340 likes | 686 Views
กฎหมายว่าด้วยนิติกรรมและสัญญา. อ.จักรภพ ศิริภากรกาญจน์. นิติกรรม. ปพพ. มาตรา 149 “นิติกรรม หมายความว่า การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ”. ลักษณะของนิติกรรม.
E N D
กฎหมายว่าด้วยนิติกรรมและสัญญากฎหมายว่าด้วยนิติกรรมและสัญญา อ.จักรภพ ศิริภากรกาญจน์
นิติกรรม • ปพพ. มาตรา 149 • “นิติกรรม หมายความว่า การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ”
ลักษณะของนิติกรรม • 1. ต้องเป็นการกระทำของบุคคลโดยการแสดงเจตนา • 2. ต้องเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย • 3. ต้องเป็นการกระทำมี่มุ่งประสงค์จะผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคล • 4.ต้องเป็นการกระทำโดยสมัครใจ • 5. ต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ
1. นิติกรรมเป็นการแสดงเจตนาของบุคคล • การแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง • การแสดงเจตนาโดยปริยาย • การแสดงเจตนาโดยการนิ่ง
2. นิติกรรมเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย
2.1 วัตถุประสงค์ต้องชอบด้วยกฎหมาย • ปพพ. มาตรา 150 • “การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ”
วัตถุประสงค์ของนิติกรรม?วัตถุประสงค์ของนิติกรรม? • 1. วัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย • 2. วัตถุประสงค์เป็นการพ้นวิสัย • 3. วัตถุประสงค์เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
2.2 ถ้าไม่ทำตามแบบของนิติกรรมเป็นโมฆะ • ปพพ. มาตรา 152 • “การใดมิได้ทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ การนั้นเป็นโมฆะ”
แบบของนิติกรรม • 1.ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ • 2. จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ • 3. ทำเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ • 4. ทำเป็นหนังสือ • หลักฐานเป็นหนังสือ ?
3. นิติกรรมต้องมุ่งผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคล • 3.1การแสดงเจตนาซ่อนเร้น • ปพพ. มาตรา 154 • “การแสดงเจตนาใดแม้ในใจจริงผู้แสดงเจตนาจะมิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงออกมาก็ตาม หาเป็นเหตุให้การแสดงเจตนาเป็นโมฆะไม่ เว้นแต่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจของผู้แสดงนั้น”
3.2 การแสดงเจตนาลวง • ปพพ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง • “การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นโมฆะ...”
3.3 นิติกรรมอำพราง • ปพพ. 155 วรรคสอง • “ถ้าการแสดงเจตนาลวงตามวรรคหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอื่น ให้นำบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับนิติกรรมที่ถูกอำพรางมาใช้บังคับ”
4. นิติกรรมต้องเป็นการกระทำโดยสมัครใจ • 4.1 การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิด • ปพพ. มาตรา 156 “การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะ ความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ ความสำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม ความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติกรรม และความสำคัญผิดในทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุแห่งนิติกรรม เป็นต้น”
ปพพ. มาตรา 157 วรรคหนึ่ง • “การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สินเป็นโมฆียะ”
4.2 การแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉล • ปพพ. มาตรา 159 วรรคหนึ่ง • “การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็นโมฆียะ”
4.3 การแสดงเจตนาโดยถูกข่มขู่ • ปพพ. มาตรา 164 วรรคหนึ่ง • “การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็นโมฆียะ”
5. นิติกรรมต้องก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวแห่งสิทธิ • ก่อ • เปลี่ยนแปลง • โอน • สงวน • ระงับ
โมฆะกรรม • ปพพ. มาตรา 172 วรรคหนึ่ง • “โมฆะกรรมนั้นไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างก็ได้”
โมฆียะกรรม • ปพพ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง • “โมฆียะกรรมเมื่อบอกล้างแล้ว ให้ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก.....”
ผู้มีสิทธิบอกล้างโมฆียะกรรมผู้มีสิทธิบอกล้างโมฆียะกรรม • ปพพ. มาตรา 175 “โมฆียะกรรมนั้น บุคคลต่อไปนี้จะบอกล้างเสียก็ได้ • ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้เยาว์ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ผู้เยาว์จะบอกล้างก่อนที่ตนบรรลุนิติภาวะก็ได้ถ้าได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม
(2) บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เมื่อบุคคลนั้นพ้นจากการเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี แต่คนเสมือนไร้ความสามารถจะบอกล้างก่อนที่ตนจะพ้นจากการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ถ้าได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์
(3) บุคคลผู้แสดงเจตนาเพราะสำคัญผิด หรือถูกกลฉ้อฉล หรือถูกข่มขู่ • (4) บุคคลวิกลจริตในขณะที่จริตของบุคคลนั้นไม่วิกลแล้ว • ถ้าบุคคลผู้ทำนิติกรรมอันเป็นโมฆียะถึงแก่ความตายก่อนมีการบอกล้างโมฆียะกรรม ทายาทของบุคคลดังกล่าวอาจบอกล้างโมฆียะกรรมนั้นได้
การให้สัตยาบัน ปพพ. มาตรา 177 “ถ้าบุคคลผู้มีสิทธิบอกล้างโมฆียะกรรมตามมาตรา 175 ผู้หนึ่งผู้ใด ได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรม ให้ถือว่าการนั้นเป็นอันสมบูรณ์มาแต่เริ่มแรก.....”
วิธีการบอกล้างหรือให้สัตยาบันโมฆียกรรมวิธีการบอกล้างหรือให้สัตยาบันโมฆียกรรม • มาตรา 178 • “การบอกล้างหรือให้สัตยายันแก่โมฆียกรรม ย่อมทำได้โดยการแสดงเจตนาแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวกำหนดได้แน่นอน”
สาระสำคัญของสัญญา • 1. มีคู่สัญญาตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป • 2. ต้องมีการแสดงเจตนาเสนอสนองตรงกัน
การก่อให้เกิดสัญญา • สัญญาเกิดจากคำเสนอและคำสนองที่ตรงกัน
มัดจำ • มาตรา 377 • “เมื่อเข้าทำสัญญา ถ้าได้ให้สิ่งใดไว้เป็นมัดจำ ท่านให้ถือว่าการที่ให้มัดจำนั้นย่อมเป็นพยานหลักฐานว่าสัญญานั้นได้ทำกันขึ้นแล้ว อนึ่งมัดจำนี้ย่อมเป็นประกันการที่จะปฏิบัติตามสัญญานั้นด้วย”
มัดจำเป็นพยานหลักฐานว่าสัญญานั้นได้ทำขึ้นมัดจำเป็นพยานหลักฐานว่าสัญญานั้นได้ทำขึ้น • เช่น • มาตรา 456 วรรคสอง • “สัญญาจะขายหรือจะซื้อ ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ขำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”
มัดจำเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญามัดจำเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา • มาตรา 378 • “มัดจำนั้น ถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ท่านให้เป็นไปดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ • (1) ให้ส่งคืน หรือจัดเอาเป็นการใช้เงินบางส่วนในเมื่อชำระหนี้ • (2) ให้ริบ ถ้าฝ่ายที่วางมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ • (3) ให้ส่งคืน ถ้าฝ่ายที่รับมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้”
เบี้ยปรับ • มาตรา 379 • “ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ก็ดี หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรก็ดี เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ”
การเลิกสัญญา • มาตรา 386 • “ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การเลิกสัญญาเช่นนั้นย่อมทำด้วยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง”