1.02k likes | 3.82k Views
การใช้ยาในเด็ก. พญ . รัตนา กาสุ ริย์. หลักการใช้ยาในเด็ก. 1. ใช้ยาเฉพาะเมื่อมีข้อบ่งชี้ ใช้ด้วยความระมัดระวัง 2. เลือกใช้ยาที่ผ่านการรับรองว่ามีประสิทธิภาพในการรักษา เหมาะสมกับโรคและผู้ป่วย ประวัติการแพ้ยา ชนิดของยาและราคายา
E N D
การใช้ยาในเด็ก พญ.รัตนา กาสุริย์
หลักการใช้ยาในเด็ก • 1. ใช้ยาเฉพาะเมื่อมีข้อบ่งชี้ ใช้ด้วยความระมัดระวัง • 2. เลือกใช้ยาที่ผ่านการรับรองว่ามีประสิทธิภาพในการรักษา เหมาะสมกับโรคและผู้ป่วย ประวัติการแพ้ยา ชนิดของยาและราคายา • 3. ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเภสัชวิทยา พิษและผลข้างเคียงของยาที่ใช้
หลักการใช้ยาในเด็ก • 4. ต้องทราบขนาด วิธีการให้ และระยะเวลาที่ให้ยา • 5. คำนึงถึงโรคประจำตัว เช่น G6PD def. จะเกิด hemolysis เมื่อได้รับยา sulfa • 6. การให้ยาหลายชนิดต้องคำนึงถึง drug-drug interaction • 7. ทารกแรกเกิด มีพื้นที่ผิวกายมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า จึงดูดซึมยาทางผิวหนังมากกว่าผู้ใหญ่ 3 เท่าด้วย จึงควรเลือกความเข้มข้นให้เหมาะสม
หลักการใช้ยาในเด็ก • 8.การดูดซึมยาในเด็กเรียงลำดับจากเร็วไปช้า ดังนี้ liquid > suspension > capsule > tablet > sustained release tablet • 9. ควรแนะนำวิธีการใช้ยาให้พ่อแม่หรือผู้ดูแลเด็กเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ถูกต้อง
ขนาดยาที่ใช้ในเด็ก • คำนวณจากน้ำหนักตัว ขนาดสูงสุด ( maximal dose) ที่คำนวณได้โดยใช้น้ำหนักตัวเป็นหลัก ถ้าเกินขนาดที่ใช้ในผู้ใหญ่ต้องให้ขนาดที่ใช้ในผู้ใหญ่ • ขนาดยาที่ใช้ในเด็ก ถ้าเด็กอ้วน ต้องใช้ ideal body weight หรือ weight for height มาคำนวณ เด็กที่บวม ต้องใช้น้ำหนักตัวก่อนบวมมาคำนวณ • เด็กที่มีการทำงานของไตลดลงหรือเสียไป ต้องปรับลดขนาดยาชนิดที่ขับออกทางไตลง
Metric system • 5 ml = 1 teaspoon (tsp.) • 15 ml = 1 tablespoon (table sp.) • 30 ml = 1 ounce 1 grain ( gr.1) = 60 mg. • Intervals • OD : วันละครั้ง bid : วันละ 2 ครั้ง • tid : วันละ 3 ครั้ง qid : วันละ 4 ครั้ง
วิธีการรับประทานยา • ถูกเวลา • ก่อนอาหาร ( ac ) • 1 ชั่วโมง ยาปฏิชีวนะ Penicillin • 30 นาที ยาแก้อาเจียน แก้ปวดท้อง • หลังอาหาร ( pc ) • ทั่วไป15-30 นาที • หลังอาหารทันที Steroid , NSAIDS , Aspirin ตอนท้องว่าง ก่อนอาหาร 1 ชม . หรือหลังอาหาร 2 ชม .
