1 / 18

ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่ตั้ง ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มน้ำ ภูมิอากาศ ปริมาณน้ำท่า-น้ำฝน

สำนักโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน. ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่ตั้ง ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มน้ำ ภูมิอากาศ ปริมาณน้ำท่า-น้ำฝน - ตารางเปรียบเทียบในกลุ่มลุ่มน้ำ ทรัพยากรดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน พื้นที่ทำการเกษตร. พื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทาน การประเมินความต้องการน้ำ

Download Presentation

ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่ตั้ง ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มน้ำ ภูมิอากาศ ปริมาณน้ำท่า-น้ำฝน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สำนักโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก • ที่ตั้ง • ลักษณะภูมิประเทศ • พื้นที่ลุ่มน้ำ • ภูมิอากาศ • ปริมาณน้ำท่า-น้ำฝน - ตารางเปรียบเทียบในกลุ่มลุ่มน้ำ • ทรัพยากรดิน • การใช้ประโยชน์ที่ดิน • พื้นที่ทำการเกษตร. • พื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทาน • การประเมินความต้องการน้ำ • ปัญหาของลุ่มน้ำ • ด้านภัยแล้ง • แนวทางแก้ไข ส่วนอำนวยการและติดตามประเมินผล

  2. 25. ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่ตั้ง ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก อยู่ทางใต้ของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออกติดกับลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออก ลุ่มน้ำตาปีและลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ทิศใต้ติดกับทะเลอันดามันและชายแดนประเทศมาเลเซีย และทิศตะวันตกติดกับทะเลอันดามัน (ตามรูปที่ 25-1) รูปที่ 25-1 แสดงที่ตั้ง ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก

  3. ลักษณะภูมิประเทศ ตามรูปที่ 25-2 ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก เป็นพื้นที่ชายฝั่งติดทะเลอันดามัน มีเทือกเขาภูเก็ต พาดผ่านจากจังหวัดระนองมาจนถึงจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำหลายสายที่มีความยาวไม่มากนัดและไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ภูมิประเทศส่วนใหญ่เกิดจากแผ่นดินยุบตัวลงไป ชายฝั่งทะเลเว้าแหว่ง มีอ่าวและเกาะต่างๆ มากมาย มีป่าชายเลนขึ้นอยู่ ตั้งแต่จังหวัดพังงาลงไปถึงจังหวัดสตูล รูปที่ 25-2 สภาพภูมิประเทศในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก

  4. พื้นที่ลุ่มน้ำ ตารางที่ 25-1 ขนาดของพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 20,473 ตารางกิโลเมตร แบ่งออกเป็น 13 ลุ่มน้ำย่อย ตามตารางที่ 25-1 และรูปที่ 25-3 แสดงลุ่มน้ำย่อย 25.01 25.02 25.03 25.04 25.05 25.07 25.06 25.08 25.09 25.10 25.11 25.13 25.12 รูปที่ 25-3 แสดงลุ่มน้ำย่อย พื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก

  5. ภูมิอากาศ ข้อมูลภูมิอากาศที่สำคัญของลุ่มน้ำได้แสดงไว้แล้ว ตามตารางที่ 25-2 ซึ่งแต่ละรายการจะเป็นค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด และค่าเฉลี่ยเป็นรายปี ตารางที่ 25-2 แสดงข้อมูลภูมิอากาศที่สำคัญ

  6. ปริมาณน้ำฝนลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีปริมาณฝนผันแปรตั้งแต่ 1,600 มิลลิเมตร จนถึงประมาณ 4,400 มิลลิเมตร โดยมีปริมาณน้ำฝนทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 2,558.9 มิลลิเมตร ลักษณะการผันแปรของปริมาณฝนรายเดือนเฉลี่ยได้แสดงไว้ ตามตารางที่ 25-3 และมีลักษณะการกระจายของปริมาณน้ำฝนของแต่ละลุ่มน้ำ ตามรูปที่ 25-4 ตารางที่ 25-3 ปริมาณน้ำฝนและน้ำท่ารายเดือนเฉลี่ย รูปที่ 25-5 ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายเดือนในแต่ละลุ่มน้ำย่อย รูปที่ 25-4 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนในแต่ละลุ่มน้ำย่อย ปริมาณน้ำท่าลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีพื้นที่รับน้ำทั้งหมดประมาณ 20,473 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณน้ำท่ารายปีเฉลี่ยประมาณ 22,396.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามตารางที่ 25-3 หรือมีปริมาณน้ำท่ารายปีเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่รับน้ำฝน 34.69 ลิตร/วินาที/ตารางกิโลเมตร ตามรูปที่ 25-5 แสดงปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายเดือนของแต่ละลุ่มน้ำ

