1 / 41

การศึกษาความสัมพันธ์ของดินและน้ำภายในสถานีทดลองบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

โครงงานด้านวิศวกรรม. การศึกษาความสัมพันธ์ของดินและน้ำภายในสถานีทดลองบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่. เสนอ. อาจารย์ช วลี เฌอกิจ ประธาน อาจารย์ชวกร ริ้วตระกูลไพบูลย์ กรรมการ อาจารย์ กรต สุวรรณ โพธิ์สุวรรณ กรรมการ. จัดทำโดย.

hue
Download Presentation

การศึกษาความสัมพันธ์ของดินและน้ำภายในสถานีทดลองบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โครงงานด้านวิศวกรรม การศึกษาความสัมพันธ์ของดินและน้ำภายในสถานีทดลองบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

  2. เสนอ อาจารย์ชวลี เฌอกิจ ประธาน อาจารย์ชวกร ริ้วตระกูลไพบูลย์ กรรมการ อาจารย์กรตสุวรรณ โพธิ์สุวรรณ กรรมการ จัดทำโดย นางสาวชุติมา กลยนีย์ นางสาวรัชนีกร พรมแสง

  3. ที่มาและความสำคัญของปัญหาที่มาและความสำคัญของปัญหา • ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีชื่อเสียงทางด้านอู่ข้าว • อู่น้ำ ของประชาชน • ปัจจุบันทางด้านเกษตรกรรมได้มีปัญหาหลายประการทั้งทางด้าน • ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ผลผลิต และปัญหาอีกประการหนึ่งคือ • การจัดการน้ำในแปลงเกษตร • จึงได้ทำการศึกษาสมบัติของดินและการซาบซึมของน้ำในดินใน พื้นที่ปลูกพืชชนิดต่างๆในแปลงทดลอง • เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงดิน บริหารจัดการน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกและยังช่วยให้มีการวางแผนส่งน้ำให้พืชแบบประหยัดและคุ้มค่าที่สุด

  4. วัตถุประสงค์ของการวิจัยวัตถุประสงค์ของการวิจัย • เพื่อศึกษาอัตราการซาบซึมของน้ำในดิน (InfiltrationRate) ของแปลง ทดลอง ปลูกพืชต่างชนิดกัน • เพื่อศึกษาสมบัติและแนวทางการแก้ไขปัญหาของดินในแปลงทดลอง • เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและหาปริมาณน้ำที่ใช้ในพื้นที่การเกษตร

  5. สมมติฐานในการวิจัย • สมบัติของดินมีผลต่อระบบอัตราการซาบซึม และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ขอบเขตการวิจัย • ศึกษาสมบัติของดินและข้อมูลการไหลซึมผ่านผิวดินของน้ำในบริเวณ • ปลูกพืชชนิดต่างๆ ในแปลงทดลองของวิทยาลัยการชลประทาน • เพื่อศึกษาการใช้เครื่อง Double ring infiltrometer

  6. นิยามศัพท์ที่ใช้ในการศึกษาวิจัยนิยามศัพท์ที่ใช้ในการศึกษาวิจัย • การซาบซึมผ่านผิวดิน (Infiltration)หมายถึง การเคลื่อนที่ของน้ำจากผิวดินเข้าไปในดินตามช่องว่างระหว่างเม็ดดินหรือตามรอยแตกระแหงด้วยแรงดึงดูดของโลก • การรั่วซึมของน้ำในดิน (Percolation)หมายถึง การไหลซึมของน้ำในระหว่างช่องว่างระหว่างเม็ดดินที่เกิดจากแรงดึงดูดของโลก แรงดูดซับ และจากความกดดันของน้ำที่ขังอยู่บนผิวดิน

  7. Infiltration percolation c a b d gravity force > cohesion force CN Creative cohesionforces a > b > c > d Water Storage in Soil Soil Professor Kasem Chunkao:College of EnvironmentKasetsart University 21/07/2552

  8. นิยามศัพท์ที่ใช้ในการศึกษาวิจัย (ต่อ) • ดิน(Soil) หมายถึง วัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพ และทางเคมีของหินและแร่ รวมกับสารอินทรีย์ ที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่หุ้มห่อโลก • ความชื้นชลประทาน (Field Capacity) หมายถึง ความชื้นที่อยู่ในช่องว่างของดินหลังจากน้ำส่วนเกินไหลลงด้านล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลก

  9. นิยามศัพท์ที่ใช้ในการศึกษาวิจัย (ต่อ) • ความชื้นที่เป็นประโยชน์ (Available Moisture) หมายถึง ความชื้นที่อยู่ระหว่างความชื้นชลประทาน และความชื้นที่จุดเหี่ยวถาวร • สภาพจุดเหี่ยวถาวรของพืช (permanent wilting point) เป็นสภาพที่เกิดขึ้นเนื่อง จากในช่องว่างขนาดเล็กของดินมีปริมาณน้ำอยู่น้อยประกอบกับมีแรงยึดเพิ่มขึ้น

  10. นิยามศัพท์ที่ใช้ในการศึกษาวิจัย (ต่อ) • Double ring infiltrometerหมายถึง เครื่องวัดอัตราการซึมน้ำของดินแบบถังกลม ภาพ : Double ring infiltrometer

  11. ประโยชน์ที่จะได้รับ • ป้องกันน้ำท่วมขังหรือการขาดแคลนน้ำในพื้นที่การเกษตร • ทราบถึงอัตราการซาบซึมของน้ำในพื้นที่การเกษตร • สามารถวางแผนการใช้น้ำอย่างเป็นระบบ • ใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำ • สามารถคำนวณหาปริมาณน้ำที่จะส่งให้พื้นที่ปลูกพืชของแปลงทดลอง • สามารถวางแผนการให้น้ำได้ • เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงดิน

  12. กรอบแนวความคิดในการวิจัยกรอบแนวความคิดในการวิจัย การหาอัตราการซาบซึมของน้ำในดิน แปลงปลูกพืชชนิดต่างๆ หาค่า Infiltration โดยใช้ถัง Double ring infiltrometer วิเคราะห์ข้อมูลโดย • สมการ Horton (1940) วางแผนการให้น้ำ

  13. กรอบแนวความคิดในการวิจัย (ต่อ) การศึกษาคุณสมบัติของดินในแปลงทดลอง แปลงปลูกพืชชนิดต่างๆ เก็บตัวอย่างดินในแปลงทดลอง ตาก บดและร่อนผ่านตะแกรงเบอร์ 10 ทำตัวอย่างดินให้เป็น paste วิเคราะห์ชนิดของเนื้อดิน ( Texture ) Available Moisture ( FC – PWP ) ค่า Field Capacity วัดค่า pH ของดินโดย pH meter สกัดสารละลายออกจากดินโดยเครื่อง Filter press ค่าPermanent Wilting Point วัดค่าความเค็มโดยเครื่อง Electrical Conductivity Meter ค่า percolation rate วิเคราะห์ข้อมูล วางแผนการให้น้ำและแนวทางการปรับปรุงดิน

  14. แผนการดำเนินงาน

  15. ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การส่งน้ำโดยใช้ความชื้นในดินเป็นเกณฑ์ การส่งน้ำให้พืชไร่ พืชผัก และไม้ผล นั้นจะคำนึงถึงปริมาณความชื้นในดินเป็นเกณฑ์ซึ่งก็คือความจุความชื้นในสนาม (Fieldcapacity, FC) และความชื้นที่เป็นประโยชน์ต่อพืช (AvailablemoistureCapacity, AMCA) ถ้า PWP เป็นจุดเหี่ยวเฉาถาวรของดิน (permanentwiltingpoint) จะได้ AMCA = FC – PWP ปกติแล้วเราจะขาดน้ำชลประทานก็ต่อเมื่อความชื้นในดินลดลงจนเหลือความชื้นที่เป็นประโยชน์ต่อพืชเพียง 50 % เพื่อให้พืชดูดความชื้นไปจากดินได้อย่างสะดวก

  16. ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง(ต่อ)ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง(ต่อ) ทฤษฎี การคำนวณหาความชื้นที่เป็นประโยชน์ AMCA = Available Moisture Capacity (ความชื้นที่เป็นประโยชน์) FC = Field Capacity(ความชื้นชลประทาน) PWP = Permanent wilting point (สภาพจุดเหี่ยวถาวรของพืช) AMCA = FC - PWP