Emergency medication • Epinephrine • ทาง IV 0.01 mg/kg/dose or 0.1 ml/kg/dose (1: 10,000) • ทาง ETT 0.1 mg/kg/dose or 0.1 ml/kg/dose (1: 1,000) ให้ยาทุก 5-10 นาที อาจทำให้เกิด arrythmia ,tachycardia, hypertension headache, nausea/voitting ได้
Respiratory drugs • ยารักษาอาการทางระบบหายใจ แบ่งเป็น 6 กลุ่ม • 1. antihistamine • 2. decongestants • 3. expectorants • 4. mucolytics & mucoregulators • 5. bronchodilators & anti-inflammatory agents • 6. cough suppressants
การใช้ยาแก้ไอหวัด • . ควรเลือกยาประเภทเดี่ยวๆ ที่ตรงกับอาการของผู้ป่วย ไม่ควรใช้ยาสูตรผสมที่มียาหลายประเภทรวมอยู่ในยาชนิดเดียว ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาสูตรผสม ให้คำนวณขนาดตัวยาที่มีปริมาณมากที่สุดเป็นหลัก
Antihistamines • อาศัยฤทธิ์ anticholinergic effect : น้ำมูกแห้ง ลดการหลั่ง secretion ในทางเดินหายใจ • ไม่ควรให้ในเด็กอายุ < 3 เดือน ทำให้เกิดอาการง่วงซึม 2 nd & 3 rd generation eg. Cetirizine, loratadine • ไม่มีการศึกษาว่าได้ผลดีในหวัด แต่ได้ผลใน allergic rhinitis
Antihistamines • Chlorpheniramine (CPM) 0.35 mg/kg/day PO tid-qid 4 mg/tab. , 2 mg/5 ml Diphenhydramine-HCL 5 mg/kg/day PO tid-qid (MAX. 300 mg/day) • Benadryl cough syrup 12.5 mg/5 ml , 25 mg/cap Benadryl-decongestant มี pseudoephedrine 30 mg/5 ml
. Long acting antihistamines • Ceterizine 0.25 mg/kg/day PO OD-bid Age 2-6 yr : 2.5 mg bid or 5 mg OD • Age > 6 yr : 5-10 mg OD Zyrtec 10 mg/tab , 5 mg/5 ml syrup • SE : ปากแห้ง ง่วงนอน ปวดหัว • Loratadine ให้ในเด็กอายุ > 2 ปี BW < 30 kg : 5 mg PO OD BW ≥ 30 kg : 10 mg PO OD • Clarityne, lorsedin 10mg/tab, 5 mg/5 ml syrup SE : ง่วงนอน ปวดหัว Prolong QT ได้ถ้าให้ร่วมกับ erythromycin, keto/itraconazole
Decongestants • ลดอาการแน่นคัดจมูกในรายที่มีการบวมของเยื่อบุจมูก ส่วนใหญ่มี adrenergic effect ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ไม่ควรให้ในเด็กอายุ < 3 เดือน การให้ยาชนิดหยดจมูก ไม่ควรให้นานเกิน 3-5 วัน เพราะทำให้เกิด rebound congestion ได้ • 0.25% Ephedrine ป้ายหรือหยดจมูก วันละ 2-4 ครั้ง ไม่ควรใช้นานเกิน 3-5 วัน >>> rhinitis medicamentosa
Expectorants ( ยาขับเสมหะ ) • ช่วยให้เสมหะเหลวมากขึ้น ไอออกง่ายขึ้น • Glyceryl guaiacolate (guaifeesine) 50-100 mg/dose PO tid-qid Robitussin syr. 100 mg/5 ml Therapeutic & toxic range ต่างกันมาก โอกาสเกิดพิษจากยาน้อยมาก • Ammonium carbonate & potassium nitrate 5-10 ml PO tid-qid M.tussis ใช้กับอาหารไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ) ทำให้คลื่นไส้อาเจียน ไม่ควรใช้ในเด็กเล็ก
. Mucolytics ( ยาละลายเสมหะ ) • ออกฤทธิ์ที่ส่วนประกอบของเสมหะโดยตรง ใช้ในรายที่เป็นโรคปอดเรื้อรังหรือเสมหะเหนียวข้นมาก และในรายที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำซึ่งใช้ expectorant ไม่ได้ผล Acetylcysteine, carbocysteine, bromhexine, ambroxal • Bromhexine • Age < 2 yr : 1 mg , 2-5 yr : 2 mg • Age 5-10 yr : 4 mg , > 10 yr : 8 mg Bisolvon 8 mg/tab
Cough suppressants • ยากดอาการไอ ส่วนใหญ่เป็นอนุพันธ์ของมอร์ฟีน มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท อาจทำให้หยุดหายใจได้ในเด็กเล็ก ไม่ควรใช้ในโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง เพราะอาจทำให้เสมหะคั่งค้างในหลอดลมได้ • Codeine Ropect SE : ปากแห้ง , ง่วงซึม ไม่ควรให้ร่วมกับยานอนหลับและระงับประสาทอื่นๆ อาจกดการหายใจได้ Dextromethorphan Romilar SE : ง่วงซึม , คลื่นไส้ อาเจียน , อาจกดการหายใจได้
. GI drugs • Antiemetic drug • Domperidone (motilium) 0.2-0.5mg/kg/dose PO tid-qid ac 5 mg/5 ml syr, 10 mg/tab SE : ง่วงซึม , เวียนศีรษะ , extrapyramidal symptom • Antispasmodic drug • Hyoscine (buscopan) Age < 1 yr : 2.5 mg/dose, 1-6 yr : 5-10 mg/dose Age > 6 yr : 10-20 mg/dose PO tid-qid 0.3-0.6 mg/kg/dose IV,IM q 6-8 hr 5mg/5ml syrup, 10 mg/tab, 20 mg/ml/amp SE : ปากแห้ง , ใจสั่น , ท้องผูก