  7. ตารางเปรียบเทียบ ปริมาณน้ำฝน - ปริมาณน้ำท่า

  8. ทรัพยากรดิน พื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก สามารถจำแนกชนิดดินตามความเหมาะสมของการปลูกพืชออกได้ 4 ประเภท ซึ่งมีลักษณะการกระจายของกลุ่มดิน ตามรูปที่ 25-5 และแต่ละกลุ่มดินจะมีจำนวนพื้นที่ ตามตารางที่ 25-4 ตารางที่ 25-4 รูปที่ 25-5 การแบ่งกลุ่มดินจำแนกตามความเหมาะสมใช้ปลูกพืช

  9. การใช้ประโยชน์จากที่ดิน 1) พื้นที่ทำการเกษตร..............36.93 % พืชไร่.................................... 70.80 % ไม้ผล–ยืนต้น............................ 7.83 % ข้าว....................................20.59 % พืชผัก................................. 0.78 % รูปที่ 25-6 การทำเกษตร 2) ป่าไม้.................................58.07 % เขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า.............. 12.63 % เขตอุทยานแห่งชาติ..................13.81 % พื้นที่ป่าอนุรักษ์.........................74.19 % รูปที่ 25-7 พื้นที่ป่าไม้และเพื่อการอนุรักษ์ 3) ที่อยู่อาศัย...........................1.28 % 4) แหล่งน้ำ.............................0.04 % 5) อื่นๆ...................................3.68 % รูปที่ 25-8 การใช้ประโยชน์จากที่ดิน

  10. ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีพื้นที่การเกษตรทั้งหมดประมาณ7,560.29 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก ประมาณ 4,063.24 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 53.74 พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกข้าว 863.86 ตารางกิโลเมตร (21.26%) พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชผัก 5.28 ตารางกิโลเมตร ( 0.13%) พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชไร่ - ตารางกิโลเมตร ( - %) พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกไม้ผล-ไม้ยืนต้น 3,194.10 ตารางกิโลเมตร(78.61%) พื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับการเพาะปลูก ส่วนใหญ่จะกระจายอยู่บริเวณตอนกลางและตอนล่างของพื้นที่ลุ่มน้ำ โดยเฉพาะสองฝั่งลำน้ำ ซึ่งรวมแล้วประมาณร้อยละ 19.85 ของพื้นที่ทั้งลุ่มน้ำ ในการทำการเกษตร พบว่าการใช้พื้นที่ปลูกพืช ส่วนใหญ่เป็นการปลูกไม้ผล-ไม้ยืนต้น และพืชผักบนพื้นที่ดินที่ไม่มีความเหมาะสม ส่วนข้าวมีสัดส่วนพื้นที่ที่มีความเหมาะสมต่อพื้นที่เพาะปลูกในปัจจุบันเหมาะสมดีอยู่แล้ว รูปที่ 25-9 การใช้ประโยชน์ที่ดินหลักด้านการเกษตร

  11. พื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทานพื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทาน พื้นที่ที่มีศักยภาพการพัฒนาระบบชลประทานในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนใหญ่จะกระจายอยู่บริเวณตอนล่างของพื้นที่ลุ่มน้ำ โดยมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 1,012.36 ตารางกิโลเมตร และคิดเป็นร้อยละ 24.92 ของพื้นที่การเกษตรที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก หรือร้อยละ 13.39 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด ตารางที่ 25-5 ตารางเปรียบเทียบพื้นที่การเกษตรกับพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับพัฒนาระบบชลประทาน

  12. การประเมินความต้องการน้ำการประเมินความต้องการน้ำ จากการศึกษาด้านเศรษฐกิจและสังคมได้คาดคะเนอัตราการเจริญเติบโตของประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและนอกเขตเมือง รวมทั้งความต้องการใช้น้ำสำหรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ช่วงปี 2544-2564 สรุปได้ตามรูปที่ 25-10 รักษาระบบนิเวศ ปริมาณน้ำ (ล้าน ลบ.ม.) ชลประทาน อุตสาหกรรม อุปโภค-บริโภค รูปที่ 25-10 สรุปแนวโน้มปริมาณความต้องการน้ำแต่ละประเภท

  13. ปัญหาของลุ่มน้ำ • ด้านอุทกภัย สภาพการเกิดอุทกภัยในลุ่มน้ำนี้ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ∶- 1) อุทกภัยที่เกิดในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบนและลำน้ำสาขาต่าง ๆ เกิดจากการที่มีฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากจากต้นน้ำลงมามากจนลำน้ำสายหลักไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ประกอบกับสิ่ง กีดขวางจากเส้นทางคมนาคมขวางทางน้ำ และมีอาคาระบายน้ำไม่เพียงพอ พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำได้แก่ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง และอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 2) อุทกภัยที่เกิดในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดบริเวณที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มและแม่น้ำสายหลักตื้นเขิน มีความสามารถระบายน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถ ระบายน้ำลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ ได้แก่ อำเภอทุ่งสง อำเภอกันตัง อำเภอวังวิเศษ และอำเภอย่านตาขาว จังหวัดพังงา

  14. ด้านภัยแล้ง ปัญหาภัยแล้งที่เกิดจากภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนาน ทำให้พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานเกิดความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร รวมทั้งการใช้น้ำในกิจกรรมอื่นๆ ด้วย จากข้อมูล กชช.2ค. ปี2542 หมู่บ้านในลุ่มน้ำนี้มีทั้งหมด 1,765 หมู่บ้าน พบว่ามีหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 881 หมู่บ้าน (ร้อยละ 49.92) โดยแยกเป็นหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำเพื่อทำการเกษตร จำนวน 364 หมู่บ้าน (ร้อยละ 20.62)และหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร จำนวน 517 หมู่บ้าน (ร้อยละ 29.29) หมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดตรัง 338 หมู่บ้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 38.37 ของหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งทั้งหมด หมู่บ้านที่มีน้ำอุปโภค-บริโภค แต่ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร หมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร รูปที่ 25-11 แสดงลักษณะการกระจายตัวของหมู่บ้านที่ประสบปัญหาภัยแล้ง

  15. แนวทางการแก้ไข ปัญหาการเกิดอุทกภัย และภัยแล้งในลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีลักษณะคล้ายกับพื้นที่ลุ่มน้ำอื่นๆ คือการผันแปรของปริมาณน้ำฝน ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง ในทางกลับกันเมื่อมีฝนตกหนักก็ทำให้เกิดน้ำไหลหลากท่วมพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่การเกษตร การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงมีแนวทางแก้ไขในภาพรวมโดยสรุปดังนี้ 1) การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดและขนาดเล็กในพื้นที่ตอนบนของลำน้ำสาขาที่สำคัญ ได้แก่ ลำภาชี และแม่น้ำแม่กลอง เพื่อเก็บกักและชะลอปริมาณน้ำหลากในช่วงที่ฝนตกหนัก และปล่อยน้ำที่เก็บกักลงทางด้านท้ายน้ำในช่วงฤดูแล้งเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้พื้นที่สองฝั่งลำน้ำ 2) การก่อสร้างระบบส่งน้ำและกระจายน้ำในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้งและอยู่ไม่ห่างจากลำน้ำสายหลักมากนัก โดยอาจดำเนินการในลักษณะก่อสร้างฝาย/ประตูระบายน้ำ พร้อมระบบคลองส่งน้ำ/ระบบสูบน้ำและส่งน้ำด้วยท่อ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง 3) การขุดลอกลำน้ำสายหลักในช่วงที่ตื้นเขินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ (ควรดำเนินการควบคุมไปกับการก่อสร้างฝาย/ประตูระบายน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง หรือใช้วิธีขุดเป็นช่วง) 4) การปรับปรุงฝาย ประตูระบายน้ำ สะพาน ท่อลอดถนน และอาคารอื่น ๆ ที่กีดขวางทางน้ำและเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำให้มีความสามารถในการระบายน้ำที่พอเพียงและเหมาะสมกับสภาพทางน้ำ 5) ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณเขตตัวเมืองและพื้นที่โดยรอบให้เป็นไปตามผังเมืองที่วางไว้และควบคุมการรุกล้ำแนวคลองและลำน้ำสาธารณะ 6) ส่งเสริมการขุดสระน้ำประจำไร่นา ขุดบ่อน้ำตื้น/บ่อบาดาล ก่อสร้างถังเก็บน้ำ สำหรับพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำตามสภาพความเหมาะสมของพื้นที่

More Related