  17. ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (ต่อ) ทฤษฎี (ต่อ) สมการ Horton (1940) เมื่อ f t เป็นอัตราการซึมน้ำผ่านผิวดินที่เวลา t f oเป็นอัตราการซึมน้ำผ่านผิวดินสูงสุด f c เป็นอัตราการซึมน้ำผ่านผิวดินคงที่ e คือ naperian base k คือ ค่าคงที่ t คือเวลานับจากเริ่มฝนตก f t = f c + (f o – f c ) e-kt

  18. ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (ต่อ) ระดับความรุนแรงของความเป็นกรดเป็นด่างของดิน

  19. ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (ต่อ) ค่าการนำไฟฟ้าและระดับความเค็มของดิน

  20. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง • การศึกษาปริมาณการใช้น้ำในพืชไร่ ที่ศูนย์วิจัยข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติ อ. ปากช่อง จ.นครราชสีมา ราเชนทร์ และสดใส (2530) • ศึกษาการใช้ท่อน้ำซึมในงานเกษตร สุมนา และคณะ (2552) • ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพดินในอ่าวคุ้งกระเบน ชนินทร์ และคณะ (2540) • ศึกษางานผลของการใช้ที่ดินประเภทต่างๆ ต่อสมรรถนะการซึมน้ำผ่านผิวดิน บริเวณสถานีวิจัยเพื่อรักษาต้นน้ำห้วยหินลาด จ.ระยอง พีรชัย (2537)

  21. งานวิจัยเรื่อง ศึกษาคุณสมบัติของดินภายในสถานีทดลองบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มีขั้นตอนการดำเนินงานดังในภาพ ศึกษาคุณสมบัติของดินภายในสถานีทดลองบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ วัตถุประสงค์ที่ 2: เพื่อศึกษาสมบัติและแนวทางการแก้ไขปัญหาของดินในแปลงทดลอง • วัตถุประสงค์ที่ 1: เพื่อศึกษาอัตราการซาบซึมของน้ำในดิน (InfiltrationRate) ของแปลงทดลอง ปลูกพืชต่างชนิดกัน วิธีการทดลองและอุปกรณ์ เก็บตัวอย่างดินในสถานีทดลอง ทำการบดและร่อนดินผ่านตะแกรงเบอร์ 10 ทำการวิเคราะห์เนื้อดิน ค่า FC ค่า PWP ค่า percolation rate และค่า pH ของดิน • Filter press • Electrocal Conductivity Meter • pHmeter วิธีการทดลองและอุปกรณ์ 1. ทำการฝังถัง Double ring ในแปลงพืชไร่ทุกแปลงทำการวัดปริมาณน้ำหาอัตราการซึมน้ำผ่านผิวดิน • Double ring เก็บข้อมูลการทดลอง • จดบันทึกข้อมูลจากทดลอง เก็บข้อมูลการทดลอง • จดบันทึกข้อมูลจากทดลอง

  22. งานวิจัยเรื่อง ศึกษาคุณสมบัติของดินภายในสถานีทดลองบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มีขั้นตอนการดำเนินงานดังในภาพ วัตถุประสงค์ที่ 3: เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและหาปริมาณน้ำที่ใช้ในพื้นที่การเกษตร • 1. นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากวัตถุประสงค์ที่ 1 มาหาอัตราการไหลซึมน้ำผ่านผิวดินด้วยสมการ Horton (1940) • 2. นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากวัตถุประสงค์ที่ 2 มาวิเคราะห์หาแนวทางในการแก้ปัญหาดินภายในสถานีทดลอง • 3. วางแผนการใช้น้ำภายในสถานีทดลอง และสามารถที่จะเป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำของการเกษตรต่อไปได้ สรุปผล

  23. ผลการวิเคราะห์ดินภายในแปลงผักผลการวิเคราะห์ดินภายในแปลงผัก ลักษณะดินเป็นดินเหนียว มีเปอร์เซ็นต์ความชื้นที่พืชสามารถนำไปใช้ได้เท่ากับ 16.4 %ปฏิกิริยาของดินเป็นกรดจัดมากวัดค่า pH ของดินได้เท่ากับ 4.8 ค่าการนำไฟฟ้าของน้ำที่สกัดจากดินที่อิ่มตัวด้วยน้ำมีค่าเท่ากับ 4.1 แสดงว่าดินมีค่าความเค็มในระดับปานกลาง ปริมาณอินทรียวัตถุภายในดินในแปลงผักมีค่าเท่ากับ 2 % มีปริมาณอยู่ในระดับปานกลาง ปริมาณธาตุหลักในดินได้แก่ปริมาณฟอสฟอรัสในดินภายในแปลงผักมีค่าเท่ากับ 28 ppmอยู่ในเกณฑ์สูง ปริมาณโพแทสเซียมในดินภายในแปลงผักมีค่าเท่ากับ 215 ppmจัดอยู่ในเกณฑ์สูงมาก ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกมีค่าเท่ากับ 25meq/100 gm อยู่ไนระดับสูง ดินสามารถเก็บรักษาธาตุอาหารไว้ได้ดี