ผงน้ำตาลเกลือแร่ ( ORS ) • เด็กต่ำกว่า 2 ปี ให้ ORS 50 – 100 มิลลิลิตร (1/4 – 1/2 แก้วน้ำ ) โดยใช้ช้อนป้อนครั้งละ 1 ช้อนชา ทุก 1 – 2 นาที • เด็ก 2 ปี – 10 ปี ให้ ORS 100 – 200 มิลลิลิตร (1/2 – 1 แก้วน้ำ ) ให้ใช้แก้วน้ำโดยกินทีละน้อย บ่อยๆ • เด็ก 10 ปีขึ้นไป ให้ตามต้องการ ซึ่งมากกว่า 1 แก้วขึ้นไป
. GI drugs • Antacid Aluminum hydroxide + magnesium hydroxide (Alum milk) • เด็กเล็ก : 5-15 ml/dose เด็กโต : 15-45 ml/dose PO q 3-6 hr รบกวนการดูดซึมยาอื่น ไม่ควรรับประทานร่วมกับยาอื่นภายในเวลา 1-2 hr • H2 receptor antagonist (Ranitidine) 3-5 mg/kg/day PO bid ( max. 300 mg/day) 0.75-1.5 mg/kg/dose IV q 6-8 hr (max. 400mg/day) • SE : neutropenia, bradycardia, dizziness, headache, vomiting, diarrhea, constipation, pancreatitis, hepatitis, rash
ยาระบาย • Magnesium hydroxide Milk of magnesium • Age < 2 yr : 0.5 ml/kg/day, • 2-5 yr : 5-15 ml/day • 6-12 yr : 15-30 ml/day, > 12 yr : 30-60 ml/day PO OD-bid SE : ปวดท้อง , hypermagnesemia in renal failure
Skin drugs • Antihistamine & antipruriticHydroxyzine (atarax) 1-2 mg/kg/day PO tid-qid 10 mg/tab, 10 mg/5 ml SE : ง่วงซึม • Soothing agent Calamine lotion Calamine + Zinc oxide+Talcum Apply OD- bid ทาผดผื่น • Oral antifungal 0.5% Gentian violet Apply lesion bid Nystatin 1 ml + water 2 ml PO tid – qid • Topical antiparasite 12.5% benzyl benzoate Scabies : apply for 24 hr * 3 days then repeat 3 days later * 3 days Lice : apply hair for 8 hr then repeat 1 wk later
Topical corticosteroids • Mid strength 0.1% Triamcinolone acetonide mild 0.02% Triamcinolone acetonide • 1. ทาบางๆบริเวณที่ต้องการ • 2. ควรทาเพียงวันละ 1-2 ครั้ง หากทาบ่อยๆ อาจมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น • 3. ห้ามทายาที่เป็นครีมในบริเวณที่มีแผลเปิด • 4. ห้ามใช้ยาทาในโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อที่ทราบสาเหตุแน่นอนแล้ว เช่นติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
Antimicrobial agents • AminopenicillinAmoxicillin • 30-50 mg/kg/day PO bid-tid 250-500 mg/cap, 125,250 mg/5 ml Rx : URI, sinusitis, pneumonia, animal bite • Antistaphylococcalpenicillin • Cloxacillin 50-200 mg/kg/day IV q 6 hr, PO qid ac 0.5, 1 g inj., 250,500 mg/cap, 125mg/5 ml syrup Dicloxacillin25-50 mg/kg/day PO qid ac 250 mg/cap, 62.5 mg/5 ml syrup Rx : skin & soft tissue infection
Antimicrobial agents • Macrolides Erythromycin • 30-50 mg/kg/day PO tid-qid pc SE : N/V, diarrhea, abdominal cramping Roxithromycin (Rulid) 6-10 mg/kg/day PO bid Rx : URI,pneumonia/atypical pneumonia, enteric fever • Sulfonamides Co-trimoxazole (TMP-SMZ) • 6-12 mg/kg/day PO bid 80 mg TMP/tab, 40 mg TMP/5 ml SE: rash, Stevens-Johnson syndrome ไม่ใช้ใน G6PD def., แพ้ยา sulfa Rx : UTI, infectious diarrhea
Fluoroquinolones Norfloxacin • 15-20 mg/kg/day PO bid 100,200,400 mg/tab Ofloxacin 10-20 mg/kg/day PO bid 100,200,300 mg/tab Rx : UTI, infectious diarrhea • ยาลดไข้ แก้ปวด Paracetamol (acetaminophen) • 10-15 mg/kg/dose PO q 4-6 hr 120 mg/5 ml syr, 325,500 mg/tab ยามีผลต่อตับ
ข้อควรปฏิบัติ เมื่อสงสัยว่าแพ้ยา • 1. หยุดยาที่สงสัยทันที ถ้าใช้ยาอยู่หลายชนิดไม่ทราบว่าแพ้ยาตัวไหน ควรหยุดยาทุกชนิด • 2. นำยาทุกชนิดที่รับประทานไปให้แพทย์หรือเภสัชกร เพื่อวินิจฉัยว่าท่านแพ้ยาอะไร • 3. จดจำและบันทึกชื่อยาและลักษณะอาการที่เกิดจากการแพ้ยาชนิดนั้นไว้ • 4. แจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งเมื่อจำเป็นต้องใช้ยา • 5. ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง