นเครื่องมือสําคัญของกระบวนการทางสังคมยิ่งสังคมมีความสลับซับซ้อนมากเพียงใดและประกอบด้วยคนจํานวนมาก เท่าใดการสื่อสารก็ยิ่งมีความสําคัญมากขึ้นเท่านั้นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสังคมที่นํามาซึ่งความสลับซับซ้อนก่อให้เกิดความไม่เข้าใจและความไม่แน่ใจแก่สมาชิกของสังคมย่อมต้องอาศัยการสื่อสารเป็นเครื่องมือเพื่อแก้ไขปัญหา ดังกล่าว การสื่อสาร
มีความสําคัญต่อมนุษย์ 5 ประการ คือ 1. ความสําคัญต่อการเป็นสังคม 2. ความสําคัญต่อชีวิตประจําวัน 3. ความสําคัญต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจ 4. ความสําคัญต่อการปกครอง 5. ความสําคัญต่อการเมืองระหว่างประเทศ
แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมแนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรม ปัญชลีดวงเอียด (๒๕๔๙: ๑๕) ได้กล่าวถึง ผลการวิจัยของนักวิชาการว่าเยาวชนในยุคปัจจุบันค่อนข้างเป็นคนขี้เหงาติดโทรศัพท์มือถือชอบออกนอกบ้านมีความอ่อนแอทางจิตใจไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองติดสุขนิยมบริโภควัตถุนิยมต้องการความรวดเร็วขาดความยับยั้งชั่งใจไม่มีความอดทนอดกลั้นมีค่านิยมทางเพศเสรีของเกี่ยวกับสิ่งเสพติดเมินศาสนาขาดสาระและ ไร้สํานึกเยาวชนส่วนใหญ่ใช้เวลาในการพูดคุยโทรศัพท์นานวันละหลายชั่วโมงโดยจะเปิด โทรศัพท์มือถือไว้ตลอดเวลาพูดคุยกันพร่ำเพรื่อพูดคุยกันนานๆทุกเรื่อง ทุกเวลา ทุกสถานที่สาระและไม่มีสาระเสมือนว่าเยาวชนเป็นทาสโทรศัพท์มือถือทั้งยังขาดความระมัดระวังในการใช้ภาษาวาเหมาะกับกาลเทศะหรือไม่และมักใช้คําแสลง เช่นภาษา “แอบแบ๊ว” ซึ่งเป็นภาษาที่นิยมในหมูเยาวชนขณะนี้นอกจากนี้ เยาวชนยังชอบวิ่งตามแฟชั่นมีค่านิยมฟุ้งเฟ้อเห่อของใหม่เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเป็นรุ่นใหม่บ่อยๆนอกจากจะขาดระเบียบวินัยในเรื่องทั่วๆไปแล้วยังขาดวินัยในการใช้เงินอีกด้วยพฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าเยาวชนซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มใหญ่ในสังคมกําลังอยู่กับความไม่พอดีไม่พอเพียงในการดําเนินชีวิต
จากพฤติกรรมของเยาวชนดังกล่าว ทําให้สามารถมองเห็นสภาพของสังคมที่ชีวิตประจําวันกําลังถูกผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งนับวันจะมีรูปแบบการให้บริการที่หลากหลายแม้ SMS จะเป็นเพียงสาเหตุเดียวที่รวมอยู่กับสาเหตุใหญ่เพราะเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ทําให้เกิดการติดต่อกันโดยตรงและเป็นส่วนตัวระหว่างบุคคลนั้นยอมนํามาซึ่งความสัมพันธ์ที่ก่อตัวได้เร็วขึ้น แต่เยาวชนที่ใช้เครื่องมือสื่อสารนั้นๆมีวุฒิภาวะหรือภูมิคุ้มกันมากน้อยเพียงใด
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วรวุฒิเจริญศรีพรพงษ์ (๒๕๔๖: ๕๐-๖๕)ได้ศึกษาการวิเคราะห์ความต้องการใช้โทรศัพท์มือถือของวัยรุ่นในกรุงเทพมหานครที่มีโทรศัพท์มือถือใช้อยู่ในปัจจุบันพบว่าระบบที่ใช้ ส่วนใหญ่ใช้ของ AIS สาเหตุที่ตัดสินใจซื้อสวนใหญ่ตอบว่าเพราะจําเป็นการตัดสินใจซื้อเป็นความต้องการของตนเองส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนส่วนใหญ่ใช้ไมเกิน๕๐๐บาทและใช้ติดต่อกับผู้ปกครองมากที่สุดบริการเสริมที่มีในตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือที่มีการใช้มากที่สุด คือ SMS
ธีระกุลสวัสดิ์ (๒๕๓๔: ๒๘-๔๒) ได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถของผู้ขับขี่รถยนต์พบว่าการรณรงค์จากสื่อต่างๆ ได้เขาถึงกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่แล้วแต่กลับพบว่า จํานวนผู้ที่รับรู้การรณรงค์มีการใช้อุปกรณ์ช่วยฟังและไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยฟัง อยู่ในสัดสวนที่ใกล้เคียงกัน โดยผู้ที่ใช้อุปกรณ์ช่วยฟังให้เหตุผลว่าคํานึงถึงความปลอดภัยมากที่สุดความแตกต่างทางด้านเพศอายุสถานภาพสมรสการศึกษาอาชีพประสบการณ์ในการขับขี่ ไม่มี ผลต่อพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ช่วยฟัง
ศิราพรศรีแดน (๒๕๔๔: ๑๒๔-๑๔๕) ได้ศึกษาการแข่งขันทางธุรกิจการค้า และค่านิยมการใช้โทรศัพท์มือถือ กรณีศึกษา อําเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลําภู พบว่าการแข่งขัน ธุรกิจการคาในเขตอําเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลําภู มีการแข่งขันทั้งหมด ๖ ด้าน คือ ด้านการโฆษณาร้านค้าที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อส่งเสริมการขายด้านการบริการด้านเงื่อนไข การซื้อด้านราคาด้านบริการหลังการขายและส่วนประกอบด้านอื่นๆ เช่น ทําเลที่ตั้ง การตกแต่งร้าน การแต่งกายของพนักงานขายค่านิยมการใช้โทรศัพท์มือถือพบว่า ผู้ใช้เลือกจากเครื่องที่มี ราคาถูกมากที่สุด และเลือกใช้จากระบบสัญญาณเครือขายที่ครอบคลุมใช้ได้ทุกพื้นที่มีเหตุผลในการใช้เพราะความสะดวกรวดเร็วในการติดตอสื่อสารและใช้ตามสมัยนิยม
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย
วิธีการวิจัย การวิจัยเรื่องพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคมจังหวัดพะเยา ครั้งนี้ เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey research) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคมจังหวัดพะเยา โดยผู้วิจัยได้ดำเนินการเกี่ยวกับประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังต่อไปนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคมจังหวัดพะเยา
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม (Questionaire) แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล จำนวน 2 ข้อ ได้แก่ เพศ และ แผนการเรียน ส่วนที่ 2 แบบสอบถามข้อมูลของโทรศัพท์มือถือ ส่วนที่ 3 แบบสอบถามพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ
ผู้วิจัยได้ใช้มาตราวัดพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือแบบมาตราส่วน 4 ระดับ เกณฑ์การให้คะแนน คือ 4 หมายความว่า บ่อยที่สุด 3 หมายความวา บ่อย 2 หมายความว่า บางครั้ง 1 หมายความว่า ไม่เคย
การรวบรวมข้อมูล 1. กลุ่มตัวอย่าง (สุ่มตามความสะดวก) 2. รวบรวมแบบสอบถาม 3. วิเคราะห์ข้อมูล โดยโปรแกรม Microsoft Office Excel
บทที่ 4 ผลการวิจัย
ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม คำชี้แจง กรุณาใส่เครื่องหมาย ✔ ลงใน หน้าคำตอบที่ตรงกับสภาพความเป็นจริง 1.เพศ ชาย หญิง 2.แผนการเรียน ศิลป์ – สังคม ศิลป์ – ฝรั่งเศส ศิลป์ – จีน ศิลป์ – ญี่ปุ่น ศิลป์ – คณิตฯ วิทย์ – คณิตฯ ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ ห้องเรียนพิเศษ วิทย์ – คณิตฯ สองภาษา
ส่วนที่ 2ข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ คำชี้แจง กรุณาใส่เครื่องหมาย ✔ ลงใน หน้าคำตอบที่ตรงกับสภาพความเป็นจริง 1.ปัจจุบันท่านใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อใด iPhone Nokia i-mobile Samsung G-net Blackberry OPPO LG Wellcom Sony Motorolaอื่นๆ 2.ท่านใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงเวลาใดบ้าง(เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) ช่วงเช้า ก่อนเข้าแถว ช่วงเช้า ขณะเข้าแถว ช่วงเช้า ในเวลาเรียน ตอนกลางวัน ตอนกลางวัน ในเวลาเรียน ตอนเย็น หลังเลิกเรียน ตอนกลางคืน ก่อนนอน
3.ท่านใช้โทรศัพท์มือถือนานเท่าใดในหนึ่งวัน3.ท่านใช้โทรศัพท์มือถือนานเท่าใดในหนึ่งวัน 0 - 1 ชั่วโมง 1 - 3 ชั่วโมง 3 - 5 ชั่วโมง มากกว่า 5 ชั่วโมง 4.โทรศัพท์มือถือของท่านสามารถทำอะไรได้บ้าง (เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) โทร – รับสาย แชทเล่นอินเทอร์เน็ตได้ เชื่อมต่อ wifiได้ ดูคลิป ฟังเพลงได้ เล่น Social network ต่างๆ ได้ เล่นเกมส์รองรับเครือข่าย 3G 5.โทรศัพท์มือถือสำคัญในชีวิตประจำวันอย่างไร สำคัญมาก ปานกลาง ไม่สำคัญเลย
แบบสอบถาม เรื่อง พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 การนำเสนอผลการวิจัยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1ผลการวิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลประกอบด้วย เพศ และแผนการเรียน ส่วนที่ 2ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย
การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเรื่องพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคมมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคมจำนวน 30 คน ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ แบ่งเป็น 3 ตอน คือ ปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ และพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือและนำแบบสอบถามไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน
สรุปผลการวิจัย ปัจจัยส่วนบุคคล ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 53.33 รองลงมาคือเพศชาย จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 แผนการเรียน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นแผนการเรียน วิทย์-คณิต จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 53.33 รองลงมาคือ แผนการเรียนสายศิลป์ จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 ข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ ระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยส่วนมากแล้วอยู่ในระยะเวลา3-5 ชั่วโมงต่อวัน รองลงมาคือ 1-3 ชั่วโมงต่อวัน 0 -1 ชั่วโมงต่อวัน และมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันตามลำดับ
พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยมากแล้วกลุ่มตัวอย่างมักใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อความบันเทิง เพื่อความสนุกสนาน มากกว่าที่จะนำไปทำให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง
เอกสารอ้างอิง กลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตาก. การศึกษาวิจัยพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของเยาวชนจังหวัดตาก; (http://www.takculture.com/index1.php?module=research)
The END จบ