  24. กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการไหลและเวลา ของแปลงผักทั้ง 3 แปลง

  25. แปลงผัก 3

  26. คำนวณหาอัตราการซึมน้ำผ่านผิวดินด้วยสมการ Horton (1940) f t = f c + (f o– f c ) e-kt ft = 4 + (960 – 4) e -0.0004t

  27. การออกแบบการให้น้ำในแปลงผักการออกแบบการให้น้ำในแปลงผัก • ออกแบบเป็นหัวน้ำหยดโดยมีอัตราการให้น้ำหัวน้ำหยด 2.55 มิลลิเมตร/ชั่วโมง ใช้หัวน้ำหยดขนาด 8 ลิตร/ชั่วโมง • 1) จำนวนโซนมากที่สุด 4 โซน • 2) คาบการให้น้ำ วันละ 2 คาบ/วัน • 3) ให้น้ำคาบละ 4 ชม. • 4) จำนวนวันในแต่ละรอบเวร 2 วัน

  28. แนวทางการแก้ไขปัญหาดินในแปลงผักแนวทางการแก้ไขปัญหาดินในแปลงผัก 1) การให้น้ำแบบน้ำหยด ช่วยลดปัญหาดินเค็มเป็นวิธีที่จะแก้ไขปัญหาการปลูกพืชในดินเค็มได้ เพราะโดยหลักการให้น้ำแก่พืชที่ปลูกในดินเค็มคือการให้น้ำครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อให้ดินมีความชื้นสูงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการให้น้ำแบบน้ำหยด กล่าวคือการให้น้ำแบบน้ำหยดเป็นการให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อย ๆ ตามเวลาและปริมาณที่ต้องการ โดยการปล่อยน้ำไปตามท่อผ่านหัวปล่อยน้ำลงไปสู่พื้นดินบริเวณรากพืช พยายามรักษาความชื้นในดินบริเวณรากพืชให้มีความชื้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลักการดังกล่าวพอจะสรุปได้ว่า การให้น้ำแบบน้ำหยดช่วยแก้ปัญหาการปลูกพืชในดินเค็ม 2) การปลูกพืชผักที่สามารถทนความเค็มได้ในระดับปานกลางได้แก่ บวบ กะหล่ำดอก พริกยักษ์ กะหล่ำปลี ถั่วลันเตา มันฝรั่ง น้าเต้า กระเทียม หอมใหญ่ หอมแดง ข้าวโพดหวาน แตงโม ผักกาดหอม องุ่น แคนตาลูป สับปะรด ผักชี

  29. ผลการวิเคราะห์ดินภายในแปลงมะม่วงผลการวิเคราะห์ดินภายในแปลงมะม่วง ลักษณะดินเป็นดินเหนียว ค่าเปอร์เซ็นต์ค่าชื้นที่พืชสามารถนำไปใช้ได้เท่ากับ 16.9 %ปฏิกิริยาของดินเป็นกรดจัดมากวัดค่า pH ของดินได้เท่ากับ 4.5 ค่าการนำไฟฟ้าของน้ำที่สกัดจากดินที่อิ่มตัวด้วยน้ำมีค่าเท่ากับ 5.5 ดินมีค่าความเค็มในระดับปานกลาง ปริมาณอินทรียวัตถุภายในดินในแปลงมะม่วงมีค่าเท่ากับ 2 % มีปริมาณอยู่ในระดับปานกลาง ปริมาณธาตุหลักในดินได้แก่ปริมาณฟอสฟอรัสในดินภายในแปลงมะม่วงมีค่าเท่ากับ 9.1 ppmอยู่ในระดับต่ำ ปริมาณโพแทสเซียมในดินภายในแปลงมะม่วงมีค่าเท่ากับ 219 ppmอยู่ในระดับสูงมาก ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกมีค่าเท่ากับ 27meq/100 gm อยู่ไนระดับสูง ดินสามารถเก็บรักษาธาตุอาหารไว้ได้ดี มะม่วงปลูกได้ในดินทั่วไป ดินที่มะม่วงชอบคือ ดินร่วน ดินร่วนปนทรายที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอินทรียวัตถุ มีธาตุ อาหารอย่างเพียงพอที่สำคัญคือดินปลูกต้องระบาย น้ำดี มะม่วงไม่ชอบดินที่เหนียวจัด มะม่วงไม่ชอบดินที่เป็นด่างมากหรือดินที่มี หินปูนมาก ดินที่เป็นด่างจะทำให้มะม่วงเติบโต ช้า โดยเฉพาะต้นอ่อนจะตายง่าย ดินที่เหมาะสำหรับ มะม่วงคือดินที่มีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ ถึงเป็นกลาง (pH. 6.5 - 7.5) 

  30. กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการไหลและเวลา ของมะม่วงทั้ง 3 แปลง

  31. แปลงมะม่วง 3

  32. คำนวณหาอัตราการซึมน้ำผ่านผิวดินด้วยสมการ Horton (1940) f t = f c + (f o– f c ) e-kt ft = 0.03 + (1.29 – 0.03) e -0.00001t

  33. การออกแบบการให้น้ำในแปลงมะม่วงการออกแบบการให้น้ำในแปลงมะม่วง • ให้น้ำแบบร่องคูราบ (Level Furrow Method) การให้น้ำวิธีนี้เหมาะสำหรับดินที่มีอัตราการซึมเฉลี่ยน้อยกว่า 50 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และมีความสามารถเก็บน้ำไว้ได้ขนาดปานกลางจนถึงเก็บน้ำไว้ได้ดี พื้นที่ควรจะเรียบและมีความลาดเทสม่ำเสมอ พืชที่จะให้น้ำโดยวิธีนี้ควรจะเป็นพืชที่ปลูกเป็นแถว สำหรับพืชหว่านเมล็ดก็อาจจะให้น้ำโดยวิธีนี้ได้ ถ้าหากมีการยกกรองและให้น้ำเสียก่อน

  34. แนวทางการแก้ไขปัญหาดินในแปลงมะม่วงแนวทางการแก้ไขปัญหาดินในแปลงมะม่วง 1) การปรับปรุงดินเค็ม โดยใช้โสนอัฟริกัน เป็นพืชปุ๋ยสดวิธีการหนึ่งในการรักษาระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และเพิ่มผลผลิตของพืช ในพื้นที่ดินเค็ม คือการเพิ่ม อินทรียวัตถุและธาตุอาหารพืช โดยเฉพาะธาตุไนโตรเจน ให้แก่ดิน แต่เนื่องจากปุ๋ยไนโตรเจนมีราคาแพง เกษตรกรที่มีฐานะยากจน ไม่สามารถซื้อมาใช้ให้เพียงพอ กับความต้องการของพืชได้ และมีปัญหาการขาดแคลนวัสดุที่จะใช้ทำปุ๋ยหมัก ดังนั้น "ปุ๋ยพืชสด" จึงเป็นวัสดุปรับปรุงดินเค็มที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุ และธาตุไนโตรเจนแก่ดิน เพราะมีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้อินทรียวัตถุชนิดอื่น และไม่มีผลตกค้าง ที่เป็นผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ควรปรับปรุงดินให้ร่วน ซุยโดยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ให้มาก ๆ ก่อนที่จะ ลงมือปลูก

  35. ผลการวิเคราะห์ดินภายในแปลงทุเรียนผลการวิเคราะห์ดินภายในแปลงทุเรียน ลักษณะดินเป็นดินเหนียว มีเปอร์เซ็นต์ความชื้นที่พืชสามารถนำไปใช้ได้เท่ากับ 16.0 %ปฏิกิริยาของดินเป็นกรดเล็กน้อยวัดค่า pH ของดินได้เท่ากับ 6.2 ค่าการนำไฟฟ้าของน้ำที่สกัดจากดินที่อิ่มตัวด้วยน้ำมีค่าเท่ากับ 3.4 ดินมีค่าความเค็มเล็กน้อย ปริมาณอินทรียวัตถุภายในดินในแปลงทุเรียนมีค่าเท่ากับ 1.2 % มีปริมาณอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ปริมาณธาตุหลักในดินได้แก่ปริมาณฟอสฟอรัสในดินภายในแปลงทุเรียนมีค่าเท่ากับ 8.8 ppmอยู่ในระดับต่ำ ปริมาณโพแทสเซียมในดินภายในแปลงผักมีค่าเท่ากับ 223 ppmอยู่ในระดับสูงสูงมาก ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกมีค่าเท่ากับ 24meq/100 gm อยู่ไนระดับสูง ดินสามารถเก็บรักษาธาตุอาหารไว้ได้ดี ควรเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวปนทราย ที่มีการระบายนํ้าดีและมีหน้าดินลึกเพราะทุเรียนเป็นพืชที่อ่อนแอต่อสภาพนํ้าขัง ความเป็นกรดด่างของดินอยู่ระหว่าง 5.5-6.5

  36. กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการไหลและเวลา ของทุเรียนทั้ง 3 แปลง

  37. แปลงทุเรียน 3

  38. คำนวณหาอัตราการซึมน้ำผ่านผิวดินด้วยสมการ Horton (1940) f t = f c + (f o– f c ) e-kt ft = 2 + (1400 – 2) e -0.0014t

  39. การออกแบบการให้น้ำในแปลงทุเรียนการออกแบบการให้น้ำในแปลงทุเรียน • ออกแบบเป็นมินิสปริงเกอร์ โดยมีขนาดหัว 70 ลิตร/ชั่วโมง มีอัตราการซาบซึม 2.32 มิลลิเมตร/ชั่วโมง • จำนวนโซนมากที่สุด 1 โซน • คาบในการให้น้ำ วันละ 2 คาบ/ วัน • ให้น้ำคาบละ 3ชั่วโมง • จำนวนวันในแต่ละรอบเวร 2 วัน

  40. แนวทางการแก้ไขปัญหาดินในแปลงทุเรียนแนวทางการแก้ไขปัญหาดินในแปลงทุเรียน 1) การใส่อินทรียวัตถุการใส่อินทรียวัตถุเพื่อปรับสภาพดินให้มีความร่วนซุยระบายน้ำและอากาศได้ดีและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับธาตุอาหารและการเก็บความชื้นให้กับดินโดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในรูปของ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสดหรือวัสดุเศษเหลือจากโรงงานอุตสาหกรรมการใส่ปุ๋ยหมักควรใช้ในอัตรา 2-3 ตัน / ไร่ 2) การใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสจากผลการวิเคราะห์ดินพบว่าดินมีปริมาณฟอสฟอรัสต่ำควรใช้ปุ๋ยที่ละลายช้าเช่น หินฟอสเฟต ส่วนดินที่มีการใส่ปูนเพื่อปรับ pH ของดินแล้วควรใส่ปุ๋ยฟอสเฟตที่ละลายเร็ว เช่น ทริบเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต 3) การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอินทรียวัตถุเป็นแหล่งไนโตรเจนในดินดังนั้นดินขาดธาตุไนโตรเจน จึงควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในรูปของปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกหรือ ปุ๋ยพืชสดร่วมกับปุ๋ยเคมีที่ให้ไนโตรเจนซึ่งไม่ควรเป็นปุ๋ยที่มีผลตกค้างเป็นกรด เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต แต่ควรเลือกใช้ปุ๋ยยูเรียซึ่งให้ผลตกค้างเป็นกรดน้อยกว่าหรืออาจใช้ปุ๋ยที่มีผลตกค้างเป็นด่าง เช่น แคลเซียมไนเทรต และโพแทสเซียมไนเทรต เป็นต้น 4) การใช้พันธุ์พืชที่ทนต่อสภาพดินเค็มเล็กน้อยการเลือกพืชที่ทนต่อสภาพดินเค็มเล็กน้อยมาปลูกในพื้นที่ดินเค็มเล็กน้อยจะช่วยลดต้นทุนในการปรับปรุงดินได้มาก เช่น อาโวกาโด กล้วย ลิ้นจี่ มะนาว ส้ม มะม่วง เป็นต้น

  41. สวัสดี

More Related